/0/19445/coverbig.jpg?v=577f3c30b5c194d3127a7068a5bf8a09)
นิยายรักข้ามกาลเวลา เรื่อง เจ้าสาวมังกร
นิยายรักข้ามกาลเวลา เรื่อง เจ้าสาวมังกร
ร้านอาหารไหมทอง
สามเดือนแล้วที่สุวิมลต้องติดอยู่ในยุคจีนโบราณ ที่ย้อนยุคกลับมาประมาณสี่ร้อยปีโดยที่ไม่รู้ว่าเข้ามาอยู่ได้อย่างไร และไม่รู้ว่าพี่น้องอีกสี่คนจะเป็นอย่างไรกันบ้าง แต่ก็หวังว่าพวกนั้นจะไม่โชคร้ายเหมือนเธอ
หรือ..หรือถ้าโชคร้ายเหมือนกัน เธอก็หวังว่าจะมีโอกาสได้มาเจอหน้ากันในวันหนึ่ง
“ซูวี่!.. ซูวี่!”
“ได้ยินแล้ว ทำไมต้องตะโกนเสียงลั่นทุ่งขนาดนั้นด้วย” เธอโมโหคนเรียกที่ไม่รู้จักให้เกียรติกันบ้าง และไม่สนใจว่าเขาจะพอใจหรือไม่ที่ตะโกนเสียงดังสวนกลับไป เธอวางมือจากงานล้างจานที่ยังล้างไม่เสร็จแล้วเดินเข้าไปในครัว “มีอะไร”
“ข้าปวดแขน เจ้าไปทำอาหารตามรายการนี้หน่อย” พ่อครัวที่มีนิสัยหยิ่งทระนงพอ ๆ กับความขี้เกียจยื่นกระดาษที่เขียนรายการอาหารให้หญิงสาว
“ทำไมข้าต้องทำด้วย มันไม่ใช่หน้าที่ของข้า อาเกอกับอาเล้งเป็นผู้ช่วยของเจ้า ทำไมไม่ใช้พวกเขาล่ะ”
“ซูวี่ช่วยพวกเราหน่อยเถอะนะ ตอนนี้เราทำไม่ทันจริง ๆ ดูสิ” อาเกอหยิบรายการอาหารที่เขาต้องทำให้หญิงสาวดู
“ของข้าก็ไม่น้อยไปกว่าอาเกอหรอก” เล้งใช้ปากชี้รายการอาหารของตัวเองที่หนีบเอาไว้ตรงหน้า “ช่วยพวกเราหน่อยนะซูวี่” เขารู้ว่าภายใต้ท่าทีที่ดูเหมือนร้ายของนางนั้นเต็มไปด้วยมิตรไมตรี นางจะร้ายกับคนที่ร้ายใส่อย่างเสี่ยวหมานเท่านั้น
“ช่วยพวกเราหน่อยนะ ถ้าอาหารออกช้าแล้วลูกค้าไม่พอใจพวกเราซวยซ้ำซวยซ้อนแน่” อาเกอกระซิบกับหญิงสาว
“ข้าทำแทนก็ได้นะ” หญิงสาวนางหนึ่งพูดขึ้นพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“เจ้าไม่ต้องยุ่ง ข้าไม่ได้ใช้เจ้า” เสี่ยวหมานรีบปฏิเสธแล้วโยนกระบวยให้หญิงสาวอีกนางหนึ่ง ที่ไม่ชอบขี้หน้าตั้งแต่วันแรกที่นางมาทำงานที่นี่ แต่ก็ต้องรับนางเอาไว้เพราะดันแอบชอบหญิงสาวที่พานางมาฝากฝัง “รีบออกไปจากตรงนี้เลยลี่ชุน เดี๋ยวโดนน้ำมัน น้ำร้อนกระเด็นใส่แล้วจะหาว่าข้าไม่เตือน ยังไม่ไปอีก!” เขาตะคอกใส่เมื่อนางเอาแต่ยืนอาลัยอาวรณ์เพื่อนรักของนาง
“ออกไปเตรียมของมาให้ข้าเถอะลี่ชุน” ซูวี่เห็นลี่ชุนผู้มีพระคุณโดนดุก็จำใจต้องทำตามคำสั่งของหัวหน้าพ่อครัวอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เจ้าทำได้แน่นะ” ลี่ชุนกระซิบถามอย่างห่วงใย
“อือ” เธอไม่กลัวสักนิดที่ถูกแกล้งให้ทำอาหาร เพราะในยุคอนาคตจากนี้อีกสี่ร้อยปีที่เธอเคยอยู่ เธอเป็นถึงเจ้าของโรงเรียนสอนทำอาหารและเครื่องดื่ม และยังสอนทำอาหารผ่านโลกออนไลน์อีกด้วย
แม้อาหารในยุคนี้จะแปลกและเครื่องปรุงก็ไม่ได้มีให้เลือกมากมายเหมือนยุคของเธอ แต่พรสวรรค์ในการทำอาหารที่มีอยู่ แค่ชิม ๆ แตะ ๆ ก็สามารถปรุงออกมาได้รสชาติที่ดีได้ไม่ยาก
ที่สำคัญไปกว่านั้น ลี่ชุนเป็นคนที่ช่วยเธอเอาไว้..
หลังจากที่รู้สึกตัวที่ริมลำธารสายเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ก็พยายามเดินหลบหลีกสายตาผู้คนที่มองเธอเหมือนตัวประหลาดมาที่หลังร้านอาหารแห่งนี้ มายืนชะเง้อคอมองตามกลิ่นอาหารที่หอมกรุ่นด้วยความหิวโหยจนนางเห็นเข้า
นางไม่ถามสักคำว่าเธอมาจากไหน ทำไมถึงแต่งตัวแปลกประหลาดกว่าคนอื่น แต่กลับช่วยเหลือด้วยการแอบเอาอาหารมาให้กินแก้หิว และพากลับบ้านที่อยู่ในตรอกแคบ ๆ ข้างร้านอาหารแห่งนี้
ดังนั้นเธอจะไม่ทำให้หญิงสาวต้องมาตกที่นั่งลำบากเพราะเธอเด็ดขาด
“มันไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อยที่เขาแกล้งข้าแบบนี้ ไปเตรียมของมาให้ข้าเถอะ”
“อือ”
“จะเป็นห่วงเป็นใยอะไรนางนัก ก็แค่ผัดผัก ไม่ได้ยากเสียหน่อย” เสี่ยวหมานบ่นอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นความห่วงใยของลี่ชุนที่มีต่อซูวี่
บนถนนสายการค้าของเมืองหลวง
“ท่านชาย”
“จะบอกให้ข้ารีบกลับบ้านใช่ไหม”
“ท่านก็รู้นี่”
“ข้ายังไม่อยากกลับ ก็บอกแล้วไงว่าหิว ๆ ๆ”
“ก็รีบกลับไปสะ..กินที่บ้านสิ” ชายหนุ่มรูปงาม ร่างผอมเพรียว เตี้ยกว่าอีกฝ่ายเกือบ ๆ ฉือกระซิบตอบ
“ถ้าไม่อยากถูกข้าเล่นงานกลางตลาดก็ปิดปากให้สนิท” ชายหนุ่มรูปงาม ร่างสูงโปร่งแต่ไม่เพรียวบางเหมือนคนข้าง ๆ กระซิบขู่หน้าตึง
“อย่างนั้นกินเสร็จแล้วรีบกลับนะท่านชาย”
“คราวหน้าข้าจะไม่พาเจ้ามาด้วยแล้ว”
“โธ่ท่านชาย”
“หุบปากเจ้าซะ!” ตะคอกใส่คนใกล้ตัวเสียงดังจนคนที่เดินผ่านไปมาหันมอง
อวี่กงได้แต่ทอดถอนใจ ไม่กล้าปริปากพูดอะไรอีกแม้คำเดียว ขันทีอย่างเขาถึงจะเป็นเพื่อนสนิทขององค์รัชทายาทผู้นี้ แต่สิ่งที่ทำได้ก็คือต้องยอมตลอด แม้สิ่งที่พระองค์ทำจะเป็นความผิดก็ตาม คิดแล้วก็น่าน้อยใจนักที่ไม่เคยเมินใส่พระองค์ได้สักที
“อวี่กง”
“พ่ะ.. ขอรับ” รีบกลับคำเมื่อเจอสายตาอาฆาต
“ร้านไหมทองหรือร้านหมูทองดีล่ะ” เขาชี้ไปที่ร้านด้านขวามือแล้วค่อยชี้ไปที่ร้านด้านซ้ายมือ
“แล้วแต่ท่าน”
“ข้าตามใจเจ้า อยากกินร้านไหนเลือกมาได้เลย”
นี่ไงแบบนี้ไง ตบหัวแล้วลูบหลังแบบนี้ตลอด แล้วใครจะไปโกรธได้ลงคอ
“ร้านไหมทอง” คราวที่แล้วพระองค์เปรย ๆ กับเขาว่าอยากกินผัดผักบุ้งที่ร้านไหมทองเพราะรสชาติอร่อยถูกปากมาก จึงเลือกที่นี่เพื่อพระองค์
“ใจเราตรงกันอีกแล้ว” รัชทายาทขยิบตาให้ขันทีคนสนิทแล้วเลี้ยวขวา เดินเข้าไปในร้านอาหารไหมทอง
“นายท่าน ยินดีต้อนรับขอรับ” หลงจู๊ประจำร้านโค้งศีรษะทักทายลูกค้าอย่างยิ้มแย้ม “วันนี้นั่งชั้นบนหรือชั้นล่างดี”
“เจ้าจำข้าได้ด้วยเหรอ ข้าเพิ่งมาที่ร้านเจ้าแค่สองครั้งเองนะ”
“จำได้สิขอรับ ครั้งแรกท่านเลือกนั่งที่ชั้นล่างทางด้านนั้น ครั้งที่สองท่านต้องการความเป็นส่วนตัวจึงเลือกนั่งที่ชั้นบน” ทำไมเขาจะจำไม่ได้เล่า ในเมื่อพวกเขารูปงามเปล่งประกายแบบคนชั้นสูงมาก ๆ เพียงแค่เดินเข้ามาในร้านก็พาให้คนอื่นดูมัวหมองในทันที โดยเฉพาะบุรุษที่รูปร่างสูงโปร่งกว่า
“น่าประทับใจนัก วันนี้คนยังเต็มร้านเหมือนเดิมนะ ข้าไม่ค่อยชอบความวุ่นวาย ขอนั่งชั้นบนก็แล้วกัน”
“ได้ขอรับ อาเว่ย พาท่านชายทั้งสองขึ้นไปที่ชั้นบน” หลงจู๊ตอบรับและสั่งการอย่างรวดเร็ว
“ทางนี้ขอรับนายท่าน” อาเว่ยพาบุรุษรูปงามทั้งสองขึ้นไปยังชั้นบนและให้พวกเขาเลือกนั่งตามใจชอบ ซึ่งก็มีที่ว่างอยู่ไม่มากนัก
“ท่านชายจะสั่งอาหารเลยไหมขอรับ หรือจะรับสุราก่อนดี”
“วันนี้ข้าไม่อยากดื่มสุรา ขอสั่งอาหารเลยก็แล้วกัน เจ้าสั่ง” องค์รัชทายาทรูปงามผลักภาระให้ขันทีผู้ติดตาม
“ผัดผักบุ้ง ถั่วคั่วเกลือ ต้มหวานปลาตะเพียน ข้าวต้มงาดำสองถ้วย” อวี่กงสั่งอาหารอย่างรวดเร็ว เลือกแต่สิ่งที่รัชทายาทเคยพูดว่าถูกปาก
“ขอรับ” อาเว่ยจดรายการอาหารลงในกระดาษแล้วโค้งศีรษะปิดท้ายก่อนจะเดินลงไปยังชั้นล่าง
หลังจากนั้นไม่นานก็กลับขึ้นมาพร้อมถาดบรรจุอาหาร บรรจงวางทุกอย่างลงบนโต๊ะอย่างสุภาพ
“เชิญกินให้อร่อยนะขอรับ” แล้วโค้งศีรษะกล่าวลา
“เหล่ากง..” หญิงสาวยกมือปิดหน้าอก ชันเข่าขึ้นซ่อนสิ่งที่บ่งบอกความเป็นสตรี ตะแคงตัวหนีสายตาหยาดเยิ้มของเขา “สายตาของท่านทำซินเอ๋อร์ขัดเขินแทบขาดใจแล้ว” “เช่นนั้นเหล่ากงให้มองคืนบ้าง” เขาดึงนางมาสู้สายตา “ซินเอ๋อร์ไม่กล้าหรอก” นางเผลอมองไปแล้ว แม้จะเห็นความใหญ่โตของมันแค่ครึ่งลมหายใจ แต่ก็ทำให้นางตกใจจนทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
ชติรสรีบพลิกตัวหันหลังให้ชายหนุ่มทันทีที่เขาผละจากเธอไปยืนอยู่ข้างเตียง ควานมือไปด้านหลังเพื่อหาผ้าห่มมาคลุมร่างที่เปลือยเปล่าของตนให้พ้นจากสายตาร้อนแรงสีน้ำตาลเฮเซลคู่นั้น แต่ให้ตายเถอะผ้าห่มมันหายไปไหนวะ! ชายหนุ่มกอดผ้าห่มไว้กับอก มองทรวดทรงอวบอัดที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างชัดเจน เธอคือผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติในสายตาของเขาจริงๆ คิดไปคิดมาความต้องการที่เพิ่งสงบลงไปก็เริ่มตื่นตัวอีกครั้ง เขารีบคลี่ผ้าห่มคลุมร่างให้เธอแล้วแต่งตัวเพราะกลัวอดใจไม่ไหว กลัวจะทำให้เธอเจ็บปวดทรมานจนเข็ดขยาด “ผมไปก่อนนะยอดรัก” เขาเกี่ยวร่างที่ตะแคงหันหลังให้ด้วยมือข้างเดียว แล้วโน้มหน้าไปกระหน่ำจูบที่เรียวปากอิ่มนั้นอย่างเสน่หา ก่อนจะออกไปจากห้องเขายังหยิบโทรศัพท์ของเธอมากดเข้าหาเบอร์ตัวเอง และอดไม่ได้ที่จะรั้งร่างบางมากอดแนบอกและดูดดื่มความหวานของเรียวปากอย่างอาลัยอาวรณ์ “อย่าลืมสัญญาของเราล่ะ” เธอเน้นย้ำเมื่อเขาจะจากไป เขามองร่างที่กอดกระชับผ้าห่มนวมเอาไว้ด้วยความรักใคร่อย่างเปิดเผย “ผมจะรักษาสัญญาอย่างเคร่งครัดถ้าคุณไม่ผิดคำสัญญา” “เราควรทำหนังสือสัญญาต่อกัน” “ไม่จำเป็น หน้าที่ของคุณคือเป็นตัวแทนของลิก้า หน้าที่ของผมคือห้ามยุ่งกับลิก้า ดังนั้นคุณและผมแค่ทำหน้าของตัวเองอย่างเคร่งครัดหนังสือสัญญาก็ไม่มีความหมาย” “ถ้าฉันรู้ว่าคุณยุ่งกับพี่สาวของฉันทั้งที่ฉันยอมคุณถึงขนาดนี้ เราได้เห็นดีกันแน่” เธอข่มขู่ “ผมไม่โง่เสียคุณไปหรอกยอดรัก คุณเด็ดกว่าเธอเป็นไหนๆ” “อย่ามาหยาบคายกับฉัน ไสหัวออกไปจากห้องฉันได้แล้ว” เธอหยิบหมอนปาใส่คนปากเปราะนัยน์ตาลามกด้วยความอับอายระคนโกรธแค้น
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบทุกกระเบียดนิ้วอย่างเขา ทำไมต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงที่เป็นง่อยอย่างเธอด้วยล่ะ.. ------------------ เขากอดเธอแน่น จูบหนักหน่วงขึ้น เรียกว่าแทบจะสูบเอาวิญญาณออกมา จูบจนเธอต้องเบือนหน้าหนีเพื่อสูดเอาอากาศเข้าปอด “หายใจไม่ทันเหรอ” ถามเสียงนิ่ง จ้องใบหน้านวลไม่กะพริบ “ตอบผมสิ” คะยั้นคะยอขอคำตอบเมื่อเธอเอาแต่อ้ำอึ้ง ไม่กล้าจะสบตาด้วย “..ค่ะ” ตอบอย่างขัดเขิน “มองหน้าผมให้เต็มตาแล้วค่อยตอบสิหนูเล็ก” ไม่พูดเปล่า แต่ยังเอื้อมมือไปจับปลายคาง รั้งใบหน้าเธอให้หันมามองตน.. แต่ใบหน้าเรียวแดงซ่านช่างน่ารักเหลือเกิน อดใจไม่ได้ต้องโน้มไปหาและจูบเสียอีกที หอมอีกสองฟอด “เด็กเลี้ยงแกะ!” แล้วตำหนิเสียงขรึม แววตาวาว คนถูกดุเหลือบสายตามองโต้ ทั้งเขินทั้งงง ไม่เข้าใจว่าตนกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะได้อย่างไร
อดีตนักดนตรีรูปหล่อพ่อรวยที่ผันตัวเองมาเป็นนักธุรกิจเต็มตัวเพื่อสืบทอดกิจการของครอบครัว สามปีที่เขามัวแต่เรียนรู้เรื่องงานที่ไม่ถนัดจนต้องปล่อยวางเรื่องความรัก ตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะรับมือกับมัน แต่ให้ตายเถอะ! ทำไมผู้หญิงแต่ละคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกถวิลหาได้เหมือนเธอคนนั้นเลยสักคน ตอนนี้เธออยู่ไหน ทำอะไรอยู่นะ เขาอยากเจอเธออีกสักครั้ง และครั้งนี้จะไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือเด็ดขาด เชิญพบกับความรักของพี่โฉดผู้น่ารักกับน้องแนนผู้ใสซื่อ(จากบัญชารักจากหัวใจ)ได้ในเล่มนี้เลยค่ะ
“เป็นอะไร หน้ามืดเหรอ” เขาตีหน้าเครียดถามไถ่ เก็บซ่อนอาการขำขันด้วยความเอ็นดูเอาไว้มิดชิด เธออายจนต้องยกมือปิดหน้า ซ้ำยังบิดตัวซุกหลบกับอกแกร่งเพราะกลัวจะตก “คุๆๆๆ คุณ..คุณไคปล่อยครีมลงเถอะค่ะ” “ไม่ปล่อย” “ทำไมล่ะคะ” “ก็ไม่อยากปล่อย ตั้งแต่แต่งงานกันมาเรายังไม่เคยทำตัวเป็นสามีภรรยากันเลย ผมก็อยากอุ้มภรรยาดูบ้างไม่ได้เหรอ” “ได้ค่ะ แต่ไม่ใช่เวลานี้ ตอนนี้คุณไคไม่สบายอยู่นะคะ ปล่อยครีมลงก่อนดีกว่าค่ะ อุ้มของหนักมากๆ เดี๋ยวยิ่งปวดหัวนะคะ” เธอแก้ตัวบ้าบออะไรของเธอเนี่ย ทำไมยิ่งฟังยิ่งน่ารักน่าฟัด พาให้หมั่นเขี้ยวนัก
เธอคือสาวสวย มาดมั่น วัย 30 ปี ที่ปากจัดสุดๆ ส่วนเขาเป็น CEO หนุ่มหล่อ มาดแมน วัย 27 ปี ที่เธอไม่ชอบขี้หน้าเอาซะเลย เพราะเขาคอยแต่จับผิดและชอบใช้งานเธอผิดหน้าที่อยู่บ่อยๆ +++++++++++++++++++ ยัสซันรีบขยับกายตั้งท่าลุกขึ้นอย่างหัวเสีย วิ่งตามหญิงสาวฝีเท้าหนักที่ทำเอาเขาวูบไปชั่วขณะเพราะแรงของมัน เธอมันร้ายได้ทุกสถานที่จริงๆ ขนาดอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้ยังกล้าลงมือ ถ้าทำกันขนาดนี้ก็อย่าหวังว่าจะรอดออกไปได้ง่ายๆ “กรี๊ดดดด..” สองเท้าของเธอตะกุยอยู่ในอากาศ เพราะถูกร่างที่สูงใหญ่กว่าโอบอุ้มจากข้างหลังจนตัวลอย “ปล่อยฉันนะไอ้เลว ไอ้ระยำ แกจะต้องเสียใจที่ทำกับฉันแบบนี้” เธอยังดีดดิ้นเพื่อให้หลุดจากการโอบกอด “ใครกันแน่ที่ต้องเสียใจ กล้าถีบหน้าผมก็ต้องชดใช้ให้สาสม” จมูกโด่งเป็นสันแตะที่ขมับของหญิงสาว กระซิบที่หูขณะหิ้วเธอกลับไปที่เตียงนอน เหวี่ยงเธอลงไปบนเตียงหลังใหญ่อีกครั้ง แล้วรีบโถมกายตามไปติดๆ จัดการลงโทษตามแบบที่ต้องการ
ฉินเซี่ยหรู คุณหนูใหญ่แห่งสกุลฉิน นางสิ้นอายุขัยจากการถูกสามีอย่าง หวงจิงอวี่ทำร้ายจิตใจด้วยการรับอนุเข้ามาอยู่ในจวนมากมาย เขามิเคยร่วมเตียงกับนางเลยสักครั้งจนอนุที่รับมานั้นตั้งครรภ์ อำนาจในการดูแลเรือนของนางจึงดูไร้ค่า เพราะแม่ของสามีก็ดูถูกที่นางมิสามารถมีทายาทสืบสกุลได้ นางจะมีได้เช่นไรกัน ในเมื่อสามีที่แต่งนางมานั้นมิเคยร่วมเตียงกับนางเลยสักครา จนนางตรอมใจและดับสูญไปในที่สุด ผู้ใดจะรู้เรื่องราวหลังจากนั้น ฉินเซี่ยหรูได้กลับชาติไปเกิดในร่างของหลานสาวขี้โรคของนาง แต่ทว่าการได้เกิดใหม่ในครั้งนี้ทำให้ร่างกายของหลานสาวนั้นกลับมาแข็งแรงราวปาฏิหารย์ สตรีที่เคยมีอายุยี่สิบสามปี แต่บัดนี้กลับกลายมาอยู่ในร่างของเด็กหญิงอายุเจ็ดขวบ นางตั้งมั่นเอาไว้แล้วว่าในอนาคต นางจะมิยอมแต่งงานอีกต่างหาก แต่เมื่อได้พบเจอกับเขา นักปราชญ์หนุ่มที่เพิ่งย้ายมา นางจึงเปิดใจและอยากแต่งงาน นั่นเป็นเพราะเขาทำให้นางได้รู้จักความรักที่แท้จริง... ความรักที่ไม่เคยได้รับรักตอบจากชาติภพก่อน
หนุ่มวิศวะปีสี่ที่ได้ฉายา เสือยิ้มยาก เขาผู้ไม่เคยยิ้มให้ใครแต่กลับยิ้มให้เธอเห็นเพียงคนเดียว จากคนที่ไม่คิดจะรักใครแต่กลับรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้น มารู้ตัวอีกทีก็ไม่อยากเป็นแค่รุ่นพี่แล้วแต่อยากเป็น(ผัว)
ชาตินี้เสียลูกและสามี พอได้เกิดใหม่อีกทีขอเลี้ยงดูเจ้าให้ดีที่สุด นภาเสียชีวิตและได้ไปเกิดใหม่ในร่างของหลินเสี่ยวเหยา จิตใจที่โศกเศร้าของเธอ จะได้รับการเยียวยาหรือไม่ ต้องติดตาม
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”
“สวัสดีครับ” เภสัชกรวัยกลางคนที่ประจำเค้าเตอร์ขายยาทักทายลูกค้าทั้งสอง “ผมต้องการยาคุมกำเนิด” อดัมแจ้งสิ่งที่ต้องการโดยทันที น้ำฟ้าหันไปมองคนข้างกายที่ยังกุมมือเธอด้วยดวงตาที่เบิกกว้างจนดวงตาสีน้ำตาลเข้มแทบจะหลุดออกจากเบ้าตา “ครับ” เภสัชกรขานรับพร้อมกับหันหลังหยิบสิ่งที่ลูกค้าตรงหน้าต้องการ ด้วยแววตาที่เรียบเฉย “คุณครับ...คุณคิดว่าเธอคนนี้ควรใช้เวลากับผมเพียงแค่ยี่สิบเอ็ดหรือแค่ยี่สิบแปดวันเท่านั้นเหรอครับ” คำพูดของอดัมสร้างความฉงนไม่เข้าใจให้กับเภสัชกรตรงหน้าอย่างมาก “เอ่อ...ขอโทษครับ...ผมไม่เข้าใจ” “ก็เธอคนนี้...คนที่ยืนอยู่ข้างๆผม...เธอเข้าใจว่าผมจะให้เธออยู่กับผมเพียงแค่ปริมาณยาคุมกำเนิดที่ผมให้เธอกิน” อดัมพูดต่อโดยที่สายตาของเขายังคงจ้องอยู่ที่เภสัชกรเท่านั้น แต่กลับเป็นเภสัชกรที่ย้ายสายตามามองคนที่ถูกกล่าวถึง และตอนนี้เภสัชกรก็เห็นใบหน้าเธอซับสีเลือดอย่างเห็นได้ชัดมากขึ้นเมื่อได้ยินประโยคคำพูดของคนข้างๆเธอ “เข้าใจแล้วครับ...ทั้งร้านผมมียาตัวนี้อยู่น่าจะหนึ่งลังและในหนึ่งลังนั้นมีอยู่สี่ร้อยกล่องครับ...คุณจะเหมาหมดเลยมั้ยครับ” เภสัชกรวัยกลางคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่าชายตรงหน้าหลายปีนัก SET : Romance Of Mafia เรื่องราวต่อเนื่องกันมา.... ลำดับที่ 1 ; จังหวะรักมาเฟีย [ Mafia’s Rhythms Of Love ] ลำดับที่ 2 ; มาเฟีย'จ้าว'ชีวิต [ Mafia’s King ] ลำดับที่ 3 ; 'ลูกไม้'มาเฟีย [ Heir Of Mafia ] ลำดับที่ 4 ; นางฟ้ามาเฟีย [ Mafia’s Fairy ] ลำดับที่ 5 ; จอมใจมาเฟีย [ Mafia’s Beloved ]
© 2018-now MeghaBook
บนสุด