นาธานผู้ชายหล่อ ..รวย.. ล่ำ ..น่าปล้ำ..มาทำสามีแห่งชาติ แต่ไหงกลับคลั่งรักสาวไทยหน้าตาบ้านๆ อย่างนางสาวธารใสเอามากๆ หากเจ้าหล่อนกลับชอบถีบหัวส่งเขาตลอดเวลาที่เข้าใกล้มันเพราะอะไรกันเล่า !!!
นาธานผู้ชายหล่อ ..รวย.. ล่ำ ..น่าปล้ำ..มาทำสามีแห่งชาติ แต่ไหงกลับคลั่งรักสาวไทยหน้าตาบ้านๆ อย่างนางสาวธารใสเอามากๆ หากเจ้าหล่อนกลับชอบถีบหัวส่งเขาตลอดเวลาที่เข้าใกล้มันเพราะอะไรกันเล่า !!!
ประวัติ
“ อีธาน เบอร์นเนอร์ (อังกฤษ: Ethan Burner) เกิดเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ค.ศ. 1978 ที่เมืองแมนเชสเตอร์เป็นผู้ชนะการประกวดความสามารถพิเศษ จากรายการทางโทรทัศน์แข่งขันดนตรีเรียลลิตี้ เพื่อค้นหาผู้มีพรสวรรค์ด้านการร้องเพลง จากกลุ่มนักร้องที่ถูกคัดเลือกด้วยการทดสอบความสามารถ อีธาน เบอร์นเนอร์ เกิดมาในครอบครัวเชื้อสายไอริชเขามีพี่น้อง 3 คน มีน้องสาวฝาแฝดหนึ่งคนชื่อเอมิลี่และน้องชายอีก 1 คน ชื่อ นาธาน
เมื่อเขาอายุสิบห้าปีได้รับข่าวร้ายว่าบิดาได้เสียชีวิตไปในสนามรบอย่างผู้กล้าในฐานะแพทย์ทหาร ชีวิตหลังการสูญเสียผู้นำครอบครัวไม่ได้ทำให้พวกเขาทั้งสี่คนลำบากเลย สวัสดิการที่ได้รับจากต้นสังกัดสามารถส่งให้บุตรและธิดาที่สืบสกุลเข้ารับราชการทหารได้โดยไม่มีข้อโต้แย้ง แต่พวกเขากลับปฏิเสธไปอย่างไม่ใยดี ไม่ได้มีความสนใจที่จะรับมันไว้ เพราะการจากไปของบิดาที่เคารพรักมันช่างทิ่มแทงหัวใจ และเลวร้ายเกินกว่าจะรับได้ พวกเขาอยากลบมันออกจากใจ เจ็บปวดทุกครั้งเมื่อนึกถึง มารดาผู้มีจิตใจเด็ดเดี่ยวตัดสินใจพาครอบครอบครัวย้ายถิ่นฐานออกจากที่อยู่เดิม หลบลี้ความทุกข์ใจออกมาอยู่แถบชานเมืองห่างไกลจากชุมชน เพื่อหาความสงบสุขและบำบัดความเศร้าโศกเสียใจ อีธานในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ เฝ้าปลอบโยนผู้เป็นมารดาที่อยู่ในอาการซึมเศร้าหลังการสูญเสียบิดาไป เขากลายเป็นผู้นำในช่วงวัยกำลังคึกคะนอง เขาใช้พรสวรรค์ที่มีสร้างตัวตนขึ้นมาด้วยมือเขาเองหลังจากนั้น
ก่อนหน้าที่จะเป็นผู้ชนะการประกวด เขาเคยมีวงดนตรีโดยมีเพื่อนสมาชิกอีกสองคน พวกเขาตระเวนเล่นตามผับและงานแต่งงาน เล่นเพลงคัฟเวอร์ของนักร้องดังวงต่าง ๆ ไปจนถึงเอ็มม่า บันตัน และกว่าที่พวกเขาจะได้ค่าเหนื่อยประมาณ 50 ปอนด์ พวกเขาต้องโชว์ยาว 45 นาที ถึง 2 โชว์ด้วยกัน ในระหว่างการแข่งขันรายการดังกล่าว อีธานได้รับการสั่งสอนและสะสมประสบการณ์จากนักปั้นศิลปินคนดัง ซึ่งต่อมาเขาคนนั้นก็ได้กลายเป็นผู้จัดการส่วนตัวโดยปริยาย อีธานเอาชนะคู่แข่งได้ ในรอบตัดสิน ด้วยคะแนนโหวตจากทางบ้านที่มากถึง 10.8 ล้านโหวต ในขณะที่จากผลสำรวจมีคนดูรายการนี้ทางช่อง ITV2 เพียง 9.2 ล้านคน แสดงว่ามีคนดูที่โหวตมากกว่าหนึ่งครั้ง
ซิงเกิ้ลแรกของเขา ผลิตออกขายในอังกฤษและกลายเป็นเพลงอันดับ 1 ในช่วงวันหยุดคริสต์มาส กับยอดขาย 313,000 ก๊อปปี้ ในวันแรกที่ออกวางขายกลายเป็นซิงเกิ้ลที่ขายดีที่สุดอันดับ 3 รองจากเพลงดังของเอลตัน จอห์น และของวิล ยัง ถัดจากนั้นเขาได้ออกซิงเกิ้ลที่ 2 ขายในอังกฤษ และได้ไต่ขึ้นถึงอันดับ 2 ใน UK Singles Chart อัลบั้มที่ใช้ชื่อเขาเป็นชื่ออัลบั้ม ออกขายในหนึ่งสัปดาห์ถัดมา และขายได้มากถึง 95,000 ก๊อปปี้ในสองวันแรก ในสัปดาห์แรกขายได้ถึง 2 แสน ก๊อปปี้กลายเป็นอัลบั้มอันดับ 1 ของชาร์ทสัปดาห์นั้น และตกลงมาอยู่อันดับ 2 ในสัปดาห์ต่อมา อัลบั้มชุดนี้บันทึกเสียงที่เมืองสต็อคโฮล์ม โคเปนเฮเกน และ ลอนดอน โดยมีโปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงหลายรายที่ร่วมงานในงานชุดนี้
นอกจากเขาจะมีความสามารถในการร้องเพลงแล้วยังเป็นอัจฉริยะ ในการแต่งเพลงอีกด้วย เพียงแค่เขาเห็น หรือสัมผัสกับสิ่งใดที่เขาสนใจมาก ๆ หนุ่มคนนี้สามารถเขียนโน๊ตและแปลเป็นเนื้อเพลงได้ในระยะเวลาไม่เกินหนึ่งชม.ก็เสร็จสิ้น มีหลากหลายต้นสังกัด ที่ต้องการให้เขาแต่งเพลงและซื้อตัวโดยเสนอราคาให้ค่าจ้างสูงลิบ หากอีธานกลับปฏิเสธไป เพราะเขายังสำนึกในบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนของต้นสังกัดเดิม เขารู้ดีว่าตัวเองมาจากไหน การเริ่มต้นทำงานสายนี้ได้มายากเพียงใด หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากพวกเขา
ต่อมาอีธานได้เซ็นสัญญากับแบรนด์ กางเกงชั้นในชื่อดังแห่งหนึ่ง เพื่อเป็นแบบให้เสื้อผ้าคอลเลคชั่น autumn/winter ในปีถัด ๆ มา ด้วยสัญญาที่มีมูลค่าสูงมากกว่า 5 แสนปอนด์ หรือ35 ล้านบาท ส่วนอัลบั้มของเขานั้นขายไปได้มากกว่า 3 ล้านก๊อปปี้ ผลงานต่าง ๆ ในรอบหลายปีที่ผ่านมาส่งผลให้อีธาน เบอร์นเนอร์ ร่ำรวยเข้าขั้นระดับมหาเศรษฐี ติดอันดับต้นของอังกฤษเลยก็ว่าได้ นักร้องหนุ่มสุดหล่อชาวอังกฤษมากความสามารถคนนี้ นอกจากจะมีเส้นเสียงที่ไพเราะ จนทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ แม่ม่าย แม่ยกทั้งหลาย ทั่วทั้งประเทศหลงรักได้แล้ว เขายังสามารถเขย่าใจชาวสีม่วง เก้งกวาง ค่าง บ่างชะนี ด้วยหุ่นที่ฟิตเปรี๊ยะอีกด้วย อีธานยอมเปลือยกายโชว์รูปร่างบางส่วน อวดซิกแพคแน่นหนั่น เผยหน้าท้องแบนเรียบ แลดูแข็งแกร่งจนเห็นกล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นลอนสวยทั้งหกมัด เพื่อถ่ายแบบให้กับนิตยสารแอตติจูด หากออกไปในแนวศิลป์เสียมากกว่า
ทั้งนี้ทั้งนั้นการเปลือยกายถ่ายแบบในคราวนั้น ไม่ได้หวังดึงดูดยอดขายให้แก่บริษัทแต่อย่างใด ทว่าทีมงานจัดทำนิตยสารฉบับพิเศษ เพื่อต้องการรณรงค์ปัญหาโรคเอดส์ให้แก่ชาวเกย์และไบเซ็กช่วลทั้งหลาย ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ณ ขณะนั้น ความร่ำรวยของเขาไม่ได้ทำให้อีธานรู้สึก ทะนงตน และหยุดอยู่เพียงเท่านั้น หนุ่มอัจฉริยะคนนี้ ยังเป็นคนใจบุญอีกด้วย เขาได้เปิดโรงเรียนสอนดนตรีให้ฟรีแก่นักแสวงหาความก้าวหน้า ที่ต้องการแสดงความสามารถ และให้การสนับสนุนเต็มที่ ถัดจากนั้น อีธานค้นพบว่า ตัวเขาเองมีความชื่นชอบในศิลปะและการวาดภาพเป็นการส่วนตัวอีกด้วย จากที่น้องชายของเขา นาธาน เบอร์นเนอร์ ซึ่งเรียนจบด้านสาขาศิลปศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังในอังกฤษ หลังจากเรียนจบน้องชายของเขาได้สมัครเข้าทำงานในบริษัทออกแบบเล็กๆ สะสมประสบการณ์เรื่อยมา จนกระทั่งมีความอยากที่จะเปิด แกลอรี่ภาพวาดเป็นของตนเองบ้าง
และนั่น คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หนุ่มนักร้องเสียงทรมานใจสาว ผู้มากความสามารถ ชื่นชอบการวาดภาพเป็นชีวิตจิตใจ จากการได้รับเชิญไปร่วมงานเปิดตัวแกลอรี่ของน้องชาย ไม่ยากเลยถ้าอัจฉริยะอย่างอีธานคิดจะทำอะไร เพียงแค่หยิบดินสอขึ้นมา แล้วขีดๆ เขียน ๆ ก็เป็นภาพที่สวยงามและสะกดสายตาแก่ผู้พบเห็น ได้ไม่ยากเลย ที่สำคัญเขาไม่ได้เข้าเรียนแม้แต่คลาสเดียว! ภาพวาดชิ้นแรกของอีธานคือภาพมารดา น้องสาวฝาแฝด และน้องชายรวมอยู่ในเฟรมเดียวกัน เพียงแค่มองและวาดไปตามลายเส้นที่เห็น มันกลายเป็นผลงานชิ้นเอกที่ น้องชายของเขาเอาไปเก็บไว้ในหอสมุดภาพโดยไม่มีการซื้อขายแต่อย่างใด แม้จะมีเศรษฐีจากหลากหลายถิ่นทั่วโลก ได้เข้ามาเยี่ยมชม และเสนอซื้อในราคา ที่สูงลิบลิ่วก็ตาม
นอกจากหนุ่มอัจฉริยะ ผู้มากความสามารถทำหลายสิ่งหลายอย่างพร้อมกัน ได้เปิดโรงเรียนสอนดนตรีฟรีแล้ว เขายัง เปิดค่ายเพลงเป็นของตนเอง และผันตัวมาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเต็มตัว ชายหนุ่มยังได้แต่งเพลงให้นักร้องรุ่นหลัง ส่งให้มีชื่อเสียงโด่งดังกันไปหลายราย และธุรกิจที่เขาทำเพราะความชอบและความสามารถ ล่าสุด คือการร่วมธุรกิจกับน้องชายรวบซื้อและขายงานศิลปะภาพวาดและประติมากรรมทั่วทุกมุมโลก ที่ไหน หรือแห่งหนใดที่มีว่างานสวยงาม คุ้มค่าแก่การครอบครอง และถ้าหากถูกใจ เขาจะกว้านซื้อมาเป็นของตน แม้นจะแพงแสนแพงขนาดไหนก็ตาม"
แหล่งข้อมูล อ้างอิง: music.sanook.com
ในเมื่ออยากได้ไตของเขาเธอต้องเอาตัวเข้าแลกเท่านั้น! "ฉันไม่มีเงิน จะให้ทำอะไรก็ได้ช่วยพ่อฉันด้วยนะคะ" "เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ก็แค่..คุณมานอนกับผมแค่ครั้งเดียวก็น่าจะเกินพอ เพราะผมไม่ชอบกินของอะไรซ้ำ ๆ"
แม่บอดี้การ์ดสาวจอมเปิ่นจำหน้าหล่อๆของเขาไม่ได้ เบ้าหน้าฟ้าประทานอย่างแดเนียลเฉินนักร้องชื่อดังก้องโลกถูกยัยเด็กนั่นเมินใส่!คอยดูเถอะเขาจะจับเธอให้มาหลงรักจนหัวปักปำเลยคอยดู
จะทำอย่างไรดี กับหัวใจดวงน้อย ๆ ของนางสาวจอมขวัญ มงคลเกียรติ ซึ่งเพื่อน ๆ ชอบเรียกว่า “ จอมจุ้น” ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ที่ดั๊น..ไปตกหลุมรักชายหนุ่มลูกครึ่งไทยอังกฤษ ซึ่งเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนรักเพื่อนเลิฟของหล่อนเอง ล้อมดาว ก้องกังวาลไกล เข้าจังเบ้อเริ่ม ในงานวันเกิดเพื่อนรัก เพียงแค่แวบเดียวที่ได้เจอหน้าเขาหล่อนก็เผลอพูดออกมาด้วยฤทธิ์กามเทพ หรือเพราะฤทธิ์น้ำส้มก็ไม่รู้ และไม่อาจเดาได้ ถึงได้โพล่งวาจาราวกับจะสาบานกับเบื้องบน “ อยากใช้นามสกุลเดียวกับพี่ชายตัวจังเลยล้อม” และจะด้วยฤทธิ์คำขอส่ง ๆของเธอคงไปถึงหูท่านคิวปิด เลยให้เธอได้เข้าไปทำงานเป็นเบ้ในบริษัทของเขา จับพลัดจับผลู ได้เลื่อนขั้นเป็นถึงเลขาของเจ้านายสุดหล่อ แต่..ความหวังอันเลือนรางของหล่อนจะเป็นจริงขึ้นมาได้อย่างไรล่ะ ก็เจ้านายเธอน่ะสิเจอหน้ากันทีไรเป็นต้องทำหน้ายักษ์ใส่ อย่างกับโกรธกันมาสักร้อยชาติ ทำอะไรก็มีแต่จะคอยส่งสายตาดุ ๆ มาให้อย่างอย่างนั้น แถมยังโดนว่าสารพัดทำอะไรก็ดูเหมือนจะผิดไปหมด เฮ้อ! ชักจะเริ่มท้อแล้วสิ จอมขวัญเพิ่งคิดได้ว่าคนระดับสูงแบบเขาคงไม่มีทางมามองพนักงานธรรมดา ๆ อย่างหล่อนหรอกช่วงหลัง ๆ จึงพยายามที่อยู่ห่าง ๆ จากเจ้านายจอมเฮี้ยบเสีย เพื่อเก็บหัวใจตัวเองไว้ให้รอดปลอดภัยจากคำว่าอกหัก! มัฆวัฒน์ ก้องกังวาลไกล ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หล่อเหลาเอาการแถมยังอิมพอร์ตมาจากเมืองนอก ด้วยมาดนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ก้าวเข้ามาบริหารงานอย่างเต็มตัวแทนบิดา ทำให้วงการธุรกิจด้านการโรงแรมและรีสอร์ท ต่างก็ตื่นตัวกับฝีไม้ลายมือ บวกกับความสุขุมรอบคอบ เอาจริงเอาจังกับงานอย่างเขา เป็นที่น่าจับตามองจากคู่แข่งเป็นอย่างมากการงานไปได้สวย แต่เรื่องหัวใจเขากลับไม่มีใครที่จะสามารถทำให้หัวใจอันแข็งแกร่งของเขาหวั่นไหวได้ ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ทำงานมา ชายหนุ่มไม่กล้าที่จะให้ความสนิทสนมกับเพศตรงข้ามเลย ไม่ใช่เพราะว่าเข็ดขยาดเรื่องความรักแต่อย่างใด เพียงแต่เขาต้องการทุ่มเทให้กับงานมากที่สุดเท่าที่มีกำลังจะทำได้ กอปรกับภาระหน้าที่อันหนักหน่วง ทำให้เขาแทบไม่มีเวลาไปกุ๊กกิ๊กกับใคร จนมาพบกับสาวน้อยหน้าตาสดใส ซึ่งในตอนแรกก็ไม่ได้ให้ความสนสนใจอะไรหล่อนมากมายนักหรอก หากพอนานเข้า เขากลับเป็นคนหลงเจ้าหล่อนจนหัวปักหัวปำ แทบถอนตัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว แต่ไหงสาวเจ้ากลับมีท่าทีไม่สนในเขา อย่าหวังว่าจะหนีเขาพ้น คนอย่างนายมาร์คลองได้รักแล้วไม่มีวันไม่ปล่อยหล่อนไปง่าย ๆ แน่ "อย่ามายั่วให้รัก แล้วจากไปแบบนี้ ผมไม่ยอมแน่ "
เขา:คัทซึฮิโกะ ฮิโรยูกิ นักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อลูกครึ่งเกาหลี-ญี่ปุ่น พ่อค้าอัญมณีเพชรพลอยที่มีมูลค่ามากมายมหาศาล เดินทางเข้า-ออกประเทศไทยบ่อย จนแทบจะนับได้ว่าเป็นบ้านเกิดของเขาอีกที่หนึ่ง จุดประสงค์หลักที่ทำให้เขาต้องเดินทางมาที่เมืองไทย ไม่ได้เพียงเพื่อนำสินค้ามาแสดงเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อตามหาแหวนเพชรอันล้ำค่าทางใจของท่านปู่ของเขา และแล้ว..โชคชะตาก็นำพาให้เขาได้พบของสิ่งนั้นจนได้..แต่น่าแปลกที่ของมีค่าราคาแพงขนาดนั้นกลับตกอยู่ในมือของผู้หญิงไทยตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง หล่อนเป็นใคร? และเกี่ยวข้องอะไรกับแหวนวงนั้น? ที่สำคัญหล่อนได้มันมายังไง? หรือว่า..หล่อนขโมยมันมา.. ไม่ได้การล่ะเขาจะต้องเอาตัวผู้หญิงคนนั้นมาเพื่อพิสูจน์หาความจริงให้จงได้ เธอ:น้ำริน ฤทธิ์รณชัย พยาบาลสาวหน้าใส ที่โดนข้อหาว่าเป็นขโมยแหวนเพชรมูลค่าราคาหลายล้านบาท จากนายหน้าหล่อที่เจอกันบนเครื่องบิน แถมเขายังลักพาตัวหล่อนไปที่ญี่ปุ่นด้วย อะไรกันเนี่ย?! ฉันไม่ได้ขโมยของ ๆ คุณมานะ มีคนให้ฉันมาเอง!..
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
เมื่อย้อนเวลามาอยู่ในยุคโบราณที่ผู้ชายล้วนมีสามภรรยาสี่อนุ จื่อรั่วอิงจึงมองหาบุรุษที่จะทำให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและได้รู้ว่ามีอ๋องผู้หนึ่งไร้ภรรยาและตาบอดเขาคือคนไม่มีใครเอา"สวรรค์ให้ทางรอดข้าแล้ว" นิยายเรื่องนี้เป็นแนวสุขนิยม ปมเบา ๆ ไม่หนัก นะคะ พระเอกมีเมียเดียว พระเอกสายซึนคลั่งรักนางเอกแต่ไม่รู้ตัว นางเองจอมตื๊อเพื่อทำให้สามีรักสามีหลงขนความฮามาพร้อม ๆ กับบ่าวรับใช้และครอบครัว แนวขบขัน สายฮา สายตลกไม่ควรพลาดค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
เพราะรักเขาตั้งแต่แรกเห็น หล่อนจึงยินยอมแต่งงานกับเขา เพราะถูกบังคับเขาจึงเห็นหล่อนเป็นเศษธุลีดินไร้ค่า แม้เป็นเมียแต่ง หล่อนคิดว่าสักวันหนึ่งเขาอาจจะรักหล่อนตอบกลับมา ไม่มาก... ก็น้อย แต่ไม่นึกว่าเมื่อเขาหลอกให้หล่อนรักเขาสุดหัวใจ เขากลับขับไล่หล่อนออกมาจากชีวิตด้วยเหตุผลว่า เขาไม่รักหล่อน... "เธอเข้ามาในชีวิตฉันง่ายๆ ก็ช่วยออกไปง่ายๆ ด้วยเถอะ" ถ้อยคำเจ็บปวดทำร้ายที่ตามมาหลอกหลอน แม้ในยามที่หล่อนหลีกลี้จากเขามาได้นานเนิ่น ในวันที่หล่อนเข้มเเข็งและอยู่ได้โดยไม่มีเขา ลูกในท้องที่หล่อนปกปิดเขาเอาไว้ กำลังจะทำให้หล่อนกับเขาหวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ในวันที่หล่อนไม่ได้รักเขาอีกต่อไปแล้ว ................................................................ “การแต่งงานของเราเกิดขึ้นเพราะฉันถูกบังคับ การที่ฉันไม่ได้รักเธอ มันไม่ใช่ความผิดของฉัน ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจ” ธีภพ วิชญ์วิศิษฐ์ “ความรักของมนอาจจะดูไร้ค่าแต่มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสิ่งเดียวที่มนพอจะให้คุณธีร์ได้ ที่ผ่านมาคุณธีร์แสดงออกเสมอว่าคุณธีร์ไม่ต้องการและทิ้งขว้างมันมาตลอด มันก็ไม่ใช่ความผิดของมนที่สุดท้ายมนจะหมดรัก มนหวังว่าคุณธีร์จะเข้าใจ เหมือนที่มนเคยเข้าใจคุณธีร์” มนพัทธ์ สว่างโชติ
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY