“ถ้าเจ้าอยากให้ข้ากับแม่ของเจ้า ต้องแบกรับความอัปยศก็ตามใจเจ้าเถิด นอกจากอับอายขายขี้หน้าชาวบ้าน ข้ากับแม่ที่ป่วยออด ๆ แอด ๆ ของเจ้า ก็คงต้องขายตัวไปเป็นทาสให้บ้านอาหู เพื่อชดใช้หนี้ที่หยิบยืมมารักษาแม่ของเจ้า”
“ท่านพ่อ!” เสี่ยวอินได้แต่มองบิดาที่หุนหันเดินจากไปผ่านม่านน้ำตา
หลายวันผ่านไป
“อย่าเสียใจไปเลยอาอิน ข้าดีใจด้วยซ้ำที่เจ้าจะได้แต่งงานกับอาหู เพราะอาหูเขาเป็นคนดีมาก จิตใจโอบอ้อมอารี คอยช่วยเหลือเพื่อนอย่างข้าเสมอ” ชายหนุ่มหน้าตาดีบอกกับหญิงคนรัก ยิ้มให้นาง ไม่แสดงความเสียใจออกไปให้เห็น
“เจ้าไม่รักข้าแล้วหรืออาเกอ”
“รักสิ..แต่เจ้าก็ควรกตัญญูต่อบิดามารดามากกว่าไม่ใช่หรือ”
“แต่ข้ารักเจ้า”
“เจ้าควรลืมข้าเสีย คนอย่างข้ามันไร้อนาคต เป็นแค่ลูกจ้างในโรงเตี๊ยม แต่อาหูเป็นทหารในวังหลวง มีหน้าที่การงานที่ดี เขาจะต้องมีตำแหน่งที่สูงขึ้นในอนาคต เจ้าก็จะสุขสบายมากขึ้น ไม่ต้องลำบากเหมือนตอนนี้”
“ข้ายอมลำบากถ้าได้อยู่กับเจ้า”
“แต่ข้าอยากให้เจ้าอยู่อย่างสุขสบายกับอาหูมากกว่า..เจ้ากับข้าจบสัมพันธ์กันแค่นี้ดีกว่า” จูเกอตัดใจลูกขึ้นแล้วหันหลังให้หญิงสาวผู้เป็นที่รัก “ลาก่อน”
“อาเกอ” เสี่ยวอินร้องไห้น้ำตานองหน้า เมื่อชายคนรักเดินจากไปทันทีที่พูดจบ
ทำไมทุกคนที่นางรักถึงไม่รักนาง ทำไมทั้งบิดาและทั้งเขาถึงหันหลังให้นางอย่างง่ายดาย
หนึ่งเดือนผ่านไป
เสี่ยวอินมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของเจ้าบ่าว ที่เปิดผ้าคลุมหน้าของนางด้วยสายตาเย็นชา ไม่สนใจรอยยิ้มอ่อนโยนที่เขามอบให้สักนิด แต่ก็ยอมทำตามประเพณีโดยดี ยอมแม้กระทั่งร่วมหัวจมท้ายเป็นสามีภรรยา
ก๊อก ๆ ๆ
ยามโฉ่วของคืนแต่งงาน ขณะที่บ่าวสาวกำลังนอนหลับอยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นหลายครั้ง
“อาหู”
ไป๋ซินหูรีบลุกจากที่นอนแล้วรีบเดินไปเปิดประตู
“มีเรื่องด่วนอันใดท่านพ่อ”
“มีคำสั่งให้หน่วยของเจ้าออกเดินทางนำเสบียงอาหารและยาไปที่เมืองไฮ่ เพราะที่นั่นฝนตกหนัก หินจากภูเขาถล่มปิดเส้นทางสัญจร ทำให้ชาวบ้านถูกตัดขาดจากเมืองอื่น ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก แล้วตอนนี้ก็เริ่มเกิดการระบาดของโรคซางหานในเด็กอีกด้วย”
“ตอนนี้เลยหรือท่านพ่อ”
“ภายในยามโฉ่วพวกเจ้าต้องไปรวมตัวกันที่หน้าประตูทิศเหนือของวังหลวง”
“เช่นนั้นข้าจะรีบไปเตรียมตัว ท่านพ่อไปพักผ่อนเถิด”
เจ็ดเดือนผ่านไป
เสี่ยวอินเก็บจดหมายที่ได้รับจากสามีหลังจากที่อ่านจบ นางไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายกับข้อความที่บอกว่าเขาเสร็จงานแล้ว และกำลังจะเดินทางกลับ ซึ่งป่านนี้ก็คงกำลังอยู่ในระหว่างเดินทาง และคงใช้เวลาอีกแรมเดือนกว่าจะมาถึงเมืองหลวง
นางลูบหน้าท้องที่นูนออกมาพอสมควร ทารกในท้องเริ่มดิ้นให้รู้สึกแล้ว แต่นางก็ไม่ได้ตื่นเต้นยินดีสักนิด
“เสี่ยวอิน”
“พี่สะใภ้” หญิงสาวรีบลุกขึ้นเดินไปหาพี่สะใภ้ของสามี
“เป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกปวดหลังปวดเอวบ้างไหม”
“ไม่ ข้าปกติดีมาก ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย”
“โชคดีนัก เด็กคนนี้ช่างเจียมตัวดีเหลือเกิน รู้ว่าพ่อไม่อยู่ก็ไม่กล้าทำให้แม่เหนื่อยเพราะตัวเอง”
เสี่ยวอินได้แต่ยิ้มกับคำพูดของพี่สะใภ้ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร
“วันนี้เจ้าพอจะมีเวลาว่างไหม”
“พี่สะใภ้จะไปไหนหรือ”
“อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันเกิดของสามีข้าแล้ว ข้าอยากไปไหว้พระขอพรให้เขาสักหน่อย ข้าก็เลยอยากชวนเจ้าไปด้วย เจ้าจะได้ไหว้พระขอพรให้ลูกในท้องกับสามีของเจ้าบ้าง”
“ได้สิ” แต่นางไม่ได้อยากไปไหว้พระขอพรหรอกนะ นางแค่รู้สึกเบื่อ อยากออกไปเที่ยวเล่นบ้างก็เท่านั้น
วัดไท่หลินจง
“พี่สะใภ้ ข้าอยากเข้าห้องน้ำ”
“ห้องน้ำต้องเดินลงบันไดไปทางด้านหลัง ไกลหน่อยนะ ให้ข้าไปเป็นเพื่อนไหม”
“ไม่ต้องหรอก ที่วัดนี้ร่มรื่นนัก เข้าห้องน้ำแล้วข้าอยากจะเดินเล่นสักหน่อย”
“ตามใจ ข้าจะนั่งสมาธิรออยู่ที่นี่นะ”
“อือ”
เสี่ยวอินเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วก็เดินชมสวนที่แสนร่มรื่นของวัด เดินไปเรื่อย ๆ จนถึงสระน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในสวน มองดูปลาหลีฮื้อสีสันหลายสิบตัวแหวกว่ายอยู่ในสระ
แล้วหูของนางก็บังเอิญได้ยินเสียงหัวเราะของสตรีนางหนึ่ง.. จึงเหลือบไปมองด้วยความใคร่รู้..เห็นบุรุษสตรีคู่หนึ่ง.. แต่เพียงแค่เห็นแผ่นหลังผึ่งผายของฝ่ายชาย ก็จำได้ทันทีว่าเขาคือหูเกอ อดีตชายคนรักของตน
ความหึงหวงบังเกิดขึ้นทันที เมื่อเห็นพวกเขาส่งยิ้มให้กันและกันอย่างหวานซึ้ง
เท้าที่ยืนนิ่งอยู่ริมสระเปลี่ยนเป็นเดินตรงไปยังที่พวกเขานั่งอยู่
“เสี่ยวอิน!” หูเกอเห็นหญิงสาวที่เดินเข้ามาก็ตกใจ “เจ้ามาได้อย่างไร เป็นอย่างไร สบายดีไหม” แต่ก็รีบทักทายอย่างเป็นมิตร
เสี่ยวอินมองหญิงสาวที่มากับเขาด้วยสีหน้าชิงชังอย่างเปิดเผย
“เจ้ามากับใครหรืออาเกอ”
“นางคือแม่นางสี นางกับข้ากำลัง”
“ไม่ต้องบอก ข้าไม่อยากรู้ ข้าแค่อยากมาทักเจ้าเท่านั้น ข้าไปแล้ว” พูดจบก็สะบัดหน้าเดินจากไปทันที
ถ้าไม่ใช่เพราะไป๋ซินหู คนที่ได้ยืนอยู่ข้างอาเกอก็ต้องเป็นนาง เพราะเขาคนเดียวทำให้นางต้องเสียคนรัก ทำให้นางต้องเจ็บปวดใจถึงเพียงนี้
ไป๋ซินหู ข้าเกลียดเจ้ายิ่งนัก!!!
เสี่ยวอินเดินหน้าบึ้งกลับไปที่ศาลาใหญ่ เห็นพี่สะใภ้กำลังนั่งสมาธิอยู่ก็ไม่อยากเสียมารยาท จึงนั่งสงบสติอารมณ์ของตัวเองเงียบ ๆ แต่ภาพของอาเกอกับสตรีนางนั้นก็ยังรบกวนจิตใจไม่เลิก
เขากับนางกำลังจะแต่งงานกันงั้นหรือ..
ริมฝีปากบางเม้มเข้ากันหา ปาดน้ำตาที่ยังไม่ทันไหลออกจากดวงตาทิ้ง
“ขอให้สามีและลูกของข้าเดินทางกลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยด้วยเถิดพระคุณเจ้า”
เสียงขอพรที่ไม่ดังนักของสตรีวัยกลางคนนางหนึ่ง ทำให้เสี่ยวอินหันไปมอง.. มองสตรีนางนั้นตั้งใจไหว้พระขอพร มองรูปปั้นพระพุทธรูปที่นางกราบไหว้ แล้วมองไปที่รูปปั้นองค์อื่น ๆ ภายในศาลา..
นางลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบธูปมาจุด แล้วมองจ้องไปที่ดวงตาของพระพุทธรูป
‘ถ้าท่านศักดิ์สิทธิ์จริง ขอให้ไป๋ซินหูสามีของข้าจากข้าไปชั่วชีวิต อย่าได้กลับมาที่เมืองหลวงแห่งนี้อีก ส่วนลูกของเขาคนนี้’ นางก้มมองท้องของตัวเอง ‘ถ้าข้าสมหวังข้าจะยอมให้เด็กคนนี้ได้เกิดมา เพื่อชดเชยกับชีวิตของพ่อเขา’