คำพูดที่ออกจากปากของคนรักทำให้เธอตัดสินใจออกจากชีวิตของวาคิมพร้อมกับลูกในท้อง ก่อนจะกลับมาอีกครั้งเมื่อตัวเองเข้มแข็งและไม่ต้องการแม้แต่เศษใจของซาตานอย่างเขา
คำพูดที่ออกจากปากของคนรักทำให้เธอตัดสินใจออกจากชีวิตของวาคิมพร้อมกับลูกในท้อง ก่อนจะกลับมาอีกครั้งเมื่อตัวเองเข้มแข็งและไม่ต้องการแม้แต่เศษใจของซาตานอย่างเขา
เมื่อบิดาเสียชีวิตลงอย่างกะทันหันเมลดาจึงตัดสินใจว่าจะย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยกับมารดาอย่างถาวร ก่อนหน้านี้เมลดาก็เคยคิดจะย้ายกลับไปทำงานที่บริษัทของบิดาแต่ก็รอให้ลูกชายคนเดียวโตพอจะรู้เรื่องซึ่งเธอก็ไม่คิดว่าการย้ายกลับบ้านเกิดครั้งนี้จะมาเร็วกว่าที่เธอคิดเอาไว้
“แม่ครับทำไมเราต้องกลับไปอยู่เมืองไทยด้วยครับ” เด็กชายวัยห้าขวบถามมารดาด้วยความไม่เข้าใจ
“เราต้องกลับไปอยู่กับคุณยายครับบอสตัน” เมลดาพูดกับลูกชายขณะเก็บของใช้จำเป็นลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่
“ทำไมเราต้องไปด้วยล่ะครับแม่ ผมไม่อยากไปเลยลุงวินบอกว่าที่เมืองไทยร้อนมากและผมจะละลายเหมือนน้ำแข็ง” เด็กชายคิมหันต์หรือบอสตันหมายถึงมาวินพี่ชายต่างมารดาของเมลดาที่มักจะมาเยี่ยมเขาที่นี่และพูดถึงเมืองไทยให้ฟังบ่อยๆ
“มันร้อนก็จริงแต่ไม่ถึงกับละลายหรอกครับบอสตัน ลุงวินเขาก็พูดโอเวอร์ไปแบบนั้น”
“ผมคงคิดถึงชาร์ลีมาก”
“แม่จะให้ลูกโทรหาชาร์ลีบ่อยๆ ดีไหมครับ”
“แล้วผมจะเล่นกับใคร”
“เราไปที่นั่นแม่จะพาบอสตันไปเข้าโรงเรียนแล้วบอสตันก็จะมีเพื่อนใหม่”
“เพื่อนใหม่ก็ไม่เหมือนชาร์ลี” เด็กชายเริ่มงอแงเพราะไม่อยากจากเพื่อนรักที่รู้จักกันมาตั้งแต่เกิด
“บอสตันครับครั้งนี้มันจำเป็นจริงๆ แม่ไม่อยากทิ้งคุณยายให้อยู่คนเดียว”
“ทำไมเราไม่พาคุณยายมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ” บอสตันไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมตัวเองจะต้องย้ายไปอยู่ที่นั่น
“คุณยายมีงานที่ต้องรับผิดชอบที่นั่น”
“ผมไม่เข้าใจ”
“คุณยายของบอสตันเป็นคุณครู ท่านมีหน้าที่สอนหนังสือเด็กนักเรียนอีกเป็นร้อยคน ถ้าท่านมาอยู่ที่นี่กับเราแล้วใครจะสอนเด็กเหล่านั้นละครับ”
“โรงเรียนของผมมีครูตั้งหลายคน ที่นั่นมีคุณยายคนเดียวเหรอครับแม่”
“มีหลายคนเหมือนกับที่นี่ ครับแต่แม่ขอถามหน่อยนะ ถ้าวันหนึ่งครูโทมัสไม่มาสอนบอสตัน บอสตันจะคิดถึงคุณครูไหมครับ”
“คิดถึงครับครูโทมัสสอนสนุกกว่าครูนาธานเยอะเลย”
“คุณยายก็สอนสนุกครับ ถ้าคุณยายมาอยู่ที่นี่นักเรียนของคุณยายก็คงรู้สึกเหมือนกันเวลาที่ครูโทมัสไม่อยู่แล้วให้ครูนาธานมาสอนแทน”
“อ๋อ แต่ผมก็ยังไม่อยากไปเมืองไทยอยู่ดี”
“ที่นั่นเป็นบ้านเกิดของคุณแม่นะครับบอสตัน สักวันเราต้องกลับไปอยู่ที่นั่น”
“แม่บอกว่าผมเกิดที่นี่”
“ใช่ครับลูกเกิดที่นี่แต่ลูกก็คือคนไทย”
“ผมเป็นคนไทยเหมือนแม่กับลุงวินเหรอครับ”
“ครับ เราคือคนไทย”
“เมืองไทยมีเลโก้ไหมครับ” เมื่อคิดว่าต้องย้ายไปเมืองไทยจริงๆ บอสตันก็ถามถึงสิ่งที่ตนเองสนใจ
“มีสิครับ ถ้าบอสตันเป็นเด็กดี พอกลับไปถึงเมืองไทยแม่จะซื้อเลโก้ให้สองกล่องเลยดีไหมครับ”
“สัญญาแล้วนะครับคุณแม่”
“สัญญาครับ” เมลดาเกี่ยวก้อยกับลูกชายก่อนจะดึงเข้ามากอดด้วยความรัก ตอนนี้เธอเหลือแค่เพียงมารดาที่เมืองไทยจึงไม่อยากให้ท่านต้องอยู่คนเดียว
เมลดาไม่มีทางรู้เลยว่าการกลับไปครั้งนี้ของเธอจะเจอกับอะไรบ้างแต่เวลาที่ผ่านมาเกือบปีก็ทำให้หญิงสาวเข้มแข็งมากขึ้นและคิดว่าตนเองพร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับคนที่ทำให้เธอต้องอุ้มท้องแล้วหนีมาอยู่ที่นี่
“แม่ครับ แม่ครับ”
“มีอะไรครับบอสตัน”
“เราจะไปกันตอนไหนครับ”
“พรุ่งนี้เช้าครับ”
“เราต้องนั่งเครื่องบินนานไหม” บอสตันไม่เคยไปเมืองไทยมาก่อนจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก
“ค่อนข้างนานเลยครับลูก”
“ผมดูการ์ตูนได้ใช่ไหมครับ”
“ได้ครับบอสตันคงให้ดูการ์ตูนหลายเรื่องเลยกว่าจะกลับถึงเมืองไทย”
เธอเคยพาลูกชายนั่งเครื่องบินไปเที่ยวอยู่หลายครั้งเขาจึงรู้ว่าเวลานั่งเครื่องบินตัวเองจะได้ดูการ์ตูนซึ่งปกติแล้วอยู่ที่บ้านมารดาจะให้ดูวันละไม่เกิน 2 ชั่วโมงเท่านั้น
เมื่ออธิบายให้ลูกชายเข้าใจแล้วว่าต้องเดินทางไกลและจะย้ายไปอยู่ที่เมืองไทยเมลดาก็พาบอสตันเข้านอน ก่อนที่ตนเองจะกลับมาจัดกระเป๋าเดินทางและตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง
เมลดามาอยู่อเมริกาตั้งแต่ตั้งครรภ์ได้สามเดือน โดยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนของบิดาที่มาทำธุรกิจที่นี่ ในช่วงแรกที่มาอยู่เธอไม่ได้เรียนหรือทำงานอะไรเลยเพราะหญิงสาวแพ้ท้องอย่างหนักจนกระทั่งอายุครรภ์ได้ห้าเดือนจึงดีขึ้น เธอเลยไปทำงานเป็นแคชเชียร์อยู่ที่ร้านอาหารของคนรู้จัก จนกระทั่งใกล้คลอดก็ลาออกมาอยู่บ้าน จริงๆ แล้วเมลดาไม่ได้ลำบากอะไรมากเพราะทางบ้านก็ส่งเงินมาให้ใช้ตลอด
แต่ที่เธอทำงานก็เพราะไม่อยากอยู่เฉยๆ พอคลอดลูกแล้วก็จ้างคนไทยที่นี่ให้ช่วยเลี้ยงบอสตัน ส่วนตัวเองก็ไปเรียนต่อจนจบปริญญาตรีทางการตลาดและสมัครเข้าทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง
หญิงสาวสำรวจตั๋วเครื่องบินและเวลาเดินทางอีกครั้งก่อนจะหย่อนลงกระเป๋าสะพายและวางไว้เตรียมสำหรับเดินทางพรุ่งนี้เช้า
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขณะที่เธอกำลังจะปิดไฟเข้านอน เมื่อเห็นคนที่โทรข้ามาคือพี่ชายหญิงสาวกรีบกดรับ
“สวัสดีค่ะพี่วิน”
“ทุกอย่างเรียบร้อยไหมโมเดล เจ้าแสบเป็นยังไงบ้างงอแงไหม”
“ก็นิดหน่อยค่ะพี่วิน พี่วินล่ะคะเป็นยังไงบ้าง” ถึงแม้เมลดากับมาวินจะเกิดจากมารดาคนละคนกันแต่อายุไม่ต่างกันมากกันเธอจึงสนิทกับเขามาก แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองคนเป็นพี่น้องกันจึงมักมีคนเข้าใจผิดว่าเมลดาและมาวินเป็นแฟนกัน
เธอกับมาวินก็ไม่เคยแก้ไขความเข้าใจผิดเพราะไม่อยากให้กระทบกับครอบครัวของมาวินซึ่งมารดาของชายหนุ่มมีสถานะเป็นภรรยาน้อยสถานะเป็นภรรยาน้อย
“พี่ก็ทำใจได้แล้วอุบัติเหตุก็แบบนี้ มันเป็นสิ่งที่เราคาดไม่ถึง” มาวินพยายามจะทำใจให้เร็วที่สุด
“พ่อไปสบายแล้วค่ะ”
“นั่นสิตอนนี้ก็เหลือแค่เราที่ยังต้องลำบากอยู่”
“พี่วินคงเหนื่อยมากใช่ไหม โมเดลขอโทษนะคะที่ทำให้พี่ดูแลบริษัทอยู่คนเดียวมาตั้งหลายปี”
“พี่ยอมรับว่าเหนื่อยนะโมเดล แต่คิดว่าอีกเดี๋ยวก็คงดีขึ้นถ้าโมเดลกลับมาช่วยที่ดูแลบริษัท”
“ค่ะพี่วิน โมเดลจะกลับไปช่วยพี่ทำงานนะคะ”
“แต่พี่ก็อย่าลืมช่วยหาที่เรียนให้เจ้าแสบด้วยนะคะ”
“ไม่มีปัญหาเลยเพื่อนพี่มีหุ้นที่โรงเรียนนานาชาติ เดี๋ยวพี่จัดการให้เอง โมเดลไม่ต้องเป็นห่วงนะ คืนนี้รีบนอนเถอะ”
“ค่ะพี่วิน เจอกันที่เมืองไทยนะคะ”
“เดินทางปลอดภัยนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ความผิดพลาดในคืนนั้นทำให้ชีวิตของวิรัลพัชรเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำใครคือผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่เขาจำได้และเมื่อรู้ว่าเธอกำลังท้องลูกของเขาชายหนุ่มก็ก้าวเข้ามาในชีวิตเพียงเพื่อต้องการลูกของเธอเท่านั้น
นานนับปีแล้วที่อรณิชาไม่ได้รับความสุขจากสามี เขาอ้างว่าเพราะงานแต่จริงๆ แล้วเขามีคนอื่นโดยที่อรณิชาไม่รู้ หญิงสาวจึงให้เวลาเขาและเธอหนึ่งเดือนเพื่อจัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิตคู่ หญิงสาวจึงกลับมาที่เมืองไทย และได้เจอกับอดีตคน รักความสุขความผูกพัน ทางใจในอดีตกับกลายเป็นความสัมพันธ์ทางกายในปัจจุบัน ความใกล้ชิดในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้ทั้งสองเผลอใจก้าวข้ามเส้นที่ขีดไว้ไม่สนใจทถูกผิดมองแค่บนเตียงเพียงอย่างเดียว
ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ในคืนที่โดนแฟนเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่เครื่องดื่ม เธอขอให้ชายคนหนึ่งช่วย พอเช้ามาถึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาขู่ให้เธอยอมเป็นคู่นอนของเขาโดยบอกว่ามีคลิปในคืนนั้นเธอยอมเพราะคำขู่แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีคลิปทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็จบแต่เขาไม่ยอมจบเพราะตอนนี้คิดกับเธอมากไปกว่าคู่นอนไปแล้ว
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY