ปลายฟ้าอยากมีแฟนเแต่กลัวกระทบการเรียนเธอจึงเลือกที่จะมี ONS เพราะอยากรู้ว่าความสุขบนเตียงมันเป็นแบบไหน แต่คนที่เธอมีแต่คนที่เธอมีค่ำคืนพิเศษด้วยกับกลายเป็นกลายเป็นอาจารย์คนใหม่ที่เพิ่งย้ายมา
“สอบเสร็จแล้วไปเที่ยวทะเลกันไหม” ปลายฟ้านักศึกษาปี 2 คณะบริการธุรกิจชวนเพื่อนหลังจากออกมาจากห้องสอบกันครบทุกคนแล้ว
“ฉันอยากไปนะฟ้า แต่คุณแฟนไม่ว่าง” ก้องเกียรติเพื่อนชายคนเดียวในกลุ่มปฏิเสธเป็นคนแรก
“เราก็ไปเที่ยวกันเฉพาะเพื่อนสิๆ แฟนก็ส่วนแฟน”
“ไม่อะ ฉันอยากอยู่กับแฟนมากกว่า” ก้องเกียรติเป็นคนติดแฟนมาก แม้จะพักอยู่ด้วยกันตลอดก็ตาม
“แล้วเปรี้ยวกับเข็มล่ะว่าไง ไปเที่ยวด้วยกันนะ” ปลายฟ้าหันมาถามและหวังว่าคงจะมีสักคนที่ว่าง
เพราะบิดามารดามักเดินทางไปติดต่อธุรกิจที่ต่างประเทศ ปลายฟ้าเลยไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว
“เข็มก็อยากไปเที่ยวกับฟ้านะ แต่พี่กันต์บอกว่าจะพาเข็มไปเที่ยวบ้านที่ต่างจังหวัด” เข็มจิรายิ้มหวานเมื่อพูดถึงแฟนหนุ่มรุ่นพี่คณะวิศวะที่ครอบครัวของทั้งสองได้หมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว
“แล้วเปรี้ยวล่ะ” ปลายฟ้ายังไม่ล่ะความพยายามที่จะชวนเพื่อนไปเที่ยว
“เปรี้ยวจะกลับบ้านไปหาพี่หมอ” เปรี้ยวหรือชลธิชามีแฟนเป็นหมอซึ่งทำงานประจำอยู่จังหวัดบ้านเกิดของเธอ หญิงสาวจึงอยากจะกลับบ้านมากกว่าไปเที่ยวกับเพื่อนเพราะปิดเทอมใหญ่หลายเดือนแบบนี้ก็อยากมีเวลาให้กันอย่างเต็มที่
“เฮ้อ ไม่มีใครว่างเที่ยวกับฟ้าเลยสินะ” ปลายฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ ใบหน้าสวยหวานสลดลงเธอเหงาและอยากมีใครสักคนไปเที่ยวด้วย
“เราค่อยเที่ยวด้วยกันตอนปิดเทอมเล็กก็ได้นะฟ้า” เข็มจิราพูดเอาใจเพราะถ้าต้องเลือกระหว่างเพื่อนกับแฟนหญิงสาวก็ขอเลือกแฟนก่อนเพราะรู้ว่ายังไงเพื่อนก็ไม่มีทางเลิกคบเพระารู้จักกันมาตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมต้น
“พอถึงปิดเทอมเล็กพวกเธอก็จะพูดว่าเอาไว้ปิดเทอมใหญ่ ฟ้าละเบื่อพวกมีแฟนจริงๆ เลย”
“ฟ้าก็รีบมีแฟนสิ มีหนุ่มๆ มาจีบตั้งเยอะ เปรี้ยวไม่เห็นว่าฟ้าจะสนใจใครเลย หรือว่าตอนนี้แอบคบใครอยู่”
“จะคบใครล่ะ ฟ้าไม่มีใครเลยไม่เชื่อไปค้างที่คนโดฟ้าสิ”
“ไม่ต้องเนียนเลยอยากชวนพวกเราไปนอนด้วยล่ะสิ”
“แล้วไปไหมล่ะ”
“ไปก็ได้นะ คืนนี้เราสามคนจะให้เวลาฟ้าเต็มที่เลย”
“สองคนย่ะ” ก้องเกียรติรีบพูดเพราะเย็นนี้เธอกับคนรักมีนัดไปฉลองสอบเสร็จด้วยกัน
“ว่าแล้วเชียว”
เพื่อนสามคนหัวเราะ เพราะรู้ว่าก้องเกียรติจะไม่ค่อยค้างที่ไหนนอกจากว่าแฟนหนุ่มจะไม่อยู่ซึ่งมันก็น้อยครั้งมาก
“ถามจริงฟ้าไม่อยากมีแฟนบ้างเหรอ” ชลธิชาถามปลายฟ้าซึ่งเธอเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ยังไม่มีแฟน
“ใครว่าฟ้าไม่อยากมีแฟน จริงๆ ฟ้าก็อยากมีนะ”
“แล้วทำเวลามีคนมาจีบถึงไม่สนใจใครเลยล่ะ”
“ก็ฟ้ากลัวว่ามันจะทำให้เสียการเรียน”
“เสียการเรียนที่ไหนพวกเราก็ยังสอบผ่านกันทุกวิชา” ชลธิชาแย้งขึ้นมา
“แหมเปรี้ยวก็พูดไปได้ อย่างพวกเรามันแค่สอบผ่านแต่ยังแต่ยายฟ้า นางตั้งใจไว้ว่าจะเอาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งก็ต้องขยันมากกว่าพวกเรา” ก้องเกียรติที่รู้เรื่องนี้ดีกว่าใครก็พูดขึ้น
“แต่เราควรใช้ชีวิตวัยรุ่นให้คุ้มนะฟ้า”
“เปรี้ยวเห็นด้วยกับเข็มนะ ดูอย่างพวกเราสิวันหยุดก็ได้ไปเที่ยวกับแฟน แต่ฟ้าต้องกลับไปเหงาอยู่ที่คอนโดคนเดียว อีกอยากมีแฟนก็มีกำลังใจเรียนด้วยนะ”
“เข็มว่าฟ้าต้องลองมีแฟนดู เราว่ามันไม่ถึงกับต้องเสียการเรียนหรอกนะ อีกอย่างนอกจะมีแฟนมันจะไม่เหงาแล้วมันก็มีความสุขดีด้วยนะ” เข็มจิราพูดแล้วอมยิ้ม
“เราไม่อยากพลาดเหมือนเดิมแล้ว”
“นี่ยังลืมเรื่องนั้นใช่ไหม”
“ใครจะลืมได้ แต่ฟ้าไม่ได้เสียใจแล้วนะ เพียงแต่ใช้มันเป็นบทเรียนว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว”
“แบบนี้คงต้องรอเรียนจบใช่ไหมถึงจะยอมมีแฟน”
“ก็ประมาณนั้นแหละเปรี้ยว”
“อีกตั้งสองปีเลยนะ” เข็มจิราไม่รู้จะเห็นใจเพื่อนที่ไม่มีแฟนหรือภูมิใจในตัวเพื่อนที่ตั้งใจเรียนจนไม่สนใจเรื่องอื่น
“เรามีทางออกนะ” ก้องเกียรติขยับเข้าใกล้แล้วกระซิบ
“ทางออกอะไร” ปลายฟ้าถามด้วยความสนใจ
“บาร์โฮสต์ไงล่ะ เดี๋ยวนี้เขาเปิดให้เกลื่อนเมืองเลย”
“จะบ้าเหรอ ใครจะกล้าไปเที่ยวแบบนั้น” ปลายฟ้าส่ายหน้า
“นั้นสิ ก้องก็แนะนำแปลกที่เที่ยวแบบนั้นเขาไว้คลายเหงาเวลาไม่มีคนคุยแต่ยายฟ้าน่ะเหงาตลอดเวลา”
“พูดเหมือนเคยไปนะเปรี้ยว”
“จะบ้าเหรอใครจะไปกันล่ะ เปรี้ยวก็แค่ได้ยินมา ขืนเข้าไปเที่ยวแบบนั้นพี่หมอได้โกรธเอาสิ”
“อย่าคิดจะทำตามก้องเชียวนะฟ้า พลาดขึ้นมามันจะไม่ใช่แค่เพื่อนคุย” เข็มจิราเตือนเพื่อนเพราะรู้ว่าปลายฟ้าจะทำตามที่ก้องเกียรติแนะนำ
“ฟ้าไม่ทำแบบนั้นหรอกน่า”
“ไม่อยากลองวันไนท์สแตนด์กับเขาบ้างเหรอ”
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวมันจะไม่จบแค่คืนเดียวเหมือนคนแถวนี้น่ะสิ”
ปลายฟ้าพูดแล้วก็หันมาทางเข็มจิราที่ไปมีวันไนท์สแตนด์กับรุ่นพี่แล้วเขาเกิดติดใจและตามจีบจนในที่สุดครอบครัวทั้งสองก็ให้หมั้นกันไว้ก่อนและมีแพลนจะแต่งงานเมื่อหญิงสาวเรียนจบ
“ก็พี่กันต์หล่อขนาดนั้นใครจะยอมให้เป็นแค่วันไนท์ฯ ล่ะ” เมื่อพูดถึงคนรักเข็มจิราก็ยิ้มตาเป็นประกาย
“ถามจริงนะ เรื่องบนเตียงมันมีความสุขขนาดนั้นเลยเหรอ”
“แน่นอนสิ ยิ่งได้นอนกับคนที่เรารักนะ สุขสุดๆ เลยล่ะ พูดแล้วก็คิดถึงพี่หมอจัง”
“น้อยๆ หน่อยเปรี้ยวเห็นใจคนยังโสดบ้าง” ปลายฟ้าต่อว่าอย่างไม่จริงจัง
ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ในคืนที่โดนแฟนเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่เครื่องดื่ม เธอขอให้ชายคนหนึ่งช่วย พอเช้ามาถึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาขู่ให้เธอยอมเป็นคู่นอนของเขาโดยบอกว่ามีคลิปในคืนนั้นเธอยอมเพราะคำขู่แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีคลิปทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็จบแต่เขาไม่ยอมจบเพราะตอนนี้คิดกับเธอมากไปกว่าคู่นอนไปแล้ว
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
ใครจะคิดว่าคนที่เธอเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวในคืนนั้นจะกลายมาเป็นคนรักในวันนี้ แต่เขาไม่ใช่แค่คนรักธรรมดาเพราะเขาคือเจ้าของบริษัทที่เธอเพิ่งเข้าทำงานได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ แต่เธอต้องเก็บเป็นความลับก่อนจะผ่านช่วงทดลองงาน
เพราะชอบเธอเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเกิดอุบัติเหตุจนเธอความจำเสื่อม โดยมีตนเองเป็นต้นเหตุ หมออย่างเขาก็ไม่รีรอที่จะรับเธอไปดูแลในฐานะคนรัก
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เจียงหว่านฉือตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ทีแรกเธอยังคิดว่าสามีของเธอที่แต่งงานกันมาเป็นเวลาสามปีนั้นมาที่นี่เพื่อดูอาการของเธอ แต่ไม่คิดเลยว่า ชายคนนั้นกลับเดินไปที่ห้องผู้ป่วยข้างๆ เพื่อดูแลผู้หญิงอีกคนหนึ่ง และเพื่อผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขายังต้องการส่งเธอเข้าคุกด้วย "2500 ล้าน เพื่อแลกกับการตบผู้หญิงของคุณหนึ่งฉาด"เจียงหว่านฉือมองไปที่เขาอย่างเย็นชา "เราหย่ากันเถอะ"" เธอรับใช้เขาอย่างอดทนมาเป็นเวลาตั้งสามปี ตอนนี้ เธอขอไม่ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว เธอจะกลับไปสืบทอดมรดกมหาศาลของตระกูล
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"