ความรักแท้จริงที่สามารถเอาชนะอุปสรรคทุกอย่างได้ด้วยความเชื่อมั่นและความเสียสละจริงเหรอ? การต่อสู้เพื่อความรัก หรือการยอมรับในชะตากรรมที่ถูกลิขิตจากสวรรค์ สิ่งใดกันคือเส้นทางรักที่ข้าควรเลือก?
ความรักแท้จริงที่สามารถเอาชนะอุปสรรคทุกอย่างได้ด้วยความเชื่อมั่นและความเสียสละจริงเหรอ? การต่อสู้เพื่อความรัก หรือการยอมรับในชะตากรรมที่ถูกลิขิตจากสวรรค์ สิ่งใดกันคือเส้นทางรักที่ข้าควรเลือก?
ในยามเช้าที่หมอกบางเบาแผ่คลุมเหนือยอดเขา ดวงตะวันเริ่มเผยแสงแรกของวัน ลอดผ่านม่านหมอกและเมฆขาวที่ล่องลอยเหนือสวนบุปผา จวนของตระกูลไป๋ตั้งตระหง่านในนครลั่วหยางเป็นดั่งสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งและอำนาจ ความโอ่อ่าของจวนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่กำแพงหินสูงที่ถูกแกะสลักลวดลายอย่างวิจิตรบรรจง แต่ยังรวมถึงสวนดอกไม้ที่ล้อมรอบด้วยสระน้ำใส สะท้อนภาพของศาลาทรงเก๋งจีนที่ตั้งอยู่กลางน้ำ
ในจวนนี้เอง “ไป๋เสวี่ยหนี่” บุตรสาวของขุนนางใหญ่ เป็นที่เลื่องลือในความงามของนาง ผู้คนต่างกล่าวขานว่านางงามยิ่งกว่าดอกเหมยที่ผลิบานกลางฤดูหนาว และนางยังเป็นหญิงสาวที่มีความสามารถทั้งในด้านกวีนิพนธ์และดนตรี ผู้ชายหนุ่มทั่วทั้งนครต่างหลงรักในความงามและคุณสมบัติของนาง ทุกวันนางจะได้รับจดหมายรักมากมายจากเหล่าบุรุษที่หมายปอง แต่ไม่มีใครสักคนที่สามารถเข้าไปถึงหัวใจของนางได้
ภายในห้องบรรทมอันหรูหราของเสวี่ยหนี่ ผ้าม่านผืนยาวปักลายหงส์และมังกรพลิ้วไหวไปตามสายลมเย็น เงาของดอกเหมยที่ผลิบานในสวนทอดผ่านหน้าต่างเข้ามาเป็นลายเงาบนพื้นไม้ขัดมัน ทว่านางกลับยืนอยู่เพียงลำพัง ใบหน้าของเสวี่ยหนี่ที่สวยงามดั่งภาพวาดดูนิ่งสงบแต่เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง ดวงตาคู่นั้นมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย นางมิได้ยินเสียงขับกล่อมของนกในสวน มิได้ชื่นชมความงามของดอกไม้รอบตัว แต่กลับรู้สึกเหมือนถูกพันธนาการด้วยกรงทองคำที่ยิ่งใหญ่แต่ไร้ซึ่งอิสรภาพ
แม้เสวี่ยหนี่จะมีทุกสิ่งที่หญิงสาวพึงปรารถนา แต่หัวใจของนางกลับว่างเปล่า ดั่งทะเลทรายที่กว้างใหญ่ไม่มีสิ้นสุด ในห้วงคิดนั้น นางถามตัวเองซ้ำๆ ว่าความสุขที่แท้จริงคือสิ่งใด สิ่งที่นางได้รับคือความรักที่ห้อมล้อมจากคนที่นางไม่เคยรู้จักอย่างแท้จริง ความรักที่ไม่ได้มาเพราะตัวตนของนาง แต่เป็นเพราะนางเป็น “ไป๋เสวี่ยหนี่” บุตรสาวของขุนนางใหญ่ที่ถูกจับจ้องในฐานะทรัพย์สินอันล้ำค่ามากกว่าคนที่มีจิตใจ
ยิ่งคิดถึงอนาคตที่ถูกกำหนดไว้ ความรู้สึกโศกเศร้าของเสวี่ยหนี่ก็ยิ่งลึกซึ้ง นางรู้ดีว่าวันหนึ่งนางจะต้องแต่งงานกับชายที่พ่อเลือกให้ โดยที่หัวใจของนางไม่เคยได้มีส่วนเลือกเลยสักครั้ง ดั่งดอกเหมยที่เบ่งบานกลางฤดูหนาว แม้จะงดงามเพียงใด ก็ต้องทนต่อความหนาวเหน็บเพียงลำพัง ไม่มีผู้ใดเข้าใจถึงความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ในดวงใจของนาง
ไป๋เสวี่ยหนี่ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะหันกลับมาจากหน้าต่าง สายตาที่เคยเฉยชากลับเปลี่ยนเป็นเด็ดเดี่ยว นางรู้ดีว่าชะตากรรมที่ถูกลิขิตไว้นั้นไม่อาจหลีกหนี แต่ในส่วนลึกของหัวใจ นางยังคงมีความหวังเล็ก ๆ ว่าสักวันหนึ่ง ความรักที่แท้จริงอาจมาถึง แม้ต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม
ไป๋เสวี่ยหนี่ทิ้งตัวลงบนเตียงผ้าไหมที่ถูกปูอย่างพิถีพิถัน สีหน้าแสนเศร้าปรากฏชัดบนใบหน้าของนาง ขณะที่มือเรียวของนางลูบไล้ไปบนผ้าห่มที่ปักด้วยลวดลายดอกไม้ประณีต นางรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่ไม่สามารถคลายออกได้ แม้จะห่อหุ้มด้วยความหรูหรารอบกาย ความเบื่อหน่ายและท้อแท้ในชีวิตที่ถูกตีกรอบไว้อย่างแน่นหนาทำให้นางรู้สึกเหมือนถูกกักขังอยู่ในกรงทองคำที่ไร้ประตูทางออก
ในจังหวะนั้น ประตูไม้แกะสลักก็เปิดออกเบา ๆ หญิงวัยกลางคนที่มีใบหน้าสงบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความเมตตาเดินเข้ามา "แม่นมหลิน" ผู้เป็นพี่เลี้ยงคนสนิทของเสวี่ยหนี่ ตั้งแต่ยังเยาว์วัย นางเป็นมากกว่าพี่เลี้ยง นางคือผู้ที่เสวี่ยหนี่สามารถพูดคุยและระบายความรู้สึกได้เสมอ
"คุณหนูเจ้าคะ ท่านเป็นอะไรรึเปล่า ข้าสังเกตเห็นว่าท่านดูเหม่อลอยมาหลายวันแล้ว" แม่นมหลินถามอย่างอ่อนโยน พร้อมเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ
เสวี่ยหนี่มองแม่นมหลินด้วยสายตาอ่อนล้า นางถอนหายใจยาวก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา "แม่นม... ข้าเหนื่อยเหลือเกิน ชีวิตนี้ดูเหมือนจะมีทุกอย่าง แต่ข้ากลับรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรเลย ข้าอยู่ในจวนที่งดงาม มีผู้คนล้อมรอบ แต่ทำไม... ทำไมข้าถึงรู้สึกว่างเปล่าเช่นนี้?"
แม่นมหลินมองเสวี่ยหนี่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย "คุณหนู ความรู้สึกเช่นนี้มิได้ผิดหรือประหลาดแต่อย่างใด ท่านเป็นหญิงสาวที่มีหัวใจอ่อนโยนและลึกซึ้ง การที่ท่านรู้สึกเช่นนี้เป็นเพราะท่านยังไม่พบสิ่งที่หัวใจของท่านต้องการอย่างแท้จริง"
เสวี่ยหนี่ฟังคำพูดนั้นและรู้สึกว่ามันกระทบใจของนางอย่างลึกซึ้ง นางหลุบตาลง มือของนางเริ่มกำผ้าห่มในมือแน่นขึ้น
"แต่ข้าจะทำเช่นไรได้ ในเมื่อชะตาชีวิตของข้าไม่ได้เป็นของข้าเอง ข้าไม่มีสิทธิ์เลือกทางเดินของตัวเอง ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่ว่าข้าจะปรารถนาอะไร มันก็เป็นเพียงความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง"
แม่นมหลินยิ้มอย่างอ่อนโยนและเอื้อมมือมาจับมือของเสวี่ยหนี่ "คุณหนู ข้ารู้ว่าท่านมีความรู้สึกที่หนักอึ้งในใจ แต่ข้าอยากให้ท่านรู้ว่าชีวิตนั้นมิได้มีเพียงกรอบที่เราต้องยอมรับเสมอไป บางครั้งทางออกอาจอยู่ที่การเปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ หรือการกล้าหาญพอที่จะเผชิญหน้ากับความเป็นจริงและสร้างชะตากรรมของตัวเอง"
เสวี่ยหนี่มองแม่นมหลินด้วยความสับสนและความหวังที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ นางไม่แน่ใจว่าคำพูดของแม่นมหลินหมายถึงอะไร แต่คำแนะนำนี้ทำให้นางรู้สึกว่าในโลกที่ดูเหมือนจะปิดกั้นทุกสิ่ง อาจยังมีทางออกที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน
“ท่านคิดว่าข้า... ควรทำอย่างไรดี แม่นม?”
แม่นมหลินบีบมือของเสวี่ยหนี่เบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ "ท่านต้องเริ่มต้นด้วยการฟังเสียงหัวใจของตัวเอง ข้าเชื่อว่าถ้าท่านตามหัวใจของตัวเอง ท่านจะพบคำตอบที่ท่านกำลังมองหา และเมื่อถึงเวลานั้น ข้าเชื่อว่าท่านจะสามารถเปลี่ยนชะตากรรมของตัวเองได้"
คำพูดนั้นทำให้เสวี่ยหนี่เงียบไปครู่หนึ่ง นางรู้สึกถึงความกล้าที่เริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อยในใจ แม้จะยังไม่แน่ใจว่านางจะทำเช่นไร แต่หัวใจของนางบอกว่านี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งใหม่ที่นางเฝ้ารอมาตลอดชีวิต
ทันใดนั้น แววตาของไป๋เสวี่ยหนี่ก็เปลี่ยนไป ดั่งมีประกายแห่งความคิดสว่างวาบขึ้นในใจ นางค่อย ๆ ผุดลุกจากเตียงด้วยท่าทางที่สง่างาม ดวงตาที่เคยหม่นหมองกลับส่องประกายความมุ่งมั่นเล็กน้อย ริมฝีปากบางเผยรอยยิ้มอ่อนโยนขณะนางหันมาทางแม่นมหลิน
"แม่นม ข้าอยากออกไปที่สวนเก็บดอกไม้กับท่านเจ้าค่ะ" เสวี่ยหนี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สดใสขึ้น "ข้าคิดว่าเราน่าจะนำดอกไม้เหล่านั้นมาทำอบร่ำ เผื่อกลิ่นหอมของมันจะช่วยให้ข้ารู้สึกดีขึ้นบ้าง"
แม่นมหลินมองเสวี่ยหนี่ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ดีใจที่เห็นคุณหนูของนางกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง "เป็นความคิดที่ดีเจ้าค่ะคุณหนู ดอกไม้ในสวนนี้งดงามแล้วยังมีกลิ่นหอมชื่นใจอีกด้วย อาจจะช่วยคลายความเศร้าหมองในใจของคุณหนูได้"
ทั้งสองจึงเดินออกไปยังสวนดอกไม้ที่ตั้งอยู่ด้านหลังของจวน เสวี่ยหนี่สูดหายใจลึกเมื่อเท้าเปลือยเปล่าของนางสัมผัสกับหญ้าเขียวชอุ่ม ความสดชื่นของอากาศยามเช้าทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง ดอกเหมยที่ผลิบานสะพรั่งอยู่ทั่วสวนส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ปกคลุมไปทั่วทุกอณูของสวน
เสวี่ยหนี่และแม่นมหลินเดินเคียงข้างกันผ่านสวนที่เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้หลากหลายชนิด มือเรียวของเสวี่ยหนี่ค่อยๆ เอื้อมไปเด็ดดอกเหมยสีขาวนวลที่บานอยู่บนกิ่งอย่างระมัดระวัง นางรู้สึกถึงความนุ่มนวลของกลีบดอกในมือ รอยยิ้มที่แท้จริงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางเป็นครั้งแรกในหลายวัน
"ดอกเหมยเหล่านี้ช่างงดงามนัก แม่นม ข้ารู้สึกว่ากลิ่นหอมของมันสามารถชำระล้างความทุกข์ในใจได้" เสวี่ยหนี่พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน
แม่นมหลินพยักหน้าและยิ้มอย่างอ่อนโยน "ดอกไม้ก็เหมือนหัวใจของเรานั่นแหละเจ้าค่ะ คุณหนู มันผลิบานเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม และกลิ่นหอมของมันจะนำความสดชื่นมาสู่ใจของผู้ที่เปิดใจรับ"
เสวี่ยหนี่เก็บดอกไม้ไปพลาง คุยกับแม่นมหลินไปพลาง นางรู้สึกว่าการได้ใช้เวลาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและทำสิ่งที่เรียบง่ายเช่นนี้ทำให้นางลืมความกังวลที่ถาโถมเข้ามาในจิตใจได้ชั่วคราว นางหวังว่ากลิ่นหอมของดอกไม้ที่นางเก็บมานี้ เมื่ออบร่ำแล้ว จะช่วยนำพาความสงบสุขมาสู่จิตใจที่เคยว้าวุ่นของนาง
เมื่อดอกไม้ในตะกร้าเริ่มเต็ม เสวี่ยหนี่หันมามองแม่นมหลินพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนและมีความสุข
"ขอบคุณท่านนะ แม่นม ขอบคุณที่ท่านคอยให้คำปรึกษาและรับฟังข้าเสมอ ตอนนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว"
แม่นมหลินหัวเราะเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู "ข้าดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มของคุณหนูอีกครั้งเจ้าค่ะ ท่านดูงดงามที่สุดเมื่อท่านยิ้ม ข้าเชื่อว่าความสุขของท่านจะต้องกลับมาสู่ใจของท่านในไม่ช้านี้"
เสวี่ยหนี่รู้สึกอุ่นใจที่มีแม่นมหลินอยู่เคียงข้าง และนางก็สัญญากับตัวเองว่าจะพยายามค้นหาความสุขที่แท้จริงในชีวิต..
เรื่องราวความรักตามหน้าที่ของหญิงสาวตระกูลขุนนางใหญ่ที่ยอมลดศักดิ์ศรีแต่งงานกับผู้ที่ไม่ได้รักเพื่อครอบครัว แต่เรื่องราวการเสียสละเพื่อครอบครัวนั้นกลับกลายเป็นฝันร้าย เพราะนางกลายเป็นหมากในกระดานเกมการเมืองที่หมดประโยชน์ ซึ่งย่อมถูกเขี่ยทิ้ง นางจะทำเช่นไรต่อไป ยืดหยัดในการแต่งงานที่ว่างเปล่าเพื่อศักดิ์ศรีและหน้าตาของวงศ์ตระกูล หรือพลิกเกมกระดานนี้ให้คว่ำ โดยไม่สนว่าใครจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
การค้นหาความจริงของป่าลึกลับโบราณโดยจอมยุทธ์หนุ่มไร้ประสบการณ์ เมื่อการผจญภัยท่องโลกกว้างของเขาบังเอิญไปพัวพันกับการไขปริศนาอัญมณีที่ถูกซ่อนไว้จากการยื้อแย่งจากทั่วยุทธภพ เขาจะเป็นผู้ครอบครองสิ่งที่ทรงพลังนี้หรือโดนลงทัณฑ์จากความทะเยอทะยานอันไม่มีสิ้นสุด มาร่วมลุ้นระทึกและไขปริศนาไปพร้อมกันได้ในเรื่องนี้
เมื่อณาลัลน์สาวยูทูปเปอร์ชื่อดังรับคำท้าจากเพื่อนสาว ให้จีบคุณหมอเมธัสสุดหล่อที่เย็นชาขึ้นชื่อ เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าที่เขาเย็นชาเพราะไม่สนสาว ๆ หรือเพราะว่าเขาเป็นเกย์กันแน่นะ!
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
กฤษณะต้องมาปกป้องนักโทษคนหนึ่งที่พัวพันกับเจ้าพ่อค้ายารายใหญ่ให้รอดพ้นจากการถูกตามล่า หากแต่เธอคนนี้คือน้องสาวของฆาตกรที่ ฆ่/หั่nศwแฟนสาวของเขาอย่างโหดเหี้ยม แต่ยังไม่ทันได้แก้แค้นมันก็ชิ่งต/ยก่อน ความแค้นทั้งหมดจึงมาลงที่เธอเพียงคนเดียว นานวันเข้าความใกล้ชิดและผ่านอุปสรรคมาด้วยกันตลอดทางความรู้สึกนั้นก็แปรเปลี่ยนจากความแค้นเป็นความรัก "ปากนายนี่มันเลี้ยงสุนัขไว้ในนั้นกี่ตัวกันฮะ! ว่างๆก็แวะไปให้หมอฟันง้างปากลากมันออกมาปล่อยบ้างนะ” “พูดมากอยู่นิ่งๆแล้วก็มาทายาให้ฉันด้วยเพราะเธอคนเดียวฉันถึงได้เจ็บตัวแบบนี้”
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด