นิยายรักข้ามกาลเวลา เรื่อง เจ้าสาวมังกร
นิยายรักข้ามกาลเวลา เรื่อง เจ้าสาวมังกร
ร้านอาหารไหมทอง
สามเดือนแล้วที่สุวิมลต้องติดอยู่ในยุคจีนโบราณ ที่ย้อนยุคกลับมาประมาณสี่ร้อยปีโดยที่ไม่รู้ว่าเข้ามาอยู่ได้อย่างไร และไม่รู้ว่าพี่น้องอีกสี่คนจะเป็นอย่างไรกันบ้าง แต่ก็หวังว่าพวกนั้นจะไม่โชคร้ายเหมือนเธอ
หรือ..หรือถ้าโชคร้ายเหมือนกัน เธอก็หวังว่าจะมีโอกาสได้มาเจอหน้ากันในวันหนึ่ง
“ซูวี่!.. ซูวี่!”
“ได้ยินแล้ว ทำไมต้องตะโกนเสียงลั่นทุ่งขนาดนั้นด้วย” เธอโมโหคนเรียกที่ไม่รู้จักให้เกียรติกันบ้าง และไม่สนใจว่าเขาจะพอใจหรือไม่ที่ตะโกนเสียงดังสวนกลับไป เธอวางมือจากงานล้างจานที่ยังล้างไม่เสร็จแล้วเดินเข้าไปในครัว “มีอะไร”
“ข้าปวดแขน เจ้าไปทำอาหารตามรายการนี้หน่อย” พ่อครัวที่มีนิสัยหยิ่งทระนงพอ ๆ กับความขี้เกียจยื่นกระดาษที่เขียนรายการอาหารให้หญิงสาว
“ทำไมข้าต้องทำด้วย มันไม่ใช่หน้าที่ของข้า อาเกอกับอาเล้งเป็นผู้ช่วยของเจ้า ทำไมไม่ใช้พวกเขาล่ะ”
“ซูวี่ช่วยพวกเราหน่อยเถอะนะ ตอนนี้เราทำไม่ทันจริง ๆ ดูสิ” อาเกอหยิบรายการอาหารที่เขาต้องทำให้หญิงสาวดู
“ของข้าก็ไม่น้อยไปกว่าอาเกอหรอก” เล้งใช้ปากชี้รายการอาหารของตัวเองที่หนีบเอาไว้ตรงหน้า “ช่วยพวกเราหน่อยนะซูวี่” เขารู้ว่าภายใต้ท่าทีที่ดูเหมือนร้ายของนางนั้นเต็มไปด้วยมิตรไมตรี นางจะร้ายกับคนที่ร้ายใส่อย่างเสี่ยวหมานเท่านั้น
“ช่วยพวกเราหน่อยนะ ถ้าอาหารออกช้าแล้วลูกค้าไม่พอใจพวกเราซวยซ้ำซวยซ้อนแน่” อาเกอกระซิบกับหญิงสาว
“ข้าทำแทนก็ได้นะ” หญิงสาวนางหนึ่งพูดขึ้นพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“เจ้าไม่ต้องยุ่ง ข้าไม่ได้ใช้เจ้า” เสี่ยวหมานรีบปฏิเสธแล้วโยนกระบวยให้หญิงสาวอีกนางหนึ่ง ที่ไม่ชอบขี้หน้าตั้งแต่วันแรกที่นางมาทำงานที่นี่ แต่ก็ต้องรับนางเอาไว้เพราะดันแอบชอบหญิงสาวที่พานางมาฝากฝัง “รีบออกไปจากตรงนี้เลยลี่ชุน เดี๋ยวโดนน้ำมัน น้ำร้อนกระเด็นใส่แล้วจะหาว่าข้าไม่เตือน ยังไม่ไปอีก!” เขาตะคอกใส่เมื่อนางเอาแต่ยืนอาลัยอาวรณ์เพื่อนรักของนาง
“ออกไปเตรียมของมาให้ข้าเถอะลี่ชุน” ซูวี่เห็นลี่ชุนผู้มีพระคุณโดนดุก็จำใจต้องทำตามคำสั่งของหัวหน้าพ่อครัวอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เจ้าทำได้แน่นะ” ลี่ชุนกระซิบถามอย่างห่วงใย
“อือ” เธอไม่กลัวสักนิดที่ถูกแกล้งให้ทำอาหาร เพราะในยุคอนาคตจากนี้อีกสี่ร้อยปีที่เธอเคยอยู่ เธอเป็นถึงเจ้าของโรงเรียนสอนทำอาหารและเครื่องดื่ม และยังสอนทำอาหารผ่านโลกออนไลน์อีกด้วย
แม้อาหารในยุคนี้จะแปลกและเครื่องปรุงก็ไม่ได้มีให้เลือกมากมายเหมือนยุคของเธอ แต่พรสวรรค์ในการทำอาหารที่มีอยู่ แค่ชิม ๆ แตะ ๆ ก็สามารถปรุงออกมาได้รสชาติที่ดีได้ไม่ยาก
ที่สำคัญไปกว่านั้น ลี่ชุนเป็นคนที่ช่วยเธอเอาไว้..
หลังจากที่รู้สึกตัวที่ริมลำธารสายเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ก็พยายามเดินหลบหลีกสายตาผู้คนที่มองเธอเหมือนตัวประหลาดมาที่หลังร้านอาหารแห่งนี้ มายืนชะเง้อคอมองตามกลิ่นอาหารที่หอมกรุ่นด้วยความหิวโหยจนนางเห็นเข้า
นางไม่ถามสักคำว่าเธอมาจากไหน ทำไมถึงแต่งตัวแปลกประหลาดกว่าคนอื่น แต่กลับช่วยเหลือด้วยการแอบเอาอาหารมาให้กินแก้หิว และพากลับบ้านที่อยู่ในตรอกแคบ ๆ ข้างร้านอาหารแห่งนี้
ดังนั้นเธอจะไม่ทำให้หญิงสาวต้องมาตกที่นั่งลำบากเพราะเธอเด็ดขาด
“มันไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อยที่เขาแกล้งข้าแบบนี้ ไปเตรียมของมาให้ข้าเถอะ”
“อือ”
“จะเป็นห่วงเป็นใยอะไรนางนัก ก็แค่ผัดผัก ไม่ได้ยากเสียหน่อย” เสี่ยวหมานบ่นอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นความห่วงใยของลี่ชุนที่มีต่อซูวี่
บนถนนสายการค้าของเมืองหลวง
“ท่านชาย”
“จะบอกให้ข้ารีบกลับบ้านใช่ไหม”
“ท่านก็รู้นี่”
“ข้ายังไม่อยากกลับ ก็บอกแล้วไงว่าหิว ๆ ๆ”
“ก็รีบกลับไปสะ..กินที่บ้านสิ” ชายหนุ่มรูปงาม ร่างผอมเพรียว เตี้ยกว่าอีกฝ่ายเกือบ ๆ ฉือกระซิบตอบ
“ถ้าไม่อยากถูกข้าเล่นงานกลางตลาดก็ปิดปากให้สนิท” ชายหนุ่มรูปงาม ร่างสูงโปร่งแต่ไม่เพรียวบางเหมือนคนข้าง ๆ กระซิบขู่หน้าตึง
“อย่างนั้นกินเสร็จแล้วรีบกลับนะท่านชาย”
“คราวหน้าข้าจะไม่พาเจ้ามาด้วยแล้ว”
“โธ่ท่านชาย”
“หุบปากเจ้าซะ!” ตะคอกใส่คนใกล้ตัวเสียงดังจนคนที่เดินผ่านไปมาหันมอง
อวี่กงได้แต่ทอดถอนใจ ไม่กล้าปริปากพูดอะไรอีกแม้คำเดียว ขันทีอย่างเขาถึงจะเป็นเพื่อนสนิทขององค์รัชทายาทผู้นี้ แต่สิ่งที่ทำได้ก็คือต้องยอมตลอด แม้สิ่งที่พระองค์ทำจะเป็นความผิดก็ตาม คิดแล้วก็น่าน้อยใจนักที่ไม่เคยเมินใส่พระองค์ได้สักที
“อวี่กง”
“พ่ะ.. ขอรับ” รีบกลับคำเมื่อเจอสายตาอาฆาต
“ร้านไหมทองหรือร้านหมูทองดีล่ะ” เขาชี้ไปที่ร้านด้านขวามือแล้วค่อยชี้ไปที่ร้านด้านซ้ายมือ
“แล้วแต่ท่าน”
“ข้าตามใจเจ้า อยากกินร้านไหนเลือกมาได้เลย”
นี่ไงแบบนี้ไง ตบหัวแล้วลูบหลังแบบนี้ตลอด แล้วใครจะไปโกรธได้ลงคอ
“ร้านไหมทอง” คราวที่แล้วพระองค์เปรย ๆ กับเขาว่าอยากกินผัดผักบุ้งที่ร้านไหมทองเพราะรสชาติอร่อยถูกปากมาก จึงเลือกที่นี่เพื่อพระองค์
“ใจเราตรงกันอีกแล้ว” รัชทายาทขยิบตาให้ขันทีคนสนิทแล้วเลี้ยวขวา เดินเข้าไปในร้านอาหารไหมทอง
“นายท่าน ยินดีต้อนรับขอรับ” หลงจู๊ประจำร้านโค้งศีรษะทักทายลูกค้าอย่างยิ้มแย้ม “วันนี้นั่งชั้นบนหรือชั้นล่างดี”
“เจ้าจำข้าได้ด้วยเหรอ ข้าเพิ่งมาที่ร้านเจ้าแค่สองครั้งเองนะ”
“จำได้สิขอรับ ครั้งแรกท่านเลือกนั่งที่ชั้นล่างทางด้านนั้น ครั้งที่สองท่านต้องการความเป็นส่วนตัวจึงเลือกนั่งที่ชั้นบน” ทำไมเขาจะจำไม่ได้เล่า ในเมื่อพวกเขารูปงามเปล่งประกายแบบคนชั้นสูงมาก ๆ เพียงแค่เดินเข้ามาในร้านก็พาให้คนอื่นดูมัวหมองในทันที โดยเฉพาะบุรุษที่รูปร่างสูงโปร่งกว่า
“น่าประทับใจนัก วันนี้คนยังเต็มร้านเหมือนเดิมนะ ข้าไม่ค่อยชอบความวุ่นวาย ขอนั่งชั้นบนก็แล้วกัน”
“ได้ขอรับ อาเว่ย พาท่านชายทั้งสองขึ้นไปที่ชั้นบน” หลงจู๊ตอบรับและสั่งการอย่างรวดเร็ว
“ทางนี้ขอรับนายท่าน” อาเว่ยพาบุรุษรูปงามทั้งสองขึ้นไปยังชั้นบนและให้พวกเขาเลือกนั่งตามใจชอบ ซึ่งก็มีที่ว่างอยู่ไม่มากนัก
“ท่านชายจะสั่งอาหารเลยไหมขอรับ หรือจะรับสุราก่อนดี”
“วันนี้ข้าไม่อยากดื่มสุรา ขอสั่งอาหารเลยก็แล้วกัน เจ้าสั่ง” องค์รัชทายาทรูปงามผลักภาระให้ขันทีผู้ติดตาม
“ผัดผักบุ้ง ถั่วคั่วเกลือ ต้มหวานปลาตะเพียน ข้าวต้มงาดำสองถ้วย” อวี่กงสั่งอาหารอย่างรวดเร็ว เลือกแต่สิ่งที่รัชทายาทเคยพูดว่าถูกปาก
“ขอรับ” อาเว่ยจดรายการอาหารลงในกระดาษแล้วโค้งศีรษะปิดท้ายก่อนจะเดินลงไปยังชั้นล่าง
หลังจากนั้นไม่นานก็กลับขึ้นมาพร้อมถาดบรรจุอาหาร บรรจงวางทุกอย่างลงบนโต๊ะอย่างสุภาพ
“เชิญกินให้อร่อยนะขอรับ” แล้วโค้งศีรษะกล่าวลา
วิโมกข์คือชายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดที่ผิดหวังจากความรักอย่างรุนแรง เขากลายเป็นคนอ่อนแอไร้หลัก หมกมุ่นอยู่กับสุรานานนับเดือน แต่หลังจากนั้นก็ได้สติเพราะคำพูดแทงใจของเด็กสาววัยสิบเจ็ดปีคนหนึ่ง เจ็ดปีต่อมาเขาได้กลายเป็นนายหัวผู้ทรงอิทธิพลในธุรกิจค้าหอยเป๋าฮื้อ และต้องเผชิญหน้ากับอดีตคนรักที่เข้ามาอยู่ในบ้านของเขาอีกครั้ง... ชาร์มมิ่งในวัยยี่สิบสี่ปีเดินทางจากนิวยอร์กสู่สงขลาอีกครั้งหลังจากเจ็ดปีผ่านไป เพราะถูกเพื่อนรักขอร้องให้มาแสดงละครขัดขวางอดีตคนรักของพี่ชาย เธอไม่อยากทำแบบนี้เลยเพราะพอใจที่จะแอบรักเขาไปแบบนี้มากกว่า แต่จะทำไงได้ล่ะ.. ในเมื่อเธอก็ถูกผู้เป็นย่าคอยจับคู่อยู่เรื่อยไป จึงตัดสินใจเลือกในสิ่งที่หัวใจปรารถนา... การแสดงที่มาจากส่วนลึกของจิตใจจริงๆ จึงเริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่วินาทีที่เธอเจอหน้าเขา
เธอสุขจนไม่รู้จะสุขยังไง เสียวจนไม่รู้จะเสียวยังไง สุขแล้วสุขเล่า เสียวแล้วเสียวเล่า สุขเสียวจนแทบจะไร้แรงยืนหยัด ต้องโอบแขนกับรอบลำคอแกร่งเพื่อเป็นหลักยึด “คืนนี้จะตามใจฉันทั้งคืนใช่ไหมยอดรัก” “ค่ะ” คำตอบของเธอทำให้เขาพึงพอใจที่สุด จึงจูบปากที่บวมเจ่อนิดๆ นั้นซ้ำอีกหนักๆ ลวนลามร่างนุ่มนิ่มนั้นอย่างย่ามใจ... กว่าจะได้ถูหลังขัดขี้ไคลให้เขา เธอก็ถูกเขาจับขัดดอกไปก่อนจนแทบจะหมดแรง นับเป็นการอาบน้ำที่นานและเสียวสะท้านที่สุดเท่าที่เคยอาบมา…
“คราวหน้าเจ้าควรตัดเล็บให้สั้นกว่านี้นะเหม่ยเหริน” เสินอี้อวดแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยเลือดซิบให้คนที่นอนหมดแรงอยู่บนเตียงได้เห็นก่อนจะสวมเสื้อคลุมปิดทับ ยิ้มขันได้ใจเมื่อได้เห็นใบหน้าแดงก่ำจนต่อคำพูด
เขาเหลือบสายตามองแก้มบางที่อยู่ไม่ห่างจากปาก จมูกน้อย ๆ ของนางคลอเคลียอยู่ที่ลำคอของเขาเมื่อก้าวเดิน เขาไม่คิดให้เสียเวลา ลดฝีเท้าในการเดินให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วคิดกำไรด้วยการจูบมุมปากและหอมแก้มของเธออย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็แผ่วเบานุ่มนวล เพราะไม่อยากทำให้นางตื่นจนเสียโอกาส มือไม้ก็ลูบไล้ความนุ่มเนียนจนลื่นมือของผิวแท้ ที่มีเพียงผ้าผืนน้อยปิดกั้นไว้ “สตรีขี้เมามันไม่งาม แต่ข้าก็ชอบถ้าเป็นเจ้า” เขาพึมพำชิดริมฝีปากอวบอิ่ม ประทับจูบลงไปแนบแน่นเมื่อวางร่างของนางลงบนเตียงเรียบร้อยแล้ว...
มีเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นที่ทำให้เธอฟื้นขึ้นมาได้ ซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่นั้นได้ดีที่สุดก็คือยมทูตรับส่งวิญญาณ เขารีบตามหาวิญญาณของเธอเพื่อพากลับเข้าร่างโดยเร็วที่สุด แต่ทุกอย่างก็สายเกินแก้เพราะเขาเจอเธอเมื่อร่างของเธอถูกเผาไปแล้ว ทางเดียวที่จะแก้ไขความผิดก็คือต้องส่งเธอกลับไปในร่างของคนอื่นที่เพิ่งหมดลมหายใจ และด้วยเหตุผลที่เธอเรียกร้องบางประการ จึงทำให้เธอได้กลับไปเกิดใหม่ในรัชสมัยของราชวงศ์หมิง ในร่างของหญิงสาววัย 19 ปีนามว่า "เฟิ่งต้าชวี่" แต่ "เฟิ่งต้าชวี่" ไม่ใช่ดรุณีแรกแย้มไร้เจ้าของ นางเป็นพระชายาที่แสนบริสุทธิ์ของแม่ทัพผู้เกรียงไกร "อ๋องใหญ่เกาหรงซาน" พระชายาที่เขาเขียนหนังสือหย่าทิ้งไว้ในห้องหอตั้งแต่วันแรกที่แต่งงาน แต่เพราะความรักและหน้าที่ของสตรีชาวฮั่น นางจึงทนอยู่อย่างปวดร้าวในตำหนักของเขาตลอด 2 ปีก่อนจะตรอมใจตาย
“เหล่ากง..” หญิงสาวยกมือปิดหน้าอก ชันเข่าขึ้นซ่อนสิ่งที่บ่งบอกความเป็นสตรี ตะแคงตัวหนีสายตาหยาดเยิ้มของเขา “สายตาของท่านทำซินเอ๋อร์ขัดเขินแทบขาดใจแล้ว” “เช่นนั้นเหล่ากงให้มองคืนบ้าง” เขาดึงนางมาสู้สายตา “ซินเอ๋อร์ไม่กล้าหรอก” นางเผลอมองไปแล้ว แม้จะเห็นความใหญ่โตของมันแค่ครึ่งลมหายใจ แต่ก็ทำให้นางตกใจจนทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
หลินจิงซู หญิงสาวผู้ล้มเหลวทุกอย่างในชีวิตเพราะครอบครัวเฮงซวย เธอย้อนเวลาไปยังปี1990 อาศัยความรู้ในโลกอนาคตเพื่อเก็บเกี่ยวโอกาสทางธุรกิจ ก่อร่างสร้างตัวจนมั่งคั่งร่ำรวย เพื่อบดขยี้ทุกคนที่เคยรังแก!
“ฉันไม่ชอบเธอ! อย่าเข้ามายุ่งกับฉันอีก” “ชะเอมก็ไม่เคยคิดที่จะชอบคนอย่างพี่เหมือนกัน แต่ที่ทำก็เพราะ..”
ครั้งที่เก้าสิบเก้าที่ ‘เจต’ ทำให้ฉันใจสลาย คือครั้งสุดท้ายของเรา เราสองคนเคยเป็นคู่รักดาวเด่นของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา อนาคตของเราถูกวางแผนไว้อย่างสวยหรูว่าจะเข้าเรียนที่จุฬาฯ ด้วยกัน แต่แล้วในช่วงปีสุดท้ายของม.ปลาย เขากลับไปหลงรักผู้หญิงคนใหม่ที่ชื่อ ‘แคท’ เรื่องราวความรักของเรากลายเป็นละครน้ำเน่าราคาถูกที่น่าเบื่อหน่าย เต็มไปด้วยการทรยศของเขาและการขู่ว่าจะเลิกอย่างไร้ความหมายของฉัน ในงานเลี้ยงจบการศึกษา แคท ‘บังเอิญ’ ดึงฉันตกลงไปในสระว่ายน้ำกับเธอ เจตกระโดดลงไปช่วยโดยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว เขากลับว่ายผ่านฉันที่กำลังตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดไปอย่างไม่ใยดี แล้วโอบแขนรอบตัวแคทก่อนจะพาเธอขึ้นจากสระอย่างปลอดภัย ขณะที่เขาช่วยพยุงเธอขึ้นจากสระ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของเพื่อนๆ เขาหันกลับมามองฉันที่ตัวสั่นเทา มาสคาร่าไหลเป็นทางสีดำอาบแก้ม “ชีวิตเธอ ไม่ใช่ปัญหาของฉันอีกต่อไป” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหมือนน้ำในสระที่ฉันกำลังจะจมดิ่งลงไป คืนนั้นเอง บางสิ่งในตัวฉันก็แตกสลายลงอย่างสมบูรณ์ ฉันกลับบ้าน เปิดโน้ตบุ๊ก และคลิกปุ่มยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาต่อ ไม่ใช่ที่จุฬาฯ กับเขา แต่เป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ คนละฟากฝั่งของกรุงเทพฯ
ลู่หมิงเยว่ถูกแฟนนอกใจ และยังโดนดูถูกว่าเธอแค่ดีแต่หน้าตา ด้วยความโกรธ ลู่หมิงเยว่ใช้เสน่ห์ของเธอไปมีความสัมพันธ์กับเยี่ยนเฉิงจือประธานบริษัท แต่เธอกล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับ หลังจากเสร็จธุระนั้นเธอก็หนีไปเงียบๆ และยังเข้าใจผิดว่าคนในคืนนั้นคือเพลย์บอย เสิ่นเว่ยตง ทำให้เยี่ยนเฉิงจือเข้าใจผิดว่าเธอชอบคนอื่น เขาเลยแอบอิจฉาและหึงหวงอยู่เงียบๆ มานาน
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY