ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / โรแมนติก / ซ่อนรักซ่อนรอยร้าว
ซ่อนรักซ่อนรอยร้าว

ซ่อนรักซ่อนรอยร้าว

5.0
30 บท
853 ชม
อ่านเลย

เกี่ยวกับ

สารบัญ

เขารักคนอื่น กำลังจะแต่งงานกัน ในค่ำคืนหนึ่งเธอกลายเป็นของเขาด้วยความงงๆ อยากบอกเขาให้รับผิดชอบ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร แต่คนที่เขาจะแต่งงานเป็นคนที่เธอรัก เคารพ อารยายอมตัดใจ แม้อุ้มท้องและโดนพ่อด่าทอ ทุบตี ว่าแย่งของคนอื่นเธอก็ไม่อาจโต้แย้ง ---------------------- “อย่าเพิ่งไป” มือใหญ่คว้ามือเธอไว้ อารยาสะบัด “จะกลับแล้ว ถ้าคุยเรื่องไร้สาระ” “การที่เรานอนกันดุเดือดคืนนั้น เธอพูดว่าไร้สาระเหรอ ฉันคงจะคิดผิดเสียแล้ว ว่าเธอไร้เดียงสา” ดวงตาคมโตหันไปถลึงตา “พูดอะไรเงียบไปเลยนะ” โยธินหัวเราะขื่น “แสดงท่าทีแบบนี้ ยอมรับแล้วสินะ” อารยากำหมัดแน่น มองซ้ายขวา ที่นี่คงให้เธอตะโกนให้หายแค้นใจได้ “ยอมรับแล้วไง คุณก็ไม่สามารถทำอะไรให้ฉันกลับมาเป็นคนเดิม พอๆ เลิกพูดเรื่องนี้ อย่ามายุ่งกับฉันอีก!” ไม่คิดจะกลายเป็นคำพูดนี้ที่ปิดการสนทนา เธอแหงนมองท้องฟ้า ห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล ไม่มีอะไรดีขึ้น จะร้องไห้ไปทำไม “เธอหวังอะไรล่ะ น่าจะรู้ฉันจะแต่งกับพี่สาวเธอเท่านั้น” อารยากำหมัดแน่น พลั่ก! “โอ้ย!” โยธินกุมจมูก สบถเสียงดัง “เธอเป็นบ้าอะไร เจ็บนะ” “ให้คุณมีสติและคิดบ้าง ตั้งแต่เกิดเรื่อง ฉันเคยอ้อนวอนอะไรคุณบ้าง ฉะนั้นอย่ามาตัดสินว่าฉันคิดหรือไม่คิดอะไร เข้าใจไหม” โยธินอึ้งไปแต่ไม่ยอมแพ้ “ผู้หญิงเก็บกด อยากลองจะว่างั้น แล้วทำไมไม่บอกกันดีๆ ล่ะ แอบลอบเข้าไปมันคงเร้าใจใช่ไหม ก็แน่ล่ะ หุ่นผมมันคงน่ากิน” อารยายกมือจะซัดอีกครั้งแต่กลับโดนรวบที่เอว ก่อนใบหน้าบึ้งตึงจะก้มลงมาบดจูบปากเธอ หญิงสาวพยายามกระทืบเท้าเขาและดิ้น คนบ้านี่ ทำอะไรอีก

บทที่ 1 พี่สาว น้องสาว คนสวยประจำหมู่บ้าน

“ทำอะไรกันควันไฟเข้าตา แสบหมดแล้ว”

ร่างได้สัดส่วน ผิวสีแทน ผมสีน้ำตาลยาวถึงแผ่นหลัง สูง 157 เซน มองอย่างสงสัย รอคำตอบ

มือเรียวแต่ค่อนข้างคล้ำแดดหยิบเอกสาร รูปถ่ายหลายๆ ใบใส่ในกองฟืนซึ่งมีไฟลุกโชน ควันไฟเข้าตา หญิงสาวรูปร่างบอบบางเดินไปนั่งตรงแคร่ใต้ต้นขนุนกอใหญ่ จิตใจล่องลอยอีกครา ไม่สนใจคนข้าง จนฝ่ายนั้นโมโห

“แบบนี้ทุกที ไม่ยุ่งก็ได้”

คนใกล้ๆ จากไป สายตาหวานแอบมอง แต่ไม่พูดอะไร เธอหันไปมองกองไฟอีก หวังเมื่อไฟมอด ทุกอย่างเหลือเพียงเศษผง หัวใจคงดีขึ้น ดังนั้นเมื่อไฟมอด เธอจึงลุกขึ้นกลับเข้าบ้านพักในริมน้ำซึ่งเชื่อมต่อกับเรือนนอนของพ่อแม่

นอนเสียสักนิด แปดโมงเช้าเธอต้องไปสอนหนังสือเด็ก

มะลิซ้อนล้างเท้าที่โอ่งใบเล็ก ก้าวเดินเข้าบ้าน

ไม่อยากเก็บทุกอย่างไว้อีกเพราะมือมันคอยแต่จะหยิบมาดูอยู่ร่ำไป

ทว่าทำไปแล้วกลับรู้สึกทุกข์ใจ หัวใจช่างสับสนเหลือเกิน

“มะลิพักนะลูก ไม่ต้องไปสอนหรอกวันนี้”

คนที่เป็นครูอาสามาหลายเดือนหันมองพ่อ และเดินกลับมายืนข้างๆ ร่างใหญ่ที่ยังอยู่ในชุดหาปลา บนหัวมีผ้าขาวม้าพันไว้อย่างที่เห็นเสมอ

“ทำไมละคะพ่อเสือ”

“มีข้าราชการ นักธุรกิจมาที่โรงเรียนเยอะวันนี้ ลูกไม่ต้องไป”

พ่อเดินจากไป มะลิซ้อนเดินไปนั่งมองสายน้ำยามเช้า ไม่อยากนอนอีก

มาจากกรุงเทพ พ่อจะกลัวไปทำไม กรุงเทพกว้างใหญ่ คงไม่มีคนบ้านนั้นมาในโรงเรียนซึ่งอยู่ในหุบเขาแห่งนี้ เธอมองหุบเขาซึ่งเป็นแนวยาวที่ตระหง่านเหนือแม่น้ำยาวสุดลูกตา

เกือบปีแล้วเธอมาอยู่ที่นี่ จากคนที่ไม่เคยลำบากลำบน ต้องมาอยู่ในที่ไร้แสงสี ตอนแรกไม่อยากมีชีวิตแบบนี้ แต่เพื่อคนที่รัก เธอจะอยู่เพื่อรอและรอ

พ่อทรมานในนั้นมาหลายเดือนกว่าเธอจะรู้เรื่องราว เทียบไม่ได้กับหนึ่งปีของเธอที่นี่

“มะลิหิวหรือยังลูก”

หญิงสาวเดินลงไปหาแม่จำเป็น ทว่าเรียกแบบนี้จนตอนนี้ชินปาก และเธอรักนางอารดีเสมือนแม่แล้ว เพราะนางอารดีและพ่อเสือดีกับเธอทุกอย่าง ทั้งสองคนไม่เคยอยากให้ทำอะไร แต่ไฉนเลยเธอจะนิ่งดูดายได้

“ว่าไงลูก”

“ยังค่ะ รอกินพร้อมพ่อกับแม่”

“เต็มปากเต็มคำเลยนะ ไม่ใช่แม่ตัวเองซะหน่อย”

มะลิซ้อนเดินหนี เธอไม่อยากมีเรื่องกับอารยาให้พ่อและแม่ต้องปวดหัว

“ไปไหน ไม่ทำลายมลพิษทางอากาศแล้วก็มาช่วยขนปลาหน่อยสิ จะตากแดด”

“ยังไม่มีแดดไม่ต้องรีบ” อารดี พยักหน้าให้ลูกสาวคนโตไปได้ สร้างความน้อยใจให้อารยา

“แม่นั่นใช่ลูกเหรอ เป็นลูกพ่อกับผู้หญิงคนอื่นนะ ตามใจกันจัง ลืมหรือไรตอนมาหยิ่งจะตาย ตบลูกสาวแม่ไปตั้งหลายครั้ง ยังไม่ได้เอาคืนเลย คอยดู เอาคืนแน่”

“ระวังโดนพ่อตบปาก เงียบๆ ไปทำกับข้าวเลยนะ”

อารยาซึ่งนุ่งผ้าถุงกับเสื้อแขนยาวซึ่งเป็นผ้ามัดย้อม สะบัดผมยาวๆ เดินเข้าครัว

พ่อจะทำแบบนั้นจริง เธอรู้ดี เหมือนเธอไม่ใช่ลูก เธอหันมองพ่อแวบเดียวก่อนเข้าไปข้างใน

มะลิซ้อนกำลังเข้าไปให้อาหารไก่แอบชะเง้อมองเจ้าบ้าน

เมื่อไหร่จะเลิกเกลียดกัน แต่ก็นะ เคยตบหน้าไปตั้งหลายครั้ง พ่อเสือก็เข้าข้างเธอ จะให้หายโกรธง่ายๆ ได้อย่างไร

“พี่อารดีจ๊ะ พี่อารดี”

มีคนวิ่งมาหาแม่ มะลิซ้อนยังคงโปรยข้าวเปลือกให้ไก่ สายตามองและฟังว่าข้างนอกมีอะไรกัน เช่นเดียวกับอารยาที่เกาะประตูยืนมอง

“มีอะไรวิ่งหอบมาเชียว”

“ที่โรงเรียนน่ะสิเพิ่งมาบอกว่าให้ผู้ปกครองนักเรียนเตรียมอาหารให้คนจากกรุงเทพ ฉันเลยมาปรึกษาพี่ว่าจะทำอะไรให้เขากินกันดีจ๊ะ ”

นายเสือเป็นครอบครัวที่คนในหมูบ้านนับถือ รองลงมาจากผู้ใหญ่บ้าน ตอนนี้ผู้ใหญ่ไปโรงเรียน เรื่องที่จัดการไม่ได้เลยต้องมาถามนายเสือ

อารดีวางตะกร้าผ้าที่จะเอาไปตาก หันไปที่คู่ชีวิตก่อนจะคิดได้

“เมนูปลา ปู กุ้ง บ้านเราก็มีแค่นี้ ไปเอาสิเหมย บอกพี่เสือนะ”

“ฉันไปช่วยจ๊ะ”

อารดีมองลูกสาวคนสวยซึ่งเหมยก็จดจ้อง เพราะมองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ กระทั่งนายเสือเรียกเสียงดัง

“ยายเหมยมาเอาปลาไปสิได้ยินว่าต้องการ ส่วนลูกไม่ต้องไป”

“ไปก็ดีนะ ลูกสาวพี่สวย ไม่อยากให้ไปเป็นนางงามอะไรบ้างหรือ คนกรุงเทพเห็นอาจสนใจ เก็บไว้ที่นี่ทำไม”

คนในหมู่บ้านคิดว่านายเสือไข่ลูกทิ้งไว้เพิ่งไปรับมาตอนอายุยี่สิบกว่า ทุกคนเชื่อสนิทเรื่องนี้

“อย่ามายุ่ง จะเอาปลาหรือเปล่า ไม่เอากลับไป”

“เอาจ๊ะเอา”

“หนูไปช่วยทำที่โน่นนะแม่” อารยาอยากไปเปิดหูเปิดตา จึงขออนุญาต นางอารดีพยักหน้า เดินไปแตะแขนลูกสาวคนโต “ลูกก็ไปช่วยเด็ดพัก หุงข้าวนะ ไม่ต้องไปที่โรงเรียน”

นายเสือจะค้านแต่เห็นสายตาเมียก็เดินหนีไป มะลิซ้อนดีใจเดินตามอารยา

“อย่ามายืนใกล้ ไปไกลๆ เลย”

เหมยหันมองแปลกใจ สองพี่น้องรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกันสักนิดเดียว

มะลิซ้อนพี่คนโต สูงราว 165 เซนฯ ผิวพรรณขาว แม้จะคล้ำลงไปตั้งแต่มาอยู่ที่นี่แต่ก็ยังขาวกว่าสาวๆ ในหมูบ้าน หน้าผากหล่อนกว้าง นูน ดวงตาดำขลับ ขนตางอนสวย จมูกโด่ง รับกับริมฝีปากอวบอิ่ม

มองยังไงก็สวย ถ้าเป็นลูกเต้าตัวเอง นางคิดจะส่งไปประกวดเทพี คงได้อยู่ดีกินดีเพราะลูกแบบนี้

“มองอะไรนักน้าเหมย”

อารยาไม่พอใจเห็นเหมยเอาแต่มองคนข้างหลังเธอ เหมยกระซิบ “พี่สาวรยาสวย น่าจะไปเป็นดารา”

“ฉันไม่สวยหรือน้า” พูดแล้วยิ้มโชว์ฟันสวย

“ก็สวยแต่พี่สวยกว่า”

“พูดไม่น่าฟัง ปลาพวกนี้ไม่ต้องเอาแล้วมั้ง”

เด็กชายวัยแรกรุ่นที่มาหามกะละมังปลาพากะละมังวิ่ง เหมยหัวเราะ “ไม่ทันแล้วรยา อะไรของเธอ ไม่สวยแล้วยังขี้งก”

เหมยก็ว่าไปอย่างนั้นเพราะต้องการแกล้งอารยา อันที่จริงอารยาก็สวยคมกว่าใครๆ ในหมูบ้าน รูปร่างก็สมส่วนแม้จะตัวเล็กกว่าพี่สาวก็ตาม แต่ สายตาคม คิ้วได้รูป บางบางสีแงดระเรื่องตามธรรมชาติ มองแล้วต้องมองซ้ำ

สองพี่น้องนี่น่านางฟ้าชัดๆ ใส่เสื้อผ้าดีๆ คงสวยจนหนุ่มๆ ละเมอหา

“ไม่พูดด้วยแล้ว ตาถั่วเห็นนางร้ายสวยไปได้”

อารยายังฝังใจเรื่องเมื่อต้นปีก่อนเดินเร็วๆ ไปบ้านผู้ใหญ่ เหมยหัวเราะ จับมือมะลิซ้อน และบอกให้รีบเดิน

“เร็วแม่สาวคนสวยรีบไปกัน”

ถนนที่นี่ยังไม่เจริญแม้จะเทคอนกรีตแต่ก็แคบมาก คนที่เพิ่งนุ่งผ้าถุงเป็นก้มมองรองเท้า “น้าไปก่อนเถอะค่ะ มะลิเดินไม่ถนัด”

“ดัดจริต”

อารยาได้ยินและแขวะ ทั้งที่รู้ว่าพี่สาวซึ่งไม่ชอบขี้หน้านุ่งผ้าซิ่น ผ้าถุงไม่ถนัด เพราะเห็นหลายครั้งที่เกือบทำขายหน้า แต่รู้ว่าตอนนี้แม่มีเข็มขัดให้ ไม่มีทางหลุด จึงแขวะออกมาแบบนั้น

“เธอไปก็ไปสิ มาแขวะพี่ทำไม”

มะลิซ้อนนั้นเรื่องไม่ยอมคนอยู่ในสายเลือด ที่ทนๆ อยู่เพราะความจำเป็น แต่เมื่อทนไม่ได้ก็ตวาดออกมา อารยาใบหน้าเจื่อน และรีบเดิน

กลายเป็นผีบ้าอีกแล้วมั้ง ไปดีกว่า พ่อรู้จะตีเราอีก

มะลิซ้อนจะโกรธอารยากลายเป็นขำ และรีบเดินตามไป

ก็ใครใช้ให้มาแยกเขี้ยวไม่หยุดล่ะ รู้ก็รู้ว่าความอดทนเธอมีขีดจำกัด

ก็แค่ชื่อที่เปลี่ยนไป อย่างอื่นเธอยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ใครไม่รู้เธอรู้ตนเองดี

ที่เปลี่ยนไปก็แค่ชื่อ พ่อเสือช่างสรรหาชื่อมาจริงๆ

จัสมินยิ้มเมื่อคิดถึงความหลังวันที่ได้รู้ชื่อใหม่จากพ่อ

“พ่อเสือชื่ออื่นไม่ได้หรือไงคะ มันเชยมาก”

บนบ้านไม้เรือนแพหลังขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กเธอเข้าไปจับแขนฝ่ายนั้น แม่อารดียิ้ม

“อย่าดื้อกับพ่อ ไหนว่าจะเชื่อฟัง อย่างนี้คนข้างหลังคงเครียด ถ้ารู้ไม่เชื่อฟัง”

คิดถึงพ่อที่กำลังลำบากก็น้ำตาคลอตาแต่ยังเถียง

“ก็ชื่ออื่นมีเยอะ พ่อรู้ใช่ไหมมันเชย”

“ตอนนี้พ่อเสือคือพ่อของลูก อยู่ที่นี่ชื่อนี้แหละดี”

สองผัวเมียกล่อมเธอต่างๆ นาๆ เอาแม่ เอาพ่อมาอ้าง เอาจดหมายที่พ่อฝากฝังมาอ้าง เธอจำพยักหน้า

“ก็ได้ แต่บอกไว้ก่อนนะคะเรียกมะลิก็พอ”

สองผัวเมียที่กลายเป็นพ่อแม่มองหน้ากัน เธอถือจดหมายเข้าห้องนอน ปากขมุบขมิบ “เชยจริงๆ”

“พ่อไม่ชอบเด็กไม่เชื่อฟัง ไม่อย่างนั้นจะส่งกลับเมืองจีน เชื่อว่าคนคอยทางโน้นคงดีใจ”

“มะลิไม่กลับตอนนี้ค่ะ จะอยู่รอที่นี่ พ่อเสือบอกเองว่าไม่นาน”

พ่อเสือเงียบ เธอปิดประตูขังตนเองในห้อง

จัสมิน มะลิซ้อน

พ่อเสือก็ตั้งเข้าท่าดีแฮะ แต่จะชมทำไม ก็บอกว่าไม่ชอบในตอนแรกแล้วนี่น่า ขืนบอกว่าชอบ ยายน้องสาวจอมปลอมที่จ้องเหมือนจะกินเลือดได้หัวเราะเยาะตาย เมื่อครู่ก็แอบฟัง คงงงๆ ทำไมเธอถึงต้องเปลี่ยนชื่อ

น้องสาว ไม่คิดเลยจะมีวันนี้

กระต๊ากๆ

“ว้าย”

ไก่วิ่งวุ่น กระพือปีกบินในห้อง เธอวิ่งร้องไห้ตกใจจากห้อง คนที่ได้ชื่อว่าน้องสาวยืนหัวเราะ เธอตกใจ ไม่ชอบที่โดนแกล้ง ตรงเข้าไปตบใบหน้านั้นถึงสามครั้ง

ฝ่ายนั้นไม่ได้ตอบโต้เพราะกำลังตกใจก่อนจะตาแดงๆ ไปฟ้องพ่อเสือ

“พ่อ เธอตีหนู พ่อต้องตีคืนให้นะ”

พ่อเสือตาวาว “ใครแกล้งใครก่อนเห็นอยู่ ไปให้พ้นอย่ามาให้เห็นหน้า เดี๋ยวโดนดีแน่”

อารยาตกใจกำลังจะลงจากเรือนแต่กลับโดนเรียกจากแม่

“ไปทำความสะอาดให้เสร็จถึงจะไปได้ กวาดห้องพี่เขาให้สะอาดเรียบร้อย”

“ก็ ก็แค่ขนไก่นะคะแม่”

“ถ้าชอบก็เอาไปนอนห้องตัวเองเลย เข้าไปกวาดเลยนะ”

เธอเผลอเสียงดัง เหมือนเคยอยู่กับคนรับใช้ที่ชอบทำให้ไม่พอใจ และหันเห็นพ่อเสือมองอยู่ เสียงจึงค่อยลง

“ไปทำสิ จะช่วย แต่ช่วยนะ เธอต้องทำมากกว่า”

กว่าจะได้พักผ่อนก็เล่นเอาเหนื่อยหอบ

เมื่อเสร็จทั้งสองคนเดินออกจากห้องไปล้างหน้า กว่าจะนอนได้คืนนั้นก็นั่งดับดาวบนท้องฟ้าจนน้องสาวกำมะลอตวาดออกมา

“เชิญเสด็จค่ะเจ้าหญิงมะลิซ้อน บรรทมได้เพค่ะ”

อารยาช่างเป็นคนตลกและดูมีน้ำใจกับคนอื่น น่าคบหาถ้าไม่ติดว่ากับเธอนั้น ชอบอิจฉาอยู่ร่ำไป มะลิซ้อนมองคนที่คิดถึง ซึ่งโบกมือโบกไม้ให้เพื่อนรัก

‘ขจรลาภ’ เป็นลูกชายผู้ใหญ่บ้าน รีบรุดลงมาที่เพื่อน แต่เมื่อน้องสาวจะจับไหล่กลับเซเพราะร่างหนาใหญ่นั้นตรงดิ่งมาที่เธอแทน

“มะลิมาด้วยเหรอ มา มากินน้ำก่อน”

“เพื่อนทรยศ” เสียงอารยาว่าก่อนจะลับตาเข้าไปในโรงครัว

มะลิซ้อนไม่รู้จะสงสารหรือขำอารยาดี แต่เธอก็ยิ้มให้เพื่อนใหม่ที่ดีกับเธอเสมอไม่ได้ “ขอบใจจ๊ะคุณลาภ”

ลาภยิ้มยินดีทั้งที่ใครๆ บอกเขาไม่ใช่หนุ่มชอบยิ้ม มะลิเริ่มรับรู้ความในใจคนข้างๆ

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ออกใหม่ล่าสุด: บทที่ 30 พิศวาสมิเสื่อมคลาย   09-28 01:00
img
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY