ชมดาวต้องทนรับสภาพสถานะเลขาของเจ้านายและสถานะบนเตียงมาตลอดห้าปี เธอคิดว่าอีกไม่นานเขาก็จะขอเธอแต่งงาน หากแต่ว่าเขากลับเห็นเธอเป็นเพียงสถานะรองเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ต้องแต่งงาน ไม่ใช่กับเธอแต่เป็นคนอื่น เธอจะเลือกจำยอมอยู่ในความลับต่อไป หรือเลือกที่จะเดินออกมาพร้อมกับเด็กในท้อง!!
งานกาล่าดินเนอร์ของสมาคมผู้ค้าเพชรค่อนข้างน่าเบื่อ ชมดาวยืนรวบมืออย่างสงบอยู่ที่มุมหนึ่งของงาน ดวงตากลมโตประดับด้วยขนตานยาวเป็นแพหนาเหมือนแม่กวางสาวมองไปยังเหล่าผู้บริหารบริษัทขนาดใหญ่ของหลากหลายธุรกิจทั่วฟ้าเมืองไทยที่กำลังยกป้ายประมูลแข่งกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
หนึ่งล้าน
หนึ่งล้านห้าแสน
สองล้านห้าแสน
ยอดประมูลยังพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่สร้อยเพชรเส้นนั้นก็ไม่ได้สวยงามเท่าใดในสายตาของเธอ...
คนรวยนี่ดีจัง ใช้เงินเหมือนเบี้ยได้โดยไม่ต้องคิดมาก ไม่เหมือนเธอกว่าจะได้เงินแต่ละบาทแสนยากเย็น ต้องทำงานให้เจ้านายหนุ่มจอมเย็นชาทั้งวันทั้งคืนจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อนส่วนตัว...เลขาสาวคิด
ชมดาวถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ยังไม่เห็นเอกฤทธิ์เจ้านายของเธอประมูลแข่งกับใครเขาสักเส้น แล้วจะมาให้เสียเวลาทำไมก็ไม่รู้
เอกฤทธิ์ทำธุรกิจโฆษณาครบวงจร และยังมีช่องโทรทัศน์ดิจิทัล เขาเป็นนักธุรกิจหนุ่ม ‘โสด’ เนื้อหอมที่ได้ลงนิตยสารดังทุกปี ส่วนเธอก็รับหน้าที่เป็นเลขานุการดูแลจัดการทุกอย่างให้ตั้งแต่เขาเริ่มเข้ามารับตำแหน่งผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร และได้เลื่อนขึ้นเป็นกรรมการใหญ่แทนบิดากระทั่งปัจจุบัน
เรียกได้ว่าชมดาวทำงานกับเขามาแล้วห้าปีกว่า เป็นเลขาฯ ที่รู้งาน...และคู่นอนที่รู้ใจในช่วงสองปีให้หลัง
เดิมทีชมดาวไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเดินมาถึงจุดนี้...จุดที่เป็นคู่นอนลับ ๆ ของเจ้านาย
ครั้งแรกที่เธอเผลอตัวเผลอใจไปกับเขาคือตอนที่ไปทำงานที่เกาะช้าง คืนนั้นเธอและเจ้านายดื่มไปค่อนข้างเยอะ กว่าจะมีสติข้าวสารก็กลายเป็นข้าวสุกเสียแล้ว ชมดาวจึงปล่อยเลยตามเลยเพราะการได้ใกล้ชิดเอกฤทธิ์นอกเหนือจากเรื่องงานมันยังทำให้เธอมีความสุข
สุข...กระทั่งลืมระวังตัว
...จนวันนี้เธอไม่สามารถย้อนกลับไปอยู่ตรงจุดเดิมได้อีกต่อไปแล้ว
ชมดาวลูบหน้าท้องที่ยังแบนราบของตัวเอง...เธอพึ่งรู้ว่าตั้งครรภ์เมื่อเช้านี้ และพ่อของเด็กจะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่เอกฤทธิ์...เจ้านายของเธอเอง
“สวัสดีครับ”
ชมดาวเงยหน้ามองชายแปลกหน้าที่เข้ามาทัก เลขาสาวยิ้มตามมารยาททันทีราวตั้งโปรแกรมเอาไว้อัตโนมัติ
“สวัสดีค่ะ” เธอตอบรับกลาง ๆ พลางถอยหลังออกห่างจากชายตรงหน้าเล็กน้อยเพราะกลิ่นน้ำหอมฉุนแรงของเขากำลังทำให้เธอคลื่นไส้
“ไม่ทราบว่าคุณมาประมูลเพชรเหมือนกันหรือเปล่าครับ ผมสังเกตอยู่นานแล้ว ไม่เห็นคุณเข้าไปร่วมวง” เขาหาเรื่องชวนคุย
“เปล่าค่ะ ฉันตามเจ้านายมาน่ะค่ะ” ชมดาวตอบเสียงเรียบ
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง” ชายหนุ่มยื่นนามบัตรให้เธอ “ผมชื่อเมฆครับ เป็นเจ้าของโชว์รูมรถนำเข้า เผื่อคุณสนใจไปดู ผมจะบริการเป็นพิเศษ”
“ขอบใจ แต่ผมมีรถมากพอแล้ว” เอกฤทธิ์ที่โผล่มาจากไหนไม่รู้เป็นคนรับนามบัตรใบนั้นเอาไว้แทน
ผู้ชายคนนั้นยิ้มเจือ ๆ ให้ชมดาวแล้วปลีกตัวเดินจากไป
เจ้านายของชมดาวเดินเข้ามาพร้อมผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เลขาสาวมองทั้งคู่สลับกันไปมา ดู ๆ แล้วเธอน่าจะอายุมากกว่าผู้ติดตามของเอกฤทธิ์ หญิงสาวจึงก้มหัวทักทายอย่างสุภาพแทนการยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ” ชมดาวทัก
“สวัสดีค่ะ คุณคงเป็นเลขาของพี่เอก...แพรวานะคะ ยินดีที่ได้รู้จัก...อีกหน่อยเราคงได้เจอกันบ่อย ๆ”
...เจอกันบ่อย ๆ อย่างนั้นหรือ...ชมดาวเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ เธอยิ้มอ่อน ๆ พร้อมรับคำอย่างสุภาพตามคุณลักษณะของเลขาฯ ที่ดีอีกตามเคย
“ไม่ทราบว่าต้องรอรับเครื่องเพชรไหมคะคุณเอก” ชมดาวถามเจ้านาย
“ไม่ต้อง ฉันไม่ได้ซื้อ เราจะกลับแล้ว เธอเรียกรถมารอได้เลย” เอกฤทธิ์บอกห้วน ๆ ตามนิสัย
“ค่ะ”
ระหว่างชมดาวปลีกตัวออกไปส่งข้อความหาคนรถสายตาของเธอก็เอาแต่เหลือบแลอากัปกิริยาของเจ้านายกับแพรวาด้วยความสงสัย...
ผู้หญิงคนนั้นถึงเนื้อถึงตัวเอกฤทธิ์แปลก ๆ เดี๋ยวกอดแขน เดี๋ยวตีไหล่ ไม่เหมือนคู่ค้าคนอื่น ๆ ที่เคยเจอมา...นี่สินะที่เคยได้ยินมาว่า ‘ผู้หญิงด้วยกันเขาดูออก’ แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้บริหารเนื้อหอมอย่างเอกฤทธิ์มีผู้หญิงมาติดพัน ตราบใดที่เขายังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตนชมดาวก็เบาใจ
ถ้าเอกฤทธิ์รู้ว่าเธอท้อง ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาจะพัฒนาไปมากกว่าการเป็นคู่นอนได้ไหม?...ยังเป็นคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบ ด้วยความที่ชายหนุ่มไม่ใช่คนช่างเจรจานัก เก็บความรู้สึกเก่งภายใต้ใบหน้านิ่งเฉยจึงเป็นเรื่องยากมากที่ใครจะอ่านใจเขาออกว่าคิดอย่างไร
“ยืนเหม่ออะไร”
“อุ๊ย!”
“เป็นอะไรของเธอ ฉันทักแค่นี้ต้องตกใจด้วย” เอกฤทธิ์ว่าเสียงดุ “รถมาถึงหรือยัง”
“พร้อมแล้วค่ะ เชิญคุณเอกได้เลย”
ชมดาวยืนส่งเจ้านาย แต่เอกฤทธิ์กลับไม่ยอมเดินออกไปเสียที
“คุณเอกมีอะไรจะสั่งอีกหรือเปล่าคะ?”
“วันนี้ฉันจะไปนอนคอนโด...”
เป็นรหัสลับที่รู้กันสองคนว่า หากวันใดเอกฤทธิ์บอกว่าเขาจะไปนอนคอนโดนั่นหมายความว่าชมดาวจะต้องตามไปเป็นคู่นอนให้เขาด้วย
“ทำไม? ไม่อยากไปอีกแล้วเหรอ ช่วงนี้เธอปฏิเสธฉันถี่ขึ้นนะ หรือไม่อยากทำแล้ว”
“เปล่า! ไม่ใช่ค่ะ” ชมดาวรีบปฏิเสธ
ก่อนหน้าที่จะรู้ว่าท้องเธอรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว ได้กลิ่นอะไรนิดหน่อยก็เวียนหัวอยากอาเจียน จึงเป็นเหตุทำให้บอกปัดความต้องการของเอกฤทธิ์อยู่หลายครั้งในช่วงหลัง
ส่วนครั้งนี้ เธอไม่แน่ใจว่าคนท้องอ่อน ๆ สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้อย่างปลอดภัยไหมจึงยังไม่กล้าตอบตกลงทันที
“พอดีก่อนหน้านี้ดาวเป็นประจำเดือน...” เธออ้าง
เอกฤทธิ์พยักหน้ารับรู้ “ตกลงวันนี้จะไปไหม?”
“ไปค่ะ เชิญคุณเอกค่ะ รถจอดรออยู่แล้ว”
ชมดาวตัดสินใจไปในที่สุด ไม่ใช่เพราะเธออยากมีเซ็กส์ แต่เธออยากอาศัยโอกาสนี้บอกเขาว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกของเขา เพราะไม่รู้จะยื้อเวลาออกไปทำไมอีก ไม่ช้าก็เร็วเอกฤทธิ์ก็ต้องรู้เรื่องนี้อยู่วันยังค่ำ
เซ็กส์ระหว่างเอกฤทธิ์และชมดาวในคืนนี้ไม่ร้อนแรงเหมือนทุกที เพราะหญิงสาวเอาแต่ยั้งบอกให้เขาทำเบา ๆ คล้ายเป็นกังวลจนไม่มีอารมณ์ร่วม เมื่อฝ่ายหญิงไม่สนุกไปด้วยหลั่งเพียงครั้งเดียวชายหนุ่มก็หมดอารมณ์ ผิดกับทุกทีที่เขามักจะทำกับเธอจนเช้าของอีกวัน
“ช่วงนี้เป็นอะไรของเธอ” น้ำเสียงเขาติดจะหงุดหงิด
เอกฤทธิ์ลุกขึ้นสวมเสื้อคลุมผ้าขนหนูสีขาว เขานั่งหันหลังให้ชมดาวที่นอนเปล่าเปลือยมองเขาอยู่บนเตียงนอนกว้าง...ครั้งนี้เธอไม่ถึงจุดสุดยอดด้วยซ้ำ
ชมดาวลุกขึ้นจัดการตัวเองให้เรียบร้อยบ้าง พลางเอ่ยปาก “ขอโทษค่ะ ช่วงนี้ดาวคงเครียดไปหน่อย”
“ฉันให้ทำงานหนักเกินไปหรือไง ถ้าเธออยากลาพักร้อนก็ได้นะ”
“เปล่าค่ะ ไม่ใช่เรื่องงาน...พอดีดาวมีเรื่องส่วนตัวที่ยังคิดไม่ตกนิดหน่อย...”
...และเรื่องนั้นก็มีต้นเหตุมาจากคุณ...ชมดาวต่อประโยคจนจบในใจ
ชายหนุ่มถอนหายใจ เขาตั้งใจมีอะไรกับชมดาวเพื่อหยั่งความรู้สึกของตัวเองสำหรับการตัดสินใจครั้งสุดท้าย ทว่าพอเสร็จสมอารมณ์หมายแล้วคำตอบที่ได้ก็ยังคลุมเครืออยู่ดี
ที่ผ่านมาเขามีความสัมพันธ์ทางกายกับชมดาวแค่คนเดียวเป็นเวลาเกือบสองปี เธอเป็นคู่นอนที่ตอบสนองเขาบนเตียงได้อย่างถึงอกถึงใจที่สุดชนิดที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่เคยผ่านมาในชีวิตสามารถทำได้มาก่อน...
แต่หากถามว่าเขามีความรู้สึกให้เธอมากกว่าคู่นอนคนหนึ่งไหม เอกฤทธิ์ก็ยังตอบไม่ได้เหมือนกัน
“ฉันมีเรื่องจะต้องตกลงกับเธอ”
“คุณเอกดาวมีเรื่องจะบอก”
ทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน
“คุณเอกพูดก่อนเถอะค่ะ” ชมดาวเปิดทาง ติดนิสัยความเป็นเลขาฯ แม้กระทั่งตอนอยู่ด้วยกันตามลำพังในห้องนอนส่วนตัว
“เธอก็รู้ใช่ไหมว่าแม่ฉันกำลังสนใจที่จะลงทุนในธุรกิจเครื่องประดับ” เอกฤทธิ์เกริ่นนำ
“พอได้ยินมาบ้างค่ะ”
ชมดาวแอบแปลกใจที่จู่ ๆ เขาก็วกกลับไปพูดเรื่องงานอีกแล้ว
“ช่วงนี้ธุรกิจทีวีดิจิตอลซบเซา ในรอบหน้าเราอาจไม่เช่าสัมปทานสัญญาณต่อเพราะทำไปก็มีแววจะขาดทุนเพราะโฆษณาสินค้าเลือกไปเข้าทางออนไลน์มากกว่า แม้ภาพรวมใหญ่บริษัทเราจะยังเติบโตได้แต่ก็ไม่เร็วเท่าแต่ก่อน...”
หญิงสาวนั่งฟังเอกฤทธิ์ชักแม่น้ำทั้งห้า เอาแต่พูดทวนเรื่องที่เธอรู้อยู่แล้วอย่างใจเย็น
“แล้วยังไงคะ?” ชมดาวถาม หวังให้เขาพูดเข้าเรื่องเสียที
“แม่ฉันเลยหวังกับธุรกิจตัวใหม่ที่กำลังจะทำมาก เราจำเป็นต้องสร้างเครือข่ายให้เข้มแข็ง...”
“คุณพูดเข้าเรื่องเถอะค่ะ ดาวไม่เข้าใจว่าคุณต้องการสื่ออะไรกันแน่ หรืออยากให้ดาวไปช่วยงานตรงส่วนไหน”
“มันไม่เกี่ยวกับเธอเสียทีเดียว เธอก็แค่ต้องทำหน้าที่เดิมที่ทำอยู่ให้ดีก็พอ”
จนแล้วจนรอดเอกฤทธิ์ก็ยังไม่ยอมพูดเข้าเรื่อง...เขาเองก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้หวั่นใจนักที่จะบอกชมดาวตรง ๆ ว่าเขากำลังจะหมั้นหมายกับลูกสาวนายกสมาคมผู้ค้าอัญมณี ซึ่งก็คือแพรวานั่นเอง
ชมดาวก็เป็นแค่เลขาฯ หน้าห้องที่เขานอนด้วยเพื่อแก้เหงาเป็นครั้งคราว ทำไมต้องแคร์ว่าเธอจะเสียใจหากรู้ว่าเขากำลังจะหมั้นด้วยก็ไม่รู้
“งั้นมีอะไรที่ดาวต้องรู้ล่ะคะ ในเมื่องานส่วนนั้นดาวไม่จำเป็นต้องเข้าไปช่วย”
“เพราะฉันกำลังจะหมั้นกับแพรวาที่เธอพึ่งเจอ เขาเป็นลูกสาวคนเดียวของนายกสมาคมผู้ค้าอัญมณี แม่ฉันจึงคิดว่าการดองกันของสองครอบครัวจะช่วยให้ธุรกิจของเรามั่นคงได้”
เอกฤทธิ์บอกเสียงเรียบราวกับกำลังพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ ไม่ใช่เรื่องการสละโสดของตัวเองทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งมีเซ็กส์กับชมดาวเสร็จหมาด ๆ น้ำที่เขาหลั่งเข้ามาในกายเธอยังไม่ทันแห้งด้วยซ้ำ!
หญิงสาวนั่งตัวแข็งค้าง ปวดหนึบไปทั้งหัวใจ...เอกฤทธิ์ช่างเป็นคนเลือดเย็นเหลือเกิน
โชคชะตาเล่นตลกอะไรกับเธอกัน เอกฤทธิ์ไม่เคยคบหากับผู้หญิงคนไหน แถมยังไม่เคยคิดจะมีความสัมพันธ์กับใครจริงจังถึงขั้นแต่งงานมาก่อน แต่ทำไมถึงได้ตัดสินใจหมั้นกะทันหันหลังจากที่เธอพึ่งรู้ตัวว่าตั้งท้องลูกของเขาได้ยังไม่ถึงวัน
“ดาวไม่เข้าใจ...คุณจะหมั้นกับคนอื่นทั้ง ๆ ที่มีดาวอยู่ตรงนี้ได้ยังไง...แล้วเรื่องระหว่างเรา...”
“ก็เป็นคู่นอนกันเหมือนเดิม” ชายหนุ่มยักไหล่ “ถ้าเธอไม่ติดเราก็มาสนุกด้วยกันเป็นครั้งคราวอย่างนี้ต่อไปได้ ตราบใดที่ยังไม่แต่งงานฉันก็ถือว่าตัวเองยังโสด!”
เจียซินที่อยู่ในชีวิตปั่นปลายนั้น กลับต้องรู้สึกเสียใจที่เลือกเส้นทางรักผิด เมื่อเลือกหนทางใหม่ได้ เธอก็จะเลือกหนทางที่ดีที่สุด และเขาชายที่เธอเคยละทิ้งไปก็กลายมาเป็นคู่ชีวิต ที่พร้อมจะร่ำรวยไปด้วยกัน
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
จ้าวเหม่ยซื้อนิยายมาอ่าน พระเอกของเรื่องเป็นทรราชที่ได้รับการยกย่อง บ้าไปแล้วเป็นทรราชจะดีได้อย่างไร ปากบ่นไปสมองก็ด่าไปดันถูกเครื่องทำน้ำอุ่นช็อตตายไป ฟื้นมาอีกทีก็กลายเป็นสนมของทรราชผู้นั้น!! งานนี้เธอจะสามารถกลับออกจากนิยายได้ไหม หรือว่าต้องอุ้มให้ทรราชผู้นั้นตลอดไป ไปลุ้นกันค่ะ ****************** จบดีมีความสุขค่ะ
นราเป็นเพียงหญิงสาวยากชน ต้องทำงานแลกเงินแต่เธอก็มีตุลย์แฟนหนุ่มที่มีฐานะดีคอยช่วยเหลือตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งเธอก็พบว่าตัวเองตั้งครรภ์ ในขณะที่อีกฝ่ายก็มีคนที่ดีพร้อมไว้ข้างกายเช่นกัน เพราะรักจึงยอมเลิก เธอจึงเลือกที่จะหอบลูกในท้องจากไปเพื่อให้เขามีอนาคตที่ดีขึ้น ดีกว่าที่จะอยู่กับคนแบบเธอแม้หัวใจจะเจ็บปวดมากเท่าไรก็ตาม
อี้เฟยเป็นเพียงหญิงชาวบ้านริมทะเล วันหนึ่งเจอกับบุรุษริมทะเลที่บาดเจ็บจึงพากลับบ้านรักษาอย่างดี จนกระทั่งสองคนได้มีความรักต่อกัน หากแต่จู่ๆ บุรุษผู้นั้นก็หายไป พร้อมทิ้งลูกแฝดให้นางเลี้ยงดู อี้เฟยต้องเลี้ยงลูกสองคนท่ามกลางการกรนด่าจากชาวบ้าน อดทนรอว่าวันหนึ่งบุรุษผู้นั้นจะกลับมาโดยไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร
ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”
"เราหย่ากันเถอะ"หนึ่งประโยคนี้ ทำให้ชีวิตการแต่งงานสี่ปีของฉินซูเหนียนกลายเป็นเรื่องตลก ในขณะนี้ ฉินซูเหนียนถึงตระหนักว่าสามีของเธอไม่เคยมีใจให้เธอ น้ำเสียงของเขาเย็นชา: "ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันมีเพียงหว่านหว่านอยู่ในใจ และคุณเป็นเพียงแผนชั่วคราวในการจัดการกับการแต่งงานในครอบครัวที่กำหนด" ด้วยความสิ้นหวัง ฉินซูเหนียนลงนามในใบหย่าอย่างไม่ลังเล ถอดผ้ากันเปื้อนของภรรยาที่ดีออก สวมมงกุฎของราชินีขึ้นมา และกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ กลับมาอีกครั้ง เธอไม่ใช่คุณนายลี่ที่สวยแต่เปลือกอีกต่อไป แต่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่น่าทึ่งใจ เธอแสดงความสามารถต่อหน้าคนอื่นๆ และอดีตสามีที่หยิ่งก็ถามเธอว่า: "ฉินซูเหนียน นี่เป็นเคล็ดลับใหม่ของเธอในการดึงดูดฉันงั้นเหรอ" ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ประธานลึกลับก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาและประกาศไปว่า "ดูให้ชัดเจน นี่คือคุณนายฟู่ คนอื่นห้ามเข้าใกล้เธอ" ฉินซูเหนียนถึงกับพูดไม่ออก อดีตสามีก็ตกตะลึงไปด้วย
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
เว่ยเว่ย นักศึกษาฝึกงานทะลุมิติ เว่ยเว่ยขับเวสป้าตกเหว แต่ดันทะลุมิติตกน้ำอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม ที่กำลังหาปลาอยู่ที่บึงน้ำ ลู่เหวินเยียนอาศัยกับมารดาอยู่ที่กระท่อมเชิงเขา บิดาเสียชีวิตในสนามรบ เขามักจะออกไปล่าสัตว์ป่ามาขาย วันนี้เขามาดูกับดักปลาและบังเอิญเห็นบางสิ่งตกลงมาจากฟ้าต่อหน้าต่อตาเขา คำเตือน นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้แต่ง บุคคล สถาน องค์กรและเนื้อเรื่องทั้งหมดในนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมติ ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ทางปัญญาตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ.2537และเพิ่มเติมพ.ศ.2538 ห้ามทำการคัดลอก หรือดัดแปลงเนื้อหาของนิยายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่เป็นผู้แต่งเป็นลายลักษณ์อักษร
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน