ไป๋หมิงลี่ต้องแต่งไปเป็นอนุเฟิงเหวินเฉิง บุรุษซึ่งทำให้สกุลของนางต้องล้มจ่ม บิดาทิ้งนางไว้กับเฟิงเหวินเฉิงให้นางแต่งไปเป็นเพียงอนุของเขา นางไม่ยอมและจะไม่ก้มหน้าให้ผู้ใด หากผู้ใดรังแกข้าก็อย่ามาหาว่าข้าร้าย เพราะข้าร้ายแล้วไงมันหนักหัวอะไรเจ้า!!
ไป๋หมิงลี่ต้องแต่งไปเป็นอนุเฟิงเหวินเฉิง บุรุษซึ่งทำให้สกุลของนางต้องล้มจ่ม บิดาทิ้งนางไว้กับเฟิงเหวินเฉิงให้นางแต่งไปเป็นเพียงอนุของเขา นางไม่ยอมและจะไม่ก้มหน้าให้ผู้ใด หากผู้ใดรังแกข้าก็อย่ามาหาว่าข้าร้าย เพราะข้าร้ายแล้วไงมันหนักหัวอะไรเจ้า!!
ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวสองหลังถูกหามมาคู่กัน แต่มิได้ขนาบข้างกันอย่างซ้ายและขวา ด้านหลังยังมีขบวนซึ่งเล็กกว่าเกี้ยวหลังแรกมากนัก
วันนี้ตระกูลเฟิงมีงานมงคลจากสองตระกูลที่จะมาเกี่ยวดองกันมีผู้คนมากหน้าหลายตามาร่วมยินดีในงานคับคั่งเลยทีเดียว
เฟิงเหวินเฉิงอยู่ในชุดคลุมสีแดงยาวตามแบบฉบับเจ้าบ่าว ที่คอยต้อนรับแขกเหรื่อที่มาเป็นสักขีพยานในงานนี้ เขารอคอยเจ้าสาวของตนเองอยู่ในจวนอย่างสุขุม
งานแต่งจัดในช่วงดวงตะวันตกดิน เทียนมงคลถูกจุดอยู่ทั่วทุกที่ ความสว่างไสวล้อมรอบตัวของชายหนุ่ม นับเป็นวันดีที่เฟิงเหวินเฉิงก็เพิ่งเคยพบเจอ
วันนี้เขาแต่งเจ้าสาวเข้าจวนสองตระกูล หนึ่งในนั้นคืออนุภรรยา ที่เขาได้มาด้วยความไม่ชอบธรรม แต่เขาคาดไว้ว่าสิ่งนี้จะเป็นผลดีต่อนางในภายหน้า หากว่านางเข้าใจ แต่เขาถือว่าเขาได้ทำตามมโนธรรมที่ตัวเองวางไว้อย่างดีแล้ว เพื่อไม่ให้ผู้คนนินทาว่าร้ายในสิ่งที่เขาทำเอาไว้
ชายหนุ่มก็ยังใจเย็น และรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
การเดินทางเข้าจวนใกล้เสร็จสิ้น รอแค่เจ้าสาวสองนางเท่านั้นที่อยู่ภายในเกี้ยวทั้งสองหลัง
หลังหนึ่งคันสีแดงเพลิงซึ่งตกแต่งเต็มไปด้วยระย้าจากลูกปัดสีร้อนแรง ถูกประดิษฐ์ให้เป็นลวดลายหงษ์สองคู่เกาะเกี่ยวกัน ผ้าม่านทึบสีเดียวกับตัวเกี้ยวมิได้ทำให้เห็นรูปโฉมของเจ้าสาวด้านในนัก
คนแบกเกี้ยวล้วนเป็นชายหนุ่มร่างกำยำและแข็งแรง บุรุษเหล่านี้คือส่วนหนึ่งในคนรับใช้ของตระกูลหาน
ส่วนอีกหลังเป็นเกี้ยวเจ้าสาวธรรมดาทั่วไป มิได้สวยงามอลังการเช่นหลังแรก
เกี้ยวหลังแรกถูกหามเข้าไปภายในจวนด้วยความชื่นมื่น เต็มไปด้วยเกียรติยศและสมเกียรติ แต่ในส่วนของหลังที่สองนั้น กลับถูกแบกเข้าไปหลังจวนตระกูลเฟิงอย่างไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรี และหาได้มีการสนใจจากผู้ใด นั่นก็เพราะมันหาได้สำคัญต่องานในครั้งนี้ แต่มีค่าต่อเฟิงเหวินเฉิงแค่เพียงผู้เดียว
แขกเหรื่อในงานมิได้รับรู้ว่ายังมีนางที่เป็นเจ้าสาวของคุณชายเฟิงอีกหนึ่งคน
ภายในเกี้ยวก็เช่นกัน เจ้าสาวที่มิได้อยากแต่งงานเข้าพิธีอันเป็นมงคลนี้ ได้หยิบมีดสั้นขึ้นมา นางมองคมมีดแวววาวที่จดจ่ออยู่ด้วยความห้าวหาญ สีหน้านางเรียบนิ่ง ดวงตาคมสวยมิได้เผยความปรารถนาใดออกมา แต่นางคิดดีแล้วว่าในวันนี้ชีวิตต้องดับลงเพราะความอดสูที่มีภายในใจนั้นยากเกินที่จะมีผู้ใดเข้าถึงมัน
“ถ้าข้าต้องอยู่เป็นอนุให้เฟิงเหวินเฉิงกับหานซูหนิงรังแกแล้วละก็ สู้ข้าตายไปเสียดีกว่า!!”
ตอนนี้น้ำตานางหยดลงมาหนึ่งครั้ง แต่ก็มิได้มีผู้ใดพบเห็น นางมองออกไปข้างนอกที่ยังเป็นเงาเลือนราง ผ่านผ้าม่านสีแดง ประตูจวนของเฟิงเหวินเฉิงอยู่ตรงหน้านางแล้ว ขบวนหยุดอยู่แค่ตรงนี้เพราะต้องรอให้เขาเข้ามาเปิดหลังจากคำนับฟ้าดินกับหานซูหนิงเสร็จสิ้น เพราะนางผู้นี้ได้แต่งเข้าเป็นฮูหยินเอกของตระกูล
นางซึ่งเป็นอนุที่มีศักดิ์และอำนาจน้อยกว่า ย่อมมิต่างจากต้นไม้ที่ให้พวกเขาเหยียบย่ำ ไป๋หมิงลี่จึงพร้อมยอมตายเสียตั้งแต่ตอนนี้ อย่าให้ใครได้รับรู้ว่านางแต่งเป็นเจ้าสาวที่ไม่มีใครยอมรับของเขา
สตรีตระกูลไป๋มีใจห้าวหาญ นางจรดคมมีดที่บางเฉียบลงบนข้อมือซ้ายของตนเอง หมายจะตัดเส้นเลือดใหญ่ให้โลหิตรินไหลออกมาจนหมดตัว จะได้จบสิ้นความสังเวชในชาติภพนี้เสียที
เสียงกรีดเนื้อเบียดลงไปจนถึงเส้นโลหิตกลมใหญ่ แค่ครั้งเดียวเท่านั้นที่นางหลับตา น้ำข้นสีแดงฉานก็กระฉูดออกมาจากก้อนเนื้อ จนพุ่งเข้าชำแรกสู่เนื้อผ้าม่านสีแดง แทบกลมกลืนไปกับมันจนแยกไม่ออก ถึงจะเป็นคนกรีดเฉือนผิวหนังตนเอง แต่พอเห็นภาพตรงหน้าที่เลือดไหลเป็นน้ำขนาดนั้น นางถึงกับหายใจหอบถี่และทำอันใดไม่ถูก ถึงกับสลบแน่นิ่งไป
เสียงกรีดร้องของนางมิได้มีผู้ใดได้ยิน เพราะขบวนที่ขนเกี้ยวได้วางนางลงตามคำสั่งของเจ้าตระกูล และเดินทางกลับพร้อมกับเงินค่าจ้างหลายชั่ง
เฟิงเหวินเฉิงที่ทำพิธีการไหว้ฟ้าดินและดื่มสุรามงคลเสร็จแล้ว เริ่มรู้สึกกังวลใจที่มิได้มีผู้ใดเดินทางมาบอกกล่าวกับเขาเรื่องนาง
“ทำไมจนถึงป่านนี้แล้วยังมิพบเจอตัวนางเลย หรือว่าจะเข้าไปในห้องหออีกฝั่งของจวนเสียแล้ว” ชายหนุ่มขมวดคิ้วทำสีหน้าไม่พอใจออกมาเล็กน้อย แต่ก็มิได้เอ่ยออกไปให้ผู้ใดได้ยิน หานซูหนิงเองก็ยังมิได้เข้าไปในห้องหอ รอให้เขานั้นนำพาเกาะเกี่ยวแขนเข้าไปกับนาง แต่หาใช่เช่นนั้น เมื่อสามีหมาด ๆ เช่นเขากลับบอกให้นางเข้าไปกับสาวใช้ก่อน ส่วนเขาจะล่วงไปทำธุระที่มิได้บอกกล่าวกับนาง
“ฮูหยินหานซูหนิง โปรดเข้าห้องหอก่อนเถิดเจ้าค่ะ” สาวใช้ในจวนนำนางเดินเข้าไป แต่ในใจของหานซูหนิงนั้นรู้ดีอยู่ว่าเขานั้นหมายเดินทางไปที่ใด นางก็ทำสีหน้าหงุดหงิดไม่พอใจกับสาวใช้แล้วเดินเข้าไปรอด้านในห้องหอเพียงลำพัง
ขบวนเกี้ยวยังอยู่ที่เดิมหน้าห้องหอรอบด้านมีเพียงสาวใช้ประจำตัวของนางเฝ้าอยู่ด้านนอกเกี้ยวอย่างร้อนใจ ซึ่งเฟิงเหวินเฉิงเองต้องเดินเข้ามาเพื่อดูว่า ไป๋หมิงลี่ยังอยู่ตรงนี้หรือไม่
“ถึงนางจะร้ายกาจกับข้ามากมาย แต่หวังว่าครานี้คงต้องจำยอมกันบ้าง” แต่เฟิงเหรินเฉิงก็ต้องเบิกตาโพลงเพราะความตกใจ เมื่อเห็นภาพตรงหน้า
“ไป๋หมิงลี่!! เจ้าทำอะไรนะ!!”
ชายหนุ่มถลาเข้าไปในเกี้ยวเพื่อยกตัวนางออกมา เพราะเห็นภาพที่เขาเองก็ต้องตกตะลึง ไม่คิดว่าหญิงสาวถึงกับทำเช่นนี้และไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงสาวถึงต้องทำเช่นนั้น
“นะ…นี่เจ้าเกลียดข้าจนต้องปลิดชีพตัวเองเลยหรือไร โธ่! ไป๋หมิงลี่ข้าไม่ให้เจ้าตายฟื้นขึ้นมารับผิดชอบในสิ่งที่ครอบครัวเจ้าเดี๋ยวนี้”
ชายหนุ่มมองใบหน้าที่ซีดเผือดของนาง ก่อนที่เขาจะนำผ้าคาดเอวมาพันข้อมือเพื่อห้ามเลือด และอุ้มนางที่หมดสติอยู่เข้าไปในจวนอีกฝั่งของห้องหอ ที่อยู่ห่างจากห้องของหานซูหนิง
“จะ…เจ้า..เจ้าคนถ่อย เฟิงเหวินเฉิง ขะ..ข้าเกลียด..เจ้า..”
นางเพ้อออกมาเมื่อสายตาแสนริบหรี่มองเห็นหน้าของชายหนุ่มที่นางมิอยากเจอ และสติสุดท้ายของนางก็ดับวูบลง…
เมื่อสามเดือนก่อนหน้านี้..
“นี่คือผู้ใดหรือท่านพ่อ”
ไป๋หมิงลี่ก้าวเท้าเข้าไปยังร้านค้าของบิดาตน ไป๋ติงตงทำกิจการเกี่ยวกับการค้าสิ่งทอและเครื่องใช้หลายต่อหลายอย่าง เขาเป็นพ่อค้าคหบดีที่ร่ำรวย และตระกูลไป๋เป็นที่นับหน้าถือตาของชาวบ้านในเมืองนี้ เพราะมีสินค้าหลากหลายเกินไป และไป๋ติงตงทำทุกอย่างเองมิได้ จึงได้ว่าจ้างให้คุณชายแห่งตระกูลเฟิงเข้ามาทำงานเป็นนักบัญชีของร้านเขา
แต่ไป๋หมิงลี่กลับคิดว่าเขานั้นมิได้เหมาะกับงานนี้สักหน่อย เพราะนางเองก็เคยพูดกับบิดาว่านางก็ทำได้ มิต้องให้ใครมาทำแทนนาง
“ข้าทำเองก็ได้ท่านพ่อ ให้คุณชายเฉิงไปทำงานอย่างอื่นเถอะ” นางตั้งแง่กับเขา หาว่าเขานั้นทำงานที่สบายเกินไป ทำไมไม่ไปทำอย่างอื่นที่ชายชาตรีควรลงมือ
“เจ้าเอานี่ไปล้างให้ข้า ให้เสร็จในเร็วไวด้วย” นางใช้งานเขาสารพัด การกลั่นแกล้งของนางไม่ได้ทำให้เขาอยากรู้สึกทำงานน้อยลงแต่อย่างใด เขายังคงอดทนกับนิสัยชอบระรานและร้ายกาจของคุณหนูไป๋หมิงลี่ เพราะเฟิงเหวินเฉิงรับมือกับนางได้อย่างดี
“ทำบัญชีเป็นเรื่องของคนในตระกูล ท่านพ่อคิดเช่นไรให้เขาเข้ามาดูแลเช่นนี้ คุณชายเฟิงเป็นคนนอก ท่านไว้ใจเขาไม่ได้นะ”
ไป๋หมิงลี่ถึงแม้จะร้ายกาจและไม่ค่อยน่ารักในสายตาผู้อื่น แต่นางเป็นคนฉลาดหัวไวและมีสายตาที่เฉียบคม นางมิเคยไว้ใจใครโดยเฉพาะบุรุษผู้นี้
“เจ้าเป็นสตรี ไปทำงานอื่นเถอะ อย่างพวกงานเย็บปัก หรือช่วยดูแลงานทอผ้าก็ยังได้ คุณชายเฟิงเหวินเฉิงเป็นคนที่ไว้ใจได้เจ้าอย่ามาสอดรู้ให้มากความเลย เสียเวลายิ่งนัก” บิดาของนางออกปากไล่ทุกครั้งเมื่อนางเข้ามาสอดปากเรื่องนี้
ไป๋หมิงลี่เฝ้าระวังให้บิดาได้ไม่นาน เฟิงเหวินเฉิงก็ออกลาย เป็นอย่างที่นางคิดไม่มีผิด เขานั้นเป็นคนชั่วอย่างที่นางรู้สึกจริง ๆ
“เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร หักหลังบิดาข้าไปเข้ากับจวนสกุลหานที่เป็นปรปักษ์ทางการค้ากับสกุลไป๋ เจ้ามันเลวระยำเฟิงเหวินเฉิง!!”
นางโวยวายเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มหักหลักบิดา เขาเปลี่ยนแปลงตัวเลขในบัญชี ทำให้การค้าขายขาดทุน รวมทั้งจ้างพวกคนร้ายมาขโมยทรัพย์สินจากร้านนาง
“โง่จริง ๆ บุตรสาวตระกูลไป๋ ตลอดเวลาที่เฟิงเหวินเฉิง อยู่ที่นี่เจ้ามิเคยเคลือบแคลงใจเลยหรือไง ช่างน่าสังเวชใจที่ครานี้ตระกูลคหบดีที่ร่ำรวยจะกลายเป็นยาจกบ้าง ตระกูลของเจ้าก็เคยทำชั่วช้าต่อผู้อื่นมาก่อนเช่นกัน เจ้ามิรู้หรือไร!“
หานตงเฉียนชี้หน้าด่าทอนางและบิดา แต่เฟิงเหวินเฉิงก็ห้ามเขาพูดอีก
”พอได้แล้วหานตงเฉียน หยุดพูดเถอะตอนนี้ท่านได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ก็ออกไปได้เสียที ข้ามีเรื่องต้องทำธุระกับไป๋ติงตงให้เสร็จสิ้น“
คนที่ถูกพูดถึงแสยะยิ้มเดินออกไปด้วยความสบายใจ ที่เขาได้โค่นคู่ค้ารายใหญ่สำเร็จ
ชายหนุ่มเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าอดีตเจ้าของกิจการอย่างไป๋ติงตง โดยที่บุตรสาวของเขาก็ยังอยู่ข้าง ๆ กาย
“ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธแค้นข้ายิ่งนัก แต่สิ่งที่เจ้าเคยทำกับสกุลตู้นั้นยากที่จะให้อภัย ถือเสียว่าครั้งนี้ท่านได้ตอบแทนกระดูกให้แก่สกุลที่ท่านทำล้มตาย เพราะความเสียใจที่เสียรู้ให้ท่านในครั้งนั้นเถอะนะ”
เฟิงเหวินเฉิงเป็นบุตรชายสกุลตู้อย่างที่เขาเอ่ยมา บิดามารดาของเขาจากไปและอยู่บนสรวงสวรรค์นานแค่ไหน เขาก็ยังจดจำความหลังได้มิลืมเลือน
แต่ในตอนนี้เขาก็ยังมีความปราณีต่อไป๋ติงตง
“ข้ารู้ว่าเจ้ามิได้ชื่นชอบความยากจน เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน หากไม่อยากให้บุตรสาวต้องลำบาก ก็ให้นางมาเป็นเจ้าสาวข้า ส่วนเจ้าผู้เป็นบิดาข้าจะยกทรัพย์ให้ส่วนหนึ่งเป็นสินไหมในการใช้ชีวิตต่อไป แต่เจ้าก็ต้องออกจากเมืองนี้เช่นกัน”
“เจ้าคนชั่วช้า!! ให้ข้าตายเสียดีกว่าไปเป็นเจ้าสาวร่วมหอกับเจ้า!”
นางกล่าววาจาหมายมาด ความอาฆาตของนางยังคงคุกรุ่น คนที่ทำเช่นนี้กับครอบครัวนางให้ล่มจม มีสิทธิ์ทำเช่นนี้กับนางหรือ เท่ากับว่าศักดิ์ศรีของนางนั้นจบสิ้น และไป๋หมิงลี่จะมิยอมเด็ดขาด บิดานางก็คงยืนกรานเข้าข้างนางเป็นแน่
แต่เปล่าเลย ไป๋ติงตงเป็นคนที่มิให้ใครมาหยามเขาได้ว่าเป็นยาจกและยากไร้ เขาเลือกรับสินทดแทนที่เฟิงเหวินเฉิงหยิบยื่นให้ และยกบุตรสาวเพียงคนเดียวให้แต่งงานกับชายผู้ล่มตระกูล
“ไป๋หมิงลี่ ต่อไปเจ้าจะขอบใจพ่อที่เลือกทางเดินให้เจ้าเช่นนี้ เชื่อข้าเถอะว่ามันจะเป็นการดีกับเจ้าในภายหน้า!”
“ท่านพ่อ!!”
ไป๋หมิงลี่ถึงกับเข่าทรุดลงกองกับพื้น ที่นางได้ยินบิดาเอ่ยคำนั้นราวกับฟ้าถล่ม นี่นางหูมิได้ฝาดไปใช่หรือไม่
นางถูกบิดาทอดทิ้งเช่นนั้นหรือ…
“ข้ารักเจ้านะลูกรัก ไปกับคุณชายเฟิงเหวินเฉิงเถอะ ถือว่าเจ้าได้ตอบแทนบุญคุณบิดาในชาตินี้”
นางอดทนอดกลั้นมิให้เสียน้ำตา เพราะความอัปยศ หญิงสาวกัดฟันกรอด คอยดูสิข้าจะเอาคืนพวกเจ้าให้สาสม
หญิงร้ายและชายเลวทั้งสองตระกูล ไป๋หมิงลี่คนนี้จะไม่ยอมอภัยให้แน่ ๆ!!
จางลี่สตรีเกิดมาพร้อมกับความเกลียดชัง บิดามารดาไม่รัก พี่สาวรังเกียจ รอบด้านทำร้ายร่างกาย ชาติภพนี้นางถูกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีทำร้ายจนตาย เมื่อเกิดพบชาติใหม่อีกครั้ง นางก็ขอตอบแทบพวกเขาอย่างสาสม อย่าคิดว่าชาติภพนี้พวกเขาจะได้อยู่สุขสบาย นางในชาตินี้จะถนอมพวกเขาเป็นอย่างดี “ข้าไม่ใช่คนดี ท่านอย่าได้หวังว่าข้าจะดีเหมือนคนอื่น หากท่านปรารถนา พบสตรีที่ดีก็เชิญไปหาที่อื่น” บุรุษปริศนาที่ติดตามนางจะเลือกเส้นทางไหน แล้วนางจะตอบแทนพวกเขาเหล่านั้นเช่นไร รอพวกเขาหาคำตอบ แต่บอกได้เลยว่านางหาได้ใจดีเหมือนชาติที่แล้วไม่ “ข้าเตือนท่านแล้ว ว่าอย่าได้หวังว่าข้าจะเป็นคนดี”
นางถูกขับไล่ออกจากสกุลสามี คนพวกนั้นให้เหตุผลว่านางเป็นตัวซวยทำให้สามีสอบไม่ผ่าน หากแต่ออกมาได้สามวัน เขากลับแขวนโคมไฟสีแดง รับเกี้ยวเจ้าสาวเข้าจวน!!
เจียซินที่อยู่ในชีวิตปั่นปลายนั้น กลับต้องรู้สึกเสียใจที่เลือกเส้นทางรักผิด เมื่อเลือกหนทางใหม่ได้ เธอก็จะเลือกหนทางที่ดีที่สุด และเขาชายที่เธอเคยละทิ้งไปก็กลายมาเป็นคู่ชีวิต ที่พร้อมจะร่ำรวยไปด้วยกัน
ชมดาวต้องทนรับสภาพสถานะเลขาของเจ้านายและสถานะบนเตียงมาตลอดห้าปี เธอคิดว่าอีกไม่นานเขาก็จะขอเธอแต่งงาน หากแต่ว่าเขากลับเห็นเธอเป็นเพียงสถานะรองเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ต้องแต่งงาน ไม่ใช่กับเธอแต่เป็นคนอื่น เธอจะเลือกจำยอมอยู่ในความลับต่อไป หรือเลือกที่จะเดินออกมาพร้อมกับเด็กในท้อง!!
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
หลิวฉูฉู่นางเอกดังย้อนเวลากลับเข้าไปอยู่ในซีรีส์ที่ตัวเองแสดง ทว่าเรื่องไม่ง่ายเลยสักนิด เมื่อเธอ ต้องเข้าไปอยู่ในร่างนางร้ายที่สุดท้ายต้องตายตอนจบเพราะถูกพระเอกฆ่าตาย! หลิวฉูฉู่จึงต้องทำทุกวิธีที่จะให้รอดพ้นจากความตายนี้ "ฝ่าบาท รักนะเพคะ" นิยายเรื่องนี้ เป็นแนวสุขนิยม สายคลั่งรักไม่ควรพลาด ไม่มีดราม่าค่ะ อ่านคลายเครียด นุบนิบหัวใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดวัน หมายเหตุ ซื้อในเวบถูกกว่าแอปเปิ้ลนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
ซูหลีพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจตระกูลซูมาตลอดห้าปี แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อคำใส่ร้ายของน้องสาวเพียงคำเดียว เรื่องที่ซูหลีเป็นคุณหนูปลอมก็ถูกเปิดเผย ทำให้คู่หมั้นทิ้งเธอ เพื่อนๆ ก็ห่างเหิน และพี่ชายขับไล่เธอออกจากบ้าน บอกให้เธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนาของเธอ ในที่สุดซูหลีก็สิ้นหวังและตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลซู ยึดความช่วยเหลือทุกอย่างคืนและไม่อดทนอีกต่อไป แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าชาวนาที่พี่ชายพูดถึงนั้นกลับกลายเป็นตระกูลลั่วผู้มั่งคั่งที่สุดในประเทศ ในคืนเดียวเธอเปลี่ยนจากคุณหนูตัวปลอมที่ถูกทุกคนรังเกียจเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่มีพี่ชายสามคนที่รักเธอ พี่ชายคนโตที่เป็นผู้บริหารใหญ่“เลิกประชุม จองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศ ฉันอยากดูสิว่าใครกล้าแกล้งน้องสาวฉัน” พี่ชายคนที่สองที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยมระดับโลก“หยุดการวิจัย ฉันจะไปรับน้องสาวกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ” พี่ชายคนที่สามที่เป็นนักดนตรีระดับโลก “เลื่อนคอนเสิร์ต ไม่มีอะไรสำคัญเท่าน้องสาวของฉัน” จู่ๆ คนทั้งเมืองจิงก็ต้องตกใจช็อก ตระกูลซูเสียใจจนสุดขีด คู่หมั้นก็กลับมาขอคืนดี ผู้คนที่มาขอจีบเธอก็แห่กันมาถึงหน้าบ้าน ไม่ทันที่ซูหลีจะตอบสนอง ตระกูลชือซึ่งเป็นตระกูลสูงสุดในเมืองจิงและมีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพเรือ ก็เสนอใบสมรสให้เธอ ทำให้เธอกลายเป็นคนดังในสังคมชั้นสูง!
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
เสิ่นสุยยินถูกบังคับให้ดำรงชีวิตในสถานะที่ด้อยกว่าตั้งแต่เด็ก การถูกกดขี่มาอย่างยาวนานไม่ได้ทำให้เธอสูญเสียความภาคภูมิใจในตัวเองแม้แต่น้อย การตกต่ำของตระกูลเสิ่นในสายตาของคนภายนอกดูเหมือนจะเป็นความเสื่อมของตระกูลสูงศักดิ์ แต่แท้จริงแล้วนี่เป็นโอกาสเดียวของเสิ่นสุยยินที่จะกลับคืนสู่ชีวิตใหม่ นางต่อสู้กับคนอื่นเพื่อแก้แค้นให้ท่านแม่ทว่ากลับไม่รู้ว่าทุกแผนการของนาง เขากำลังจ้องตามองอยู่ ลู่จินหวยให้นางหลอกใช้ตนเองเป็นประโยชน์ได้ตามอำเภอใจของนาง แต่ไม่เคยให้นางต้องเปื้อนเลือดแม้แต่นิด สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงตัวนางเท่านั้น “เสิ่นสุยยิน ทางที่ดีเจ้าจะแกล้งทำไปตลอดชีวิต”
"อ๊ะ..ที่ไหนนี่มืดจัง อึดอัดจังเลย โอ้ย !!ใครถีบหัววะ" "ฮูหยินคลอดแล้วเป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ ยังมีอีกคนเจ้าค่ะ เบ่งอีกเจ้าคะ " "อุ๊แว" "เป็นคุณหนูเจ้าค่ะฮูหยิน"
เมื่อความเสียใจมันทำให้เธออยากลอง!!! "เรามาลอง...กันไหมค่ะ" ประโยคบ้าระห่ำที่ฉันพูดกับคนแปลกหน้าในคืนนั้น ฉันไม่นึกว่ามันจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิต... เส้นทางชะตาชีวิตที่เล่นตลก เพราะคำพูดเพียงประโยคเดียว... การโดนทรยศ และ การเจอกันโดยบัญเอิญ จนทำให้เกิดการเดิมพันท้าทายเล่นเกมบ้าๆ กันขึ้นมา โดยที่สาวเจ้าไม่รู้ตัวเลยว่า...มันจะนำพาให้ชีวิตเธอเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล!!! ------------------------------------------------------------------------------------------------ ...เธอจำต้องอยู่ต่อไป หรือ ตายเพื่อชดใช้เวรกรรม...ที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้น ------------------------------------------------------------------------------------------------ เรื่องย่อ: เอลิซ : หญิงสาวแสนสวยที่แสนซื่อจนถูกคนที่รัก "หักหลัง" จนทำให้ชีวิตของเธอปัดเป๋ และเพียงเพราะเธอแค่ต้องการที่จะประชดชีวิตเท่านั้น แต่การกระทำนั้นก็ดันพาเธอหลงเข้าไปยังเกมสวาทที่เธอเป็นผู้เดิมพัน เซฟ : ชายหนุ่มผู้มั่งคั่งร่ำรวยติดอันดับต้นๆ ของประเทศ เจ้าของธุรกิจทั้งขาวและเทา เบื้องหลังเขาคือมาเฟียอันดับหนึ่ง เขาที่โชคชะตานำพามาให้เจอกับหญิงสาวคนนั้นแถมยังถูกท้าทายจากเกมเดิมพันอันล่อแหลม และมีหรือที่ผู้ชายอย่างเขาจะยอมปฏิเสธ ฝากกดติดตามและเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ⚠️คำเตือน⚠️ เนื้อเรื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป มีฉากติดเรท เนื้อหาไม่เหมาะสม ความรุนแรงเพศ และการใช้ภาษา ซึ่งต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน ที่สำคัญเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น!!!
© 2018-now MeghaBook
บนสุด