บิดาถูกสังหาร ตระกูลถูกใส่ร้าย มีเพียง 'นาง' ที่รอดชีวิต เพื่อตามหาหลักฐานเปิดโปงคนร้าย นางจึงต้องปิดบังสถานะเข้าใกล้ 'เขา' ทว่า ‘เขา’ ผู้เป็นความหวังเดียวของนางกลับถูกลอบทำร้ายจนสูญเสียความทรงจำไป
บิดาถูกสังหาร ตระกูลถูกใส่ร้าย มีเพียง 'นาง' ที่รอดชีวิต เพื่อตามหาหลักฐานเปิดโปงคนร้าย นางจึงต้องปิดบังสถานะเข้าใกล้ 'เขา' ทว่า ‘เขา’ ผู้เป็นความหวังเดียวของนางกลับถูกลอบทำร้ายจนสูญเสียความทรงจำไป
“หมิงเอ๋อร์ฟื้นแล้วงั้นหรือ”
บุรุษที่นอนสลบสไหลไม่ได้สติมาเป็นเวลานาน ลืมตาขึ้นช้าๆ ร่ายกายเคลื่อนไหวได้ยากคล้ายกับไม่ค่อยจะเชื่อฟังคำสั่ง เขาพยายามลุกขึ้นนั่งด้วยตนเองอย่างยากลำบาก สตรีวัยกลางคนรีบถลาเข้าไปด้านข้างคอยช่วยประคองให้เขาเอนกายพิงลงกับหัวเตียงด้วยความห่วงใย
“ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นขึ้นมาเสียที รู้สึกอย่างไรบ้าง ยังเจ็บปวดตรงไหนหรือไม่”
องค์หญิงใหญ่จางอี้หนิงเอ่ยถามด้วยความกังวล ใบหน้าของนางซีดเซียวเนื่องจากความเครียดสะสม หลังบุตรชายเพียงคนเดียวถูกลอบทำร้ายกลับมาจากชายแดนใต้ แม้ฝ่าบาทจะส่งหมอหลวงที่เก่งที่สุดในวังมารักษา แต่ก็ไม่สามารถทำให้บุตรชายของนางฟื้นขึ้นมาได้
“ท่านแม่” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยออกมาแผ่วเบา
เห็นมารดาน้ำตาคลอ สองมือเกาะกุมมือตนเองไว้ด้วยความห่วงใย
“เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ เหตุใดข้าจึงได้รู้สึกปวดศีรษะเช่นนี้”
“เจ้าได้รับมอบหมายจากฝ่าบาทให้ไปสืบคดีลับที่เมืองเว่ยหยาง แต่ถูกคนลอบทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ศีรษะของเจ้าได้รับความกระทบกระเทือนจนสลบไม่ได้สตินานกว่าครึ่งเดือน”
คำกล่าวของมารดาทำให้เว่ยชิงโหวชะงักไป ก่อนจะยกมือกุมศีรษะตนเองด้วยความสับสน เมื่อสัมผัสกับผ้าที่พันอยู่โดยรอบยิ่งทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมากกว่าเดิม
“สืบคดีลับอันใด ลอบทำร้ายอันใด ทำไมข้าถึงจดจำเรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้เลย”
คำกล่าวของถังหมิงทำให้องค์หญิงใหญ่หันไปสบตากับแม่นมซูบ่าวคนสนิทด้วยความงุนงง
“หมิงเอ๋อร์ เจ้าจำเรื่องคดีทุจริตส่วยบรรณาการทางใต้ไม่ได้หรือ”
“ข้าจำได้แค่ว่าข้าปฏิเสธการหมั้นหมายกับคังจื่อผิงไป ส่วนเรื่องสืบคดีที่ท่านแม่กล่าวมานั้น...” คิ้วดาบขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด
ดวงตาคมมองหาคนข้างกายอย่างต้องการคำอธิบาย ทว่านอกจากมารดาและแม่นมซูบ่าวคนสนิทข้างกายมารดาก็ไม่มีใครอยู่ในห้องอีก
“เฉิงกวงเล่า?”
“อยู่ในคุก”
“เหตุใดเขาจึงต้องไปอยู่ที่นั่น”
องค์หญิงใหญ่ถอนหายใจ ก่อนจะอธิบายอย่างอ่อนล้า “เป็นเพราะเฉิงกวงดูแลเจ้าไม่ดี ปล่อยให้เจ้าหายตัวไปขณะทำภารกิจที่เสี่ยงอันตราย ทำให้เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส หากมิใช่สุดท้ายยังพาเจ้ากลับเมืองหลวงมาได้สำเร็จ แม่คงสั่งประหารชีวิตเขาไปแล้ว”
“ท่านแม่ ท่านเรียกเฉิงกวงกลับมาก่อนได้หรือไม่ ลูกต้องการสอบถามเขาด้วยตนเอง”
เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของบุตรชาย จางอี้หนิงจึงสั่งให้บ่าวที่ยืนเฝ้าหน้าประตูรีบไปตามคนมา ไม่นานองครักษ์คนสนิทก็มานั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าสำนึกผิด
“ท่านโหว ข้า ข้า…ผิดไปแล้ว เป็นเพราะข้าไม่ได้ความจึงไม่สามารถปกป้องท่านโหวให้ปลอดภัย เฉิงกวงยินดีชดใช้ความผิดด้วยชีวิต”
ร่างกำยำโขกศีรษะลงกับพื้นเสียงดัง เมื่อเงยหน้าขึ้นมาบนหน้าผากก็ปรากฏเป็นรอยแดงช้ำ
“เหลวไหล ชดใช้ด้วยชีวิตอันใด เจ้าเลิกทำเหมือนข้าใกล้จะสิ้นลมหายใจแล้วลุกขึ้นเสียที” ถังหมิงตวาดเบาๆ ไม่อาจทนดูบุรุษตัวโตร้องไห้ฟูมฟายหลั่งน้ำตาให้กับตนเอง
“ท่านโหวไม่ตำหนิข้าหรือขอรับ” เฉิงกวงปาดน้ำตาลวกๆ ลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจ
“ในเมื่อท่านโหวไม่เอาผิดเช่นนั้นเจ้าก็กลับมาดูแลอยู่ข้างกายลูกข้าเช่นเดิมก็แล้วกัน เจ้าจะต้องดูแลเขาให้ดี อย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นครั้งนี้ขึ้นอีกเป็นอันขาด” จางอี้หนิงออกคำสั่ง
“ขอบพระทัยองค์หญิงใหญ่ที่ทรงเมตตา ข้าน้อยจะปกป้องท่านโหวด้วยชีวิต” เฉิงกวงยิ้มร่า
“หลังจากที่ข้าปฏิเสธการหมั้นหมายกับคังจื่อผิง เกิดอะไรขึ้นบ้างกันแน่” ถังหมิงไม่รีรอรีบเอ่ยถามเรื่องราวจากเฉิงกวง
“ท่านโหว เรื่องที่ท่านปฏิเสธการหมั้นกับคุณหนูคังผ่านมานานสามเดือนแล้วนะขอรับ” เฉิงกวงเอ่ยตอบด้วยความงุนงงสงสัย
“สามเดือน เป็นไปได้อย่างไร ข้าจำได้ว่า...” ถังหมิงทำท่านึกอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“การไปสืบคดีที่ชายแดนใต้ในครั้งนี้ดูเหมือนจะเกิดเรื่องขึ้นไม่น้อย ทางที่ดีควรหมอหลวงมาดูตรวจอาการอีกรอบ” จางอี้หนิงเอ่ยอย่างร้อนใจ ก่อนจะสั่งให้บ่าวรับใช้ไปตามหมอหลวงมาดูอาการให้กับบุตรชาย
ไม่นานหมอหลวงที่ฝ่าบาทสั่งให้มาประจำการอยู่ในจวนโหวก็รีบเข้ามาตรวจดูอาการบาดเจ็บของถังหมิงอีกหน
“เป็นอย่างไรบ้าง?” จางอี้หนิงรีบสอบถามท่านหมอ
“เรียนองค์หญิงใหญ่ แม้บาดแผลบนร่างกายจะหายดีทั้งหมดแล้ว ทว่าท่านโหวได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงบริเวณศีรษะ ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ความทรงจำบางส่วนเลือนหายไป ไม่สามารถจดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ขอรับ” หมอหลวงรีบเอ่ยรายงาน
“เช่นนั้นความทรงจำที่หายไปนี้จะกลับคืนมาได้หรือไม่” เว่ยชิงโหวเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ในเมื่อลืมได้ก็สามารถจดจำได้เช่นกันขอรับ เพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย ข้าจะเขียนเทียบยาบำรุงประสาทเพื่อช่วยให้ท่านโหวฟื้นความทรงจำกลับคืนมาโดยเร็ว” หมอหลวงกล่าวก่อนจะขอตัวจากไป
“ในเมื่อเจ้าสูญเสียความทรงจำไปเช่นนี้ ก็ควรหยุดพักรักษาตัวและระงับการสืบคดีไปก่อน แม่จะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทแทนเจ้า ระหว่างนี้เจ้าก็พักรักษาตัวให้หายดี อย่าได้ไปไหนเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่” จางอี้หนิงออกคำสั่ง
“ลูกเชื่อฟังท่านแม่”
เมื่อมารดาจากไปแล้ว เว่ยชิงโหวจึงสั่งให้เฉิงกวงอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ตนเองฟังอีกหน
เมื่อสามเดือนก่อนหลังจากปฏิเสธการหมั้นหมายกับบุตรีของเสนาบดีคัง คังจื่อผิง ถังหมิงก็ขอพระราชทานอนุญาตจากฝ่าบาทเพื่อไปสืบคดีที่เมืองเว่ยหนานเป็นการลับ
เว่ยหนานเป็นเมืองใหญ่ มีเขตชายแดนติดกับทะเล มีเส้นทางขนส่งหลักเป็นเส้นทางน้ำ ดูแลควบคุมโดยเจ้าเมืองซุน นามซุนเถียน ขุนนางตระกูลเก่าแก่ที่ปกครองพื้นที่มาอย่างช้านาน
นอกจากเมืองเว่ยหนาน เจ้าเมืองซุนยังดูแลการขนส่งสินค้าทางน้ำตลอดพื้นที่ที่อยู่ใกล้เคียงทั้งหมด รวมถึงส่วยบรรณาการที่เมืองทางใต้ต้องส่งเข้ามายังเมืองหลวง
ทว่าหลายปีให้หลังพื้นที่ทางใต้หลายเมืองประสบกับอุทกภัย เกิดพายุรุนแรงฝนตกหนักติดต่อกันนานหลายเดือน ชาวบ้านเดือนร้อน ต้องลี้ภัย ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ พื้นที่ชายฝั่งทะเลก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
หลังจากพายุพัดผ่านไป หลายเมืองเสียหายจนไม่อาจฟื้นฟู ประชาชนอดอยาก เจ็บป่วยล้มตายไปหลายหมื่นคน เจ้าเมืองซุนทำได้เพียงส่งฎีกาขอความช่วยเหลือมายังเมืองหลวง
หลังทราบเรื่องฝ่าบาทจึงรีบสั่งการให้ส่งเงินบรรเทาทุกข์ไปยังเมืองเว่ยหยานในทันที พร้อมกับมีรับสั่งให้ก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำเพิ่มที่เมืองจิ่งเหอเมืองหน้าด่านเขตชายแดนใต้ป้องกันอุทกภัยในปีถัดๆ มา
ทว่าการดำเนินการก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำนี้กลับมีความล่าช้า ชาวบ้านยังคงได้รับความเดือนร้อนไม่สามารถแก้ไข คนบางกลุ่มจงใจปกปิดเรื่องราวไว้จนเกิดการประท้วงและลุกฮือของกบฏในหลายพื้นที่
หากมิใช่เพราะมีการตรวจสอบความผิดปกติของส่วนบรรณาการที่ถูกส่งมายังเมืองหลวง ฝ่าบาทก็คงไม่อาจรับทราบว่ามีขุมอำนาจหนึ่งกระทำการยักยอกเงินบรรเทาทุกข์และทุจริตส่วยบรรณาการทางใต้
ดังนั้นฝ่าบาทจึงมีรับสั่งให้เว่ยชิงโหวลงไปสืบสวนเป็นการลับ เมื่อไปถึงเมืองจิ่งเหอสถานที่สร้างเขื่อนกั้นน้ำ ถังหมิงก็พบกับความผิดปกติมากมาย ยิ่งตามสืบไปเรื่อยๆ ก็พบว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวพันหลายฝ่าย ถือเป็นเรื่องใหญ่และร้ายแรงเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงได้เดินทางต่อไปยังเมืองเว่ยหยานเพื่อสืบหาตัวการสำคัญ
ไม่คาดว่าระหว่างทางกลับเจอการลอบสังหารครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งไปถึงเมืองเว่ยหนาน เกิดการต่อสู้ขึ้นที่จวนเจ้าเมืองซุนเถียน เฉินกวงพลัดหลงกับเว่ยชิงโหวในระหว่างหลบหนี หลังจากนั้นก็ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น
ผ่านไปหลายวันเฉิงกวงจึงสามารถตามหาถังหมิงจนพบ ทว่าตอนที่พบเจอนั้นถังหมิงก็ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสแล้ว...
‘ลู่ซิงเหยียน’ ไม่คิดเลยว่าการอาสาช่วยโจรผู้หนึ่งหลบหนีออกจากจวนเจ้าเมืองเพื่อแลกกับชีวิตของตนเองนั้น จะทำให้โชคชะตาของนางผูกติดกับ ‘เขา’อย่างไม่มีวันแยกจาก ********************* ลู่ซิงเหยียนทำงานอยู่ภายในจวนเจ้าเมืองหลิวลี่ซือในฐานะสาวใช้ เพื่อสืบหาคนร้ายที่ทำให้ตระกูลลู่ของนางถูกประหารทั้งตระกูล ทว่าวันหนึ่งมีชายชุดดำบุกเข้ามาขโมยของในจวนเจ้าเมือง เพื่อแลกกับชีวิตของตนเอง ลู่ซิงเหยียนจึงอาสาช่วยเหลือโจรผู้นี้หลบหนี นางเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือเขา นอกจากจะไม่ได้รับคำขอบคุณ เขากลับตามตอแย วนเวียนอยู่รอบกายนางเพื่อตอบแทนบุญคุณ แต่ไม่รู้เป็นเพราะซาบซึ้งใจหรือชิงชังที่นางบังคับให้เขาหลบซ่อนอยู่ในถังอาจมกันแน่!!! ************************** “หมายความว่าอย่างไร” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม ดวงตาเขียวปัด ฟังจากโทนเสียงคล้ายกับเป็นเสียงคำรามในลำคอเสียมากกว่า ส่วนเจ้าของคำถามบัดนี้จับจ้องสตรีตรงหน้าด้วยความโกรธจัดจนแทบอยากจะกระโจนเข้ามาบีบคอ “ปัดโธ่ ท่านมีทางเลือกมากนักหรือ นี่เป็นวิธีเดียวที่ข้าคิดได้แล้ว หากอยากหนีออกไปโดยไม่ถูกจับได้ก็มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น” แม้ปากจะกล่าวไปเช่นนั้น แต่ใบหน้ากลับหดเล็กยิ่งกว่าฝ่ามือ ลู่ซิงเหยียนเหลือบมองร่างสูงสลับกับถังไม้ขนาดใหญ่บนรถเข็นที่เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลเน่าเหม็น ยามนี้เมื่อเปิดฝาที่ปิดอยู่ออกก็ยิ่งส่งกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนจนรู้สึกคลื่นเหียนท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด นางเห็นร่างสูงยืนแข็งค้างอยู่ในเงามืดหลังพุ่มไม้หนาทึบ มือข้างที่จับมีดกำแน่นขึ้นกว่าเดิมจนน่าหวาดหวั่น ท่าทางโกรธจัดของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิต คาดว่าภายในใจตอนนี้คงอยากปาดคอนางแล้วจับหมกลงไปในถังอาจมเป็นแน่ "ข้าจะฆ่าเจ้าซะ” เขาเอ่ยเสียงลอดไรฟัน ************************************** สวัสดีค่ะ ไรท์กลับมาแล้ววววว เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องยาวนะคะ แนวโรแมนติกดราม่านิดๆ + เกมการเมืองหน่อยๆ ไม่ทะลุมิติ ไม่ย้อนเวลาค่ะ ไม่อิงประวัติศาสตร์และยุคสมัยใดๆ นะคะ ตัวละครและสถานที่เกิดขึ้นจากจินตนาการทั้งหมดของไรท์ค่ะ
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
เซี่ยถิงถิง ย้อนเวลากลับมาในวันที่แฟนหนุ่มได้บอกเลิกกับเธอ เด็กสาวที่มากความสามารถจากหมู่บ้านเชิงเขาเล็กๆ ครอบครัวของเธอเป็นเกษตรกรมา 13 ชั่วอายุคน เซี่ยถิงถิงถือว่าเป็นปัญญาชนคนแรกของหมู่บ้าน ตลอดเวลาเด็กสาวที่หน้าตาสะสวยและเรียนดีผู้นี้ เป็นคนที่เชื่อฟังคำสั่งสอนของครอบครัวและค่อนข้างจะหัวโบราณอยู่บ้าง นี่จึงเป็นสาเหตุให้แฟนหนุ่มของเธอมีอันต้องเลิกรากันไปเพราะถิงถิงไม่เคยหลับนอนกับเขา นั่นถือว่าเป็นการหมื่นเกียรติของตัวเธอเอง แต่สาเหตุที่แท้จริงแล้วแฟนหนุ่มของเธอเพียงต้องการเกาะกิ่งไม้สูงเพื่อความก้าวหน้าเพียงเท่านั้น เพียงเพราะถิงถิงมาจากครอบครัวชาวนาในชนบทไม่มีแรงสนับสนุนเขาให้ปีนป่ายขึ้นไปอยู่บนกิ่งไม้สูงได้ตามที่เขาต้องการ เขาจึงต้องหันหลังให้กับถิงถิงเพื่อไปเกาะขาลูกสาวนายทหารยศใหญ่ที่มีฐานะร่ำรวยและพร้อมสนับสนุนเขาในสิ่งที่เขาต้องการ ถิงถิงเองถึงแม้จะเสียใจมาก แต่สำหรับเธอแล้ว ชาวนาแล้วอย่างไร ชาวนาก็ถือว่ามีเกียรติ คุณรังเกียจชาวนาก็อย่ากินข้าวที่ชาวนาปลูกก็แล้วกัน ในเวลาชั่วข้ามคืนจากความรักที่เธอมีให้แฟนหนุ่มแต่ตอนนี้เธอมีเพียงความรังเกียจและเสียใจที่มองคนผิดไปเท่านั้น ถิงถิงตัดสินใจลาออกจากงานและเก็บกระเป๋ากลับบ้านเกิด เธอจะพลิกภูเขาแห้งแล้งที่บ้านเกิดให้เป็นแหล่งอาหาร อันอุดมสมบูรณ์ เธอจะทำให้คนที่ดูถูกเธอได้เห็นว่า เกษตรกรนั้นหาได้ต่ำต้อยไม่ เธอจะต้องร่ำรวยเพราะอาชีพของเธอให้ได้ในสักวันและจะตอกหน้าคนพวกนั้นคืนให้สาสม แต่ที่น่าอับอายที่สุดไม่ใช่ถูกแฟนหนุ่มบอกเลิกในที่สาธารณะ แต่เป็นเธอที่เดินเหยียบเปลือกกล้วยแล้วลื่นล้มหัวฟาดต่างหาก เพราะความโมโหทำให้ไม่ทันได้มองทาง นี่ถือว่าตายด้วยความอับอายและคับแค้นใจมากที่สุด ขอบคุณพระเจ้าที่ให้โอกาสเธอได้กลับมา
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
คริสโตเฟอร์ อัศวโยธิน สามีของฉัน คือเพลย์บอยตัวพ่อที่ฉาวที่สุดในกรุงเทพฯ เขามีชื่อเสียงเรื่องการควงเด็กสาวอายุสิบเก้าเป็นฤดูกาล ตลอดห้าปีที่ผ่านมา ฉันเชื่อมาตลอดว่าฉันคือข้อยกเว้นที่สามารถทำให้เขาหยุดได้ ภาพลวงตานั้นพังทลายลง เมื่อพ่อของฉันต้องการการปลูกถ่ายไขกระดูก ผู้บริจาคที่เข้ากันได้สมบูรณ์แบบคือเด็กสาวอายุสิบเก้าชื่อไอริน ในวันผ่าตัด พ่อของฉันเสียชีวิต เพราะคริสเลือกที่จะนอนอยู่บนเตียงกับเธอ แทนที่จะพาเธอไปโรงพยาบาล การหักหลังของเขายังไม่จบแค่นั้น ตอนที่ลิฟต์ร่วง เขาดึงเธอออกไปก่อนแล้วทิ้งให้ฉันร่วงลงไป ตอนที่โคมระย้าถล่มลงมา เขาใช้ตัวเองบังร่างเธอแล้วก้าวข้ามฉันที่นอนจมกองเลือดไป เขายังขโมยของขวัญชิ้นสุดท้ายที่พ่อผู้ล่วงลับทิ้งไว้ให้ฉันไปให้เธอ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเรียกฉันว่าคนเห็นแก่ตัวและไม่รู้จักบุญคุณ โดยไม่เคยรู้เลยว่าพ่อของฉันจากไปแล้ว ฉันจึงเซ็นใบหย่าเงียบๆ แล้วหายตัวไป วันที่ฉันจากมา เขาส่งข้อความมาหาฉัน "ข่าวดีนะ ผมหาผู้บริจาคคนใหม่ให้พ่อคุณได้แล้ว เราไปนัดวันผ่าตัดกันเถอะ"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY