นางเคยเป็นดั่งดอกบัวขาว บริสุทธิ์ผุดผ่องมองแล้วสบายตา แต่เขาและน้องสาวต่างมารดาของนางกลับมาแต้มหมึกดำลงบนบัวขาวดอกนี้
นางเคยเป็นดั่งดอกบัวขาว บริสุทธิ์ผุดผ่องมองแล้วสบายตา แต่เขาและน้องสาวต่างมารดาของนางกลับมาแต้มหมึกดำลงบนบัวขาวดอกนี้
บทนำ
คุณหนูเยว่เหลียน นางเปรียบดั่งดอกบัวขาว งดงามใสสะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่อง รอยยิ้มของนางกระจ่างใส ไม่ว่าผู้ใดอยู่ใกล้นางก็สบายใจ
ฮูหยินตระกูลเยว่และตระกูลตงเป็นสหายรักกันเติบโตเคียงข้างกันมาตั้งแต่เยาว์วัย เมื่อเยว่ฮูหยินคลอดบุตรสาวออกมา จึงถูกจับหมั้นหมายกับคุณชายรองของตระกูลตงทันที แต่เยว่ฮูหยินก็บุญน้อยเสียเหลือเกิน ไม่สามารถเฝ้ามองบุตรสาวผู้งดงามเติบใหญ่ได้ เยว่ฮูหยินจมน้ำเสียชีวิตเมื่อเยว่เหลียนอายุเพียงห้าปี
เยว่ชานผู้นำตระกูลจึงส่งบุตรสาวไปอยู่บ้านตระกูลเดิมของฮูหยินของตน เขาในเวลานี้ไม่อาจทนมองหน้าบุตรสาวได้อีกต่อไป นับวันนางยิ่งมีใบหน้าคล้ายกับฮูหยินรัก
เยว่เหลียนเติบใหญ่และงดงามราวกับดอกบัวแรกแย้ม นางรู้ดีว่าจวนของบิดายกสตรีอื่นเขามาแทนที่มารดาของตน แต่นางก็ไม่เคยโกรธเคืองบิดา เพราะเข้าใจความทุกข์ของท่านที่เสียมารดาของนางไป ทั้งนางอยู่ห่างไกล ท่านคงเหงา
นางถูกท่านตาและท่านย่าพร่ำสอนให้เป็นภรรยาที่ดี เพราะอีกฝ่ายก็เพียบพร้อม ทั้งสองสกุลหาใช่คนอื่นไกล และเมื่ออายุครบ18 ปี นางเดินทางกลับเมืองหลวงเพื่อที่จะแต่งงานกับบุรุษที่หมั้นหมายกันเอาไว้ตั้งแต่ลืมตาดูโลก
เดิมเยว่เหลียนก็กังวลใจไม่น้อย เพราะช่วงเวลาที่นางอาศัยอยู่ที่จวนท่านตา คู่หมั้นของนางไม่เคยเดินทางไปเยี่ยมเยียนเลยสักครา แต่งหลังงานแต่งความกังวลที่นางเคยมีก็มลายหายไป สามีของนางดูแลนางเป็นอย่างดี เอาใจใส่และรักใคร่นาง อีกทั้งยังเอ็นดูน้องสาวต่างมารดาของนางมิน้อย
แต่เมื่อเยว่เหลียนตั้งครรภ์ ถึงได้รู้ว่า สามีของตนไม่ได้รักนางเลย เขามีสตรีอื่นในใจมานานแล้ว และหากนางตั้งครรภ์ มารดาของเขา ตงฮูหยินจะยอมให้แต่งสตรีผู้นั้นเข้าเรือน
สตรีผู้นั้นนางไม่ใช่ใครอื่นไกล คือเยว่เม่ย น้องสาวต่างมารดาของนางเอง เยว่เหลียนรู้ว่าความรักนั้นห้ามกันไม่ได้ นางเองที่เป็นฝ่ายมาที่หลัง แท้จริงแล้วตงเนี่ยนเจินแต่งงานกับนางเพราะความจำยอม ไม่อยากขัดใจมารดาของตน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นทำเอาเยว่เหลียนใจแตกสลาย เมื่อเยว่เม่ยแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินรอง
นางกลับเปลี่ยนไป
ร้ายกาจและเต็มไปด้วยเล่ห์เพทุบาย นางทำให้เยว่เหลียนแท้งบุตรในครรภ์ และใส่ร้ายว่าเป็นเยว่เหลียนที่ไม่อยากมีบุตร อยากลงโทษที่สามีแต่งสตรีอื่นเข้าบ้าน
ตงเนี่ยนเจิน โกรธมากจึงสั่งขังเย่วเหลียนที่เรือนเก็บป้ายสุสานประจำตระกูล
เยว่เหลียนถูกขังเอาไว้เพียงลำพัง บ่าวรับใช้ถูกสั่งงดยกสำรับมาจนกว่านางจะสำนึก
สำนึกสิ่งใดกัน
นางอดข้าวมาสามวันแล้ว ส่วนน้ำดื่มนางทำได้เพียงดื่มน้ำจากถังเช็ดพื้นที่สาวใช้ลืมเอาไว้เพื่อประทังชีวิต
และในกลางดึกคืนที่สาม เทียนล้มจนไฟลุกไหม้
ในคืนนั้นชะตาชีวิตของเยว่เหลียนก็เปลี่ยนไปตลอดกาล ที่ผ่านมานางมองผู้คนรอบข้างด้วยความเข้าใจเสมอมา แล้วเหตุใด ตงเนี่ยนเจินและเยว่เม่ยถึงทำร้ายนางได้ถึงเพียงนี้
เปลวเพลิงลุกโซนด้วยความเคียดแค้น ท่ามกลางเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งของสตรี
เยว่เหลียนมอง ชายหนุ่มและหญิงสาวที่ยืนตระกองกอดกันอยู่อีกฝั่งของเปลวเพลิง
“ข้าจะจองเวรพวกเจ้าทุกชาติไป” ต่อให้ต้องตายไปท่ามกลางความเคียดแค้น นางยอม
“เฮอะ! กำลังจะตายยังจะจองเวรผู้อื่น”
ตงเนี่ยนเจินมองสตรีที่ยืนอยู่หลังกองไฟด้วยแววตาเกลียดชัง แม้เขาจะไม่ได้รักนาง แต่เขาก็ดูแลนางดี ยกตำแหน่งฮูหยินเอกให้ บัญชีภายในจวนก็ให้นางถือไว้ ความสุขเดียวคือการที่เขาได้อยู่กับสตรีที่รัก นางกลับจิตใจคับแค้นสังหารบุตรในครรภ์ของตนเอง เพื่อแก้แค้นเขา นางมารเช่นนางไม่ควรมีชีวิตอยู่ในตระกูลตงอีกต่อไป
“แค่เทียนเล่มเดียวเจ้ายังดูแลไม่ได้ ชาตินี้เจ้ายังตายโง่ๆ ชาติหน้าอย่างเจ้าจะทำอะไรพวกข้าได้ ฮ่า ๆ ท่านพี่เรากลับเรือนกันเถอะเจ้าค่ะมองไปก็เสียลูกตา” เยว่เม่ยหันไปฉอเลาะสามี แนบใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางสีสด ถูไถท่อนแขนแกร่งอย่างแสนน่ารัก ชวนให้เขากลับเรือนนอน เกรงว่าหากเอาเข้าจริงเขาอาจเปลี่ยนใจสั่งให้บ่าวรับใช้ดับไฟนั่น แล้วมารความสุขของนางจะยังมีลมหายใจ
เยว่เหลียนมองสองร่างที่ค่อยๆ ห่างไกลออกไปผ่านม่านน้ำตา แม้นางในยามนี้จะแสบร้อนไปทั้งร่างแต่ก็ไม่อาจเทียบความเจ็บปวดภายในหัวใจของนางในขณะนี้ได้เลย
ต่อให้ต้องสังเวยวิญญาณให้ภูตผีปีศาจ ตงเนี่ยนเจิน เยว่เม่ย ข้าจะทำให้พวกเจ้าสำนึกให้ได้
เป็นพวกเจ้าต่างหากที่ต้องสำนึก
“ข้าขอแลก แลกดวงวิญญาณนี้เพื่อให้ได้แก้แค้นพวกมัน!” นางหวีดร้องก่นสาปแช่งท่ามกลางเสียงคานไม้ที่ถล่มลงมา
ดอกบัวขาวดอกนี้ถูกแต้มสีดำเสียแล้ว
เพราะรักนางจึงยอมทุกอย่าง แต่สุดท้ายเขากลับมอบความรักให้สตรีอื่น ในเมื่อเดินมาจนถึงสุดทางแล้วนางก็ไม่คิดจะยื้อไว้อีกต่อไป ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว ส่วนข้าจะเดินจากไปพร้อมกับบุตรในครรภ์
เลือกสามีผิดคิดจนตัวตาย!เป็นเช่นไรรู้ก็เมื่อสายไปเสียแล้ว ลูกต้องตายจาก พ่อแม่พี่ชายพลัดพราก ด้วยหน้าที่ของเขาในฐานะเจ้าเมือง ช่วยชีวิตทุกคนไว้ได้ เว้นแต่นาง เว้นแต่ครอบครัวของนาง
โปรยปราย ผู้คนเกลียดชังข้า แต่กลับมิมีผู้ใดรู้เบื้องหลังว่าแท้จริงแล้วข้าต้องโหดร้ายเช่นนี้เป็นเพราะผู้ใด แทงมีดใส่อกคนรักของข้า สังหารตระกูลข้าจนสิ้นแม้แต่เด็กทารกก็มิเว้น ข้าต้องยืนยิ้มแล้วเอ่ยว่า ไม่เป็นไร ข้าให้อภัย นั่นคงมีเพียงพระโพธิสัตว์เสียแล้วมิใช่ข้าคนนี้ คนที่พวกเจ้าหวาดกลัวยิ่งกว่าภูตผี
นางเกิดมาขาพิการแต่หาได้ไร้ใจไม่ มีเพียงคนผู้นั้นที่ไร้หัวใจยิ่งกว่านาง เขามาหลอกให้นางหลงรักแล้วถอนหมั้นอย่างเลือดเย็น หลังนางตายจากไปแล้วยังใช้ความเห็นอกเห็นใจของพี่ชายนางเพื่อหาประโยชน์เข้าตัว โชคดีสวรรค์ไม่ปล่อยให้คนชั่วลอยนวล กลับมาครานี้ ในเมื่อพวกมันรักกันมากนัก ก็เชิญรักกันไปได้เลย ชายชั่วเช่นนี้คิดจนตัวตายก็ไม่เอามาเป็นสามีเด็ดขาด!
ท่านช่างใจดำยิ่งนัก ท่านกับข้าเปรียบดั่งเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ ข้าเชื่อว่าสักวันท่านจะกลับมาเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับข้า แต่ใยท่านจึงพาสตรีอื่นกลับมา แล้วถอนหมั้นข้าอย่างไร้เยื่อใย
“แหวนไปไหน” “คะ” หญิงสาวรีบหดมือหนีในทันที “พี่ถามว่าแหวนไปไหน” คริษฐ์ยังย้ำคำถามเดิมแล้วจ้องหน้าคู่หมั้นสาวแบบไม่พอใจ “คืออยู่ที่ออฟฟิศมันต้องล้างแก้วกาแฟบ่อย ๆ รุ้งก็เลยถอดเก็บเอาไว้ค่ะกลัวมันจะสึกเสียก่อน” คำตอบของหญิงสาวค่อยทำให้คริษฐ์รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ถ้าถอดออกพี่จะถือว่ารุ้งขอถอนหมั้นพี่นะ” “ก็ไม่ได้ถอนสักหน่อย แค่ถอดเก็บเอาไว้เฉย ๆ” “งั้นก็ใส่เสียสิ เดี๋ยวนี้เลย” คริษฐ์ถลึงตาใส่แกมบังคับ “ใส่ก็ใส่ค่ะ” คนพูดตัดพ้อเล็กน้อย แล้วหันไปหยิบกระเป๋าด้านข้างมาเปิดเพื่อหยิบแหวนหมั้นของตนออกมาสวมใส่ จากนั้นก็หันหลังมือให้เขาดู “พอใจหรือยังคะ” “ดี” “ว่าแต่พี่คริษฐ์มานั่งรอรุ้งทำไมคะ มีธุระสำคัญหรือเปล่า” หญิงสาววกมาหาคำถามแรกที่เธออยากรู้ แต่เขาดันจุดประเด็นเรื่องแหวนขึ้นมาแทรกเสียก่อน “แม่ให้พี่มาหาคู่หมั้นตัวเองบ้าง” ฟังเขาพูดแล้วรุ้งพรายชักเครียดขึ้นมาหน่อย ๆ “ถ้าคุณป้าพิมพ์ไม่บอกพี่คริษฐ์ก็คงไม่มาหารุ้งใช่ไหมคะ” “แล้วทำไมรุ้งถึงไม่ไปหาพี่เองบ้างล่ะ” “ก็รุ้งกลัวพี่คริษฐ์รำคาญ” บทสนทนาสิ้นสุดลงด้วยความเงียบด้วยกันทั้งสองฝ่าย คริษฐ์ถอนหายใจเบา ๆ ส่วนรุ้งพรายก็ก้มหน้าต่ำลง ทำไมถึงได้รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก “พี่ไลน์หาอ่านแล้วทำไมไม่ตอบ” คริษฐ์เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนหลังจากเงียบมาเกือบหนึ่งนาที “พอดีรุ้งมาอ่านตอนดึกแล้วไม่อยากรบกวนพี่คริษฐ์ค่ะ” “ตอบมาสักคำก็ยังดี อย่าทำเหมือนพี่ไม่มีตัวตนนะรุ้ง จำเอาไว้ด้วยว่าพี่เป็นคู่หมั้นของรุ้ง” “มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้นะคะพี่คริษฐ์” “อะไรกันที่ว่าไม่น่าจะเป็นแบบนี้” “รุ้งว่าเราถอนหมั้นกันดีกว่าไหมคะ ดูพี่คริษฐ์อึดอัดกับการหมั้นของเราเหลือเกิน ขนาดจะมาหารุ้งก็ต้องให้คุณป้าพิมพ์บังคับมาเลย” “แม่ไม่ได้บังคับพี่” “ไม่บังคับก็เหมือนบังคับนั่นแหละค่ะ ตั้งแต่ตอนเด็กแล้วพี่ คริษฐ์แทบไม่เคยขัดใจคุณป้าพิมพ์ได้เลย ถ้ามันเหนื่อยและยุ่งยากมากรุ้งขอถอนหมั้นไปเลยก็ได้ค่ะ” รุ้งพรายดึงแหวนออกจากนิ้วนางข้างซ้าย แล้ววางแหมะอยู่ตรงหน้าของเขา คริษฐ์มองแหวนมองคนแล้วอารมณ์ของเขาก็เดือดดาลขึ้น บทจะอยากได้ก็วิ่งตามติดเป็นเงา บทจะสลัดทิ้งก็ง่าย ๆ แบบนี้เหรอรุ้งพราย “ใส่กลับไปเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มแทบจะกัดฟันพูดออกมา “ไม่ค่ะ อ๊ะ! พี่คริษฐ์จะทำอะไรรุ้งไม่ใส่” รุ้งพรายถูกคริษฐ์กระชากมือมาแล้วจัดการสวมแหวนกลับที่เดิม “ใส่แล้วห้ามถอด ห้ามทำให้แม่พี่เสียใจรู้ไหม” “พี่คริษฐ์!” (รักร้ายจอมทระนง)
เพียงข้ามคืนที่หล่อนต้องสูญเสียพรหมจรรย์เพราะเขาเดินเข้าผิดห้อง จากนั้นแล้วชีวิตหล่อนกับเขาก็ผูกพันกันยุ่งเหยิงอิรุงตุงนัง _________________________________________________________ “ไม่มีใครทำให้ผมกังวลที่สุดเท่าไอ้พีท สายตาที่คุณมองมันวันนั้น แล้วการที่มันโทรหาคุณค่ำๆ มืดๆ มันทำให้ผม...” เฟื่องฟ้าไม่อยากฟังคำตัดพ้อที่เด่นชัดทั้งปากทั้งตานั่นอีก เขายังพูดไม่ทันจบเพราะหล่อนขยับเข้าหาและกดริมฝีปากไว้กับปากของเขา... “ถ้าคุณจะให้ความมั่นใจผม คุณก็ไม่ควรหยุดแค่จูบ การปิดปากผมไห้หยุดพูดไม่ได้ทำให้ผมหายกังวลใจหรอกนะ” “ฉันทำอะไรมากกว่านี้ไม่เป็น คุณก็รู้ นี่ครั้งแรก ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน” “ผมจะสอนเอง ผมอยากให้ผมเป็นผู้รับ ผมจะได้รู้ว่าผมไม่ได้ต้องการอยู่ฝ่ายเดียว ถ้าผมทำ มันจะทำให้ผมรู้สึกว่าผมฝืนใจคุณ คุณไม่รู้หรือไงว่าเรื่องนี้มันกระทบจิตใจผมแค่ไหน” “แต่...” “ผมเสียขวัญมากเลยนะ คุณจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หรือไง” หล่อนชักเริ่มจะไม่คิดว่าเขากำลังกังวลใจเรื่องหล่อนกับหมอพีท แต่กำลังเจ้าเล่ห์ให้หล่อนทำอะไรที่หล่อนทำไม่เป็นแถมน่าอายสุดๆ อีกด้วย... อยากปฏิเสธแต่แล้วทำไมเขาต้องทำหน้าจริงจังปนเศร้าแบบนั้นด้วย... เฟื่องฟ้ากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ความรู้สึกซ่านซ่าแปลกๆ กับบางสิ่งที่ดุนดันหน้าท้อง คล้ายมันสั่นระริกเพียงแค่คิดถึงหล่อนก็แก้มแดงเห่อ... “ฉันต้องทำอะไรบ้าง” เสียงพูดและคำถามที่ไม่อยากจะเชื่อว่านั่นคือเสียงหล่อน อาชว์ดูเหมือนอารมณ์ดีขึ้นหากแต่ไม่ยอมยิ้ม เขาตอบหล่อนด้วยสีหน้าจริงจัง “เริ่มจากถอดเสื้อก่อนเป็นไง...” ครางอิดออดนิดเดียวหล่อนก็ยอมทำตามที่เขาบอก มือสั่นเทานิดๆ เมื่อแกะกระดุมเสื้อนอนปาจามาของเขาออกและแก้มเห่อร้อนยามเมื่อแหวกสาบเสื้อออก “ผมหมายถึงถอดเสื้อคุณ” “เอ๊ะ” หญิงสาวทำท่าจะถลึงตาใส่เขา แต่เขาก็ทำหน้านิ่งๆ แล้วก็ต้องถอนหายใจ ไม่รู้ว่าโกรธจริงหรือโกรธเล่นกันแน่ เห็นเขานอนมองหน้าเหมือนรอว่าหล่อนจะทำอะไรหล่อนก็จำต้องถอดผ้าตัวเองมือไม้สั่นไปหมด แกะกระดุมไปพลางเอ็ดตัวเองไปว่าทำไมต้องยอมเขาขนาดนั้นทั้งที่ไม่จำเป็นเลย เพียงแค่เห็นว่าเขาโกรธและเต็มไปด้วยความกังวลใจหล่อนก็ต้องรีบทำให้เขาสบายใจ เขาสำคัญขนาดนั้นกับหล่อนมากหรือไงกัน ถามไปก็ได้คำตอบอยู่ตรงหน้า... เสื้อนอนหล่อนถูกถอดออกด้วยฝีมือตัวเองเพียงเพราะไม่อยากเห็นเขามึนตึงใส่
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากเมา เธอก็ได้รู้จักกับคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง เธอต้องการความช่วยเหลือจากเขา ส่วนเขาหลงเสน่ห์รูปร่างที่ดีและความสวยงามของเธอ พอเวลาผ่านไป เธอก็ตระหนักได้ว่าเขามีคนอยู่ในใจแล้ว เมื่อรักแรกของเขากลับมา เขาก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่ละคืนเหวินม่านอยู่ในห้องว่างเปล่าด้วยคนเดียว แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เธอได้รับมาก็มีแต่เช็คใบหนึ่งและคำกล่าวลาเท่านั้น เดิมทีคิดว่าเธอจะร้องไห้โวยวาย แต่ไม่คาดคิดว่าเธอหยิบใบเช็คแล้วจากไปอย่างไม่ลังเล: "คุณฮั่ว ลาก่อน!"... พอพบกันอีกครั้ง เธอก็มีคนอยู่ข้างกายแล้ว เขาพูดด้วยตาแดงก่ำ: "เหวินม่าน ผมคบกับคุณมาก่อนนะ" เหวินม่านยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "ทนายฮั่ว คนที่บอกเลิก นั่นคือคุณเองนะ! ถ้าอยากจะเดทกับฉัน คุณต้องต่อคิว..." วันถัดมา เธอได้รับเงินโอนหนึ่งแสนล้านพร้อมแหวนเพชร ทนายฮั่วคุกเข่าข้างหนึ่ง: "คุณเหวิน ผมอยากจะแทรกคิว"
เมื่อคุณหนูตัวจริงกลับมา, ฟางถี, คุณหนูปลอมตัวนี้ ถูกตระกูลฟางไล่ออกมาอย่างไม่เหลือเยื่อใย. ทุกคนต่างจับตามองการแสดงของเธอ, ทว่าฟางถีกลับหันไปแต่งงานกับตระกูลอันดับหนึ่ง — ตระกูลหยั่น, กลายเป็นคนที่พวกเขาเพียงแค่ได้แต่เงยหน้ามอง. “ได้ยินมาว่าฟางถีแต่งงานกับตระกูลหยั่นตอนกำลังตั้งครรภ์, คงจะเป็นเพราะเธอไม่อายวางแผนล่อลวงหยั่นสามน้อย, ใช้เด็กเป็นเครื่องมือบีบให้ขึ้นสู่ตำแหน่ง!” “ใครๆ ก็รู้ว่าหยั่นสามน้อยในใจมีแค่ผู้หญิงในฝัน, ถึงแม้จะใช้ลูกหลานเข้าไปในตระกูลหยั่น, เธอก็ต้องอยู่แบบถูกทอดทิ้งไปตลอดชีวิต!” ต่อมา— ในงานเลี้ยง, ทุกคนได้เห็นด้วยตาของตัวเอง, หยั่นสามน้อย, ที่เป็นคนดังในเมืองจิงตู้, ซึ่งมีชื่อเสียงในวงการธุรกิจในด้านความแข็งแกร่ง, ต้องเดินวนรอบตัวภรรยาของเขาทั้งคืน, สวมเสื้อคลุม, ยื่นเครื่องดื่ม, ป้อนผลไม้, นวดเท้าและบ่า... ไม่หยุดหย่อน, เอาใจดูแลอย่างสุดๆ! ทุกคนตกตะลึง, หยั่นสามน้อยที่เย็นชาราวกับคนสูงศักดิ์กลับกลายเป็นคนที่หลงรักภรรยาของเขาจนไม่เหลืออะไร! คนที่เคยซ้ำเติมเธอต่างก็เริ่มหวั่นใจ, ต่างพากันหลบไปในมุมที่มองไม่เห็น, กลัวว่าคุณนายหยั่นจะเห็นและจดจำ.
มีข่าวลือว่า ลูกเลี้ยงของตระกูลเสิ่นทำทุกอย่างเพื่อเข้าวงการแต่งงานกับตระกูลหลิน หลังจากถูกหลินอี้ฟานทิ้ง เธอก็เล็งไปที่หลินเหยียนเซิง แต่ไม่มีใครรู้ว่า ก่อนแต่งงาน เบ่ยหลินถูกหลินเหยียนเซิงวางแผนอย่างไร้ปรานี เมื่อเป็นคุณนายหลินในขณะตั้งครรภ์ เบ่ยหลินเพียงหวังว่าจะได้คลอดลูกอย่างปลอดภัย แม้วันแต่งงานวันแรกหลังจากนั้น จะมีข่าวลือกับรักเก่าของเขาเป็นที่พูดถึงกันทั่วเมือง เธอก็ยังคงเฉยเมย และยังส่งข้อความไปเตือนให้เขาระวังเรื่องปิดม่านครั้งหน้า แต่คืนนั้น เบ่ยหลินก็ถูกเขาดักไว้ที่มุมกำแพง “ภรรยาที่รัก ผมผิดไปแล้ว...” หลังแต่งงาน หลินเหยียนเซิงถึงได้รู้ว่า ที่แท้เมียของเขานั้นยากที่จะเอาอกเอาใจขนาดไหน
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY