โปรยปราย ผู้คนเกลียดชังข้า แต่กลับมิมีผู้ใดรู้เบื้องหลังว่าแท้จริงแล้วข้าต้องโหดร้ายเช่นนี้เป็นเพราะผู้ใด แทงมีดใส่อกคนรักของข้า สังหารตระกูลข้าจนสิ้นแม้แต่เด็กทารกก็มิเว้น ข้าต้องยืนยิ้มแล้วเอ่ยว่า ไม่เป็นไร ข้าให้อภัย นั่นคงมีเพียงพระโพธิสัตว์เสียแล้วมิใช่ข้าคนนี้ คนที่พวกเจ้าหวาดกลัวยิ่งกว่าภูตผี
บทนำ
กรุ่นกลิ่นดอกกุ้ยฮวา โชยมาตามสายลม สมกับสมยานาม "หอมหมื่นลี่" ทั่วทั้งหุบเขาเทียนจื่อเต็มไปด้วยต้นกุ้ยฮวาที่บานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมหวานนุ่มนวลอบอวลไปทุกทิศทาง กลิ่นหอมนี้ลอยล่องราวกับจะนำพาความลับของหุบเขาไปยังที่ไกลโพ้น ทว่า แม้ความงามและความหอมจะดึงดูดใจเพียงใด กลับมิเคยมีผู้ใดย่างกรายขึ้นไปยังยอดเขาเทียนจื่อมาเกือบยี่สิบปีแล้ว
ยอดเขาแห่งนั้นมีเรื่องเล่าลึกลับที่บอกต่อกันมารุ่นต่อรุ่น ว่ามีพลังบางสิ่งซ่อนเร้นอยู่ที่นั่น แม้พรรคมารจะถูกล้มล้างจนสูญสิ้นไปแล้ว แต่วิญญาณของนางมารเมียวชิง หัวหน้าพรรคผู้เคยยิ่งใหญ่ยังคงวนเวียนอยู่ที่ยอดเขามิได้จากไป
ผู้คนต่างเล่าลือกันว่านางถูกกักขังอยู่ที่นั่นโดยพลังที่เกินจะควบคุม หากมีผู้ใดล่วงล้ำ นางจะดึงวิญญาณของผู้บุกรุกไปเป็นเชลย
เช่นเดียวกับวิญญาณที่นางเคยสังหารในช่วงชีวิตอันโหดร้ายของนาง
หลายคนไม่เชื่อคำเล่าลือเหล่านั้น คิดว่าเป็นเพียงเรื่องหลอกเด็กเพื่อมิให้ใครกล้าขึ้นไปยังยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ ทว่าเหตุร้ายลึกลับที่เกิดขึ้นหลายครั้ง ทำให้ความสงสัยของพวกเขาแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวแท้จริง ใครก็ตามที่พยายามขึ้นไปสู่ยอดเขาเทียนจื่อกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมของดอกกุ้ยฮวาที่ลอยฟุ้งไปพร้อมสายลมอ่อน ๆ พร้อมกับเสียงกระซิบที่กล่าวถึงนางมารเมียวชิง และความชั่วร้ายที่นางเคยกระทำไว้ในอดีต
หุบเขาเทียนจื่อจึงเป็นทั้งสถานที่แห่งความงามและความหวาดหวั่น มันดึงดูดสายตาผู้คน แต่ก็ไม่มีใครกล้าพอที่จะก้าวเท้าขึ้นไปสู่ยอดเขา ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องราวเกี่ยวกับวิญญาณนางมารเมียวชิงเป็นความจริง หรือเพียงเรื่องเล่าที่ปิดบังความลับบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่บนยอดเขานั้น
ทว่าไม่มีใครกล้าพอจะขึ้นไปพิสูจน์ความจริงว่าเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับนางมาตลอดทศวรรษนี้เป็นเรื่องจริงหรือเพียงตำนานหลอกมิให้ผู้คนขึ้นไปยังเขาเทียนจื่อกันแน่
ผู้คนเรียกขานข้าว่า “นางมารร้าย“ ข้าผู้นี้มิเคยแก้ต่างเลยสักคำ เพราะตัวข้านี้สามารถฆ่าคนเพียงพลิกฝ่ามือ ความโหดร้ายที่ข้าก่อเอาไว้นั้นเกินกว่าจะลบล้าง ผู้ใดจะดูหมิ่นเหยียดหยาม หรือหวาดกลัวตัวข้าเพียงใด ข้าก็มิใส่ใจ ด้วยข้าเชื่อในพลังของตัวเอง เชื่อว่ากฏเกณฑ์ของใต้หล้านี้มีไว้เพื่อผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้น
ทุกครั้งที่ผู้คนเอ่ยถึงข้า มีแต่ความเกลียดชังและความหวาดผวา ทว่าในสายตาข้า พวกเขาก็เป็นเพียงหมากที่ข้าพลิกเล่นได้ตามใจปรารถนา ข้าผ่านการฆ่า ล้างแค้น และยึดครองมานับมิถ้วน จนคำว่า "ความเมตตา" กลายเป็นสิ่งที่ไร้ค่าไปเสียแล้ว แต่ต้นตอของเรื่องราวทั้งหมดนี้ เกิดจากตัวข้าจริงหรือ?
หรือข้าเพียงเป็นผลลัพธ์ของโลกที่โหดร้าย ที่สั่งสมความเกลียดชังและความอาฆาตไว้ในหัวใจข้า
ครั้งหนึ่งข้าเคยมีหัวใจที่อบอุ่น เคยเชื่อในความยุติธรรมและศรัทธาต่อโลก
ทว่าโลกนี้เองที่บดขยี้ความเชื่อของข้าจนไม่เหลือสิ้น ข้าเคยยอมให้คนที่ข้ารักจากไป
โดยที่ข้าไม่อาจทำสิ่งใดได้ นั่นคือวันที่ข้าตัดสินใจจะเดินเส้นทางนี้ เส้นทางที่ไม่มีวันย้อนกลับไปได้อีก ข้าเลือกที่จะละทิ้งความอ่อนแอ ละทิ้งความเมตตา และกลายเป็น "นางมาร" ที่ผู้คนสาปแช่ง
แต่หากย้อนกลับไปได้ ข้าก็คงยังคงเลือกเส้นทางเดิมอยู่ดี แม้เส้นทางนี้จะนำไปสู่จุดจบที่ทุกชีวิตต้องล้มตาย ข้าไม่มีทางถอยกลับไปได้ เพราะทุกสิ่งที่ข้าทำ...ข้ายอมเพื่อเขาคนนั้น ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นแสงสว่างในชีวิตข้า แม้เวลาผ่านไป ความเจ็บปวดและความรักที่มีต่อเขายังคงอยู่
หากสิ่งเดียวที่ข้าทำได้เพื่อเขาคือการเผชิญหน้ากับชะตากรรมนี้ ข้าก็จะเดินไปจนถึงที่สุด...ไม่ว่าผลจะเป็นเช่นไร
เพื่อเขา ข้ายอมเสียทุกสิ่ง แม้กระทั่งจิตวิญญาณของข้าเองผู้คนเกลียดชังข้า แต่กลับมิมีผู้ใดรู้เบื้องหลังว่าแท้จริงแล้วข้าต้องโหดร้ายเช่นนี้เป็นเพราะผู้ใด แทงมีดใส่อกคนรักของข้า สังหารตระกูลข้าจนสิ้นแม้แต่เด็กทารกก็มิเว้น ข้าต้องยืนยิ้มแล้วเอ่ยว่า ไม่เป็นไร ข้าให้อภัย นั่นคงมีเพียงพระโพธิสัตว์เสียแล้วมิใช่ข้าคนนี้ คนที่พวกเจ้าหวาดกลัวยิ่งกว่าภูตผี
เลือกสามีผิดคิดจนตัวตาย!เป็นเช่นไรรู้ก็เมื่อสายไปเสียแล้ว ลูกต้องตายจาก พ่อแม่พี่ชายพลัดพราก ด้วยหน้าที่ของเขาในฐานะเจ้าเมือง ช่วยชีวิตทุกคนไว้ได้ เว้นแต่นาง เว้นแต่ครอบครัวของนาง
นางเคยเป็นดั่งดอกบัวขาว บริสุทธิ์ผุดผ่องมองแล้วสบายตา แต่เขาและน้องสาวต่างมารดาของนางกลับมาแต้มหมึกดำลงบนบัวขาวดอกนี้
นางเกิดมาขาพิการแต่หาได้ไร้ใจไม่ มีเพียงคนผู้นั้นที่ไร้หัวใจยิ่งกว่านาง เขามาหลอกให้นางหลงรักแล้วถอนหมั้นอย่างเลือดเย็น หลังนางตายจากไปแล้วยังใช้ความเห็นอกเห็นใจของพี่ชายนางเพื่อหาประโยชน์เข้าตัว โชคดีสวรรค์ไม่ปล่อยให้คนชั่วลอยนวล กลับมาครานี้ ในเมื่อพวกมันรักกันมากนัก ก็เชิญรักกันไปได้เลย ชายชั่วเช่นนี้คิดจนตัวตายก็ไม่เอามาเป็นสามีเด็ดขาด!
ท่านช่างใจดำยิ่งนัก ท่านกับข้าเปรียบดั่งเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ ข้าเชื่อว่าสักวันท่านจะกลับมาเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับข้า แต่ใยท่านจึงพาสตรีอื่นกลับมา แล้วถอนหมั้นข้าอย่างไร้เยื่อใย
เพราะรักนางจึงยอมทุกอย่าง แต่สุดท้ายเขากลับมอบความรักให้สตรีอื่น ในเมื่อเดินมาจนถึงสุดทางแล้วนางก็ไม่คิดจะยื้อไว้อีกต่อไป ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว ส่วนข้าจะเดินจากไปพร้อมกับบุตรในครรภ์
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"