/0/19451/coverbig.jpg?v=cbff6b1e6c57e1c2c09b62065a58c432)
เธอกับเขาจะทำอย่างไร เมื่อต้องสลับร่างกัน ความมันก็บังเกิด
เธอกับเขาจะทำอย่างไร เมื่อต้องสลับร่างกัน ความมันก็บังเกิด
“ว้าย! ไอ้บ้า ถ้ำมองคนอื่นอาบน้ำระวังเป็นตากุ้งยิงนะ” อะตอมอุทานออกมา ก่อนจะเอามือกอดอก
“ก็เธอมานุ่งกระโจมอกอาบน้ำให้ฉันดูเอง” นัทธ์ที่ถือขันน้ำและอุปกรณ์อาบน้ำอยู่ตอบโต้กลับไป เขานุ่งผ้าขาวม้าเดินมาอาบน้ำที่ตุ่มข้างบ้านของตนเองเหมือนเช่นทุกวัน
ทั้งสองมีบ้านใกล้กัน อาณาเขตรอบบ้านโอบล้อมด้วยต้นไม้และด้านหลังเป็นภูเขา ด้านหน้าคือแม่น้ำไหลผ่าน อากาศในยามเช้าสดชื่นยิ่งนัก
นัทธ์กับอะตอมเรียนอยู่มหาวิทยาลัยในตัวจังหวัด แต่เป็นมหาวิทยาลัยต่างจังหวัดที่มีชื่อเสียงพอสมควร เขากับเธอเรียนเอกพัฒนาชุมชน ชั้นปีที่สอง
“ฉันนี่นะมานุ่งกระโจมอกให้นายดู นี่แน่ะ ๆ” คนพูดตักน้ำในโอ่งสาดเข้าใส่เต็ม ๆ ทำเอานัทธ์ต้องร้องออกมา
“ฉันเปียกหมดแล้วยายตัวแสบ”
“อาบน้ำก็ต้องเปียกสิ คิกๆ” คนแกล้ง หัวเราะอย่างสะใจ ก่อนที่จะโดนน้ำถังใบใหญ่สาดเข้ามาเต็ม ๆ
“นี่นายเอาน้ำมาสาดฉันเหรอ”
“เป็นไงเย็นฉ่ำไหม” นัทธ์หัวเราะอย่างชั่วร้าย ไม่นานทั้งสองก็สาดน้ำใส่กันจนเลอะเทอะไปหมด
เสียงทะเลาะกับเสียงน้ำสาดใส่กัน ทำให้บิดามารดาของทั้งสองต้องส่ายหน้าให้กับความชอบทะเลาะกันของลูก ๆ ตั้งแต่เล็กจนโต ทะเลาะกันตลอด แต่ก็เป็นเพื่อนกันมาจนถึงตอนนี้
“แม่ได้ยินเสียงอะไรเอะอะโวยวาย ทะเลาะกับตานัทธ์อีกแล้วเหรอ” รดาเอ่ยถามอะตอมผู้เป็นลูกสาว
“ก็ไอ้นัทธ์สิคะแม่กวนโมโห หนูเลยสาดน้ำใส่เสียเลย”
“แล้วเขาก็สาดกลับ ทะเลาะกันลั่นบ้านเหมือนทุกวัน” รดาดักคอ ในขณะที่อาคมได้แต่ยิ้มขำในขณะที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงหัวโต๊ะ พลางจิบกาแฟไปด้วย
“หืม... ขนมปังไส้สับปะรดของคุณแม่อร่อยจังเลยค่ะ” อะตอมหยิบมาชิมแล้วเอ่ยชมว่าอร่อย
“จะเอาไปฝากนัทธ์บ้างก็ได้นะ”
“เรื่องอะไรคะ ปากปีจอนัก ให้อดไปเลย”
“เรานั่งรถมอเตอร์ไซค์ไปกับเขาทุกวัน ต้องมีน้ำใจตอบแทนเขาบ้างสิ”
“หนูก็ช่วยค่าน้ำมันรถแล้วไงคะ แต่เอาไปให้หมอนั่นก็ได้ เห็นชอบชมว่าคุณแม่ทำอาหารอร่อย” พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงแตรรถก็ดังอยู่หน้าบ้าน ทำเอาคนที่กำลังยกโกโก้ร้อนขึ้นดื่มถึงกับสำลัก
“แค่ก แค่ก แค่ก”
“ระวังหน่อยสิจ๊ะ” รดาลูบหลังลูกสาวเบาๆ
“หนูต้องไปแล้วนะคะ ขืนช้าหมอนั่นไอ้ทิ้งหนูแน่”
“อย่าวิ่งสิจ๊ะลูก เดี๋ยวก็สะดุดหกล้มหรอก” รดาส่ายหน้าไปมา ก่อนจะยิ้มออกมา
“จะบีบแตรอะไรนักหนาหึ” อะตอมรับหมวกกันน็อกมาสวมใส่ขณะที่ปากก็บ่นไปด้วย ก่อนจะยื่นแซนวิชไส้สับปะรดให้เพื่อน
“อะไร”
“แซนวิชไส้สับปะรด คุณแม่ทำเผื่อนายด้วย”
“ลาภปาก”
“ตะกละ”
“ก็มันอร่อยนี่นา เอานี่ไป”
“อะไร”
“คุณแม่ฝากขนมปังหน้าหมูมาให้”
“หูย... อยากกินอยู่พอดี” เธอยื่นมือไปรับขนมปังหน้าหมูจากเขา แต่กลับโดนดึงหนี
“อะไรของนายนี่”
“รับปากก่อนว่าจะช่วย”
“ช่วยอะไรของนายหึ”
“เธอก็รู้ว่าฉันชอบดาริน”
“แล้วไง”
“เป็นแม่สื่อให้หน่อย”
“เรื่อง”
“งั้นก็ไม่ต้องกิน”
“ก็ได้”
“เห็นแก่กินเหมือนกันนะ”
“งั้นไม่ช่วย ขนมปังหน้าหมูหน้ามหาวิทยาลัยก็อร่อย ฉันไปซื้อกินที่นั่นก็ได้ ฉันมีเงิน”
“เอาไป สัญญาแล้วนะว่าจะช่วย”
“อืม... แต่มันต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของนายด้วยนะ ฉันจะไปบอกให้แล้วกันว่านายชอบ” อะตอมถอนใจเฮือกใหญ่ เธอไม่ค่อยอยากสนับสนุนให้นัทธ์คบหากับดารินเลย มันเป็นเหตุผลที่เขาฟังแล้วอาจจะคิดว่าเธอใส่ร้ายเพื่อน เพราะคนกำลังหน้ามืดตามัว หรือเธอจะลองให้นัทธ์ไปเจอของจริงดู
“อย่าเพิ่งบอก”
“อ้าว... ทำไมล่ะ”
“ฉันไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี”
“เริ่มแบบที่บอกรักไปเลยไง ชอบเขาก็บอกรักเขาไปแล้ว จะไปอำพะนำอยู่ทำไม”
“ขอทำใจก่อนสิ”
“เบื่อจริง ๆ” เธอบ่นไม่จริงจังนัก ก่อนจะขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ของเขา
“ทำไมนายไม่พารถยนต์ไปนี่ ฉันใส่กระโปรงมันนั่งยาก”
“รถยนต์ไม่แรงเท่ามอไซค์”
“วะ! ว้าย! อะไรของนายนี่” เธอรีบผวากอดเอวเขาเอาไว้แน่น เมื่อจู่ ๆ เขาก็ออกรถแบบไม่ให้เธอได้ทันตั้งตัว
“เกาะแน่นๆ สิ”
“ก็เกาะอยู่นี่ไง ดีนะที่ฉันเกาะเอวนายเอาไว้ ไม่งั้นตกลงไปคอหักกันพอดี” เธอตะโกนคุยกับเขา
“ก็เห็นว่าเกาะแล้วไง เลยออกรถ”
“นัทธ์ระวัง นั่นรถข้างหน้า กรี๊ด!” เสียงกรีดร้องดังขึ้น ก่อนที่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ของนัทธ์จะชนเข้ากับรถด้านหน้าโครมใหญ่
เสียงเบรกรถ เสียงกรีดร้องดังขึ้น ก่อนที่พลเมืองดีจะโทร. แจ้งตำรวจ และเรียกรถพยาบาลมายังที่เกิดเหตุ
บิดามารดาของทั้งสองรีบมายังโรงพยาบาลทันทีเมื่อรู้ว่าลูกประสบอุบัติเหตุรถชน
“ลูกจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” รดาเดินไปมาตรงหน้าห้องฉุกเฉินอย่างเป็นกังวล
“พี่ต้องขอโทษด้วยนะ ตานัทธ์น่าจะขับรถเร็วแน่ ๆ บอกแล้วว่าอย่าขับรถเร็ว” ปานแก้วเอ่ยขอโทษออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก อีกทั้งยังเป็นกังวล เพราะเป็นห่วงลูกชายกับสาวน้อยข้างบ้านเพื่อนลูกชายสุดหัวใจ
“ลูกต้องไม่เป็นอะไรค่ะ เรามาสวดมนต์ให้ลูกปลอดภัยกันดีกว่าค่ะ” รดาบีบมือของปานแก้วเอาไว้ จะโทษอีกฝ่ายก็จะทะเลาะกันเสียเปล่าๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโทษว่าเป็นความผิดของใคร แต่นี่คือเวลาที่ต้องสวดมนต์อธิษฐานให้ลูกๆ ปลอดภัย
“คุณหมอ ลูกผมเป็นยังไงบ้างครับ” ประณตตรงเข้าไปเอ่ยถามถึงอาการของลูกชาย
“พ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่ยังไม่ฟื้น ตอนนี้จะเคลื่อนย้ายไปยังห้องพักผู้ป่วยนะครับ”
“แล้วลูกสาวผมล่ะครับ” อาคมเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ปลอดภัยทั้งคู่นะครับ แต่ยังไม่ฟื้น หมอขอตัวก่อนนะครับ” ประโยคของคุณหมอ สร้างความโล่งใจให้ทุกคน ก่อนที่จะพากันเดินไปยังห้องพักผู้ป่วย ซึ่งสองหนุ่มสาวอยู่ห้องพักใกล้กัน บิดามารดาของทั้งสองจึงไปมาหาสู่กันได้
“นัทธ์ ลูกต้องไม่เป็นอะไรนะ” ปานแก้วนั่งอยู่ข้างเตียงลูกชาย ก่อนที่จะร้องไห้ออกมา มองบาดแผลตามตัวแล้วให้รู้สึกใจหายยิ่งนัก
“เขาคือเจ้าพ่อที่ใครต่างหวาดกลัว แต่กลับยอมสยบให้หญิงสาวที่ทั้งโลกเคยมองว่าไร้ค่า...” เมื่อเธอถูกตราหน้าว่าเป็นเพียงหมากในเกมหมั้นหมาย เขากลับเห็นแสงในตัวเธอ และเลือกจะปกป้องด้วยทั้งชีวิตและหัวใจ ท่ามกลางไฟแค้น อำนาจ และความลับของตระกูล หัวใจของคนสองคนค่อย ๆ สานพันธะรักที่ไม่มีใครลบล้างได้ “เธอคือของฉัน ต่อให้โลกทั้งใบต่อต้าน...ฉันก็จะไม่มีวันปล่อยเธอไป”
เมื่อข่าวฉาวบิดเบือนเปลี่ยนหญิงสาวให้กลายเป็นคนที่เขาเกลียด และเมื่อคำสัญญาเก่าของผู้ใหญ่ พาเธอกลับมาในฐานะ ‘คู่หมั้น’ ที่เขาไม่ต้องการ ลลิล สาวสวยผู้สง่างามและเข้มแข็ง ต้องเผชิญแรงกดดันจากคนในครอบครัว รวมถึง กวิน ชายหนุ่มผู้เย็นชา ผู้มองเธอด้วยสายตาดูแคลน…แต่ไม่อาจละสายตาได้เลย ในความเงียบงันระหว่างพวกเขา...กลับมี ‘หัวใจ’ ที่ค่อย ๆ เรียนรู้กันอย่างไม่รู้ตัว จากความเข้าใจผิด กลายเป็นความผูกพัน จากการดูแคลน กลายเป็นการปกป้อง และจาก ‘คู่หมั้นไร้เสน่หา’ กลายเป็น ‘ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารัก’
"เราเคยสัญญากัน...ใต้ดาวดวงนั้น ว่าจะไม่ทิ้งกันไปไหน แต่บางครั้ง...การจากลาไม่ได้เกิดจากคนที่อยากไป และเมื่อเราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง คำสัญญานั้น...ยังจะมีความหมายอยู่ไหม"
“เธอคือเจ้าสาวที่เขาไม่ต้องการ แต่กลับเป็นผู้หญิงที่เขาไม่อาจปล่อยไปได้” แต่เมื่อเขายิ่งอยู่ใกล้เธอ เขากลับยิ่งอยากครอบครองเธอทั้งตัวและหัวใจ ทว่าเธอไม่ใช่หมากให้เขาควบคุม เขาต่างหากที่จะถูกเธอควบคุมและยอมจำนนรักต่อเธอ
คะนึงนิจรักเขาจึงยอมยกทุกอย่างให้เขาทั้งตัวและหัวใจ แต่เขาเพียงแค่หลอกกินฟรี เตะถ่วงเวลาออกไปเพื่อไปหาผู้หญิงที่ดีกว่า ในเมื่อเขาเห็นเธอเป็นของไร้ค่า เธอก็พร้อมที่จะเดินออกมาจากชีวิตของเขา โดยไม่เสียดายผู้ชายหลอกลวงอย่างฉัฐดนัยเลย
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เธอเป็นหมอเก่งๆ ระดับสากล เป็นประธานของบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ผู้บังคับบัญชาหารรับจ้างที่แข็งแกร่งที่สุด และผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยีอันดับหนึ่ง... ไม่นานมานี้ เจี่ยนอู่ ผู้มีความสามารถแข็งแกร่งกลับปกปิดตัวตนของนางและแต่งงานกับชายหนุ่มยากจนคนหนึ่ง โดยไม่คาดคิดก่อนวันแต่งงาน คู่หมั้นของเธอกลายเป็นนายน้อยที่หายไปจากครอบครัวที่ร่ำรวย เขาไม่เพียงเสียใจกับการหมั้นหมายเท่านั้น แต่ยังปราบปรามและทำให้เธออับอายด้วยทุกวิถีทางอีกด้วย เมื่อความจริงถูกเปิดเผย อดีตคู่หมั้นของเธอตกตะลึง และขอร้องให้กลับมาคืนดีกัน ผู้คนใหญ่โตที่ร่ำรวยและน่านับถือคนหนึ่งยืนอยู่ต่อหน้าเจี่ยนอู่ "นี่คือภรรยาของผม ใครกล้าหวังกับเธอ"
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด