จางเวยหรงได้รับการคัดเลือกให้เข้ารับการแข่งขันเป็นพระชายาเอกของฮ่องซือหยาง เพราะเห็นมารดาเจ็บปวดเรื่องอนุมาตลอดชีวิต นางจึงตั้งใจแล้วว่าชาตินี้จะไม่ออกเรือน หากเรื่องมากก็จะออกบวชเสีย เมื่อได้รับการคัดเลือกนางก็ต้องทำทุกวิธีทางให้ตัวเองถูกคัดออก แต่ทำไมยิ่งทำก็ยิ่งชนะ นางไม่เข้าใจ
รถม้าสกุลจางของเสนาบดีฝ่ายซ้ายจอดเทียบอยู่หน้าประตูวัง กำแพงสีแดงตรงหน้าทำให้ “จางเวยหรง” บุตรีคนโตของเสนาบดีจางจงฉีที่อายุเพียงแปดขวบ รู้สึกตื่นเต้นกับการเข้าวังครั้งแรก
“อย่าลืมรักษามารยาท” ฮูหยินม่าน ผู้เป็นมารดาเอ่ยตักเตือนบุตรี ทำให้เวยหรงที่ยิ้มปากกว้างรีบหุบปาก แล้วทำตัวเรียบร้อยด้วยเพราะกลัวจะไม่ได้เข้าวังแม้ว่าจะอยู่ตรงหน้าประตูแล้วก็ตาม
ผู้เป็นมารดาสำรวจเสื้อผ้าผู้เป็นสามี แล้วหันมาจัดเสื้อผ้าให้บุตรีก่อนจะลงจากรถม้า “วันนี้เป็นวันเฉลิมฉลองวันครบรอบวันประสูติไทเฮา ขุนนางและฮูหยินมีตำแหน่งมากมายล้วนเข้าวัง เจ้าต้องรักษามารยาทให้ดี ติดตามแม่อย่าให้ห่าง เข้าใจหรือไม่อาเวย”
“เจ้าค่ะ ท่านแม่” เพราะความอยากเข้าไปดูในวังมาหลายวัน จึงทำให้เด็กน้อยที่แสนซุกซน และไม่ชอบความระเบียบวินัยกลับรับคำอย่างง่ายดาย จนคนเป็นแม่อดค้อนใส่เสียไม่ได้ สายตาก็เหมือนคาดโทษเอาไว้หากนางคิดทำผิดคำพูด
เด็กน้อยเดินตามบิดามารดาเข้าไปด้านในวัง เดินผ่านอุทยานไปจนถึงท้องพระโรงขนาดใหญ่ มารดาของนางก็ขอแยกตัวไปเข้าเฝ้าไทเฮาอีกตำหนักหนึ่ง
เวยหรงเดินตามผู้เป็นมารดาจนเหนื่อย เพราะวังหลวงไม่ได้มีแค่ตำหนักสองตำหนัก กว่าจะถึงตำหนักของไทเฮาก็เล่นเอาขาสั้นๆ ของนางแทบทรุดลงพื้น
แต่... เพราะกลัวเสียมารยาท นางก็เลยยืนขาแข็ง แล้วรีบตามมารดาไปคำนับถวายพระพรไทเฮา ยามที่เงยหน้าขึ้นมองไทเฮานั้นนางก็ประหลาดใจ ด้วยพระพักตร์นั้นยังงดงาม ได้ยินมาว่าปีนี้ไทเฮามีอายุสี่สิบพรรษา
มีฮ่องเต้ที่อายุยี่สิบห้าพรรษา และฮ่องเต้ก็มีบุตรชายทั้งหมดแปดคน บุตรีอีกสามคน คนโตตอนนี้อายุเพียงสิบขวบซึ่งจะได้เป็นผู้สืบทอดบัลลังก์คนต่อไป มีนามว่า “อ๋องซือหยาง” เพียงแต่ได้ยินมาว่าตั้งแต่เล็กจนโตนั้นกลับมีร่างกายที่อ่อนแอ และขี้โรค จึงทำให้ขุนนางคิดจะเปลี่ยนกฎอยู่บ่อยครั้ง หากแต่เพราะมีบิดาของนางคอยขัดขวาง จึงทำให้ขุนนางท่านอื่นไม่กล้าเหิมเกริมมาก เพราะเป็นเช่นนี้ฮ่องเต้จึงเกรงใจบิดาของนางถึงสามส่วน มีสิ่งใดก็เรียกหา และปรึกษา
นางจึงไม่ค่อยได้เจอบิดาบ่อยนัก ทุกวันก็อยู่กับมารดาเพียงสองคน ดังนั้น หากให้นางกลัวระหว่างคำสั่งมารดากับคำสั่งบิดา นางก็จะตอบว่านางกลัวอย่างหลัง
ดังนั้น ในตอนนี้บิดานางไม่ได้สั่งว่าให้อยู่นิ่งๆ ร่างเล็กก็เลยอาศัยตอนที่มารดากำลังคุยกับไทเฮาถูกคอนั้นคืบคลานแอบออกไปทีละนิด ก่อนจะหลุดพ้นจากกลุ่มคนพวกนั้น เท้าน้อยเดินไปด้านในตำหนัก เพราะเคยได้ยินว่าอุทยานของไทเฮานั้นสวยงามราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์แม้แต่ชั้นเซียนก็เทียบไม่ได้ ในเมื่อเข้าวังมาแล้ว นางก็ต้องขอเห็นด้วยตา
เท้าน้อยวิ่งมาจนถึงอุทยานด้านหลังก็พบกับน้ำตกขนาดใหญ่ มีสระน้ำที่เต็มไปด้วยดอกบัวสีชมพูเต็มสระ ปลาตัวใหญ่กำลังแหวกว่ายไปมา อีกทั้งดอกไม้พืชพรรณต่างๆ ก็ล้วนออกดอกบานสะพรั่ง นางคิดว่าอุทยานด้านนอกงามแล้ว มาเจอด้านหลังของตำหนักเรียกได้ว่าเทียบไม่ติด
เด็กน้อยรีบวิ่งไปดูดอกไม้แปลกตา ไม่ว่าจะดอกไม้สีเหลืองขนาดใหญ่เท่าศีรษะนาง หรือจะดอกไม้สีม่วงที่ห้อยเป็นพวงขนาดใหญ่ ดอกไม้ที่มีลักษณะเหมือนนก วิ่งเล่นดูจนถึงริมสระ พอเหนื่อยก็คิดจะนั่งพักเสียหน่อย
แต่ไม่ทันได้แตะพื้นก็มีเสียง
ตู้ม!! นางหันมองไปทางสระบัว ก็พบว่ามีคนตกน้ำ ด้วยความตกใจนางก็รีบวิ่งออกจากศาลาไปที่ริมสระบัวแล้วกระโดดลงไปทันที
นางลืมเรื่องรักษามารยาท นางลืมเรื่องที่รับปากท่านแม่เอาไว้ ด้วยเพราะนางไม่อาจปล่อยให้คนจมน้ำต่อหน้าได้
ร่างเล็กแหวกว่ายเข้าไปจนถึงตัว ก็พบว่าคนที่กำลังจมน้ำนั้นเป็นเด็กชาย ร่างกายนั้นผอมบาง และดูเหมือนตัวเล็กกว่านางเสียอีก
“ช่วยด้วย มีคนตกน้ำ” เสียงด้านบนบกดังขึ้น เหมือนมีนางกำนัลมาพบแล้ว จากนั้นก็มีความวุ่นวายเกิดขึ้น
เวยหรงไม่ได้สนใจ เพราะตอนนี้นางถึงตัวเด็กชายตัวเล็กคนนั้นแล้ว มือนางรีบคว้าแขนเขาเอาไว้ แต่เพราะความกลัวทำให้เด็กชายกระชากนางลงไปด้านล่าง
“อาเวย” นั่นเป็นเสียงมารดานาง น้ำเสียงตกใจ และกระวนกระวายนั้นบอกว่านางต้องโดนลงโทษแน่นอน
แต่ตอนนี้นางต้องเอาตัวเองให้รอดเสียก่อน เวยหรงไม่ได้ยินเสียงคนกระโดดลงน้ำมาเพิ่ม เพราะตอนนี้นางกำลังกอดคอ ไม่สิ ลากคอคนที่จะกดนางลงน้ำไปใกล้ฝั่งให้มากที่สุด
โชคดีที่มีทหารวังมาช่วยรับไม้ต่อ นางก็ว่ายเข้าฝั่งแล้วขึ้นไปนั่งหอบอยู่บนบก มองทุกคนที่กำลังรุมเด็กชายคนนั้นอยู่ แล้วก็มีเสียงหนึ่งเรียกชื่อเขา
“ซือหยางหลานย่า ใครก็ได้รีบไปตามหมอหลวงที”
ที่แท้คนที่นางช่วยก็คืออ๋องซือหยาง บุรุษที่เขาร่ำลือกัน ตอนแรกนางก็ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้จนได้มาเห็นด้วยตา เด็กชายตรงหน้าอายุมากกว่านางสองปี แต่ร่างกายกลับเล็กกว่าด้วยซ้ำ
ในระหว่างคนที่กำลังวุ่นวายนั้น เด็กชายก็ได้สติ ดวงตาหรี่เล็กหันมองเด็กหญิงที่กำลังนั่งสั่นเทา มีมารดาโอบกอด และร้องไห้ไม่หยุดอยู่ข้างกาย
เวยหรงไม่ได้สนใจมารดา แต่หันมองเขาแล้วพูดว่า
“ข้าเสี่ยงช่วยชีวิตท่านเอาไว้ ดังนั้นท่านจะต้องมีชีวิตต่อให้ยืนยาวเพื่อตอบแทนข้า”
นั่นถึงจะคุ้มกับการช่วยเขาในครั้งนี้ ส่วนต่อจากนั้นเรื่องราวเป็นอย่างไรนางก็ไม่เคยคิดจะสนใจอีก...
เจียซินที่อยู่ในชีวิตปั่นปลายนั้น กลับต้องรู้สึกเสียใจที่เลือกเส้นทางรักผิด เมื่อเลือกหนทางใหม่ได้ เธอก็จะเลือกหนทางที่ดีที่สุด และเขาชายที่เธอเคยละทิ้งไปก็กลายมาเป็นคู่ชีวิต ที่พร้อมจะร่ำรวยไปด้วยกัน
ชมดาวต้องทนรับสภาพสถานะเลขาของเจ้านายและสถานะบนเตียงมาตลอดห้าปี เธอคิดว่าอีกไม่นานเขาก็จะขอเธอแต่งงาน หากแต่ว่าเขากลับเห็นเธอเป็นเพียงสถานะรองเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ต้องแต่งงาน ไม่ใช่กับเธอแต่เป็นคนอื่น เธอจะเลือกจำยอมอยู่ในความลับต่อไป หรือเลือกที่จะเดินออกมาพร้อมกับเด็กในท้อง!!
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
จ้าวเหม่ยซื้อนิยายมาอ่าน พระเอกของเรื่องเป็นทรราชที่ได้รับการยกย่อง บ้าไปแล้วเป็นทรราชจะดีได้อย่างไร ปากบ่นไปสมองก็ด่าไปดันถูกเครื่องทำน้ำอุ่นช็อตตายไป ฟื้นมาอีกทีก็กลายเป็นสนมของทรราชผู้นั้น!! งานนี้เธอจะสามารถกลับออกจากนิยายได้ไหม หรือว่าต้องอุ้มให้ทรราชผู้นั้นตลอดไป ไปลุ้นกันค่ะ ****************** จบดีมีความสุขค่ะ
นราเป็นเพียงหญิงสาวยากชน ต้องทำงานแลกเงินแต่เธอก็มีตุลย์แฟนหนุ่มที่มีฐานะดีคอยช่วยเหลือตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งเธอก็พบว่าตัวเองตั้งครรภ์ ในขณะที่อีกฝ่ายก็มีคนที่ดีพร้อมไว้ข้างกายเช่นกัน เพราะรักจึงยอมเลิก เธอจึงเลือกที่จะหอบลูกในท้องจากไปเพื่อให้เขามีอนาคตที่ดีขึ้น ดีกว่าที่จะอยู่กับคนแบบเธอแม้หัวใจจะเจ็บปวดมากเท่าไรก็ตาม
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"