แม่บอดี้การ์ดสาวจอมเปิ่นจำหน้าหล่อๆของเขาไม่ได้ เบ้าหน้าฟ้าประทานอย่างแดเนียลเฉินนักร้องชื่อดังก้องโลกถูกยัยเด็กนั่นเมินใส่!คอยดูเถอะเขาจะจับเธอให้มาหลงรักจนหัวปักปำเลยคอยดู
ณ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ เวลา 18 นาฬิกา ในประเทศไทย
“ถึงไหนแล้วไอ้ชา คณะทัวร์ของคุณชา อึน ซอก ลงเครื่องมาแล้วนะมัวทำอะไรอยู่!” การ์ดหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่แต่งตัวด้วยชุดสูทภูมิฐาน พยายามเค้นเสียงคล้ายตะคอกแข่งกับเสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรดาแฟนคลับที่มายืนออเพื่อรอรับไอดอลในดวงใจของพวกเขา อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง มือใหญ่กดหูฟังแนบเข้ากับใบหูเพื่อสนทนากับปลายสายเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
“ชาถึงหน้าสนามบินแล้วค่ะพี่บิลลี่ กำลังลงจากรถค่ะ รอแป๊บนะคะ” อีกฟากตอบกลับมาในสายออกอาการร้อนรนพอกัน
“ให้ไวเลย..ตู๊ดดดด” พูดไม่ทันจบประโยคอีกฝ่ายก็ตัดสายไปเสียฉิบ
“เฮ้ย..ให้มันได้อย่างนี้สิ จะรีบตัดสายอะไรกันนักกันหนาวะ เรื่องกลัวโทรศัพท์นี่ยกให้เธอเลย” กบิณฑ์ที่บรรดาเพื่อนร่วมงานหรือน้อง ๆ มักเรียกว่าบิลลี่ ยืนเท้าสะเอวด้วยความไม่สบอารมณ์ พลางสอดส่ายสายตามองหาคนที่ถูกกล่าวถึงเมื่อครู่ด้วยอาการหงุดหงิดงุ่นง่าน เมื่อสาวน้อยคนสำคัญมาสายกว่าเวลาที่นัดหมายไว้
“จ๊ะเอ๋..สวัสดีค่ะพี่บิลลี่ ชามาทันใช่ไหม” ไม่นานนักไอ้ชาที่เขาเพิ่งก่นด่าก็โผล่มาตรงหน้าบิลลี่ที่พกความสูงร่วมร้อยแปดสิบเซนติเมตรก้มลงมองหน้าทะเล้นของสาวน้อยนามว่าชานิศา หรือชาไข่มุกที่ทุกคนชอบเรียกด้วยแววตาดุดันแต่เมื่อใบหน้าแฉล้มของแม่ตัวดีโผล่มา แววกังวลในตอนแรกก็คลายลง ส่วนคนที่สูงแค่ร้อยหกสิบห้าเซนติเมตรก็แหงนเงยหน้ามองเพื่อนรุ่นพี่จนคอตั้งบ่า
“ชาไม่ได้มาสายสักหน่อยอย่ามองแบบนั้นสิ ไหนบอกเวลานัดทุ่มหนึ่ง นี่มาเร็วก่อนตั้งเกือบ ๆ ชั่วโมงเลยนะเนี่ยดูสิ” คนตัวเล็กกว่าตอบอีกฝ่ายที่ยังคงมองเธอด้วยสายตาเหยียดหยันเล็กน้อย พร้อมกับชูนาฬิกาข้อมือให้เพื่อนรุ่นพี่ดูเหยง ๆ
“ก็ไม่ได้จะว่าอะไรนี่ แต่งตัวโอเคเลยเป็นได้ทั้งล่ามและบอดี้การ์ดเข้าใจหาชุดนะ” ชานิศามองตามสายตาเพื่อนรุ่นพี่ ก้มมองเสื้อกับกางเกงตัวเอง ที่วันนี้มาในชุดสูทสีดำพอดีตัว แลดูภูมิฐานและทรงพลังขึ้นมาเป็นเท่าตัว
“ก็แหงล่ะ คนมันหุ่นดีทำอะไรก็ดูดีไปหมดนั่นแหละ” คนที่ถูกบังคับให้ควบหน้าที่สองตำแหน่งเชิดหน้า แอบเยินยอตัวเองอย่างมั่นอกมั่นใจ
“เฮอะ! ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีเหอะ อย่าเก่งแต่ปาก ว่าแต่เราน่ะจำได้ใช่ไหมว่า ชา อึน ซอก หน้าตาเป็นแบบไหน” คนถามมีแววกังวลเล็กน้อย
“อ่ะ..จำได้สิ ชาจ้องมาทั้งคืนเลยนะ แทบจะกลืนกินตานี่เลยด้วยซ้ำ” คนพูดใช้นิ้วจิ้มไปที่ปากตัวเองแกล้งกระเซ้าให้ได้ขำไปอย่างนั้น ความจริงแล้วเธอแทบไม่ได้นอนเลยต่างหากเล่า ใช่ว่าเธออ่านข้อมูลของดารานักร้องหนุ่มชื่อดังที่เธอจะต้องมาเป็นบอดี้การ์ดและล่ามแถมให้ด้วย อะไรนั่นหรอกนะ ธีสิสวิศกรชีวการแพทย์ปีสุดท้ายของเธอเล่นเอาไม่ได้หลับได้นอนมาหลายคืนแล้วต่างหาก งานพาร์ทไทม์ก็ต้องทำ เรียนก็ต้องเรียนไอ้ชาแอบเซ็ง
“แล้วนี่กินยาแก้แพ้มาหรือยัง ไม่ใช่ว่ามาจามรดหน้าดาราดังเข้าล่ะ” บิลลี่ยังไม่คลายความกังวลในตัวแม่สาวรุ่นน้องในสังกัดนัก จ้องมองคนตัวเล็กกว่าด้วยความเป็นห่วง ผ่านม่านหน้ากากผ้าสีดำที่ปิดบังใบหน้าเรียวเล็กไปกว่าครึ่ง เห็นเพียงแค่คิ้วเรียว และดวงตากลมโตสีดำสนิทเท่านั้น ที่ฉายแววมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวแอบแฝงไว้ด้วยความดื้อรั้นแสนซนในตัว
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณพี่ น้องจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว” คนตัวเล็กกว่ายืดอกพกความมั่นใจมาเต็มร้อย พลางชี้นิ้วไปที่ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กซึ่งถูกซ่อนไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทอย่างแนบเนียน
“ถ้าจะให้ดี อย่าทำขายหน้า และอย่านำมันออกมาใช้จะดีที่สุด” บิลรู้ดีว่าสาวน้อยมหัศจรรย์นามว่าชานิศาผู้มากความสามารถคนนี้มีอะไรพิเศษมากมาย จนทำให้ทุกคนเหวอมาแล้วหลายรายการ แต่เกือบทุกรายการนางก็ผ่านมันมาได้ ทำเอาหลาย ๆ คนในบริษัท Security Guard ประจักษ์ในความเฉลียวฉลาดและไหวพริบของเธอเป็นอย่างดี แต่ก็นั่นแหละคนมีไอคิวสูง แต่อีคิวหรือสกิลทางด้านการรับรู้ความรู้สึกของเธออาจบกพร่องไปบ้างบางประการ โดยเฉพาะเรื่องความจำใบหน้าคนมันกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเธอไปเสียแล้ว แถมแม่คุณยังเป็นภูมิแพ้คนแปลกหน้าอีกด้วย!
บิลลี่รู้จักชานิศาตั้งแต่เธอเพิ่งจบมัธยมปลาย ขณะนั้นหล่อนกำลังอยู่ในช่วงเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย ทางหน่วยงานได้ส่งพวกเขาให้ไปฝึกซ้อมยังค่ายมวยที่เธออาศัยอยู่ในจังหวัดภูเก็ต ค่ายนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในจังหวัดนั้นเลยก็ว่าได้เนื่องจากทางค่ายมีทุกอย่างให้เลือกสรรตามความต้องการของลูกค้า รวมถึงมีที่พักให้อีกด้วย
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเมื่อพวกเขาเจอกับสาวน้อยร่างเล็กกระจิริดจะมาเป็นผู้ฝึกสอนและเทรนเนอร์ให้กับเหล่าบรรดาชายวัยฉกรรจ์ เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งสามารถล้มคู่ต่อสู้ ที่มีรูปร่างสูงใหญ่นับสิบลงไปร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีกับการต้อนรับน้องใหม่ แต่เธอกลับยืนสงบนิ่งในท่วงท่าที่มั่นคง ราวกับเมื่อครู่นี้เธอไม่ได้ออกแรงเลยแม้แต่น้อย ดวงตาดำขลับภายใต้หน้ากากผ้าสีดำมักไม่แสดงอาการใด ๆ กับคนแปลกหน้า น้อยครั้งนักที่พวกเขาจะได้เห็นใบหน้าหวานละมุนของเธอ หากไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอแล้วใครหน้าไหนก็ไม่อาจเห็นดวงหน้าที่แท้จริงของเธอได้ง่าย ๆ เลย นอกเสียจากว่าเจ้าตัวนั้นยินยอมเปิดเผยเองเท่านั้น
ความเป็นมาของชานิศานั้นเขาไม่มั่นใจนักว่ามีความเกี่ยวพันกับเจ้าของค่ายมวยชื่อดังหรือไม่อย่างไร จนปัจจุบันนี้ก็ยังไม่รู้ ถึงแม้ว่าจะสนิทสนมกันเหมือนเป็นพี่น้องแล้วก็ตาม สองสามีภรรยาผู้เป็นเจ้าของก็ให้ความเป็นกันเองปกติดี แต่เขาสังเกตได้ว่า ชานิศามีความกริ่งเกรงบุคคลที่ชุบเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เด็กทั้งที่เรียกว่าพ่อกับแม่มาตลอด
ในเมื่ออยากได้ไตของเขาเธอต้องเอาตัวเข้าแลกเท่านั้น! "ฉันไม่มีเงิน จะให้ทำอะไรก็ได้ช่วยพ่อฉันด้วยนะคะ" "เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ก็แค่..คุณมานอนกับผมแค่ครั้งเดียวก็น่าจะเกินพอ เพราะผมไม่ชอบกินของอะไรซ้ำ ๆ"
นาธานผู้ชายหล่อ ..รวย.. ล่ำ ..น่าปล้ำ..มาทำสามีแห่งชาติ แต่ไหงกลับคลั่งรักสาวไทยหน้าตาบ้านๆ อย่างนางสาวธารใสเอามากๆ หากเจ้าหล่อนกลับชอบถีบหัวส่งเขาตลอดเวลาที่เข้าใกล้มันเพราะอะไรกันเล่า !!!
จะทำอย่างไรดี กับหัวใจดวงน้อย ๆ ของนางสาวจอมขวัญ มงคลเกียรติ ซึ่งเพื่อน ๆ ชอบเรียกว่า “ จอมจุ้น” ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ที่ดั๊น..ไปตกหลุมรักชายหนุ่มลูกครึ่งไทยอังกฤษ ซึ่งเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนรักเพื่อนเลิฟของหล่อนเอง ล้อมดาว ก้องกังวาลไกล เข้าจังเบ้อเริ่ม ในงานวันเกิดเพื่อนรัก เพียงแค่แวบเดียวที่ได้เจอหน้าเขาหล่อนก็เผลอพูดออกมาด้วยฤทธิ์กามเทพ หรือเพราะฤทธิ์น้ำส้มก็ไม่รู้ และไม่อาจเดาได้ ถึงได้โพล่งวาจาราวกับจะสาบานกับเบื้องบน “ อยากใช้นามสกุลเดียวกับพี่ชายตัวจังเลยล้อม” และจะด้วยฤทธิ์คำขอส่ง ๆของเธอคงไปถึงหูท่านคิวปิด เลยให้เธอได้เข้าไปทำงานเป็นเบ้ในบริษัทของเขา จับพลัดจับผลู ได้เลื่อนขั้นเป็นถึงเลขาของเจ้านายสุดหล่อ แต่..ความหวังอันเลือนรางของหล่อนจะเป็นจริงขึ้นมาได้อย่างไรล่ะ ก็เจ้านายเธอน่ะสิเจอหน้ากันทีไรเป็นต้องทำหน้ายักษ์ใส่ อย่างกับโกรธกันมาสักร้อยชาติ ทำอะไรก็มีแต่จะคอยส่งสายตาดุ ๆ มาให้อย่างอย่างนั้น แถมยังโดนว่าสารพัดทำอะไรก็ดูเหมือนจะผิดไปหมด เฮ้อ! ชักจะเริ่มท้อแล้วสิ จอมขวัญเพิ่งคิดได้ว่าคนระดับสูงแบบเขาคงไม่มีทางมามองพนักงานธรรมดา ๆ อย่างหล่อนหรอกช่วงหลัง ๆ จึงพยายามที่อยู่ห่าง ๆ จากเจ้านายจอมเฮี้ยบเสีย เพื่อเก็บหัวใจตัวเองไว้ให้รอดปลอดภัยจากคำว่าอกหัก! มัฆวัฒน์ ก้องกังวาลไกล ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หล่อเหลาเอาการแถมยังอิมพอร์ตมาจากเมืองนอก ด้วยมาดนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ก้าวเข้ามาบริหารงานอย่างเต็มตัวแทนบิดา ทำให้วงการธุรกิจด้านการโรงแรมและรีสอร์ท ต่างก็ตื่นตัวกับฝีไม้ลายมือ บวกกับความสุขุมรอบคอบ เอาจริงเอาจังกับงานอย่างเขา เป็นที่น่าจับตามองจากคู่แข่งเป็นอย่างมากการงานไปได้สวย แต่เรื่องหัวใจเขากลับไม่มีใครที่จะสามารถทำให้หัวใจอันแข็งแกร่งของเขาหวั่นไหวได้ ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ทำงานมา ชายหนุ่มไม่กล้าที่จะให้ความสนิทสนมกับเพศตรงข้ามเลย ไม่ใช่เพราะว่าเข็ดขยาดเรื่องความรักแต่อย่างใด เพียงแต่เขาต้องการทุ่มเทให้กับงานมากที่สุดเท่าที่มีกำลังจะทำได้ กอปรกับภาระหน้าที่อันหนักหน่วง ทำให้เขาแทบไม่มีเวลาไปกุ๊กกิ๊กกับใคร จนมาพบกับสาวน้อยหน้าตาสดใส ซึ่งในตอนแรกก็ไม่ได้ให้ความสนสนใจอะไรหล่อนมากมายนักหรอก หากพอนานเข้า เขากลับเป็นคนหลงเจ้าหล่อนจนหัวปักหัวปำ แทบถอนตัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว แต่ไหงสาวเจ้ากลับมีท่าทีไม่สนในเขา อย่าหวังว่าจะหนีเขาพ้น คนอย่างนายมาร์คลองได้รักแล้วไม่มีวันไม่ปล่อยหล่อนไปง่าย ๆ แน่ "อย่ามายั่วให้รัก แล้วจากไปแบบนี้ ผมไม่ยอมแน่ "
เขา:คัทซึฮิโกะ ฮิโรยูกิ นักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อลูกครึ่งเกาหลี-ญี่ปุ่น พ่อค้าอัญมณีเพชรพลอยที่มีมูลค่ามากมายมหาศาล เดินทางเข้า-ออกประเทศไทยบ่อย จนแทบจะนับได้ว่าเป็นบ้านเกิดของเขาอีกที่หนึ่ง จุดประสงค์หลักที่ทำให้เขาต้องเดินทางมาที่เมืองไทย ไม่ได้เพียงเพื่อนำสินค้ามาแสดงเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อตามหาแหวนเพชรอันล้ำค่าทางใจของท่านปู่ของเขา และแล้ว..โชคชะตาก็นำพาให้เขาได้พบของสิ่งนั้นจนได้..แต่น่าแปลกที่ของมีค่าราคาแพงขนาดนั้นกลับตกอยู่ในมือของผู้หญิงไทยตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง หล่อนเป็นใคร? และเกี่ยวข้องอะไรกับแหวนวงนั้น? ที่สำคัญหล่อนได้มันมายังไง? หรือว่า..หล่อนขโมยมันมา.. ไม่ได้การล่ะเขาจะต้องเอาตัวผู้หญิงคนนั้นมาเพื่อพิสูจน์หาความจริงให้จงได้ เธอ:น้ำริน ฤทธิ์รณชัย พยาบาลสาวหน้าใส ที่โดนข้อหาว่าเป็นขโมยแหวนเพชรมูลค่าราคาหลายล้านบาท จากนายหน้าหล่อที่เจอกันบนเครื่องบิน แถมเขายังลักพาตัวหล่อนไปที่ญี่ปุ่นด้วย อะไรกันเนี่ย?! ฉันไม่ได้ขโมยของ ๆ คุณมานะ มีคนให้ฉันมาเอง!..
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
"ทำไม นอนกับผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอคุณถึงได้กลัวว่าผมจะทำอะไรคุณอีก ผมรุนแรงกับคุณหรือยังไง งั้นผมคงต้องรีบทำใหม่เพื่อแก้ตัว" "คุณหมอ!" เมรีญาหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับตำหนิเขาในใจที่กล้าพูดเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างหน้าไม่อาย "ว่าไง ตอบมาสิว่าผมทำให้คุณไม่ประทับใจหรอถึงต้องตั้งเงื่อนไขบ้าๆ นี้ขึ้นมา" เวทัสถามด้วยค วามโมโห ถ้าเป็นสองข้อแรกเขาพอเข้าใจและรับได้ แต่สำหรับข้อสามต่อให้เขารับปากเธอตอนนี้ในอนาคตเขารู้ตัวดีว่าคนอย่างเขาต้องผิดสัญญาแน่นอน เขาไม่มีทางห้ามใจตัวเองไม่ให้ยุ่งกับเธอได้! "ทำไมคุณมันเข้าใจอะไรยากแบบนี้ ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องพวกนั้นอีก" หญิงสาวพยายามอธิบายกับชายหนุ่มด้วยเหตุผล แม้จะรู้ดีว่าคนข้างๆ เริ่มไม่มีเหตุผลกับเธอแล้ว "ผมไม่สัญญา" เวทัสตอบกลับทันทีพร้อมกับสต๊าทรถออกจากโรงแรมด้วยความไม่พอใจ
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"