พราะเธอสวยถูกใจเขาเลยกักขังเธอไว้ด้วยหนี้ที่ตนเองไม่ได้ก่อ หญิงสาวยอมชดใช้หนี้ตามสัญญาแต่ทำไมยิ่งใช้หนี้มันถึงได้เพิ่มมากขึ้นจนคิดว่าชาตินี้คงไม่มีทางไปจากเขาได้ ***** "คุณสนุกมากหรือไง คุณจ่ายเงินก้อนแล้วเก็บคืนจากมายด์เดือนล่ะหมื่น ไม่มีคนดีๆ ที่ไหนเขาทำแบบนี้เลยนะคะ" "ฉันเคยบอกเธอว่าฉันเป็นคนดีไหม" "คุณคงสนุกมากที่เห็นคนเป็นหนี้ แต่คนที่เขาเป็นหนี้คงไม่สนุกด้วย"
“คุณศรุตครับหัวหน้าฝ่ายบัญชีแจ้งว่าสามเดือนแล้วที่ติดต่อญาติของยายสน ไม่ได้พวกเขาไปหาตามที่อยู่แล้วปรากฏว่าที่อยู่นั้นเป็นบ้านเช่าพอยายสนเสียชีวิตที่นั่นก็ไม่มีใครอยู่เลย” นรเทพรายงานเจ้านายตามที่ได้รับแจ้งจากหัวหน้าฝ่ายบัญชี
“แล้วติดต่อหลายชายยายสนได้ไหม”
“ตอนนี้เรามีแค่ที่อยู่และข้อมูลของหลานสาวยายสนเท่านั้นครับ คุณศรุตจะให้เราแจ้งไปทางหลานสาวไหม”
“ก็คงจะต้องแจ้งไปแล้วก็เรียกมาคุยถึงรายละเอียด ยายสนเป็นหนี้เราอยู่ประมาณสี่แสนถ้าฉันจะยกหนี้ส่วนนี้ให้มันก็ได้อยู่เพราะยายสนทำงานกับเรามานานแต่ ถ้าฉันยกหนี้ให้ยายสนมันก็ไม่ยุติธรรมกับพนักงานคนอื่นที่กู้เงินกับบริษัท ถ้ายังไงนายช่วยเรียกหลานสาวยายสนมาคุยกับฉันหน่อยก็แล้วกันนะ”
“ได้ครับคุณศรุตเดี๋ยวผมจะจัดการให้”
หลังจากนั้นอีกสามวันหญิงสาวสวมชุดนักศึกษาคนหนึ่งก็เข้ามาหาศรุตที่บริษัท
“สวัสดีค่ะคุณศรุตหญิงสาว” ยกมือไหว้อดีตเจ้านายของยายและนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอกับเจ้านายของคุณเพราะที่ผ่านมาจะได้ยินแต่คุณยายพูดถึงเขาอยู่บ่อยๆ แต่ก็ยังไม่เคยเจอสักครั้ง
“สวัสดี นั่งลงก่อนสิ”
“ขอบคุณค่ะ”
ศรุตมองหลานสาวของยายสนด้วยความสนใจ เขาไม่คิดเลยว่ายายสนพนักงานที่ทำงานเป็นแม่บ้านของเขามานานหลายปีจะมีหลานสาวที่สวยและหุ่นดีเอามากๆ แบบนี้ เสือผู้หญิงอย่างเขาไม่เคยรู้สึกกระหายอยากจะขย้ำเหยื่อแบบนี้มาก่อน
“เธอเป็นหลานสาวของยายสนใช่ไหมชื่ออะไรล่ะ”
“ชื่อนลินภัสร์ค่ะคุณจะเรียกว่ามายด์ก็ได้
“เธอรู้มั้ยว่าฉันเรียกเธอมาหาที่นี่เพราะอะไร”
“มายด์ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ บางทีอาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณยายใช่ไหมคะ”
“ใช่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับยายของเธอนั่นแหละ ก่อนเสียชีวิตได้คุยอะไรกับยายบ้างหรือเปล่า”
“เราก็คุยกันตามปกติค่ะ”
“ยายเคยบอกอะไรเกี่ยวกับบริษัทบ้างไหม”
“ส่วนใหญ่ที่ยายเล่าให้ฟังก็เป็นเรื่องทั่วๆ ไปค่ะ ยายว่าทำงานที่บริษัทนี้เจ้านายใจดีเพื่อนร่วมงานดี มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“จริงๆ แล้วฉันก็เห็นใจเธอนะ ยายเพิ่งเสียไปได้ไม่กี่เดือนแต่เรื่องนี้ฉันก็จำเป็นที่จะต้องเรียกเธอเข้ามาพูด”
“มันเรื่องอะไรกันคะคุณศรุตคุณรีบบอกมายด์ด์มาเถอะค่ะ”
“ก็ยายของเธอกู้เงินในบริษัทไปสี่แสนบาท”
“อะไรนะยายจะกู้เงินไปเยอะแยะแบบนั้นไปทำไม”
นลินภัสร์ตกใจเป็นอย่างมากเพราะเธอเรียนในมหาวิทยาลัยรัฐบาลค่าเทอมไม่ได้แพงมากนักอีกทั้งตนเองก็ทำงานพิเศษหาเงินเพื่อจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายจนแทบจะไม่เคยขอเงินยายใช้เลยด้วยซ้ำ
“ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่ายายเธอกู้เงินไปทำไม เขาอาจจะกู้ไปส่งให้เธอเรียนหรือเปล่า”
“เป็นไปไม่ได้เลยค่ะ มายด์เรียนเรียนมหาวิทยาลัยรัฐบาลค่าเทอมไม่ได้แพงเท่าไหร่แล้วมายด์ก็ทำงานพิเศษส่งตัวเองเรียนทั้งนั้นบางทีเงินที่ยายกูจากบริษัทไปยายอาจจะเอาไปให้คนอื่น”
“คนอื่นที่เธอพูดถึงหมายด์ถึงพี่ชายของเธอใช่มั้ยล่ะ”
“คุณศรุตรู้เหรอคะว่ามายด์มีพี่ชาย”
“รู้สิยายของเธอเคยเล่าให้ฟังว่ามีหลานอยู่สองคนชื่อไม้กับมายด์ เธอลองติดต่อพี่ชายเธอดูสิว่ายายของเธอได้เอาเงินไปให้เขาหรือเปล่า”
“มายด์เจอกับพี่ไม้ครั้งสุดท้ายก็ตอนงานศพยาย จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย”
“ก่อนหน้านี้พี่เธอ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าล่ะถึงต้องใช้เงินมากขนาดนั้น”
คำถามของศรุตทำให้นลินภัสร์พอจะเดาออกว่ายายกู้เงินมากขนาดนั้นก็น่าจะเอาไปให้พี่ชายของเธอ ซึ่งเขาบอกว่ากำลังลงทุนทำธุรกิจบางอย่างกับเพื่อนแล้วถ้าธุรกิจนี้ประสบผลสำเร็จเขาจะได้เงินมาอย่างมากมาย
“ฉันจะให้โอกาสเธอติดต่อพี่ชายและเอาเงินมาผ่อนชำระหนี้นะ”
“ขอบคุณค่ะ คุณศรุตมายด์จะรีบติดต่อพี่ไม้ให้ได้เร็วที่สุด มายด์ขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม”
“เธอจะถามอะไรล่ะมายด์”
“ถ้ามายด์ติดต่อพี่ชายไม่ได้แล้วคนที่จะต้องใช้หนี้ก็คือมายด์หรือเปล่า”
“มันก็คงต้องเป็นอย่างนั้น”
"แต่มายด์เคยได้ยินว่าคนที่รับมรดกไม่จำเป็นจะต้องใช้หนี้ของคนที่เสียชีวิตไปแล้วถ้าหากจำนวนหนี้นั้นมันมากกว่าจำนวนมรดกใช่ไหมคะ”
“ดูเหมือนเธอจะรู้เรื่องพวกนี้ดีนะ ถ้าตามหลักแล้วมันก็เป็นยังนั้น แต่ในกรณีของคุณยายท่านไม่มีหลักทรัพย์อะไรมาค้ำประกันเลยท่านจึงลงบันทึกไว้ว่าถ้าหากท่านเป็นอะไรไปคนที่จะต้องรับผิดชอบหนี้สินทั้งหมดก็คือเธอกับพี่ชายของเธอ จะดูสัญญาไหม”
ศรุตคิดไว้แล้วว่าคนมีความรู้อย่างหลานสาวคุณยายสนจะต้องเอาข้อนี้มาอ้างแน่ๆ เขาเลยเตรียมเอกสารที่ยายสนเซ็นไว้ตั้งแต่วันแรกเอามาให้กับหญิงสาวดู
เอกสารในสัญญาระบุไว้ตามที่ศรุตบอกจริงๆ นลินภัสร์อ่านข้อความนั้นซ้ำไปซ้ำมาแล้วถอนหายใจ เงินมากถึงสี่แสนแบบนั้นเธอจะมาหาเธอจะหาที่ไหนมาใช้คืนเขาได้
“มายด์ขอติดต่อพี่ชายก่อนได้ไหมคะ จากนั้นจะยังไงต่อมายด์ค่อยมาบอกคุณอีกที”
“ฉันจะให้เวลาเธอหนึ่งอาทิตย์นะถ้ายังติดต่อเขาไม่ได้เงินทั้งหมดเธอก็จะต้องเป็นคนใช้เอง”
“ได้ค่ะ ถ้ายังงั้นมายด์ขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“หวังว่าอีกหนึ่งอาทิตย์ฉันจะได้รับข่าวดีจากเธอนะมายด์”
“แน่นอนค่ะคุณศรุต”
ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ในคืนที่โดนแฟนเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่เครื่องดื่ม เธอขอให้ชายคนหนึ่งช่วย พอเช้ามาถึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาขู่ให้เธอยอมเป็นคู่นอนของเขาโดยบอกว่ามีคลิปในคืนนั้นเธอยอมเพราะคำขู่แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีคลิปทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็จบแต่เขาไม่ยอมจบเพราะตอนนี้คิดกับเธอมากไปกว่าคู่นอนไปแล้ว
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
ใครจะคิดว่าคนที่เธอเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวในคืนนั้นจะกลายมาเป็นคนรักในวันนี้ แต่เขาไม่ใช่แค่คนรักธรรมดาเพราะเขาคือเจ้าของบริษัทที่เธอเพิ่งเข้าทำงานได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ แต่เธอต้องเก็บเป็นความลับก่อนจะผ่านช่วงทดลองงาน
เพราะชอบเธอเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเกิดอุบัติเหตุจนเธอความจำเสื่อม โดยมีตนเองเป็นต้นเหตุ หมออย่างเขาก็ไม่รีรอที่จะรับเธอไปดูแลในฐานะคนรัก
ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
ในเมื่อความปรารถนาสูงสุดของอีกฝ่ายไม่ใช่ครอบครัว เธอจึงกลายเป็นคนที่เขาอยากเขี่ยทิ้งไปให้พ้นตัว เหตุผลที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ใช้ถ้อยคำหวานหลอกล่อจนหญิงสาวตายใจ ในที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจแต่งานกับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ท้ายที่สุดแล้วความจริงก็ปรากฏขึ้น เพราะปรเมศเข้าใจผิด คิดว่าเขมิกาคือสาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นมารดาของเขาต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เอ่ยคำบอกลา “เขมท้อง!” หญิงสาวตัดสินใจพูดเรื่องทารกน้อยในครรภ์ เพราะลึก ๆ แล้วยังแอบหวังที่จะได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา อารมณ์ของเขมมิกาแปรปรวน เธอเองไม่อาจควบคุมได้ บางทีก็คิดอยากอยู่ประเดี๋ยวก็อยากไป “กี่เดือน” “หกสัปดาห์แล้วค่ะ” “เด็กคนนี้เป็นลูกของใคร” “คุณปรเมศ!” เขมมิการู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่ม เขาไม่ควรตั้งคำถามนี้กับเธอ “เอาเด็กนั่นออกซะ! นี่คือเงินที่ผมจะจ่ายให้กับคุณ นับจากนี้ไปเราสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับกัน” “คุณคิดดีแล้วใช่ไหมคะ” “ผมไม่เคยลังเลที่อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้เลยสักนิด” คำตอบที่ได้ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก มันจุกในอกเสียจนเธอแทบเสียสติ แต่ก็กลับมาได้เพราะทารกน้อย เธอต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ปรเมศจะต้องเสียใจกับถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอในวันนี้
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"