บิดาถูกสังหาร ตระกูลถูกใส่ร้าย มีเพียง 'นาง' ที่รอดชีวิต เพื่อตามหาหลักฐานเปิดโปงคนร้าย นางจึงต้องปิดบังสถานะเข้าใกล้ 'เขา' ทว่า ‘เขา’ ผู้เป็นความหวังเดียวของนางกลับถูกลอบทำร้ายจนสูญเสียความทรงจำไป
“หมิงเอ๋อร์ฟื้นแล้วงั้นหรือ”
บุรุษที่นอนสลบสไหลไม่ได้สติมาเป็นเวลานาน ลืมตาขึ้นช้าๆ ร่ายกายเคลื่อนไหวได้ยากคล้ายกับไม่ค่อยจะเชื่อฟังคำสั่ง เขาพยายามลุกขึ้นนั่งด้วยตนเองอย่างยากลำบาก สตรีวัยกลางคนรีบถลาเข้าไปด้านข้างคอยช่วยประคองให้เขาเอนกายพิงลงกับหัวเตียงด้วยความห่วงใย
“ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นขึ้นมาเสียที รู้สึกอย่างไรบ้าง ยังเจ็บปวดตรงไหนหรือไม่”
องค์หญิงใหญ่จางอี้หนิงเอ่ยถามด้วยความกังวล ใบหน้าของนางซีดเซียวเนื่องจากความเครียดสะสม หลังบุตรชายเพียงคนเดียวถูกลอบทำร้ายกลับมาจากชายแดนใต้ แม้ฝ่าบาทจะส่งหมอหลวงที่เก่งที่สุดในวังมารักษา แต่ก็ไม่สามารถทำให้บุตรชายของนางฟื้นขึ้นมาได้
“ท่านแม่” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยออกมาแผ่วเบา
เห็นมารดาน้ำตาคลอ สองมือเกาะกุมมือตนเองไว้ด้วยความห่วงใย
“เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ เหตุใดข้าจึงได้รู้สึกปวดศีรษะเช่นนี้”
“เจ้าได้รับมอบหมายจากฝ่าบาทให้ไปสืบคดีลับที่เมืองเว่ยหยาง แต่ถูกคนลอบทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ศีรษะของเจ้าได้รับความกระทบกระเทือนจนสลบไม่ได้สตินานกว่าครึ่งเดือน”
คำกล่าวของมารดาทำให้เว่ยชิงโหวชะงักไป ก่อนจะยกมือกุมศีรษะตนเองด้วยความสับสน เมื่อสัมผัสกับผ้าที่พันอยู่โดยรอบยิ่งทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมากกว่าเดิม
“สืบคดีลับอันใด ลอบทำร้ายอันใด ทำไมข้าถึงจดจำเรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้เลย”
คำกล่าวของถังหมิงทำให้องค์หญิงใหญ่หันไปสบตากับแม่นมซูบ่าวคนสนิทด้วยความงุนงง
“หมิงเอ๋อร์ เจ้าจำเรื่องคดีทุจริตส่วยบรรณาการทางใต้ไม่ได้หรือ”
“ข้าจำได้แค่ว่าข้าปฏิเสธการหมั้นหมายกับคังจื่อผิงไป ส่วนเรื่องสืบคดีที่ท่านแม่กล่าวมานั้น...” คิ้วดาบขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด
ดวงตาคมมองหาคนข้างกายอย่างต้องการคำอธิบาย ทว่านอกจากมารดาและแม่นมซูบ่าวคนสนิทข้างกายมารดาก็ไม่มีใครอยู่ในห้องอีก
“เฉิงกวงเล่า?”
“อยู่ในคุก”
“เหตุใดเขาจึงต้องไปอยู่ที่นั่น”
องค์หญิงใหญ่ถอนหายใจ ก่อนจะอธิบายอย่างอ่อนล้า “เป็นเพราะเฉิงกวงดูแลเจ้าไม่ดี ปล่อยให้เจ้าหายตัวไปขณะทำภารกิจที่เสี่ยงอันตราย ทำให้เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส หากมิใช่สุดท้ายยังพาเจ้ากลับเมืองหลวงมาได้สำเร็จ แม่คงสั่งประหารชีวิตเขาไปแล้ว”
“ท่านแม่ ท่านเรียกเฉิงกวงกลับมาก่อนได้หรือไม่ ลูกต้องการสอบถามเขาด้วยตนเอง”
เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของบุตรชาย จางอี้หนิงจึงสั่งให้บ่าวที่ยืนเฝ้าหน้าประตูรีบไปตามคนมา ไม่นานองครักษ์คนสนิทก็มานั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าสำนึกผิด
“ท่านโหว ข้า ข้า…ผิดไปแล้ว เป็นเพราะข้าไม่ได้ความจึงไม่สามารถปกป้องท่านโหวให้ปลอดภัย เฉิงกวงยินดีชดใช้ความผิดด้วยชีวิต”
ร่างกำยำโขกศีรษะลงกับพื้นเสียงดัง เมื่อเงยหน้าขึ้นมาบนหน้าผากก็ปรากฏเป็นรอยแดงช้ำ
“เหลวไหล ชดใช้ด้วยชีวิตอันใด เจ้าเลิกทำเหมือนข้าใกล้จะสิ้นลมหายใจแล้วลุกขึ้นเสียที” ถังหมิงตวาดเบาๆ ไม่อาจทนดูบุรุษตัวโตร้องไห้ฟูมฟายหลั่งน้ำตาให้กับตนเอง
“ท่านโหวไม่ตำหนิข้าหรือขอรับ” เฉิงกวงปาดน้ำตาลวกๆ ลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจ
“ในเมื่อท่านโหวไม่เอาผิดเช่นนั้นเจ้าก็กลับมาดูแลอยู่ข้างกายลูกข้าเช่นเดิมก็แล้วกัน เจ้าจะต้องดูแลเขาให้ดี อย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นครั้งนี้ขึ้นอีกเป็นอันขาด” จางอี้หนิงออกคำสั่ง
“ขอบพระทัยองค์หญิงใหญ่ที่ทรงเมตตา ข้าน้อยจะปกป้องท่านโหวด้วยชีวิต” เฉิงกวงยิ้มร่า
“หลังจากที่ข้าปฏิเสธการหมั้นหมายกับคังจื่อผิง เกิดอะไรขึ้นบ้างกันแน่” ถังหมิงไม่รีรอรีบเอ่ยถามเรื่องราวจากเฉิงกวง
“ท่านโหว เรื่องที่ท่านปฏิเสธการหมั้นกับคุณหนูคังผ่านมานานสามเดือนแล้วนะขอรับ” เฉิงกวงเอ่ยตอบด้วยความงุนงงสงสัย
“สามเดือน เป็นไปได้อย่างไร ข้าจำได้ว่า...” ถังหมิงทำท่านึกอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“การไปสืบคดีที่ชายแดนใต้ในครั้งนี้ดูเหมือนจะเกิดเรื่องขึ้นไม่น้อย ทางที่ดีควรหมอหลวงมาดูตรวจอาการอีกรอบ” จางอี้หนิงเอ่ยอย่างร้อนใจ ก่อนจะสั่งให้บ่าวรับใช้ไปตามหมอหลวงมาดูอาการให้กับบุตรชาย
ไม่นานหมอหลวงที่ฝ่าบาทสั่งให้มาประจำการอยู่ในจวนโหวก็รีบเข้ามาตรวจดูอาการบาดเจ็บของถังหมิงอีกหน
“เป็นอย่างไรบ้าง?” จางอี้หนิงรีบสอบถามท่านหมอ
“เรียนองค์หญิงใหญ่ แม้บาดแผลบนร่างกายจะหายดีทั้งหมดแล้ว ทว่าท่านโหวได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงบริเวณศีรษะ ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ความทรงจำบางส่วนเลือนหายไป ไม่สามารถจดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ขอรับ” หมอหลวงรีบเอ่ยรายงาน
“เช่นนั้นความทรงจำที่หายไปนี้จะกลับคืนมาได้หรือไม่” เว่ยชิงโหวเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ในเมื่อลืมได้ก็สามารถจดจำได้เช่นกันขอรับ เพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย ข้าจะเขียนเทียบยาบำรุงประสาทเพื่อช่วยให้ท่านโหวฟื้นความทรงจำกลับคืนมาโดยเร็ว” หมอหลวงกล่าวก่อนจะขอตัวจากไป
“ในเมื่อเจ้าสูญเสียความทรงจำไปเช่นนี้ ก็ควรหยุดพักรักษาตัวและระงับการสืบคดีไปก่อน แม่จะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทแทนเจ้า ระหว่างนี้เจ้าก็พักรักษาตัวให้หายดี อย่าได้ไปไหนเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่” จางอี้หนิงออกคำสั่ง
“ลูกเชื่อฟังท่านแม่”
เมื่อมารดาจากไปแล้ว เว่ยชิงโหวจึงสั่งให้เฉิงกวงอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ตนเองฟังอีกหน
เมื่อสามเดือนก่อนหลังจากปฏิเสธการหมั้นหมายกับบุตรีของเสนาบดีคัง คังจื่อผิง ถังหมิงก็ขอพระราชทานอนุญาตจากฝ่าบาทเพื่อไปสืบคดีที่เมืองเว่ยหนานเป็นการลับ
เว่ยหนานเป็นเมืองใหญ่ มีเขตชายแดนติดกับทะเล มีเส้นทางขนส่งหลักเป็นเส้นทางน้ำ ดูแลควบคุมโดยเจ้าเมืองซุน นามซุนเถียน ขุนนางตระกูลเก่าแก่ที่ปกครองพื้นที่มาอย่างช้านาน
นอกจากเมืองเว่ยหนาน เจ้าเมืองซุนยังดูแลการขนส่งสินค้าทางน้ำตลอดพื้นที่ที่อยู่ใกล้เคียงทั้งหมด รวมถึงส่วยบรรณาการที่เมืองทางใต้ต้องส่งเข้ามายังเมืองหลวง
ทว่าหลายปีให้หลังพื้นที่ทางใต้หลายเมืองประสบกับอุทกภัย เกิดพายุรุนแรงฝนตกหนักติดต่อกันนานหลายเดือน ชาวบ้านเดือนร้อน ต้องลี้ภัย ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ พื้นที่ชายฝั่งทะเลก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
หลังจากพายุพัดผ่านไป หลายเมืองเสียหายจนไม่อาจฟื้นฟู ประชาชนอดอยาก เจ็บป่วยล้มตายไปหลายหมื่นคน เจ้าเมืองซุนทำได้เพียงส่งฎีกาขอความช่วยเหลือมายังเมืองหลวง
หลังทราบเรื่องฝ่าบาทจึงรีบสั่งการให้ส่งเงินบรรเทาทุกข์ไปยังเมืองเว่ยหยานในทันที พร้อมกับมีรับสั่งให้ก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำเพิ่มที่เมืองจิ่งเหอเมืองหน้าด่านเขตชายแดนใต้ป้องกันอุทกภัยในปีถัดๆ มา
ทว่าการดำเนินการก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำนี้กลับมีความล่าช้า ชาวบ้านยังคงได้รับความเดือนร้อนไม่สามารถแก้ไข คนบางกลุ่มจงใจปกปิดเรื่องราวไว้จนเกิดการประท้วงและลุกฮือของกบฏในหลายพื้นที่
หากมิใช่เพราะมีการตรวจสอบความผิดปกติของส่วนบรรณาการที่ถูกส่งมายังเมืองหลวง ฝ่าบาทก็คงไม่อาจรับทราบว่ามีขุมอำนาจหนึ่งกระทำการยักยอกเงินบรรเทาทุกข์และทุจริตส่วยบรรณาการทางใต้
ดังนั้นฝ่าบาทจึงมีรับสั่งให้เว่ยชิงโหวลงไปสืบสวนเป็นการลับ เมื่อไปถึงเมืองจิ่งเหอสถานที่สร้างเขื่อนกั้นน้ำ ถังหมิงก็พบกับความผิดปกติมากมาย ยิ่งตามสืบไปเรื่อยๆ ก็พบว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวพันหลายฝ่าย ถือเป็นเรื่องใหญ่และร้ายแรงเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงได้เดินทางต่อไปยังเมืองเว่ยหยานเพื่อสืบหาตัวการสำคัญ
ไม่คาดว่าระหว่างทางกลับเจอการลอบสังหารครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งไปถึงเมืองเว่ยหนาน เกิดการต่อสู้ขึ้นที่จวนเจ้าเมืองซุนเถียน เฉินกวงพลัดหลงกับเว่ยชิงโหวในระหว่างหลบหนี หลังจากนั้นก็ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น
ผ่านไปหลายวันเฉิงกวงจึงสามารถตามหาถังหมิงจนพบ ทว่าตอนที่พบเจอนั้นถังหมิงก็ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสแล้ว...
‘ลู่ซิงเหยียน’ ไม่คิดเลยว่าการอาสาช่วยโจรผู้หนึ่งหลบหนีออกจากจวนเจ้าเมืองเพื่อแลกกับชีวิตของตนเองนั้น จะทำให้โชคชะตาของนางผูกติดกับ ‘เขา’อย่างไม่มีวันแยกจาก ********************* ลู่ซิงเหยียนทำงานอยู่ภายในจวนเจ้าเมืองหลิวลี่ซือในฐานะสาวใช้ เพื่อสืบหาคนร้ายที่ทำให้ตระกูลลู่ของนางถูกประหารทั้งตระกูล ทว่าวันหนึ่งมีชายชุดดำบุกเข้ามาขโมยของในจวนเจ้าเมือง เพื่อแลกกับชีวิตของตนเอง ลู่ซิงเหยียนจึงอาสาช่วยเหลือโจรผู้นี้หลบหนี นางเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือเขา นอกจากจะไม่ได้รับคำขอบคุณ เขากลับตามตอแย วนเวียนอยู่รอบกายนางเพื่อตอบแทนบุญคุณ แต่ไม่รู้เป็นเพราะซาบซึ้งใจหรือชิงชังที่นางบังคับให้เขาหลบซ่อนอยู่ในถังอาจมกันแน่!!! ************************** “หมายความว่าอย่างไร” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม ดวงตาเขียวปัด ฟังจากโทนเสียงคล้ายกับเป็นเสียงคำรามในลำคอเสียมากกว่า ส่วนเจ้าของคำถามบัดนี้จับจ้องสตรีตรงหน้าด้วยความโกรธจัดจนแทบอยากจะกระโจนเข้ามาบีบคอ “ปัดโธ่ ท่านมีทางเลือกมากนักหรือ นี่เป็นวิธีเดียวที่ข้าคิดได้แล้ว หากอยากหนีออกไปโดยไม่ถูกจับได้ก็มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น” แม้ปากจะกล่าวไปเช่นนั้น แต่ใบหน้ากลับหดเล็กยิ่งกว่าฝ่ามือ ลู่ซิงเหยียนเหลือบมองร่างสูงสลับกับถังไม้ขนาดใหญ่บนรถเข็นที่เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลเน่าเหม็น ยามนี้เมื่อเปิดฝาที่ปิดอยู่ออกก็ยิ่งส่งกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนจนรู้สึกคลื่นเหียนท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด นางเห็นร่างสูงยืนแข็งค้างอยู่ในเงามืดหลังพุ่มไม้หนาทึบ มือข้างที่จับมีดกำแน่นขึ้นกว่าเดิมจนน่าหวาดหวั่น ท่าทางโกรธจัดของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิต คาดว่าภายในใจตอนนี้คงอยากปาดคอนางแล้วจับหมกลงไปในถังอาจมเป็นแน่ "ข้าจะฆ่าเจ้าซะ” เขาเอ่ยเสียงลอดไรฟัน ************************************** สวัสดีค่ะ ไรท์กลับมาแล้ววววว เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องยาวนะคะ แนวโรแมนติกดราม่านิดๆ + เกมการเมืองหน่อยๆ ไม่ทะลุมิติ ไม่ย้อนเวลาค่ะ ไม่อิงประวัติศาสตร์และยุคสมัยใดๆ นะคะ ตัวละครและสถานที่เกิดขึ้นจากจินตนาการทั้งหมดของไรท์ค่ะ
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที