เป็นเพราะข้าเผลอสบตาหญิงงามนางหนึ่งแต่ด้วยความขัดแย้งจึงไม่อาจบอกว่าข้ามีใจภายนอกที่เห็นจึงดูเหมือน..ไร้ซึ่งหัวใจ..
เป็นเพราะข้าเผลอสบตาหญิงงามนางหนึ่งแต่ด้วยความขัดแย้งจึงไม่อาจบอกว่าข้ามีใจภายนอกที่เห็นจึงดูเหมือน..ไร้ซึ่งหัวใจ..
“จินเฉิงอู่ วันนี้ข้าเห็นสมควรเลือกหญิงงามที่ผ่านการคัดเลือกและฝึกฝนการเป็นนางในเรียบร้อยแล้ว ประทานให้เจ้ารับนางเป็นชายารอง”
สิ่งที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ไม่รับไม่ได้ ใครกันกล่าวไว้หากไม่รับก็เพียงแค่บ่ายเบี่ยงหรือยืดเวลาไว้ก็เท่านั้น แต่จินเฉิงอู่กลับไม่แยแส
“นางเป็นเพียงลูกนอกสมรสของใต้เท้าเจิ้งประทานให้เป็นชายารองของอ๋องห้าแห่งแคว้นซ่ง มิสูงศักดิ์ไปหน่อยหรือ”
ใต้เท้าเจิ้งยืนอยู่ที่นั่นด้วยถึงกับหนวดกระตุกไปเลยทีเดียว
เจิ้งเหมยเพียงแต่ยิ้มที่มุมปากมิได้กล่าวคำใด เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว จะไปที่ใดไม่ต่างกันจะเป็นสนมกุ้ยเหรินกุ้ยเฟยนางในหรือสาวใช้ ไม่มีสิ่งใดมาโยกคลอนจิตใจของเจิ้งเหมยได้อีกแล้ว
“เช่นนั้นจะให้ข้าบังคับเจ้าหาได้ไม่ ข้าประทานให้เจ้าแล้วจะนำนางไปไว้ในตำแหน่งไหนข้าก็มิอาจยุ่งเกี่ยวได้อีกต่อไปแต่นางมิใช่ไร้ฐานันดรโดยแท้ เป็นถึงบุตรสาวของใต้เท้าเจิ้งของสี่ตระกูลใหญ่ เจ้าใจคอจะไม่ให้เกียรติใต้เท้าเจิ้งหน่อยหรือ”
คำพูดเหมือนกับลองใจ จินเฉินอู๋ประสานมือขึ้นเบื้องหน้า เหลือบตาคมกริบ บนใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ คิ้วเข้มเป็นลักษณะของผู้ห้าวหาญขึ้นมองเจิ้งเหมยเพียบแว๊บเดียว
“ขอบพระทัยฝ่าบาท ข้าให้นางเป็นสาวใช้ข้างกาย หวังว่าท่านเจิ้งจะไม่เคืองโกรธ”
ต่อหน้าฮ่องเต้แม้ ฝืนใจเพียงใดต้องกลำกลืนไว้ค่อยแก้ไขทีหลัง เป็นการใช้จิตวิทยาโต้ตอบกันไปมา อย่างนั้นหรือ
ใต้เท้าเจิ้ง ก้าวเท้าออกมาข้างหน้า
“ท่านอ๋องเมตตา เจิ้งเหวยขอบพระทัยท่านอ๋อง”
รอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้าของ จินเฉิงอู่
เกี้ยวถูกหามเดินนำไป เจิ้งเหมยเดินเกือบวิ่งตามเกี้ยวไปยังจวนอ๋องกับห่อผ้า บนไหล่และของใช้ส่วนตัว
จินเฉิงอู่ลงจากเกี้ยว สาวเท้าเข้าไปบนจวน ชายาอ๋องรูปร่างอรชรยืนรอรับที่หน้าจวนด้วยสีหน้าสดใสข้างๆ กายมีสาวใช้คอยพยุงอยู่ถึงสองคน
“ท่านกลับมาแล้ว โยวเสวี่ยนเตรียมน้ำให้ท่านอาบ”
มือใหญ่กุมมือบอบบาง
“ลำบากเจ้าแล้ว”
เดินจูงมือเข้าไปข้างใน เจิ้งเหมยถูกไล่ให้ไปเข้าประตูเล็กอีกฝั่งหนึ่ง เมื่อคนเฝ้าประตูปิดประตูตามหลังท่านอ๋องและชายา
“ห้องพักของเจ้าอยู่ติดกับห้องครัว ต่อนี้ไปเจ้ามีหน้าที่ดูแลห้องทำงานท่านอ๋อง ไม่จำเป็นอย่าได้เข้าไปในห้องนอนเพราะชายาท่านอ๋องไม่โปรดให้ใครไปยุ่งที่นั่น ชายานางจะเป็นคนดูแล ทุกอย่างในห้องนอนท่านอ๋องเอง”
สาวใช้วัยไล่เลี่ยกัน จัดแจงช่วย เจิ้งเหมยจัดห้องหับ
“ข้าย่าหนาน เจ้าชื่อแช่ว่าอย่างไร”
เจิ้งเหมยยิ้มเพื่อสานความสัมพันธ์
“เจิ้งเหมยขอบใจเจ้าที่ช่วย ดูแล”
“ไม่ต้องเกรงใจ ข้าอยู่ห้องข้างๆ ห้องแม้จะเล็กแต่ที่นี่เงียบสงบที่สุด ไม่วุ่นวาย ด้านในจวนวุ่นวายสิ้นดีที่นั่นต่างต้องช่วยกันดูแลพระชายา”
“ท่านอ๋องคงจะรักพระชายามากแน่ๆ ”
“พระชายา ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ท่านอ๋องเอาใจใส่ดูแลเหมือนไข่ในหิน ไม่น่าแปลก ฝ่าบาทเคยคิดจะประทานชายารองมาหลายครั้งแต่ท่านอ๋องกลับปฏิเสธ ได้ข่าวว่าเจ้าเป็นคนเดียวที่ท่านอ๋องยอมรับมา แต่ก็ให้มาเป็นสาวใช้อยู่ดีคงจะเกรงใจฝ่าบาทไม่น้อย”
“พวกเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าถูกประทานมาเป็นชายารอง"
“เรื่องนี้เขารู้กันทั้งจวน ว่าคราวนี้หากฝ่าบาทเลือกนางใน ต้องประทานชายามาแน่เจ้าไม่เห็นหรือว่าพระชายาท่านอ๋องร้อนใจถึงกับต้องออกมารับท่านอ๋องที่หน้าจวนทั้งๆ ที่ไม่สบาย”
เจิ้งเหมยยิ้มแห้งๆ
“แต่ไม่ต้องห่วงนะ พระชายาใจดีที่สุด รับรองว่า.. ไม่ได้โกรธเคืองอะไรเจ้าแน่ท่านอ๋องเองก็รู้ๆกันอยู่ว่ามีสายตาไว้มองเพียงพระชายาเท่านั้น”
"ช่างเป็นอ๋องที่รักมั่นเสียจริง"
น้ำเสียงเหมือนจะเย้ยหยัน แต่รอยยิ้มกลับจริงใจ
"รักมั่น แต่เจ้ากับข้าหรือทุกคนในจวนต่างก็ต้องเกรงกลัวท่านอ๋อง แม้สบตายังไม่มีใครกล้าทำ"
เจื้งเหมยยิ้มน้อยๆจะมีอะไรน่ากลัวไปกว่าการที่ จะถูกเลือกไปเป็นสนม ของฮ่องเต้อีก เจิ้งเหมยผ่านมาได้ถึงเพียงนี้นับว่าดวงดีไม่น้อย ฮ่องเต้ในสายตาของเจิ้งเหมยแม้ใบหน้าจะไม่ได่แก่ชราทว่าการที่เป็นถึงฮ่องเต้ หากขัดใจก็ไม่พ้นตาย อยู่ที่นี่เป็นสาวใช้ ไม่จำเป็นต้องเป็นที่โปรดปรานเพียงแต่อยู่เงียบๆในส่วนของตัวเองก็พอ
"ต่อไปข้าคงต้องอาศัยเจ้าแล้วย่าหนาน"
"ข้าดีใจที่เจ้ามาช่วยดูแลที่นี่ ข้าอยู่คนเดียวมาเสียนาน"
เจิ้งเหมยยิ้ม ไม่ได้แย่เกินไปอย่างน้อยก็มีย่าหนานเป็นสหาย
ค่ำคืนใน จวนอ๋องผ่านไปอย่างเรียบง่าย
เช้าสดใส เจิ้งเหมยจัดการตัวเองและเตรียมพร้อมที่จะปัดกวาดในห้องทำงานที่ได้รับมอบหมายเสื้อผ้าชุดใหม่ไม่ได้มีสีสันมากนัก หน้าผมก็ไม่จำเป็นต้องแต่งเหมือนตอนอยู่ในช่วงคัดนางใน หากแต่ปล่อยให้ใบหน้าสดใสไร้เครื่องแต่งแต้ม
ใบหน้าผุดผาดดุจมู่หลานแรกแย้ม ไม่จำเป็นต้องแต่งแต้มใดๆก็สะดุดตามากพอ
ชายาเอกนั่งชมสวนกับสาวใช้อีกสองคน เจิ้งเหมยกำลังจะเดินผ่าน
"เจ้าใช่ไหม สาวใช้ในจวนคนใหม่"
พระเอกสายแอพ เฉยชาทว่าโบ๊ะบ๊ะภายใน โคตรรั่ว อัตราการแขวะ0.01วินาที ภายใต้หน้ากากสูงส่งบริสุทธิ์ ในนามปรมาจารย์ ที่ค้ำคอไว้ พบกับ พระเอกสายกาว ที่ไม่เอื้อนเอ่ย ใครกันจะรู้ภายในใจท่านคิดเช่นไร พบกับนิยายแนว ขุนเขาจอมยุทธ์ บุญคุณความแค้น แต่พระเอกสายฮา สะกดกลั้นความอาไว้ภายใต้หน้ากากหล่อเหลาอย่าเผลอนินทาอย่าเผลอหลงรัก เพราะปรมาจารย์ท่านนี้อ่านใจคนออก
เรื่องเล่าของท่าน อาจทำข้าสำราญ หรืออาจทำให้ทุกข์ตรมไปกับท่าน ถือว่าท่านจ่ายค่าตอบแทนแก่ข้าแล้ว เสพสุขจากความทุกข์ตรมกระทำได้เช่นนั้นหรือความทุกข์ตรมของผู้อื่น ทำให้เราหลุดพ้นความทุกข์ตรมของเราได้
บุตรีของขุนนางกบฏ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้บิดาแทนที่จะหนีไปไกลแสนไกลกลับพาตัวเองมาผูกพัน กับคนที่เป็นศัตรู แค้นฆ่าพ่อจือหรานจะสามารถทวงความเป็นธรรมให้บิดาได้หรือไม่ ..พบกับความรักความแค้นที่ฝั่งแน่น
ตำรวจหญิงมือดีดับอนาถแต่สวรรค์กลับให้โอกาสได้กลับไปแก้แค้น แทนหญิงโง่งมคนหนึ่งที่ถูกหักหลังเช่นกัน งานนี้จะต้องไม่ใครก็ใครสักคนจะต้องเสียน้ำตา
.....อามูเนส... .. ราชินีที่รักแห่งข้าขอเทพธิดาไอซิส มอบชีวิต อมตะให้ข้าและนาง ...รอ เจ้าอยู่ที่นี่ ตราบ ดวงอาทิตย์อับแสง ..รอเจ้าอยู่ร่วมเดินทางสู่ฟากฟ้า พร้อมกัน” คำขอครั้งสุดท้ายของ..โฮรัส.. ผู้เลื่องชื่อเทพแห่งสงคราม กับเจ้าหญิงผู้ซึ่งตกเป็นเชลย ด้วยจุดเปลี่ยนที่บิดาของอามูเนส ผู้เลอโฉมเลื่องลือไปไกล พ่ายแพ้ให้แก้ฟาโรห์โฮรัสเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่ เป็นจุดเริ่มต้นของ คำขอต่อเทพแห่งความเป็นอมตะไอซิส คำขอครั้งสุดท้ายจะเป็นจริงไหมและเอวาสาวสวยนักโบราณคดีที่ขุดค้นพบ คำขอนั้นของฟาโรห์โฮรัสจะ สามารถค้นพบความจริงต่างๆได้อย่างไร ล่องลอยไปกับดินแดน ไอยคุปต์ด้วยกันใน...มนตราฟาโรห์...
ขายตัวเข้ามาเป็นอี้จีฝึกหัด แต่ยังไม่ผ่านงานแรกด้วยซ้ำ สวรรค์ชังหรือนรกแกล้งให้เฟิ่งหลิว ต้องมาพบเจอคนใจร้ายเช่นนี้แล้วยังมาหาว่าเฟิ่งหลิวเป็นนางคณิกา กร้านโลกอีก ทั้งๆที่น้องแสนจะเดียงสา
เพื่อค่ารักษาของพ่อ ฟางจิ้งหร่านยอมแทนที่น้องสาว แต่งงานกับชายผู้เสื่อมเสียชื่อเสียงและหูหนวก คืนแรกของวันแต่งงาน เธอค่อยๆ ถอดชุดทีละชิ้น ด้วยความคาดหวัง... แต่กลับได้ยินเพียงคำเตือนเย็นชาจากเขา "การแต่งงานของเราเป็นแค่สัญญา" อยู่ข้างกายชายเจ้าอารมณ์คนนี้ ฟางจิ้งหร่านต้องระมัดระวังทุกเมื่อ โดยกลัวว่าจะทำเขาไม่พอใจเข้า ทุกคนรอคอยดูเธอเสียหน้า... แต่ใครจะไปคิดว่า สามีคนนี้กลับกลายเป็น"ที่พึ่งที่มั่นคงที่สุด"ของเธอ จนกระทั่งวันที่สัญญาครบกำหนด ฟางจิ้งหร่านถือกระเป๋าเตรียมตัวจะจากไป... ชายคนนั้นกลับมีดวงตาแดงก่ำ กระซิบขอร้องว่า "อย่าไป..."
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
“อ๊ะ… ซี้ดดดดดดด… ” เสียงร้องครางหลุดออกมาจากริมฝีปากของยาดาที่ต้องเผยออ้าทุกครั้งที่ลิ้นของเขาปาดเสยเข้าใส่กลีบสาว ไม่เพียงแค่เลีย แต่ยังสอดนิ้วเข้ามาบดคลึงเม็ดกระสัน ยิ่งทำให้หล่อนเสียวซ่านสุดจะบรรยาย “อู้ววว… กลีบอวบอูมดีจัง” น้ำเสียงสะใจ หลังจากจู่โจมด้วยปลายลิ้นจนน้ำคาวสวาทของหญิงสาวหลั่งไหลออกมาอาบชุ่มสองกลีบ ขมิบสู้ลำนิ้ว “ว้าว… เยิ้มเร็วมากหนูจ๋า” ท่านประธานชอบใจที่เห็นร่างกายของหล่อนตอบสนองการปลุกเร้า ค่อยๆ หงายฝ่ามือสอดเข้ามาระหว่างง่ามก้นด้านหลัง ตะล่อมโอบพูเนื้อโหนกนูนเหมือนกับหลังเต่าคว่ำลงมาประกบกับอุ้งมือพอดี “อ๊า… ซี้ดดดดดด… ” ยาดาร้องครวญครางออกมาด้วยความสยิว นิ้วของเขาไม่เพียงแค่ไล้ลูบ แต่ยังตวัดรัวแหวกร่องแล้วสอดใส่เข้ามาในความฝืดคับ
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด