ย้อนเวลาไปในยุค 80 ร่ำรวยได้ยังไง เรามาดูกันค่ะ
ย้อนเวลาไปในยุค 80 ร่ำรวยได้ยังไง เรามาดูกันค่ะ
เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!
เสียงฟ้าร้องดังในขณะที่ท้องฟ้าอึมครึม ก่อนจะมีเม็ดฝนโปรยปรายลงมาเป็นเส้นยาวราวกับม่านบาง ๆ ทำให้ถนนใหญ่ของเมืองหลวงเปียกชุ่มจนเกิดเงาสะท้อนจากแสงไฟริมขอบถนนที่เริ่มสว่างขึ้นในช่วงที่ท้องฟ้ามืดครึ้มและฝนพรำ
ชิงเหม่ย เจ้าของร่างอ้อนแอ้นราวกับว่าเมื่อลมพัดมาก็จะปลิวไปได้ง่าย ๆ เธอสวมเสื้อคลุมผ้าบางที่แทบไม่กันฝน รีบวิ่งไปบนถนนพลางยกกระโปรงขึ้นเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ชายกระโปรงเปียกน้ำฝนที่พื้นถนนเอาได้ ชิงเหม่ยกอดห่อผ้าขนาดเล็กไว้แน่นใต้เสื้อคลุม นั่นคืออาหารเช้าที่เธอเตรียมไปกินระหว่างพักเที่ยงที่ทำงาน
เสียงย่ำเท้าของชิงเหม่ยดังปนไปกับเสียงล้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่แล่นผ่านน้ำขังจนสาดกระเซ็น คนบนถนนบางคนถือร่มเดินอย่างระวัง บางคนก็ใช้กระเป๋าหรือของใช้ที่ติดมือมาบังศีรษะของตัวเองเอาไว้
แต่สำหรับชิงเหม่ยแล้ว ไม่มีเวลาพอจะคิดถึงฝนที่เย็นยะเยือก เธอมีเวลาเพียงไม่กี่นาทีก่อนที่จะไปทำงานสาย ชิงเหม่ยวิ่งหลบฝนไปพลางพึมพำกับตัวเองไปว่า…
‘ต้องรีบไปให้ทันก่อนที่จะประชุม นี่เป็นโอกาสสำคัญที่เราจะทำผลงานได้ และผลงานชิ้นนี้จะเป็นใบเบิกทางให้เราได้เลื่อนตำแหน่ง เงินเดือนและสวัสดิการก็จะมากขึ้นอีกด้วย สู้ ๆ ชิงเหม่ย ฝนตกแค่นี้อย่าไปกลัว’
และระหว่างที่ชิงเหม่ยกำลังคิดถึงอนาคตอันสดใสของตัวเองอยู่นั้น เสียงแตรรถก็ดังขึ้นมาจากระยะไกล พร้อมกับเสียงยางรถเบียดพื้นถนนที่เกิดจากการเบรกอย่างกะทันหัน
ปี๊น! ปี๊น! เอี๊ยด!
เสียงแตรรถพร้อมกับเสียงเบรก ทำให้ชิงเหม่ยหยุดนิ่งและเงยหน้าขึ้นมองรถยนต์ที่เหมือนจะเสียหลักกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ตัวของเธอ พอชิงเหม่ยรู้ตัวก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ว๊าย!”
“หลบไป ๆ เบรกไม่อยู่!”
เหมือนเวลาหยุดนิ่ง ห่อผ้าในมือบางหลุดร่วง น้ำฝนไหลลงบนใบหน้า จิตสุดท้ายของชิงเหม่ยคิดได้แค่ว่า…
‘ชีวิตของเราต้องจบลงแล้วเหรอ’
ชิงเหม่ยรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองนั้นกำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ ไม่มีน้ำหนักหรือความเจ็บปวด ทุกอย่างขาวโพลนไปหมด แสงขาวสว่างจ้าคลายกับเมฆหมอกจนมองไม่เห็นสิ่งอื่นใดรอบตัว ก่อนจะมีเสียงของหญิงสาวลึกลับดังขึ้นกึกก้อง
“เจ้าคือผู้ถูกลิขิต ชีวิตของเจ้าที่นี่สิ้นสุดแล้ว แต่หนทางของเจ้ายังไม่จบลงเพียงเท่านี้”
“นะ นี่คือความตายอย่างนั้นหรือ ฉันยังตายไม่ได้นะ ฉันยังสาวอยู่เลย แฟนก็ยังไม่เคยมีสักคน หน้าที่การงานก็ยังต่ำเตี้ย ที่สำคัญฉันยังทำให้พ่อกับแม่ภูมิใจไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นฉันยังตายไม่ได้จริง ๆ ฮือ…”
“เจ้าอย่าพึ่งตีโพยตีพายไป เจ้าจะได้โอกาสมีชีวิตอีกครั้ง เพื่อแก้ไขสิ่งที่เจ้ามิอาจทำได้ในชีวิตที่เคยมี แต่ว่าที่ที่เจ้าต้องไปนั้น จะมิใช่ที่ที่เจ้าจากมา”
“…ละ แล้วฉันจะได้ไปที่ใดกัน”
“หึหึ ย้อนกลับไปยังอดีต ที่นั่นคือโลกที่เจ้าจะได้เริ่มต้นใหม่ในร่างเดิม เพียงแต่ยุคสมัยไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”
“อะ อดีตอย่างนั้นหรือ แต่ฉันยังมีสิ่งที่ยังทำไม่สำเร็จอีกตั้งเยอะเลยนะ ฉันต้องการกลับไปยังโลกปัจจุบัน คุณ! คุณได้ยินฉันไหม”
และทุกอย่างก็เงียบลง ก่อนที่ชิงเหม่ยจะหมดสติไปอีกครั้งในแสงสีขาว อย่างกับทุกอย่างเป็นเพียงความฝันหรือนิมิตอย่างไรอย่างนั้น…
เสียงนกและกลิ่นดินหลังฝนตก ทำให้เปลือกตาบางของคนที่กำลังหลับใหลค่อย ๆ ลืมขึ้นมาอย่างช้า ๆ เมื่อยกศีรษะขึ้นก็รู้สึกปวดและมึนเมาเล็กน้อย สายตาที่ยังคงพร่ามัวมองไปรอบ ๆ เห็นผนังไม้เก่า
‘ที่นี่คือที่ใด หรือว่านี่คืออดีตที่เสียงนั้นกล่าวถึง’
นอกจากนี้ยังได้ยินเสียงพูดคุยของผู้หญิงและผู้ชายดังมาจากข้างนอกห้องอีกด้วย ถึงแม้ว่าอาการจะยังไม่สู้ดี แต่สมองก็สั่งให้ตั้งใจฟัง
“เถ้าแก่ฟงให้ราคาดี จะมัวรออะไรอีก เด็กคนนี้ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรในบ้านอยู่แล้ว”
“แต่ชิงเหม่ยยังไม่หายดีเลยนะ ถ้าหากเธอรู้ว่าเราจะขายเธอให้คนอายุมากกว่าหลายปี เธอจะรับไม่ได้จนยอมกัดลิ้นตัวเองตายไปเลยเหรอ”
“อย่ามัวแต่ใจอ่อน! เงินที่เขาให้มามากพอที่จะปลดหนี้ทั้งหมดของบ้านเราได้ แล้วยังเหลือพอให้เธอไปซื้อผ้าใหม่อีกด้วย”
ชิงเหม่ยได้ยินทุกคำอย่างชัดเจน ทำให้หัวใจเต้นแรงด้วยความตกใจ พลางพึมพำกับตัวเองในใจว่าคนที่สองคนข้างนอกนั้นจะขายนั้นใช่ตัวเธอหรือไม่ แต่ชื่อที่เอ่ยออกมามันก็คือชื่อของเธอ
‘ขาย? พวกเขาคิดจะขายฉันอย่างนั้นหรือ’
เมื่อชิงเหม่ยคิดได้อย่างนั้น ก็รีบลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะเดินไปมองร่างกายของตัวเองในกระจกเก่าบานเล็ก ก็พบว่าร่างกายนี้เหมือนเค้าโครงเดิมของเธอแทบจะทุกอย่าง เพียงแต่ว่าอาจจะผอมบางกว่าหน่อยเท่านั้น บ่งบอกได้เลยว่าบ้านหลังนี้กำลังประสบปัญหาทางการเงินมากแค่ไหน ทั้งยังมีรอยแผลฟกช้ำตามตัวเล็กน้อยตามจุดต่าง ๆ ของร่างกายอีกด้วย
“นี่ฉันกลายเป็นลูกสาวของครอบครัวที่แสนจะลำบากแบบนี้จริง ๆ เหรอ และก็กำลังจะถูกพวกเขาคิดจะขายให้คนแก่อีกด้วย มอบชีวิตใหม่ให้แบบนี้ ส่งเราไปอยู่นรกเสียยังดีกว่า”
ในระหว่างที่ชิงเหม่ยกำลังตัดพ้อในโชคชะตาของตัวเองอยู่นั้น เสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้น
“ชิงเหม่ย ฟื้นแล้วเหรอ”
บุคคลที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าของชิงเหม่ยนั้นเป็นหญิงและชายวัยกลางคน ซึ่งชิงเหม่ยคาดเดาในใจว่าสองคนนี้น่าจะเป็นพ่อกับแม่ของเธอในยุคนี้ และตอนที่ทั้งสองกำลังจะเดินเข้ามาหาชิงเหม่ยนั้น เธอก็ค่อย ๆ ก้าวเดินถอยหลังด้วยความหวาดหวั่น
“ทำไมลูกถึงมีสีหน้าและท่าทางที่กลัวพ่อกับแม่อย่างนั้นล่ะ”
“ฉัน เอ่อ…ลูกได้ยินทุกอย่างทั้งหมดแล้ว พ่อกับแม่จะพาตัวลูกไปขายให้กับคนแก่ใช่หรือไม่”
“ชิงเหม่ย! นี่ลูกได้ยินทั้งหมดเลยหรือ”
คนเป็นแม่มีสีหน้าและน้ำเสียงที่ตกใจ แต่ผู้เป็นพ่อมีสีหน้าที่เปลี่ยนเป็นดุดัน ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้าง
“เจ้าเด็กคนนี้! นี่ไม่ใช่เรื่องที่ลูกควรยุ่ง ครอบครัวของเรายากจนมาก หากไม่ขายลูกไป พวกเราทั้งหมดก็ต้องอดตาย!”
เมื่อชิงเหม่ยได้ฟังคำพูดอันสุดแสนจะเห็นแก่ตัวของผู้เป็นพ่อ ก็อดที่จะกัดฟันแน่นด้วยความโกรธไม่ได้ แต่ก็พยายามที่จะสงบจิตสงบใจเอาไว้
“ลูกไม่ใช่สิ่งของที่พวกท่านจะขายไปเพื่อเงิน และอีกอย่าง ผู้เฒ่าฟงคนนั้น เขาอายุมากกว่าลูกหลายสิบปีเป็นแน่ พ่อกับแม่คิดจะส่งลูกไปเป็นบ่าวรับใช้ของเขาหรืออย่างไรกัน”
“ชิงเหม่ย แม่ไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอกนะ แต่เฒ่าฟงบอกว่าเขาจะให้เงินก้อนใหญ่กับเรา เราจะได้ไม่ต้องทนลำบากอีกต่อไป ลูกเองไปอยู่กับเขา เขาก็จะยกให้เป็นเมีย สบายไปทั้งชีวิต แล้วแบบนี้ลูกจะกลัวสิ่งใดกันเล่า”
ผู้เป็นแม่พยายามเข้าไปพูดกับบุตรสาวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถทำให้ชิงเหม่ยเปลี่ยนใจได้ เธอหลบการสัมผัสของแม่เหมือนไม่เคยมีเยื่อใยกันมาก่อน ทั้งยังจ้องมองด้วยสายตาที่เย็นชาอีกด้วย
“แต่ลูกต้องเสียทั้งชีวิตเพื่อความสุขของพวกท่านใช่ไหม ลูกต้องการเลือกทางของลูกเอง!”
คำเถียงและความดื้อรั้นของชิงเหม่ยทำให้พ่อเกิดอารมณ์โมโหขึ้นมาอีกครั้ง ตบโต๊ะเสียงดังลั่นและกล่าวยื่นคำขาดพร้อมกับชี้หน้าของชิงเหม่ยอย่างออกคำสั่ง ก่อนที่พ่อกับแม่จะพากันเดินออกจากห้องไป
“ลูกไม่มีสิทธิ์เลือก! ลูกกินอยู่ในบ้านนี้และเป็นลูกของพวกเรา ลูกต้องทำตามที่พ่อกับแม่บอกเท่านั้น”
เมื่อทั้งสองออกจากห้องไปแล้ว ชิงเหม่ยก็พ่นลมหายใจออกมาเป็นทางยาว ก่อนจะพึมพำกับตัวเองเบา ๆ พร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้าว่า…
“นี่คงเป็นบททดสอบจากเบื้องบนที่ส่งฉันมาที่นี่สินะ ฉันต้องหาทางรอดจากสถานการณ์นี้ไปให้ได้ ฉันจะไม่ยอมถูกขายไปเป็นเมียของคนแก่อย่างเด็ดขาด”
ระหว่างวันที่อยู่ในห้อง ชิงเหม่ยเอาแต่คิดวางแผนหนีออกจากบ้านที่เต็มไปด้วยความยากลำบากหลังนี้ จนกระทั่งสายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วเห็นว่าพ่อของเธอกำลังพูดคุยกับใครบางคนอย่างออกรสชาติ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความพอใจ ซึ่งชิงเหม่ยคิดว่าคนผู้นั้นต้องเป็นผู้เฒ่าฟงอย่างแน่นอน เพราะชายผู้นั้นเป็นคนแก่
‘ฉันต้องหนีคืนนี้หากรอจนถึงพรุ่งนี้ ฉันคงไม่มีโอกาสหนีรอดแล้ว’
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูทำให้ชิงเหม่ยหลุดออกมาจากความคิด แล้วทอดสายตาไปตรงประตูห้อง ก็เห็นว่าเป็นแม่ที่เดินเข้ามาในห้องพร้อมอาหารเรียบง่าย ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีเนื้อสัตว์ มีเพียงผักที่หาเก็บเอาได้เท่านั้น
“ชิงเหม่ย กินอะไรเสียหน่อยเถอะ พรุ่งนี้ลูกต้องตื่นแต่เช้าไปบ้านผู้เฒ่าฟง”
แม่เอ่ยเสียงเศร้า ถึงแม้ในใจอยากจะช่วยบุตรสาวมากแค่ไหน แต่ความจนมันบีบบังคับให้ต้องทำเช่นนี้
“ลูกรู้แล้ว ลูกจะรีบพักผ่อน”
ชิงเหม่ยแกล้งทำเป็นว่าง่ายเพื่อให้เรื่องมันจบ และแม่ก็ยอมออกจากห้องไปโดยง่าย เพราะถ้าอยู่ต่อไปบรรยากาศในห้องคงจะเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ส่วนชิงเหม่ยทำได้แค่เพียงกำมือแน่น น้ำตาคลอ แต่สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
เวลาหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ จนถึงช่วงกลางดึก ท้องฟ้าในคืนนี้มืดหม่นกว่าปกติ มีแต่ดวงดาวให้แสงสว่างเท่านั้น ชิงเหม่ยเตรียมข้าวของจำเป็นเล็กน้อยใส่ห่อผ้า ส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อผ้าเก่า ๆ ไม่มีของมีค่าอันใด
ชิงเหม่ยเปิดหน้าต่างแคบ ๆ แล้วพยายามปีนออกไปอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะรีบวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุดโดยเร็ว ในใจก็ยังคงคิดวางแผนอยู่ตลอดเวลา
‘ต้องไปให้ถึงถนนใหญ่ก่อนรุ่งสาง ถ้าเฒ่าฟงรู้ว่าฉันหนี เขาคงตามตัวฉันจนเจอเป็นแน่ เพราะคงจะเป็นบุคคลที่กว้างขวางอยู่ไม่น้อย’
ชิงเหม่ยวิ่งจนมาถึงถนนเส้นใหญ่ของหมู่บ้าน เสียงเครื่องยนต์ของรถและแสงไฟสาดส่องเข้ามาที่ใบหน้าใส ชิงเหม่ยมองเห็นรถคันใหญ่จอดอยู่ริมถนน เหมือนกับว่าเจ้าของรถกำลังทำอะไรบางอย่าง ทำให้ชิงเหม่ยคิดได้ว่าควรจะแอบขึ้นรถคันนี้ไป
‘นี่แหละโอกาสของเรา เราต้องซ่อนตัวไปกับรถคันนี้”
เมื่อคิดได้อย่างนั้นชิงเหม่ยก็ค่อย ๆ เดินย่องไปที่ท้ายรถ รอจนเจ้าของรถไม่สังเกตมา จึงปีนขึ้นไปท้ายรถอย่างเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร แต่ก็ดีกว่าอยู่ในบ้านหลังนั้น
จางลี่สตรีเกิดมาพร้อมกับความเกลียดชัง บิดามารดาไม่รัก พี่สาวรังเกียจ รอบด้านทำร้ายร่างกาย ชาติภพนี้นางถูกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีทำร้ายจนตาย เมื่อเกิดพบชาติใหม่อีกครั้ง นางก็ขอตอบแทบพวกเขาอย่างสาสม อย่าคิดว่าชาติภพนี้พวกเขาจะได้อยู่สุขสบาย นางในชาตินี้จะถนอมพวกเขาเป็นอย่างดี “ข้าไม่ใช่คนดี ท่านอย่าได้หวังว่าข้าจะดีเหมือนคนอื่น หากท่านปรารถนา พบสตรีที่ดีก็เชิญไปหาที่อื่น” บุรุษปริศนาที่ติดตามนางจะเลือกเส้นทางไหน แล้วนางจะตอบแทนพวกเขาเหล่านั้นเช่นไร รอพวกเขาหาคำตอบ แต่บอกได้เลยว่านางหาได้ใจดีเหมือนชาติที่แล้วไม่ “ข้าเตือนท่านแล้ว ว่าอย่าได้หวังว่าข้าจะเป็นคนดี”
ชีวิตเธอกำลังมีความสุข แต่แล้วก็ประสบอุบัติเหตุมาอยู่ในยุคโบราณ อยู่โบราณไม่ว่าถ้ามาอยู่ในร่างเด็กที่แม่ป่วย พ่อพิการ แถมตัวเองก็เป็นคนเดียวที่พอจะหาอาหารให้พวกเขาได้!!
นางถูกขับไล่ออกจากสกุลสามี คนพวกนั้นให้เหตุผลว่านางเป็นตัวซวยทำให้สามีสอบไม่ผ่าน หากแต่ออกมาได้สามวัน เขากลับแขวนโคมไฟสีแดง รับเกี้ยวเจ้าสาวเข้าจวน!!
เจียซินที่อยู่ในชีวิตปั่นปลายนั้น กลับต้องรู้สึกเสียใจที่เลือกเส้นทางรักผิด เมื่อเลือกหนทางใหม่ได้ เธอก็จะเลือกหนทางที่ดีที่สุด และเขาชายที่เธอเคยละทิ้งไปก็กลายมาเป็นคู่ชีวิต ที่พร้อมจะร่ำรวยไปด้วยกัน
ชมดาวต้องทนรับสภาพสถานะเลขาของเจ้านายและสถานะบนเตียงมาตลอดห้าปี เธอคิดว่าอีกไม่นานเขาก็จะขอเธอแต่งงาน หากแต่ว่าเขากลับเห็นเธอเป็นเพียงสถานะรองเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ต้องแต่งงาน ไม่ใช่กับเธอแต่เป็นคนอื่น เธอจะเลือกจำยอมอยู่ในความลับต่อไป หรือเลือกที่จะเดินออกมาพร้อมกับเด็กในท้อง!!
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
ตอนเด็กถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว แม่ถูกทำร้าย ฉือเนี่ยนสาบานว่าจะเอาทุกอย่างที่เป็นของตัวเองกลับคืนมา!ครั้งแรกที่กลับมาที่เมืองจิง เธอถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่ไร้การศึกษาและสำส่อนหลายคนบอกว่าลู่เหยียนสือต้องตาบอดแน่ๆ ถึงได้มาสนใจฉือเนี่ยนแต่มีแค่ลู่เหยียนสือเท่านั้นที่รู้ ว่าเธอที่เขารักและทะนุถนอมนั้นมากความสามารถ สามารถสร้างความวุ่นวายให้ทั้งเมืองจิงได้ด้วยตัวคนเดียวเธอคือหมอมือหนึ่ง เธอคือแฮ็กเกอร์มือทอง และยังเป็นนักปรุงน้ำหอมชั้นยอดที่ได้รับการยกย่องจากบุคคลสำคัญคนภายนอก: "คุณลู่ คุณจะเอาใจภรรยาจนไม่มีขอบเขตเลยเหรอ ทำไมแม้แต่ประชุมยังต้องอุ้มเธอไว้ด้วย!"ลู่เหยียนสือ "ต้องเอาใจภรรยาถึงจะรุ่งเรืองเฟื่องฟู"ต่อมาความลับของเธอถูกเปิดเผย ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนหันมาชื่นชมและยกย่องเธอ...
ความรักที่ซ่อนเร้นของสาวน้อยเริ่มต้นในวันที่ทั้งสองได้พบกันในการพบกันที่ถูกวางแผนมาอย่างยาวนาน ทว่าเด็กสาวที่ครอบครัวรับมาเลี้ยงกลับแย่งชิงครอบครัวและเด็กหนุ่มไปโดยไม่รู้สึกเกรงกลัว เมื่อโตขึ้น เธอใช้โอกาสการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เพื่อแย่งชิงตำแหน่งภรรยาของชายคนนั้น ไม่ยอมถอยแม้แต่นิดเดียว ฟู่เป่ยชวนกอดพี่สาวของเธอไว้ในอ้อมแขน ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “เธอทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียน” ซูชิงเฉินรู้สึกปวดท้องเหมือนมีบางอย่างในร่างกายของเธอค่อยๆ เลือนหายไป เธอยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงแน่วแน่ “แน่นอน ฉันจะไม่มีวันปล่อยมือ ถึงจะต้องตายก็ตาม” ไม่นานนัก ซูชิงเฉินก็เหมือนจะหายไปจริงๆ จากนั้นเป็นต้นมา ไม่มีใครรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในยามค่ำคืน ฟู่เป่ยชวนมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดกับเขาว่า “ถ้าฉันไม่เคยรักเธอเลยก็คงจะดี” ห้าปีต่อมา ซูชิงเฉินกลับมาพร้อมกับเด็กคนหนึ่ง กลับมาในสายตาของคนทั่วไปอีกครั้ง ...
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
ในฐานะที่เธอมีทรัพย์สินนับพันล้านและเป็นลูกสาวที่ได้รับการฝึกฝนอย่างลับๆ โดยรัฐบาล เฉียววานก็ถูกจัดสรรพ่อแม่ให้ในที่สุด แต่ไม่คาดคิด เธอถูกขับออกจากครอบครัวถึงสามครอบครัว การฝึกฝนความสัมพันธ์เป็นญาติพี่น้องก็ล้มเหลวซ้ำๆ จนกระทั่งเธอถูกตระกูลฮั่วรับอุปการะ เฉียววานที่น่าสงสารถูกพ่อแม่บุญธรรมทุ่มเงินให้ตามใจ แสดงความรักอย่างสุดโต่งจนดูเหนือจริง ทำให้บางคนอิจฉาจนบ้าคลั่ง ปล่อยข่าวลือว่า "เฉียววานไม่มีความสามารถใดๆ เลย ต้องอาศัยการทำตัวน่าสนสารเพื่อเรียกร้องความสนใจจากตระกูลฮั่ว!" แต่วันถัดมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศยืนต้อนรับด้วยตัวเอง “ศาสตราจารย์เฉียว ห้องแล็บของคุณเตรียมพร้อมแล้ว” มหาเศรษฐียื่นสัญญาให้ “บอส รายงานการเงินปีนี้กำไรเพิ่มขึ้น 300%!” องค์กรแฮกเกอร์นานาชาติก็เกิดความวุ่นวาย “พี่ใหญ่ ถ้าคุณไม่ออนไลน์ ระบบการเงินจะล่มแล้ว” เมื่อความลับของเฉียววานถูกเปิดเผยทีละอย่าง ทั้งโลกออนไลน์ก็เดือดดาล กู้ซือหาน ผู้ทรงอำนาจและเย็นชาแห่งเมืองจิง จู่ๆ ก็จับเธอไว้ที่มุมกำแพง นิ้วของเขาลูบไล้ริมฝีปากของเธอเบาๆ “คุณนายกู้ เล่นสนุกมากพอหรือยัง? ถึงเวลากลับบ้านไปมีลูกได้แล้ว” เฉียววานหน้าแดงก่ำ “ใคร ใครจะไปมีลูกกับคุณล่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ และหยิบบัตรดำวงเงินไม่จำกัดใส่มือเธอ “มีลูกคนหนึ่ง จะมอบเกาะส่วนตัวให้ให้หนึ่งเกาะ”
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY