นกยูงเป็นลูกสาวคนโตของเสี่ยเรือง แต่ใช่ว่าเป็นลูกสาวคนโต พอจะวางใจให้เธอดูแลจัดการกิจการก็หาไม่ เพราะในเมื่อเธอยังมีนิสัยเหมือนเป็นเด็กสาวเพิ่งขึ้นอายุสิบแปดสิบเก้า เป็นขาเหวี่ยงขาวีน ยังคงทำตัวเอาแต่ใจ แม้อายุล่วงไปถึงสามสิบห้าปีแล้ว
แต่ถึงอย่างไรคนเป็นพ่อก็ยังรักและทะนุถนอมทั้งสองเหมือนไข่ในหิน จนทำให้ผู้ชายหน้าไหนไม่กล้ามาแหย็ม ก็ทั้งสองสาวเป็นลูกสาวของเจ้าพ่อนี่นา ใครกล้าก็บ้าบิ่นแล้ว
เรื่องที่ใบข้าว กับพี่นกยูงมักจะคุยกันเสมอ คือทั้งสองคนเธอกลัวเหลือเกินกับการอยู่คนเดียว และมักจะพูดล้อเล่นเรื่องการวางแผนตามหาสามีอยู่บ่อย ๆ แต่ท้ายสุด ทั้งคู่ก็แสดงให้กันและกันเห็นว่าเรื่องที่พูดกันนั้นเป็นเรื่องที่ขบขัน
เสี่ยเรืองมีธุรกิจหลายอย่างในแถบภาคกลาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขนส่ง เขามีรถบรรทุกไม่รู้กี่ร้อยคัน รวมถึงโรงสีข้าว และการรับซื้อผลิตผลต่าง ๆ จากเกษตรกร
ถามว่า ลูกน้องที่ทำงานกับแกมีเยอะไหม ก็ครึ่งพัน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเพศชายกันทั้งนั้น ผู้หญิงก็มีบ้างที่ทำบัญชี และงานในออฟฟิศอื่น ๆ
ซึ่งตรงจุดนี้ ใบข้าวได้รับการไว้วางใจจากเสี่ยเรืองให้มาดูแล ใบข้าว เธอเรียนเก่งโคตร ๆ และการันตีจากการเรียนจบเกียรตินิยมประทับหลังมาด้วย
ชุดเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ ไม่ใช่ชุดเดรสหวาน ๆ เหมือนที่สาว ๆ ชอบใส่กัน แต่เป็นเสื้อยืดกางเกงยีนที่แสนจะทะมัดทะแมงและใส่รองเท้าผ้าใบราคาไม่ถึงพัน ทำให้เธอดูจะเป็นขวัญใจของคนงานของพ่อกันทั้งนั้น
ยิ่งการขับรถขับราด้วยแล้ว ใบข้าวชอบซิ่ง เธอมีรถฮาร์ลีย์ เดวิดสัน สปอร์ตสเตอร์ รุ่นใหม่ล่าสุด ที่เหมาะสำหรับคนตัวเตี้ย หรือว่าผู้หญิงขับขี่ได้ เพราะมันถูกเรียกว่า รุ่น ซูเปอร์โลว์
แต่ที่พ่อเรืองอนุมัติให้เธอขี่ไปทำงานได้ ก็คือ สกูตเตอร์ไฟฟ้า คันสีชมพูจิ๋ว ๆ ให้ขับจากบ้านไปยังออฟฟิศเพื่อทำงานเท่านั้น และหากจะไปไหนไกล ๆ ก็ต้องให้คนขับรถของที่บ้านไปส่ง
มันโคตรเซ็งที่ต้องจอดฮาร์ลีย์ไว้ที่บ้าน แล้วขับสกูตเตอร์ไปทำงาน แล้วโอกาสที่จะได้ขี่ไปท่องเที่ยวนั้นแทบไม่มี
ใบข้าว จะได้รับอนุญาตให้ไปไหนได้ลำพัง ก็ต่อเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ เธอไม่เข้าใจความคิดแบบนี้ของพ่อจริง ๆ
และทุกคนคิดหรือว่า เธอจะยอมแห้งเหี่ยวอยู่ที่บ้าน ใบข้าวตีตั๋วไปต่างประเทศแบบฉายเดี่ยวทุกปี จนกระทั่งมีโรคระบาด ทำให้ต้องงดทริปท่องเที่ยวไปโดยปริยาย
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ ใบข้าวตื่นเช้า เธอฉวยเอาปิ่นโตของแม่บ้านที่หุงหาจัดเตรียมเพื่อให้เธอไปใส่บาตรที่วัด เป็นประจำทุกวันอาทิตย์ เพราะว่า เป็นวันเกิดของเธอ และเป็นวันที่แม่ของเธอเสียด้วย เธอจึงยึดเอาทุกวันอาทิตย์ เป็นวันที่จะต้องไปวัด
เมื่อทำบุญ ใส่บาตร รับศีล รับพรจากหลวงพ่อเรียบร้อยแล้ว ใบข้าวจะต้องไปที่หนึ่งที่อยู่ในบริเวณวัด นั่นก็คือ ซุ้มดูดวงของยายทองมา ที่ดูทีไร ใบข้าวก็จะได้ฮาทุกที เพราะว่าแม่หมอทองมานั้น เป็นคนคุยสนุก และมีมุกต่าง ๆ ให้เธอขำขันอยู่เสมอ
หญิงสาวเดินเข้าไปด้านในเพิงหมาแหงนเล็ก ๆ ที่ทำเป็นตำหนักดูดวงของแม่หมอทองมา
“หวัดดีจ้า” ทักทายออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใส
“อุ้ย! นึกว่าจะไม่มาเสียอีก อาทิตย์ก่อนไม่เห็นแวะ”
“ข้าวมาแล้ว แต่ว่า แม่ทองมาไม่อยู่”
“อ้าว ฉันไปไหนล่ะ”
“อันนี้ ข้าวก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“เอ... หรือว่า” ทำท่าคิด แล้วก็ตบเข่าดังฉาด
“อ๋อ คิดออกแล้ว มีคนมารับให้ไปดูดวงที่... เอ่อ...” แล้วก็เกาหัวแกรก ๆ
“โอเคค่ะ คิดไม่ออก ก็ไม่เป็นไร ข้าวนะไม่อยากจะรู้แล้วค่ะ”
“ไม่อยากจะรู้จริง ๆ หรือ”
“ฮึ” เธอสั่นหน้าระรัว
“ข้าวนะ ไม่สนใจเรื่องของคนอื่นหรอก ข้าวสนแต่เรื่องของตัวเอง”
“จะมาเปิดไพ่ใช่ไหม”
“แล้วมีอย่างอื่นให้เปิดหรือเปล่าล่ะ”
“ชัดช้า... มีสิ” พูดจบก็ลุกขึ้นทำท่าจะถลกผ้าถุงที่ใส่อยู่ ใบข้าวรีบลุกขึ้นยืน แล้วจับแม่หมอเอาไว้ได้ทัน
“ฮ่า... ถ้านางหนูช้าอีกนิดน่ะ”
“ข้าวก็ตาเป็นกุ้งยิงนะสิ โธ่...” แล้วก็พานางนั่งลง
“คิดออกแล้วว่าไปไหนมา” ตอนนี้ทั้งสองนั่งประจันหน้ากัน
ใบข้าวตั้งอกตั้งใจฟัง
“ป้าไปที่บ้านของ ต้อม พิชายุทธ เกียรติวรวุฒิ หนูรู้จักไหม”
ใบข้าวทำท่าคิด เพราะเธอนั้นไม่ได้ใส่ใจเรื่องนักร้อง นักแสดงสักเท่าไร สนใจแต่นักกีฬา นักมวย เสียมากกว่า
“ก็เคยได้ยินชื่อมาบ้าง” ถ้าให้นึกจริง ๆ ก็นึกไม่ค่อยออก
“โธ่ นึกสิ ไอ้หนุ่มนี่ เป็นคนบ้านเราเอง ไปประกวดร้องเพลงแล้วได้ที่หนึ่ง ตอนนี้เลยได้ออกเทป” หมอทองมาเล่า
“ป้าคะ นี่มันยุคไหนเข้าไปแล้ว ออกเทปยังมีอยู่หรือคะ ออกซิงเกิลลงในยูทูบหรือเปล่า”
“เอ่อน่า อย่างนั้นแหละ”
“แล้วไงต่อคะ” เล่ามาถึงขนาดนี้แล้ว ต่อมอยากรู้ของเธอก็ทำงาน
“เขาหอบเงินหอบทองมาจากกรุงเทพฯ มาสร้างบ้านให้กับแม่เขา”
“แล้วสร้างหรือยังคะ”
“ยัง ก็ให้ป้าน่ะ ไปดูว่า ที่ตรงนั้นสร้างได้ไหม อะไรแบบนี้”
“แล้วเป็นยังไงต่อ” ใบข้าวซักไซ้ใหญ่
เรื่องของชาวบ้าน บางทีมันก็เป็นงานของเธอเหมือนกันที่จะต้องรู้ เพราะว่าเวลาไปที่ออฟฟิศต้องคุยกับสาว ๆ ในนั้นให้รู้เรื่อง หรือว่า มีเรื่องใหม่ ๆ ไปเมาท์มอย
“ไหนเมื่อกี้ว่าไม่สนใจไง หึ...” ป้าช้อนสายตามองหน้า
“ก็เมื่อกี้ไม่สนไง แต่ตอนนี้สนแล้ว”
“เขาหล่อน้า” ป้าทำตาลอย ๆ