“นึกดูดีๆ เจ้าเอยเรามีอะไรเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดไหม ตัดคำว่าอาหลานออกไปก่อน ตอนนี้เราก็คือผู้หญิงกับผู้ชายที่มีความต้องการเหมือนกัน ถ้าอาปล่อยให้เจ้าเอยกลับห้องตอนนี้เจ้าเอยก็นอนไม่หลับและอาก็คงเป็นผู้ชายที่โง่มาก”
“นึกดูดีๆ เจ้าเอยเรามีอะไรเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดไหม ตัดคำว่าอาหลานออกไปก่อน ตอนนี้เราก็คือผู้หญิงกับผู้ชายที่มีความต้องการเหมือนกัน ถ้าอาปล่อยให้เจ้าเอยกลับห้องตอนนี้เจ้าเอยก็นอนไม่หลับและอาก็คงเป็นผู้ชายที่โง่มาก”
ปีขาลชายหนุ่มวัย 35 กำลังเซ็งสุดขีดเมื่อมารดาโทรมาบอกให้เขารออยู่ที่ห้องทั้งที่เย็นนี้เขานัดเพื่อนเอาไว้แล้วว่าจะไปแฮงค์เอาท์กับเพื่อน
เขาหวังว่าธุระที่มารดาจะมาพูดกับเขาจะเสร็จก่อนที่จะถึงเวลาที่นัดไว้กับเพื่อน นานๆ ปีขาลกับเพื่อนถึงจะมีเวลาว่างตรงกันเขาก็เลยอยากจะสนุกอย่างเต็มที่
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าธุระที่มารดาพูดถึงนั้นมันจะสำคัญอะไรมากมายจนทำให้เธอต้องมาหาเขาถึงคอนโดก่อนถึงวันเสาร์ซึ่งเป็นวันที่จะกลับไปทานข้าวที่บ้านกับครอบครัวเป็นประจำ ดูท่าทางท่านจะใจร้อนเอามากๆ
ระหว่างรอให้มารดามาหาปีขาลก็เก็บนิตยสารที่กองอยู่บนโต๊ะสี่เหลี่ยมหน้าโซฟาแล้วจับมันยัดไว้ในชั้นวางหนังสืออย่างลวกๆ เพราะถ้ามารดามาเห็นก็คงจะบ่นเขาแน่ๆ ว่าทำห้องรก
ทั้งที่เขาเองก็มีแม่บ้านมาทำงานที่นี่วันเว้นวันอยู่แล้วแต่ไม่ว่าจะทำความสะอาดหรือเก็บกวาดยังไงห้องของเขามันก็กลับมารกเหมือนเดิมทุกที
เสียงออดที่หน้าประตูทำให้ปีขาลรีบลุกขึ้นไปเปิดอย่างรวดเร็ว
“สวัสดีครับ แม่คิดถึงผมมากเลยต้องมาหาใช่ไหมครับ” ปีขาลกอดมารดาก่อนจะพาเธอมานั่งที่โซฟาและเปิดตู้เย็นหยิบน้ำทับทิมของโปรดมาให้
“น้ำทับทิมครับแม่”
“ขอบใจจ้ะ เสือยังรู้ใจแม่อยู่เหมือนเดิม”
“ก็ผมลูกแม่นี่ครับ ว่าแต่ทำไมให้ผมไปหาที่บ้านล่ะครับ มาถึงที่นี่ทำไมลำบากแย่เลย”
“แม่อยากมาดูด้วยว่าเสือแอบซุกใครไว้ที่นี่หรือเปล่า”
“โธ่..แม่ผมจะแอบซุกใครไว้ล่ะถ้าผมมีป่านนี้แม่บ้านก็คงรายงานแม่ไปแล้ว”
“แม่ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าใช่ไหม”
“มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของคนโสดครับแม่ ว่าแต่แม่บอกว่ามีธุระจะคุยกับผม มันด่วนมากเหรอครับถึงไม่รอให้ถึงเย็นวันเสาร์
“แม่มีเรื่องจะรบกวนเสือนิดหน่อย”
“ว่ามาเลยครับ”
“สัญญาก่อนว่าจะทำให้แม่”
“สัญญาสิผมรักแม่ขนาดนี้แม่ขออะไรผมก็ต้องยอมทั้งนั้นแหละ ปีขาลกอดมารดาอย่างประจบเขาก็แค่อยากรับปากไปก่อนส่วนจะทำตามหรือไม่ก็ต้องดูอีกที แต่ถ้าปฏิเสธมารดาก็คงจะอยู่คุยกับเขายาวแน่ๆ
“เสือจำน้าพัชรีเพื่อนแม่ได้ไหม” คุณนิตตราเริ่มเปิดประเด็น
“น้าพัชรีที่บ้านอยู่ทางเหนือใช่ไหมครับแม่” เขาพอจะนึกออกเพราะมารดาเคยพาไปเที่ยวที่นั่นอยู่หลายวันแต่มันก็ตั้งแต่สมัยที่เราเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง
“นั่นแหละจ้ะ”
“แม่มีอะไรหรือเปล่าหรือธุระที่แม่มาวันนี้เกี่ยวกับน้าพัชรีใช่ไหมครับ”
“จ้ะ น้าเขามีเรื่องรบกวนเสือนิดหน่อย”
“ว่ามาเลยครับแม่ ถึงผมกับน้าพัชรีจะไม่สนิทกันแต่ผมรู้ว่าแม่กับน้ายังติดต่ออยู่ แล้วน้าเขาก็ใจดีส่งส้มมาให้เรากินกันทุกปี”
“คือน้าเขาอยากฝากให้เสือช่วยดูแลลูกสาวเขาหน่อย”
“อะไรนะครับแม่”
“เบาๆ สิเสือพูดเสียงดังแบบนี้แม่ตกใจหมดนะ”
“แม่หมายความว่ายังไง แม่คงไม่คิดจะให้เธอมาอยู่กับผมที่นี่หรอกนะ ไม่เอานะแม่ผมไม่ชอบอยู่ร่วมกับคนอื่น” ปีขาลรีบปฏิเสธ
“แม่ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะให้เขามาอยู่กับเสือที่นี่ แม่อยากให้เสือช่วยดูแลระหว่างที่หนูเจ้าเอยมาทำงานช่วงแรกๆ”
“ค่อยโล่งใจไปหน่อยแล้ว จะให้ผมช่วยเหลือยังไงครับ”
“คือหนูเจ้าเอยเขาจะมาอยู่ห้องตรงข้ามกับลูก”
“แล้วยังไงต่อครับ”
“แม่ก็อยากจะฝากให้เสือช่วยดูแลเธอหน่อย เธอเพิ่งมาอยู่กรุงเทพคงไม่ค่อยรู้เรื่องถนนหนทางเท่าไหร่ ถ้าไม่ลำบากมากนักแม่ก็อยากให้เสือช่วยรับส่งช่วงเล็กแรก”
“ไม่รู้เรื่องถนนหนทางแล้วจะมาอยู่กรุงเทพทำไมให้ลำบาก”
“ก็เจ้าเอยเขาได้งานที่มหาวิทยาลัยใกล้ๆ กับบริษัทของเสือไง”
“เด็กคนนั้นเรียนจบแล้วเหรอครับ”
“ใช่จ้ะเธอเรียบจบบรรณารักษ์และได้มาทำงานในมหาวิทยาลัย”
“แล้วทำไมเขามาทำงานไกลจังเลยครับแม่”
“ก็มหาวิทยาลัยที่นี่มีห้องสมุดก็ค่อนข้างจะใหญ่น้องเขาก็เลยอยากได้ประสบการณ์น่ะ”
“ผมคงช่วยได้ไม่มากนะครับ ถ้าจะให้รับส่งทุกวันก็คงไม่ไหว”
“คงไม่อย่างนั้นหรอก เสือก็แค่คอยรับส่งช่วงแรกๆ จากนั้นก็ให้เจ้าเอยนั่งรถไปเองก็ได้”
“เขาขับรถไม่เป็นเหรอครับแม่”
“น้าพัชรีบอกว่าพอขับได้อยู่นะแต่น่าจะไม่ค่อยคุ้นเส้นทางเท่าไหร่ รอให้คุ้นเคยก่อนก็ค่อยว่ากันอีกทีว่าน้องจะเลิกนั่งรถไปเองหรือจะเลือกเอารถมาใช้ที่นี่”
“ผมหวังว่าเธอคงไม่สร้างปัญหาให้ผมนะครับ” ปีขาลจำได้ว่าเขาเคยเจอเด็กที่ชื่อเจ้าเอยนานมากแล้วเด็กคนนั้นเป็นคนที่ช่างพูดช่างคุยและช่างซักถามจนเขารู้สึกรำคาญ พยายามเดินหนีแต่ดูเหมือนยิ่งหนีเธอก็จะยิ่งตามเขาราวกับลูกเป็ดเดินตามแม่
“แค่นี้ใช่ไหมครับธุระที่แม่จะคุยกับผม”
“ใช่จ้ะ”
“แล้วลูกสาวของเพื่อนแม่เขาจะมาเมื่อไหร่”
“พรุ่งนี้เย็นแม่อยากให้เสือไปรับน้องที่สนามบินกับแม่”
“ผมนึกว่าน้าพัชรีจะมาส่ง”
“ช่วงนี้น้าพัชรีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่จ้ะ เสือก็ช่วยแม่ดูแลน้องหน่อยนะ แม่รับปากนะพัชรีไว้แล้วว่าจะช่วยดูแลลูกสาวเขาอย่างดี”
“ถ้างั้นพรุ่งนี้ผมจะแวะไปรับแม่ที่บ้านนะครับ ถ้าจะไปตอนไหนแม่โทรตามผมละกัน”
“ได้จ้ะ”
“แม่จะกลับเลยไหม”
“นี่แม่มายังไม่ถึงชั่วโมงเลยนะ เสือจะไล่แม่กลับแล้วเหรอ มีนัดใช่ไหมล่ะ” เธอมองการแต่งตัวของลูกชายแล้วก็ถามอย่างรู้ทัน
“ผมมีนัดไปดื่มกับเพื่อนนิดหน่อยครับแม่ นานๆ จะว่างตรงกันก็เลยว่าจะเมาให้เต็มที่หน่อย”
“อยากไปไหนก็ไปแต่อย่าลืมว่าพรุ่งนี้เย็นเรามีนัดกันนะเสือ”
“ครับแม่”
ความผิดพลาดในคืนนั้นทำให้ชีวิตของวิรัลพัชรเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำใครคือผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่เขาจำได้และเมื่อรู้ว่าเธอกำลังท้องลูกของเขาชายหนุ่มก็ก้าวเข้ามาในชีวิตเพียงเพื่อต้องการลูกของเธอเท่านั้น
นานนับปีแล้วที่อรณิชาไม่ได้รับความสุขจากสามี เขาอ้างว่าเพราะงานแต่จริงๆ แล้วเขามีคนอื่นโดยที่อรณิชาไม่รู้ หญิงสาวจึงให้เวลาเขาและเธอหนึ่งเดือนเพื่อจัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิตคู่ หญิงสาวจึงกลับมาที่เมืองไทย และได้เจอกับอดีตคน รักความสุขความผูกพัน ทางใจในอดีตกับกลายเป็นความสัมพันธ์ทางกายในปัจจุบัน ความใกล้ชิดในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้ทั้งสองเผลอใจก้าวข้ามเส้นที่ขีดไว้ไม่สนใจทถูกผิดมองแค่บนเตียงเพียงอย่างเดียว
ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ในคืนที่โดนแฟนเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่เครื่องดื่ม เธอขอให้ชายคนหนึ่งช่วย พอเช้ามาถึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาขู่ให้เธอยอมเป็นคู่นอนของเขาโดยบอกว่ามีคลิปในคืนนั้นเธอยอมเพราะคำขู่แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีคลิปทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็จบแต่เขาไม่ยอมจบเพราะตอนนี้คิดกับเธอมากไปกว่าคู่นอนไปแล้ว
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY