เจียซินที่อยู่ในชีวิตปั่นปลายนั้น กลับต้องรู้สึกเสียใจที่เลือกเส้นทางรักผิด เมื่อเลือกหนทางใหม่ได้ เธอก็จะเลือกหนทางที่ดีที่สุด และเขาชายที่เธอเคยละทิ้งไปก็กลายมาเป็นคู่ชีวิต ที่พร้อมจะร่ำรวยไปด้วยกัน
เจียซินที่อยู่ในชีวิตปั่นปลายนั้น กลับต้องรู้สึกเสียใจที่เลือกเส้นทางรักผิด เมื่อเลือกหนทางใหม่ได้ เธอก็จะเลือกหนทางที่ดีที่สุด และเขาชายที่เธอเคยละทิ้งไปก็กลายมาเป็นคู่ชีวิต ที่พร้อมจะร่ำรวยไปด้วยกัน
ค่ำคืนหนึ่งในห้องเล็ก ๆ ที่อับทึบ มีผู้หญิงร่างบางคนหนึ่งนามว่า เจียซิน ซึ่งเธอกำลังนั่งพิงกำแพงที่เย็นเฉียบ ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและจิตใจที่บอบช้ำ ภายในห้องไม่มีแสงไฟ มีเพียงแสงจันทร์อ่อน ๆ ที่ลอดผ่านหน้าต่างบานเล็กเข้ามา เธอกอดตัวเองแน่น น้ำตาไหลลงอาบแก้มมาอย่างไม่ขาดสาย
เจียซินที่พึ่งนั่งทรุดตัวลงกับพื้นห้องที่เย็นเยียบ มือที่สั่นเทายกขึ้นแตะรอยแดงช้ำบนใบหน้าที่สามีของเธอฝากไว้ ความเจ็บปวดจากการถูกทำร้ายยังคงแผ่ซ่าน แต่ไม่อาจเทียบได้กับความรู้สึกที่แตกสลายภายในใจ เงินทองที่เธอหามาอย่างยากลำบากถูกสามีกวาดไปจนหมด ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าไว้กับเธอเท่านั้น
เสียงสะอื้นเบา ๆ ดังขึ้นในห้องที่เงียบสงัด เธอกอดตัวเองแน่นราวกับพยายามยึดเหนี่ยวเศษเสี้ยวของความหวังที่หลุดลอยไปให้กลับมา ถึงแม้ว่าจะยังคงมีความคิดที่ไม่ดีเกี่ยวกับสามีวนเวียนอยู่ในหัว
‘ทำไมฉันถึงเลือกเขา’
เจียซินตำหนิตัวเองซ้ำ ๆ ดวงตาแดงก่ำจับจ้องไปยังเงาสะท้อนในกระจก เธอแทบไม่รู้จักตัวเองอีกต่อไป ความฝันในอดีตที่เคยสดใสกลับกลายเป็นฝันร้าย ทุกคำพูดหวานที่สามีเคยพร่ำบอก กลายเป็นคำลวงที่กัดกินจิตใจ
เจียซินเหนื่อยเกินกว่าจะร้องไห้ต่อ แต่หัวใจของเธอกลับแตกสลายจนไม่เหลือชิ้นดี เธอได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาในความมืดมิดว่าเธอจะไปจากนรกขุมนี้ได้อย่างไร หรือเธอจะต้องจมอยู่กับมันตลอดไปจริงหรือ
“ฉันผิดเอง...ที่เชื่อใจเขา”
เสียงพึมพำของเจียซินสั่นเครือ เต็มไปด้วยความเสียใจที่ไม่อาจลบเลือนได้ เธอนึกถึงวันที่เธอตัดสินใจแต่งงานกับสามีคนนี้ หวังว่าการเริ่มต้นชีวิตคู่จะนำมาซึ่งความมั่นคง แต่ทุกอย่างกลับพลิกผัน
สามีของเธอใช้ชีวิตอย่างไร้ความรับผิดชอบ เงินทองที่เธอเก็บหอมรอมริบจากการทำงานหนักถูกเขานำไปใช้จนหมด เจียซินพยายามอดทน หวังว่าสักวันเขาจะเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเฉยชาและการละเลย
เจียซินก้มหน้ามองมือที่สั่นเทา ความเจ็บปวดและความเสียใจท่วมท้น เธอหวนคิดถึงชีวิตในวัยเด็กที่เรียบง่าย แม้จะลำบากแต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นจากครอบครัว
ในความมืดมิดของค่ำคืนนั้น เจียซินที่กำลังกอดตัวเองและพยายามปลอบใจตัวเอง หันไปมองทีวีเก่าที่ตั้งอยู่มุมห้อง หน้าจอสั่นไหวพร้อมเสียงเบา ๆ จากรายการข่าวธุรกิจที่เธอไม่ได้ตั้งใจดู แต่ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอกลับทำให้เธอหยุดนิ่ง
ชายหนุ่มในชุดสูทเรียบหรูยืนอยู่กลางเวทีงานสัมมนา ดวงตาของเขามีประกายแห่งความมุ่งมั่น และรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรแต่สง่างาม ซึ่งคนคนนั้นคือ ซูเหอ ชายที่เคยเป็นแฟนของเจียซินในสมัยเรียน
เจียซินเบิกตากว้าง ความทรงจำเก่า ๆ พลันหวนกลับมา ซูเหอคือคนที่เธอเคยรักอย่างจริงใจในช่วงเวลาที่เรียบง่ายที่สุดของชีวิต เขาเคยเป็นคนที่มีความฝันและความมุ่งมั่นที่จะสร้างธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่ในตอนนั้นทั้งสองแยกจากกันเพราะเหตุผลบางอย่างที่เธอไม่อยากคิดถึง
ในรายการข่าว ซูเหอถูกสัมภาษณ์เกี่ยวกับความสำเร็จในฐานะนักธุรกิจส่งออกอาหารที่มีชื่อเสียงระดับโลก เขาเล่าเรื่องราวการต่อสู้และความพยายามของตัวเองตั้งแต่เริ่มต้นจากศูนย์จนสามารถขยายธุรกิจไปยังหลายประเทศ
เจียซินนั่งมองหน้าจอด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เธอรู้สึกภูมิใจในตัวของซูเหอ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้ากับชีวิตของตัวเองที่กำลังติดอยู่ในวงจรของความล้มเหลวและความทุกข์ เธอคิดถึงคำพูดของซูเหอในอดีต
“ความสำเร็จไม่ได้มาหาเราเอง เราต้องลุกขึ้นและพยายามอย่างถึงที่สุด”
คำพูดนั้นดังก้องในหัวของเจียซิน เธอสูดลมหายใจลึก ความรู้สึกที่เคยหมดหวังค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยบางสิ่งที่เธอไม่ได้สัมผัสมานาน นั่นคือความหวัง
เธอไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้ แต่การเห็นซูเหอในวันนี้ทำให้เธอรู้ว่าเธอยังมีโอกาสที่จะลุกขึ้นเปลี่ยนแปลงตัวเองอีกครั้ง
‘ถ้าซูเหอทำได้ ฉันก็ต้องทำได้’
เจียซินคิดในใจ แสงจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่างดูเหมือนจะสว่างขึ้นอีกครั้ง เธอรู้ว่านี่คือเวลาที่เธอต้องเริ่มต้นใหม่ แม้ว่ามันจะยากเพียงใดก็ตาม
เจียซินหลับตาแน่น น้ำตาเริ่มไหลออกมาอีกครั้ง เธอปาดน้ำตาด้วยหลังมือ ความเสียใจและความเจ็บปวดในใจทำให้เธอแทบหายใจไม่ออก
‘ถ้าฉันเชื่อในตัวเขาสักนิด ถ้าฉันไม่ปล่อยเขาไป’
เจียซินคิด แต่เธอรู้ดีว่าไม่มีทางย้อนกลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วได้ เจียซินปาดน้ำตาอีกครั้ง พยายามรวบรวมสติ เธอไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความเสียใจนี้ไปได้ตลอด เธอรู้ว่าการเอาแต่มองย้อนกลับไปในอดีตจะไม่ช่วยให้เธอมีชีวิตที่ดีขึ้นมาได้
เช้าตรู่ในวันถัดมา เจียซินแต่งตัวอย่างเรียบง่ายด้วยชุดเสื้อผ้าซ้ำ ๆ ที่เริ่มเก่า รวบรวมความกล้าเดินออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังร้านติ่มซำที่เธอทำงานเป็นลูกจ้าง แม้ว่าร่างกายจะยังเจ็บปวดจากความบอบช้ำเมื่อวาน แต่เธอก็ไม่มีทางเลือก เธอต้องทำงานเพื่อประคองชีวิตต่อไป
ร้านติ่มซำที่เจียซินทำงานนั้นอยู่ในตรอกเล็ก ๆ ที่มีกลิ่นหอมของอาหารโชยออกมาจากประตูไม้ที่ถูกเปิดไว้ครึ่งหนึ่ง ป้ายร้านเขียนด้วยตัวอักษรจีนสีทองเด่นชัดบนพื้นหลังสีแดง บ่งบอกถึงความเป็นมาของร้านที่สืบทอดกันมาหลายรุ่น
เมื่อเจียซินเข้าไปในร้าน เจ้าของร้านเป็นชายวัยกลางคนที่มีบุคลิกเคร่งขรึม มองเจียซินด้วยสายตาไม่พอใจทันทีที่เห็นใบหน้าของเธอซึ่งยังมีรอยฟกช้ำเด่นชัด
“นี่เจียซิน เธอปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ได้ยังไง เธอไปทำอะไรมา!”
เจ้าของร้านพูดเสียงดัง จนพนักงานคนอื่น ๆ หันมามอง เจียซินก้มหน้าลงด้วยความอาย ไม่กล้าสบตาใคร
“ถ้าให้เธอออกไปเสิร์ฟ ลูกค้าคงตกใจกันหมด ไปอยู่หลังร้านเลย จัดการของในครัวให้เรียบร้อย อย่าให้ใครเห็นหน้าเธอแบบนี้อีก!”
“ดะ ได้ค่ะเถ้าแก่”
คำพูดนั้นของเถ้าแก่ เหมือนมีดที่กรีดซ้ำลงในหัวใจที่เปราะบางของเจียซิน เธอพยักหน้ารับคำสั่งอย่างเงียบ ๆ รีบเดินไปที่หลังร้านด้วยน้ำตาคลอเบ้า แต่เธอก็พยายามกลั้นเอาไว้
ที่หลังร้านเจียซินจัดการนึ่งติ่มซำและเตรียมจานอาหารด้วยความตั้งใจ แม้จะถูกลดบทบาท เธอก็พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด มือของเธอสั่นเล็กน้อยในขณะที่จับเข่งติ่มซำออกจากซึ้งไอน้ำ เธอรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ออกมา แต่ก็ต้องอดทน
‘ฉันต้องทนแบบนี้อีกนานแค่ไหน’
ในใจของเจียซินมีแต่คำถาม แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้ว่าการหยุดทำงานไม่ใช่ทางออก
ขณะที่เจียซินกำลังจัดการกับงานในครัว เจียซินแอบมองออกไปยังโต๊ะของลูกค้าที่เต็มไปด้วยผู้คนที่หัวเราะและพูดคุยกันอย่างมีความสุข แม้เธอจะรู้สึกโดดเดี่ยว แต่ภาพเหล่านั้นกลับกลายเป็นแรงผลักดันให้เธออยากเปลี่ยนแปลงชีวิต
เสียงช้อนจานกระทบกันดังเป็นจังหวะในครัวที่อบอวลไปด้วยไอน้ำร้อน เจียซินนั่งยอง ๆ อยู่หน้ากองจานที่สูงล้น มือน้อยๆ ของเธอจับฟองน้ำขัดถูจานแต่ละใบอย่างอ่อนแรง แม้ร่างกายจะเหนื่อยล้าจนแทบยืนไม่ไหว แต่เธอก็พยายามฝืนทำงานต่อ เพราะรู้ว่าหยุดไม่ได้
แต่ไม่นานนัก ร่างของเจียซินเริ่มโอนเอน สายตาของเธอพร่ามัวก่อนที่ความมืดจะเข้าครอบงำ เธอทรุดตัวลงกับพื้น พนักงานคนอื่น ๆ ร้องเสียงหลงและรีบเข้าไปช่วย แต่หารู้ไม่ว่าเจียซินจะหลับไปแบบนี้อีกนานเท่านาน…
“เจียซิน! เจียซิน!”
…เสียงอื้อ ๆ ในหูทำให้เจียซินที่กำลังหลับใหลลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เธอรู้สึกถึงความเย็นของพื้นโต๊ะไม้เรียบและแสงสว่างจ้ายามบ่ายที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา
เจียซินมองรอบตัวด้วยความงุนงง พบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในครัวร้านติ่มซำอีกต่อไป แต่กำลังนั่งอยู่ในห้องเรียนที่คุ้นตา เจียซินกะพริบตาอย่างงุนงง สูดลมหายใจลึกเพื่อเรียกสติของตัวเองกลับคืนมาให้ได้มากที่สุด
เจียซินก้มมองตัวเองด้วยความตกใจ ชุดที่เธอสวมคือชุดนักศึกษาสะอาดเรียบง่ายของมหาวิทยาลัย ชุดที่เธอไม่ได้ใส่มาหลายปีแล้ว เมื่อเห็นอย่างนี้ เสียงหัวใจของเจียซินก็เต้นดังระรัว เจียซินพึมพำออกมาเบา ๆ ขณะที่มองไปรอบตัวเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“ที่นี่มัน...”
บรรยากาศในห้องนั้นดูคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด โต๊ะเรียงเป็นแถว หนังสือและสมุดวางอยู่ตรงหน้า เสียงกระซิบกระซาบของเพื่อนร่วมชั้นดังแผ่วเบา เธอหันไปมองเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่ มันคือชุดนักศึกษาสีขาวสะอาดและกระโปรงดำที่เธอไม่ได้สวมมานานหลายปีจริง ๆ
ซึ่งเป็นการแต่งตัวของนักศึกษาผู้หญิงที่ยังไม่เน้นความหรูหรา แต่เป็นการสะท้อนถึงการศึกษาและค่านิยมของสังคมจีนที่ให้ความสำคัญกับการทำงานหนักและการตั้งใจเรียนรู้มากกว่าการแสดงออกถึงตัวตนผ่านการแต่งตัว
‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน’
เจียซินหยุดจ้องมองกระดานดำตรงหน้าซึ่งเต็มไปด้วยตัวอักษรจีนที่เขียนด้วยชอล์กขาว และที่มุมขวาด้านบนของกระดานมีวันที่ที่เขียนไว้ด้วยลายมืออักษรจีนอย่างชัดเจนว่าวันนี้คือ…
วันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 1980
เจียซินตาเบิกกว้าง วันนั้นคือวันที่ฝังแน่นในความทรงจำของเธอ มันคือวันที่เธอตัดสินใจบอกเลิกซูเหอ ชายหนุ่มที่เคยเป็นแฟนของเธอสมัยเรียน วันที่เธอเลือกเส้นทางชีวิตที่พาไปสู่ความผิดหวังและเสียใจในอนาคต
เจียซินยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามา ทั้งตกใจ สับสน และไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง
“ฉันย้อนเวลากลับมาในอดีตจริง ๆ เหรอ”
เจียซินพึมพำกับตัวเองพร้อมกับหยิกแขนของตัวเองเบา ๆ เพื่อพิสูจน์ว่าเธอไม่ได้ฝัน ซึ่งความเจ็บที่รู้สึกนั้นช่วยยืนยันว่าทุกอย่างตรงหน้าคือความจริง
เสียงของอาจารย์ที่กำลังสอนดังขึ้น แต่เจียซินไม่ได้ฟัง เธอมัวแต่นั่งนิ่ง ใจเต้นแรงจนแทบควบคุมไม่ได้ ภาพของซูเหอผุดขึ้นมาในหัว เขาคงอยู่ที่ไหนสักที่ในมหาวิทยาลัยนี้
‘นี่คือโอกาส…โอกาสที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะได้กลับมา’
เจียซินหายใจเข้าปอดลึก ๆ พยายามควบคุมความตื่นเต้นและความหวาดกลัว เธอรู้ว่าสิ่งที่เธอจะทำต่อจากนี้อาจเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ ไม่ใช่เพียงแค่ชีวิตของเธอ แต่ยังรวมถึงอนาคตของซูเหอด้วย
'ฉันได้โอกาสแก้ตัวครั้งใหญ่แล้ว ฉันจะไม่ทำผิดพลาดอีก’
เจียซินกำมือแน่น รวบรวมความกล้า ขณะที่แสงแดดจากหน้าต่างทอประกายอ่อน ๆ เหมือนเป็นสัญญาณให้เธอรู้ว่า ชีวิตใหม่นี้ เธอจะมีโอกาสได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง...
ชาติภพก่อนนางต้องสูญเสียลูกและสามีเพราะคนร้ายกราดยิงในห้าง จนนางเลือกจบชีวิตโดยการฆ่าตัวตายตาม พอเกิดชาติใหม่ก็มาอาศัยร่างที่ใบหน้าเหมือนตัวเองแถมมีลูกสาวที่หน้าเหมือนลูกสาวภพก่อนแต่กลับถูกสามีทิ้งให้มาอยู่ลำพังบนเขาจนอดข้าวตาย นางที่ได้มาอาศัยร้าง สัญญาว่าจะดูแลบุตรสาวคนนี้ให้ดีที่สุด และหวังว่าจะเจอสามีนางในภพเช่นกัน หญิงหม้ายเช่นนางจะดูแลบุตรสาวด้วยตัวเอง... "ท่านแม่กอดเอวของท่านพ่อเอาไว้แบบนี้ห้ามปล่อยนะเจ้าคะ ถ้าท่านแม่กอดเอวท่านพ่อก็จะได้กอดถิงถิงไปด้วย" เสียงเล็กของสาวน้อยที่นั่งตรงกลางระหว่างเจินเป่าและเหนียงไป๋กล่าวบอกผู้เป็นมารดาด้วยน้ำเสียงแจ่มใส เหนียงไป๋จึงไม่มีทางเลือกต้องพยักหน้ารับและทำตามที่บุตรสาวบอกแต่โดยดี ******************* นิยายสนุก น่ารัก อบอุ่นหัวใจ ดีต่อสุขภาพ แวะมาอ่านกันเยอะๆ นะคะ
เสียงกระเส่าในยามค่ำคืน ไม่ได้มีแค่เสียงเดียวแต่มีถึงหลายคน สตรีนางน้อยที่อยู่บนเตียงหันมองสตรีที่จูบแม่ทัพปีศาจ นางพึ่งจะเป็นมือใหม่ที่ใหม่จนไม่กล้าทำสิ่งใด ได้แต่มองเขาเสพสมสตรีอื่นต่อหน้านาง เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังไม่หยุด ยิ่งทำให้นางประสาทเสีย หากแต่ว่าหากนางยังนิ่งมองอยู่เช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้จะไม่มีที่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดเลยสิจะรออะไร ใช่ว่านางจะทำไม่เป็นเสียหน่อย
จะทำยังไงเมื่อชาติก่อนก็มีชีวิตครอบครัวที่บัดซบถูกสามีนอกใจ มาภพนี้กลับมาอยู่ร่างของผู้หญิงที่หนีไปชู้อีก ทั้งที่เธอมีลูกที่แสนน่ารักและสามีที่แสนน่ากิน!!
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
ชมดาวต้องทนรับสภาพสถานะเลขาของเจ้านายและสถานะบนเตียงมาตลอดห้าปี เธอคิดว่าอีกไม่นานเขาก็จะขอเธอแต่งงาน หากแต่ว่าเขากลับเห็นเธอเป็นเพียงสถานะรองเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ต้องแต่งงาน ไม่ใช่กับเธอแต่เป็นคนอื่น เธอจะเลือกจำยอมอยู่ในความลับต่อไป หรือเลือกที่จะเดินออกมาพร้อมกับเด็กในท้อง!!
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ชาตินี้เสียลูกและสามี พอได้เกิดใหม่อีกทีขอเลี้ยงดูเจ้าให้ดีที่สุด นภาเสียชีวิตและได้ไปเกิดใหม่ในร่างของหลินเสี่ยวเหยา จิตใจที่โศกเศร้าของเธอ จะได้รับการเยียวยาหรือไม่ ต้องติดตาม
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
"อ๊ะ..ที่ไหนนี่มืดจัง อึดอัดจังเลย โอ้ย !!ใครถีบหัววะ" "ฮูหยินคลอดแล้วเป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ ยังมีอีกคนเจ้าค่ะ เบ่งอีกเจ้าคะ " "อุ๊แว" "เป็นคุณหนูเจ้าค่ะฮูหยิน"
ฉันเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลเจียงมาสามปี ตลอดระยะเวลาสามปีมานี้ ฉันถูกคนในตระกูลเจียงนี้เรียกใช้อย่างกับขี้ข้า และแสงสว่างเดียวในชีวิตของฉันก็คือเธอ เจียงเชียนหนิง ภรรยาที่รักของฉัน แต่พระเจ้าก็เล่นตลกกับฉันเสียจริงเลย ภรรยาของฉันนอกใจฉัน! เพื่อแก้แค้นที่เธอนอกใจ ฉันจึงตัดสินใจเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของฉันออกมา ฉันคือหลินเทียน ผู้ซึ่งเป็นทายาทของตระกูลที่มีทรัพย์สินมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์! ในขณะที่ตัวตนของฉันถูกเปิดเผย คนในตระกูลเจียงก็ตกตะลึงกันไปทุกคน! ยิ่งไปกว่านั้น ภรรยาของฉันคุกเข่าขอโทษฉันเพื่อขอให้ฉันให้อภัยเธอ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด