“นึกดูดีๆ เจ้าเอยเรามีอะไรเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดไหม ตัดคำว่าอาหลานออกไปก่อน ตอนนี้เราก็คือผู้หญิงกับผู้ชายที่มีความต้องการเหมือนกัน ถ้าอาปล่อยให้เจ้าเอยกลับห้องตอนนี้เจ้าเอยก็นอนไม่หลับและอาก็คงเป็นผู้ชายที่โง่มาก”
“นึกดูดีๆ เจ้าเอยเรามีอะไรเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดไหม ตัดคำว่าอาหลานออกไปก่อน ตอนนี้เราก็คือผู้หญิงกับผู้ชายที่มีความต้องการเหมือนกัน ถ้าอาปล่อยให้เจ้าเอยกลับห้องตอนนี้เจ้าเอยก็นอนไม่หลับและอาก็คงเป็นผู้ชายที่โง่มาก”
ปีขาลชายหนุ่มวัย 35 กำลังเซ็งสุดขีดเมื่อมารดาโทรมาบอกให้เขารออยู่ที่ห้องทั้งที่เย็นนี้เขานัดเพื่อนเอาไว้แล้วว่าจะไปแฮงค์เอาท์กับเพื่อน
เขาหวังว่าธุระที่มารดาจะมาพูดกับเขาจะเสร็จก่อนที่จะถึงเวลาที่นัดไว้กับเพื่อน นานๆ ปีขาลกับเพื่อนถึงจะมีเวลาว่างตรงกันเขาก็เลยอยากจะสนุกอย่างเต็มที่
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าธุระที่มารดาพูดถึงนั้นมันจะสำคัญอะไรมากมายจนทำให้เธอต้องมาหาเขาถึงคอนโดก่อนถึงวันเสาร์ซึ่งเป็นวันที่จะกลับไปทานข้าวที่บ้านกับครอบครัวเป็นประจำ ดูท่าทางท่านจะใจร้อนเอามากๆ
ระหว่างรอให้มารดามาหาปีขาลก็เก็บนิตยสารที่กองอยู่บนโต๊ะสี่เหลี่ยมหน้าโซฟาแล้วจับมันยัดไว้ในชั้นวางหนังสืออย่างลวกๆ เพราะถ้ามารดามาเห็นก็คงจะบ่นเขาแน่ๆ ว่าทำห้องรก
ทั้งที่เขาเองก็มีแม่บ้านมาทำงานที่นี่วันเว้นวันอยู่แล้วแต่ไม่ว่าจะทำความสะอาดหรือเก็บกวาดยังไงห้องของเขามันก็กลับมารกเหมือนเดิมทุกที
เสียงออดที่หน้าประตูทำให้ปีขาลรีบลุกขึ้นไปเปิดอย่างรวดเร็ว
“สวัสดีครับ แม่คิดถึงผมมากเลยต้องมาหาใช่ไหมครับ” ปีขาลกอดมารดาก่อนจะพาเธอมานั่งที่โซฟาและเปิดตู้เย็นหยิบน้ำทับทิมของโปรดมาให้
“น้ำทับทิมครับแม่”
“ขอบใจจ้ะ เสือยังรู้ใจแม่อยู่เหมือนเดิม”
“ก็ผมลูกแม่นี่ครับ ว่าแต่ทำไมให้ผมไปหาที่บ้านล่ะครับ มาถึงที่นี่ทำไมลำบากแย่เลย”
“แม่อยากมาดูด้วยว่าเสือแอบซุกใครไว้ที่นี่หรือเปล่า”
“โธ่..แม่ผมจะแอบซุกใครไว้ล่ะถ้าผมมีป่านนี้แม่บ้านก็คงรายงานแม่ไปแล้ว”
“แม่ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าใช่ไหม”
“มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของคนโสดครับแม่ ว่าแต่แม่บอกว่ามีธุระจะคุยกับผม มันด่วนมากเหรอครับถึงไม่รอให้ถึงเย็นวันเสาร์
“แม่มีเรื่องจะรบกวนเสือนิดหน่อย”
“ว่ามาเลยครับ”
“สัญญาก่อนว่าจะทำให้แม่”
“สัญญาสิผมรักแม่ขนาดนี้แม่ขออะไรผมก็ต้องยอมทั้งนั้นแหละ ปีขาลกอดมารดาอย่างประจบเขาก็แค่อยากรับปากไปก่อนส่วนจะทำตามหรือไม่ก็ต้องดูอีกที แต่ถ้าปฏิเสธมารดาก็คงจะอยู่คุยกับเขายาวแน่ๆ
“เสือจำน้าพัชรีเพื่อนแม่ได้ไหม” คุณนิตตราเริ่มเปิดประเด็น
“น้าพัชรีที่บ้านอยู่ทางเหนือใช่ไหมครับแม่” เขาพอจะนึกออกเพราะมารดาเคยพาไปเที่ยวที่นั่นอยู่หลายวันแต่มันก็ตั้งแต่สมัยที่เราเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง
“นั่นแหละจ้ะ”
“แม่มีอะไรหรือเปล่าหรือธุระที่แม่มาวันนี้เกี่ยวกับน้าพัชรีใช่ไหมครับ”
“จ้ะ น้าเขามีเรื่องรบกวนเสือนิดหน่อย”
“ว่ามาเลยครับแม่ ถึงผมกับน้าพัชรีจะไม่สนิทกันแต่ผมรู้ว่าแม่กับน้ายังติดต่ออยู่ แล้วน้าเขาก็ใจดีส่งส้มมาให้เรากินกันทุกปี”
“คือน้าเขาอยากฝากให้เสือช่วยดูแลลูกสาวเขาหน่อย”
“อะไรนะครับแม่”
“เบาๆ สิเสือพูดเสียงดังแบบนี้แม่ตกใจหมดนะ”
“แม่หมายความว่ายังไง แม่คงไม่คิดจะให้เธอมาอยู่กับผมที่นี่หรอกนะ ไม่เอานะแม่ผมไม่ชอบอยู่ร่วมกับคนอื่น” ปีขาลรีบปฏิเสธ
“แม่ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะให้เขามาอยู่กับเสือที่นี่ แม่อยากให้เสือช่วยดูแลระหว่างที่หนูเจ้าเอยมาทำงานช่วงแรกๆ”
“ค่อยโล่งใจไปหน่อยแล้ว จะให้ผมช่วยเหลือยังไงครับ”
“คือหนูเจ้าเอยเขาจะมาอยู่ห้องตรงข้ามกับลูก”
“แล้วยังไงต่อครับ”
“แม่ก็อยากจะฝากให้เสือช่วยดูแลเธอหน่อย เธอเพิ่งมาอยู่กรุงเทพคงไม่ค่อยรู้เรื่องถนนหนทางเท่าไหร่ ถ้าไม่ลำบากมากนักแม่ก็อยากให้เสือช่วยรับส่งช่วงเล็กแรก”
“ไม่รู้เรื่องถนนหนทางแล้วจะมาอยู่กรุงเทพทำไมให้ลำบาก”
“ก็เจ้าเอยเขาได้งานที่มหาวิทยาลัยใกล้ๆ กับบริษัทของเสือไง”
“เด็กคนนั้นเรียนจบแล้วเหรอครับ”
“ใช่จ้ะเธอเรียบจบบรรณารักษ์และได้มาทำงานในมหาวิทยาลัย”
“แล้วทำไมเขามาทำงานไกลจังเลยครับแม่”
“ก็มหาวิทยาลัยที่นี่มีห้องสมุดก็ค่อนข้างจะใหญ่น้องเขาก็เลยอยากได้ประสบการณ์น่ะ”
“ผมคงช่วยได้ไม่มากนะครับ ถ้าจะให้รับส่งทุกวันก็คงไม่ไหว”
“คงไม่อย่างนั้นหรอก เสือก็แค่คอยรับส่งช่วงแรกๆ จากนั้นก็ให้เจ้าเอยนั่งรถไปเองก็ได้”
“เขาขับรถไม่เป็นเหรอครับแม่”
“น้าพัชรีบอกว่าพอขับได้อยู่นะแต่น่าจะไม่ค่อยคุ้นเส้นทางเท่าไหร่ รอให้คุ้นเคยก่อนก็ค่อยว่ากันอีกทีว่าน้องจะเลิกนั่งรถไปเองหรือจะเลือกเอารถมาใช้ที่นี่”
“ผมหวังว่าเธอคงไม่สร้างปัญหาให้ผมนะครับ” ปีขาลจำได้ว่าเขาเคยเจอเด็กที่ชื่อเจ้าเอยนานมากแล้วเด็กคนนั้นเป็นคนที่ช่างพูดช่างคุยและช่างซักถามจนเขารู้สึกรำคาญ พยายามเดินหนีแต่ดูเหมือนยิ่งหนีเธอก็จะยิ่งตามเขาราวกับลูกเป็ดเดินตามแม่
“แค่นี้ใช่ไหมครับธุระที่แม่จะคุยกับผม”
“ใช่จ้ะ”
“แล้วลูกสาวของเพื่อนแม่เขาจะมาเมื่อไหร่”
“พรุ่งนี้เย็นแม่อยากให้เสือไปรับน้องที่สนามบินกับแม่”
“ผมนึกว่าน้าพัชรีจะมาส่ง”
“ช่วงนี้น้าพัชรีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่จ้ะ เสือก็ช่วยแม่ดูแลน้องหน่อยนะ แม่รับปากนะพัชรีไว้แล้วว่าจะช่วยดูแลลูกสาวเขาอย่างดี”
“ถ้างั้นพรุ่งนี้ผมจะแวะไปรับแม่ที่บ้านนะครับ ถ้าจะไปตอนไหนแม่โทรตามผมละกัน”
“ได้จ้ะ”
“แม่จะกลับเลยไหม”
“นี่แม่มายังไม่ถึงชั่วโมงเลยนะ เสือจะไล่แม่กลับแล้วเหรอ มีนัดใช่ไหมล่ะ” เธอมองการแต่งตัวของลูกชายแล้วก็ถามอย่างรู้ทัน
“ผมมีนัดไปดื่มกับเพื่อนนิดหน่อยครับแม่ นานๆ จะว่างตรงกันก็เลยว่าจะเมาให้เต็มที่หน่อย”
“อยากไปไหนก็ไปแต่อย่าลืมว่าพรุ่งนี้เย็นเรามีนัดกันนะเสือ”
“ครับแม่”
ความผิดพลาดในคืนนั้นทำให้ชีวิตของวิรัลพัชรเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำใครคือผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่เขาจำได้และเมื่อรู้ว่าเธอกำลังท้องลูกของเขาชายหนุ่มก็ก้าวเข้ามาในชีวิตเพียงเพื่อต้องการลูกของเธอเท่านั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ในคืนที่โดนแฟนเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่เครื่องดื่ม เธอขอให้ชายคนหนึ่งช่วย พอเช้ามาถึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาขู่ให้เธอยอมเป็นคู่นอนของเขาโดยบอกว่ามีคลิปในคืนนั้นเธอยอมเพราะคำขู่แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีคลิปทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็จบแต่เขาไม่ยอมจบเพราะตอนนี้คิดกับเธอมากไปกว่าคู่นอนไปแล้ว
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
ใครจะคิดว่าคนที่เธอเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวในคืนนั้นจะกลายมาเป็นคนรักในวันนี้ แต่เขาไม่ใช่แค่คนรักธรรมดาเพราะเขาคือเจ้าของบริษัทที่เธอเพิ่งเข้าทำงานได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ แต่เธอต้องเก็บเป็นความลับก่อนจะผ่านช่วงทดลองงาน
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
ครอบครัวเสิ่นเลี้ยงดูเซี่ยซางหนิงเป็นเวลา 20 ปี และเธอเองก็ถูกเอาเปรียบมาเป็นเวลา 20 ปีเช่นกัน วันหนึ่ง พวกเขาตามหาลูกสาวตัวจริงพบ และเซี่ยซางหนิงก็ถูกไล่ออกจากตระกูลเสิ่น ได้ยินมาว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอกำลังเผชิญกับความยากลำบากอย่างหนัก แต่ความเป็นจริง พ่อแม่ทางสายเลือดของเธอเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองไห่ เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดที่ตระกูลเสิ่นไม่สามารถเอื้อมถึงได้ ตระกูลเสิ่นที่คอยดูว่าเซี่ยซางหนิงจะต้องตกอับอย่างน่าสมเพช แต่กลับต้องตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับตัวตนของเซี่ยซางหนิง ผู้มีอิทธิพลในการเงินระดับโลก วิศวกรระดับแนวหน้า นักแข่งรถอันดับหนึ่งของโลก... เธอยังมีความสามารถที่ซ่อนอยู่อีกกี่อย่างกันแน่ คู่หมั้นยกเลิกการหมั้นกับเซี่ยซางหนิง อย่างไรก็ตาม เมื่อเซี่ยซางหนิงไปออกเดทกับพี่ชายฝาแฝดของเขา เขากลับปรากฏตัวขึ้นและสารภาพรักกับเธอ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด