“คราวหน้าเจ้าควรตัดเล็บให้สั้นกว่านี้นะเหม่ยเหริน” เสินอี้อวดแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยเลือดซิบให้คนที่นอนหมดแรงอยู่บนเตียงได้เห็นก่อนจะสวมเสื้อคลุมปิดทับ ยิ้มขันได้ใจเมื่อได้เห็นใบหน้าแดงก่ำจนต่อคำพูด
“คราวหน้าเจ้าควรตัดเล็บให้สั้นกว่านี้นะเหม่ยเหริน” เสินอี้อวดแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยเลือดซิบให้คนที่นอนหมดแรงอยู่บนเตียงได้เห็นก่อนจะสวมเสื้อคลุมปิดทับ ยิ้มขันได้ใจเมื่อได้เห็นใบหน้าแดงก่ำจนต่อคำพูด
ในจักรวาลนี้ นอกจากโลกมนุษย์แล้ว โลกคู่ขนาน ดินแดนลี้ลับ มิติพิศวง มนุษย์ต่างดาว ทุกอย่างที่มนุษย์โลกพูดถึงล้วนมีอยู่จริงในแต่ละห้วงเวลา และสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง แต่จะเป็นวิธีไหนนั้นใครเล่าจะหยั่งรู้
‘มายา’ คือดินแดนหนึ่งในจักรวาลนี้ที่ชาวจีนตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงยุคสมัยนี้เชื่อว่ามีอยู่จริง โดยมีเรื่องเล่าว่าชาวมายาคือลูกผสมระหว่างเทพกับปีศาจ พวกเขาจึงมีฐานะต่ำกว่าชาวเทพสวรรค์แต่เหนือกว่าชาวปีศาจ ดังนั้นพวกเขาจึงเปรียบเสมือนมิตรก็ไม่ใช่ ศัตรูก็ไม่เชิงของสองดินแดนนี้
และผู้ที่แหกกฎรักอันลือลั่นนี้ขึ้นก็คือมหาเทพผู้ปกครองแดนสวรรค์นั่นเอง แต่ด้วยกฎของสองดินแดนที่เป็นปรปักษ์ต่อกันมาตลอดระยะเวลายาวนาน ทำให้บุตรที่เกิดจากคนรักซึ่งเป็นธิดาของราชาปีศาจ ถูกสองดินแดนแย่งชิงกันเลี้ยงดู
ไม่ใช่เพราะความรักแต่เพราะอยากเป็นผู้ครอบครองพลังเวทจากเด็กที่เกิดมาต่างหาก เพราะต่างก็มั่นใจว่าเด็กจะได้รับพลังจากสองเผ่าพันธุ์มาเต็มๆ และจะกลายเป็นขุมพลังหยินหยางที่ยิ่งใหญ่ต่อดินแดนที่ได้ครอบครองเด็กเอาไว้
มหาเทพผู้เป็นบิดาและธิดาราชาปีศาจผู้เป็นมารดา เห็นความขัดแย้งเริ่มบานปลายมากขึ้น จึงตัดสินใจผนึกพลังของพวกเขาสร้างดินแดนมายาให้บุตรอันเป็นที่รักได้อาศัยอยู่อย่างสงบสุข และต่างก็ส่งคนสนิทของตนให้ช่วยดูแล
หลังจากสร้างดินแดนมายาพวกเขาก็ตัดขาดกับลูกน้อย ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องใดๆ อีกเพื่อยุติปัญหา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนสนิทคอยดูแลรับใช้กันเอง
บุรุษสตรีเมื่อมาเจอกัน ต่อให้ต่างเผ่าพันธุ์ดอกรักก็ยังผลิบาน ผ่านไปไม่กี่ปีทารกชาวมายาก็เริ่มมีจำนวนมากขึ้น เดือดร้อนถึงผู้นำทั้งสองดินแดนอีกครั้ง เพราะเกรงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ตามมา ต่างก็หายใจไม่ทั่วท้องอยู่หลายปี ได้แต่เฝ้าระวังอย่างแน่นหนา
กระทั่งชาวมายาคนแรกอายุครบยี่สิบปี อยู่ๆ ก็เกิดเหตุประหลาดขึ้นในกลางดึกยามจื่อ เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด บิดกายไม่เป็นท่าด้วยความทรมาน เหงื่อกาฬแตกพลั่กพร้อมน้ำตาที่ไหลนอง ร้องโหยหวนไม่ขาดปาก เส้นเลือดทั่วร่างปูดโปนแทบจะปริแตก เป็นอยู่อย่างนั้นนานจนฟ้าสางและหมดสติไป
เมื่อฟื้นขึ้นมาเขาก็รู้ตัวว่าพลังที่วิ่งพล่านอยู่ในร่างกายอย่างยากจะควบคุมขึ้นเรื่อยๆ ตามวัยลดหายไปส่วนหนึ่ง ไม่กี่วันผ่านไปก็รู้ว่าพลังที่เหลืออยู่ในร่างกายนั้นคือพลังจากแดนสวรรค์.. เรื่องนี้ทำให้ผู้นำแดนสวรรค์พึงพอใจเป็นอย่างมาก แต่ผู้นำแดนปีศาจกลับกังวลจนผมหลุดร่วง
แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปี ผู้นำทั้งสองดินแดนก็เริ่มส่งเสียงหัวเราะต่อกันได้ นั่งเล่นหมากล้อมกับนางสนมคนโปรด จิบชาอย่างดี คลี่พัดขนหงสาสะบัดรับลมอย่างสบายใจ เพราะรู้แล้วว่าเมื่ออายุครบยี่สิบปีเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ชาวมายาจะมีพลังอำนาจของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเหลืออยู่ในตัวเท่านั้น
ผ่านไปอีกสองร้อยกว่าปี ก็สรุปได้ว่าชาวมายานั้นมีอายุขัยสั้นกว่าชาวเทพและปีศาจ แต่ยืนยาวกว่ามนุษย์อยู่เล็กน้อย
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ จึงทำให้ผู้นำสองดินแดนเมตตาต่อชาวมายามากขึ้น ลงนามร่วมกันขึงเวทมนตร์ปกป้องดินแดนแห่งนี้อย่างดีที่สุด ให้ชาวมายามีอิสระในการใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ได้ แต่พลังของพวกเขาจะอ่อนลงแปดในสิบส่วนทันทีเมื่อออกนอกเขตแดนมายา เพื่อปกปิดตัวตนจากมนุษย์ และเพื่อปกป้องมนุษย์จากชาวมายาด้วยเช่นกัน
หนึ่งพันปีผ่านไป..
ความสงบสุข ความสบายใจของผู้นำสองดินแดน ที่ช่วยกันปกป้องดินแดนมายาก็มาถึงจุดจบ
ผู้นำของสองดินแดนที่ไม่เคยคิดจะเป็นมิตรกัน แต่ก็ไม่เคยคิดจะห้ำหั่นจนกลายเป็นศัตรูต้องสุมหัวปรึกษากันอีกครั้ง
เนื่องจากตอนนี้ในดินแดนมายามีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ในหนึ่งพันปีมานี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่แตกต่าง เพราะเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วร่างกายยังสามารถรับพลังของทั้งสองฝ่ายเอาไว้ได้ พลังของเขาทำให้สวรรค์และปีศาจต่างก็หวั่นเกรง กลัวว่าสักวันหนึ่งจะเกิดความไม่สงบสุขขึ้นมา
วิธีเดียวที่จะลดทอนพลังเหล่านั้นลงได้บ้าง ก็คือการหาฟูเหรินให้เขาผู้นั้นหลายๆ คน โดยเฉพาะสตรีที่เป็นเพียงมนุษย์เดินดินธรรมดาๆ เพราะมนุษย์ไม่สามารถอยู่ในดินแดนสีเทานี้ได้นานเกินสามวัน ยกเว้นเสียแต่ว่าจะได้รับการถ่ายพลังด้วยการร่วมเสพสมกับชาวมายา
มีเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นที่ทำให้เธอฟื้นขึ้นมาได้ ซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่นั้นได้ดีที่สุดก็คือยมทูตรับส่งวิญญาณ เขารีบตามหาวิญญาณของเธอเพื่อพากลับเข้าร่างโดยเร็วที่สุด แต่ทุกอย่างก็สายเกินแก้เพราะเขาเจอเธอเมื่อร่างของเธอถูกเผาไปแล้ว ทางเดียวที่จะแก้ไขความผิดก็คือต้องส่งเธอกลับไปในร่างของคนอื่นที่เพิ่งหมดลมหายใจ และด้วยเหตุผลที่เธอเรียกร้องบางประการ จึงทำให้เธอได้กลับไปเกิดใหม่ในรัชสมัยของราชวงศ์หมิง ในร่างของหญิงสาววัย 19 ปีนามว่า "เฟิ่งต้าชวี่" แต่ "เฟิ่งต้าชวี่" ไม่ใช่ดรุณีแรกแย้มไร้เจ้าของ นางเป็นพระชายาที่แสนบริสุทธิ์ของแม่ทัพผู้เกรียงไกร "อ๋องใหญ่เกาหรงซาน" พระชายาที่เขาเขียนหนังสือหย่าทิ้งไว้ในห้องหอตั้งแต่วันแรกที่แต่งงาน แต่เพราะความรักและหน้าที่ของสตรีชาวฮั่น นางจึงทนอยู่อย่างปวดร้าวในตำหนักของเขาตลอด 2 ปีก่อนจะตรอมใจตาย
วิโมกข์คือชายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดที่ผิดหวังจากความรักอย่างรุนแรง เขากลายเป็นคนอ่อนแอไร้หลัก หมกมุ่นอยู่กับสุรานานนับเดือน แต่หลังจากนั้นก็ได้สติเพราะคำพูดแทงใจของเด็กสาววัยสิบเจ็ดปีคนหนึ่ง เจ็ดปีต่อมาเขาได้กลายเป็นนายหัวผู้ทรงอิทธิพลในธุรกิจค้าหอยเป๋าฮื้อ และต้องเผชิญหน้ากับอดีตคนรักที่เข้ามาอยู่ในบ้านของเขาอีกครั้ง... ชาร์มมิ่งในวัยยี่สิบสี่ปีเดินทางจากนิวยอร์กสู่สงขลาอีกครั้งหลังจากเจ็ดปีผ่านไป เพราะถูกเพื่อนรักขอร้องให้มาแสดงละครขัดขวางอดีตคนรักของพี่ชาย เธอไม่อยากทำแบบนี้เลยเพราะพอใจที่จะแอบรักเขาไปแบบนี้มากกว่า แต่จะทำไงได้ล่ะ.. ในเมื่อเธอก็ถูกผู้เป็นย่าคอยจับคู่อยู่เรื่อยไป จึงตัดสินใจเลือกในสิ่งที่หัวใจปรารถนา... การแสดงที่มาจากส่วนลึกของจิตใจจริงๆ จึงเริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่วินาทีที่เธอเจอหน้าเขา
เธอสุขจนไม่รู้จะสุขยังไง เสียวจนไม่รู้จะเสียวยังไง สุขแล้วสุขเล่า เสียวแล้วเสียวเล่า สุขเสียวจนแทบจะไร้แรงยืนหยัด ต้องโอบแขนกับรอบลำคอแกร่งเพื่อเป็นหลักยึด “คืนนี้จะตามใจฉันทั้งคืนใช่ไหมยอดรัก” “ค่ะ” คำตอบของเธอทำให้เขาพึงพอใจที่สุด จึงจูบปากที่บวมเจ่อนิดๆ นั้นซ้ำอีกหนักๆ ลวนลามร่างนุ่มนิ่มนั้นอย่างย่ามใจ... กว่าจะได้ถูหลังขัดขี้ไคลให้เขา เธอก็ถูกเขาจับขัดดอกไปก่อนจนแทบจะหมดแรง นับเป็นการอาบน้ำที่นานและเสียวสะท้านที่สุดเท่าที่เคยอาบมา…
เขาเหลือบสายตามองแก้มบางที่อยู่ไม่ห่างจากปาก จมูกน้อย ๆ ของนางคลอเคลียอยู่ที่ลำคอของเขาเมื่อก้าวเดิน เขาไม่คิดให้เสียเวลา ลดฝีเท้าในการเดินให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วคิดกำไรด้วยการจูบมุมปากและหอมแก้มของเธออย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็แผ่วเบานุ่มนวล เพราะไม่อยากทำให้นางตื่นจนเสียโอกาส มือไม้ก็ลูบไล้ความนุ่มเนียนจนลื่นมือของผิวแท้ ที่มีเพียงผ้าผืนน้อยปิดกั้นไว้ “สตรีขี้เมามันไม่งาม แต่ข้าก็ชอบถ้าเป็นเจ้า” เขาพึมพำชิดริมฝีปากอวบอิ่ม ประทับจูบลงไปแนบแน่นเมื่อวางร่างของนางลงบนเตียงเรียบร้อยแล้ว...
“เหล่ากง..” หญิงสาวยกมือปิดหน้าอก ชันเข่าขึ้นซ่อนสิ่งที่บ่งบอกความเป็นสตรี ตะแคงตัวหนีสายตาหยาดเยิ้มของเขา “สายตาของท่านทำซินเอ๋อร์ขัดเขินแทบขาดใจแล้ว” “เช่นนั้นเหล่ากงให้มองคืนบ้าง” เขาดึงนางมาสู้สายตา “ซินเอ๋อร์ไม่กล้าหรอก” นางเผลอมองไปแล้ว แม้จะเห็นความใหญ่โตของมันแค่ครึ่งลมหายใจ แต่ก็ทำให้นางตกใจจนทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
เพราะความเข้าใจผิด ทำให้ต่างคนต่างก็แสดงท่าทีเย็นชาใส่กัน ทำให้ต่างคนต่างก็พลาดช่วงเวลาแห่งความสุขไป กว่าจะรู้ตัวว่าอีกฝ่ายมีความสำคัญในชีวิตของตนมากแค่ไหน อีกฝ่ายก็ได้จากไปตลอดกาลเสียแล้ว...
ห้าปีก่อน เพื่อช่วยเผยจี๋ ท้องของซางหว่านถูกแทงจนบาดเจ็บ ชาตินี้ไม่สามารถมีลูกได้อีก เผยจี๋ที่เคยบอกว่าทั้งชาตินี้ไม่อยากมีลูก สุดท้ายก็ยังมีความคิด “อาศัยท้องคนอื่นอุ้มบุญ” และคนที่เขาเลือกคือ ซูเซวี่ย นักศึกษามหาวิทยาลัยที่หน้าตาคล้ายกับซางหว่าน เผยจี๋ไม่รู้เลยว่า ในวันที่เขาเสนอความต้องการนี้ออกมา ซางหว่านก็ได้ตัดสินใจจะจากเขาไปแล้ว
จะดีแค่ไหน หากหล่อนได้ตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของเขาทุกเช้า... ตั้งแต่จำความได้ ชมพูนุชก็หายใจเป็นชื่อของเขาเรื่อยมา องค์รัชทายาทรูปงามแห่งซาเรีย เขาคือความสุขเดียวในชีวิตของหล่อน แต่ความสุขนั้นกลับไม่จีรังดั่งใจหวัง เมื่อหญิงเดียวในดวงใจของเขาหนีหน้าหายไปพร้อมกับพี่ชายของหล่อน ความผิดบาปทุกอย่างจึงถูกขว้างใส่หน้า เขาเรียกร้องให้ครอบครัวของหล่อนรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมกับตราหน้าผู้หญิงที่เฝ้าภักดีกับเขาอย่างหล่อนว่า ‘นังแพศยา’ “หน้าที่หนึ่งเดียวสำหรับเธอ บนเตียงของฉันก็คือ... นางบำเรอ” องค์รัชทายาทรูปงามหยิบกางเกงขึ้นมาสวมใส่ นัยน์ตาสีทองตวัดจ้องมองมายังร่างเปลือยเปล่าบอบช้ำของหล่อนอย่างดูแคลน “จำเอาไว้ ถ้าฉันเรียก เธอก็ต้องมา ถ้ามาช้า ฉันจะสั่งโบยพ่อ หรือไม่ก็ แม่ของเธอ” “อย่านะเพคะ...” ริมฝีปากหยักสวยคลี่ยิ้มหยัน “ถ้าไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น เธอควรจะรู้หน้าที่ของตนเอง...” มือใหญ่ตบลงบนเตียงนอนนุ่ม ราวกับต้องการย้ำเตือนหน้าที่อันทรงเกียรติของหญิงสาว
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY