“ท่านแม่” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยออกมาแผ่วเบา
เห็นมารดาน้ำตาคลอ สองมือเกาะกุมมือตนเองไว้ด้วยความห่วงใย
“เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ เหตุใดข้าจึงได้รู้สึกปวดศีรษะเช่นนี้”
“เจ้าได้รับมอบหมายจากฝ่าบาทให้ไปสืบคดีลับที่เมืองเว่ยหยาง แต่ถูกคนลอบทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ศีรษะของเจ้าได้รับความกระทบกระเทือนจนสลบไม่ได้สตินานกว่าครึ่งเดือน”
คำกล่าวของมารดาทำให้เว่ยชิงโหวชะงักไป ก่อนจะยกมือกุมศีรษะตนเองด้วยความสับสน เมื่อสัมผัสกับผ้าที่พันอยู่โดยรอบยิ่งทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมากกว่าเดิม
“สืบคดีลับอันใด ลอบทำร้ายอันใด ทำไมข้าถึงจดจำเรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้เลย”
คำกล่าวของถังหมิงทำให้องค์หญิงใหญ่หันไปสบตากับแม่นมซูบ่าวคนสนิทด้วยความงุนงง
“หมิงเอ๋อร์ เจ้าจำเรื่องคดีทุจริตส่วยบรรณาการทางใต้ไม่ได้หรือ”
“ข้าจำได้แค่ว่าข้าปฏิเสธการหมั้นหมายกับคังจื่อผิงไป ส่วนเรื่องสืบคดีที่ท่านแม่กล่าวมานั้น...” คิ้วดาบขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด
ดวงตาคมมองหาคนข้างกายอย่างต้องการคำอธิบาย ทว่านอกจากมารดาและแม่นมซูบ่าวคนสนิทข้างกายมารดาก็ไม่มีใครอยู่ในห้องอีก
“เฉิงกวงเล่า?”
“อยู่ในคุก”
“เหตุใดเขาจึงต้องไปอยู่ที่นั่น”
องค์หญิงใหญ่ถอนหายใจ ก่อนจะอธิบายอย่างอ่อนล้า “เป็นเพราะเฉิงกวงดูแลเจ้าไม่ดี ปล่อยให้เจ้าหายตัวไปขณะทำภารกิจที่เสี่ยงอันตราย ทำให้เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส หากมิใช่สุดท้ายยังพาเจ้ากลับเมืองหลวงมาได้สำเร็จ แม่คงสั่งประหารชีวิตเขาไปแล้ว”
“ท่านแม่ ท่านเรียกเฉิงกวงกลับมาก่อนได้หรือไม่ ลูกต้องการสอบถามเขาด้วยตนเอง”
เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของบุตรชาย จางอี้หนิงจึงสั่งให้บ่าวที่ยืนเฝ้าหน้าประตูรีบไปตามคนมา ไม่นานองครักษ์คนสนิทก็มานั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าสำนึกผิด
“ท่านโหว ข้า ข้า…ผิดไปแล้ว เป็นเพราะข้าไม่ได้ความจึงไม่สามารถปกป้องท่านโหวให้ปลอดภัย เฉิงกวงยินดีชดใช้ความผิดด้วยชีวิต”
ร่างกำยำโขกศีรษะลงกับพื้นเสียงดัง เมื่อเงยหน้าขึ้นมาบนหน้าผากก็ปรากฏเป็นรอยแดงช้ำ
“เหลวไหล ชดใช้ด้วยชีวิตอันใด เจ้าเลิกทำเหมือนข้าใกล้จะสิ้นลมหายใจแล้วลุกขึ้นเสียที” ถังหมิงตวาดเบาๆ ไม่อาจทนดูบุรุษตัวโตร้องไห้ฟูมฟายหลั่งน้ำตาให้กับตนเอง
“ท่านโหวไม่ตำหนิข้าหรือขอรับ” เฉิงกวงปาดน้ำตาลวกๆ ลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจ
“ในเมื่อท่านโหวไม่เอาผิดเช่นนั้นเจ้าก็กลับมาดูแลอยู่ข้างกายลูกข้าเช่นเดิมก็แล้วกัน เจ้าจะต้องดูแลเขาให้ดี อย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นครั้งนี้ขึ้นอีกเป็นอันขาด” จางอี้หนิงออกคำสั่ง
“ขอบพระทัยองค์หญิงใหญ่ที่ทรงเมตตา ข้าน้อยจะปกป้องท่านโหวด้วยชีวิต” เฉิงกวงยิ้มร่า
“หลังจากที่ข้าปฏิเสธการหมั้นหมายกับคังจื่อผิง เกิดอะไรขึ้นบ้างกันแน่” ถังหมิงไม่รีรอรีบเอ่ยถามเรื่องราวจากเฉิงกวง
“ท่านโหว เรื่องที่ท่านปฏิเสธการหมั้นกับคุณหนูคังผ่านมานานสามเดือนแล้วนะขอรับ” เฉิงกวงเอ่ยตอบด้วยความงุนงงสงสัย
“สามเดือน เป็นไปได้อย่างไร ข้าจำได้ว่า...” ถังหมิงทำท่านึกอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“การไปสืบคดีที่ชายแดนใต้ในครั้งนี้ดูเหมือนจะเกิดเรื่องขึ้นไม่น้อย ทางที่ดีควรหมอหลวงมาดูตรวจอาการอีกรอบ” จางอี้หนิงเอ่ยอย่างร้อนใจ ก่อนจะสั่งให้บ่าวรับใช้ไปตามหมอหลวงมาดูอาการให้กับบุตรชาย
ไม่นานหมอหลวงที่ฝ่าบาทสั่งให้มาประจำการอยู่ในจวนโหวก็รีบเข้ามาตรวจดูอาการบาดเจ็บของถังหมิงอีกหน
“เป็นอย่างไรบ้าง?” จางอี้หนิงรีบสอบถามท่านหมอ
“เรียนองค์หญิงใหญ่ แม้บาดแผลบนร่างกายจะหายดีทั้งหมดแล้ว ทว่าท่านโหวได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงบริเวณศีรษะ ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ความทรงจำบางส่วนเลือนหายไป ไม่สามารถจดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ขอรับ” หมอหลวงรีบเอ่ยรายงาน
“เช่นนั้นความทรงจำที่หายไปนี้จะกลับคืนมาได้หรือไม่” เว่ยชิงโหวเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ในเมื่อลืมได้ก็สามารถจดจำได้เช่นกันขอรับ เพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย ข้าจะเขียนเทียบยาบำรุงประสาทเพื่อช่วยให้ท่านโหวฟื้นความทรงจำกลับคืนมาโดยเร็ว” หมอหลวงกล่าวก่อนจะขอตัวจากไป
“ในเมื่อเจ้าสูญเสียความทรงจำไปเช่นนี้ ก็ควรหยุดพักรักษาตัวและระงับการสืบคดีไปก่อน แม่จะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทแทนเจ้า ระหว่างนี้เจ้าก็พักรักษาตัวให้หายดี อย่าได้ไปไหนเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่” จางอี้หนิงออกคำสั่ง
“ลูกเชื่อฟังท่านแม่”
เมื่อมารดาจากไปแล้ว เว่ยชิงโหวจึงสั่งให้เฉิงกวงอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ตนเองฟังอีกหน
เมื่อสามเดือนก่อนหลังจากปฏิเสธการหมั้นหมายกับบุตรีของเสนาบดีคัง คังจื่อผิง ถังหมิงก็ขอพระราชทานอนุญาตจากฝ่าบาทเพื่อไปสืบคดีที่เมืองเว่ยหนานเป็นการลับ
เว่ยหนานเป็นเมืองใหญ่ มีเขตชายแดนติดกับทะเล มีเส้นทางขนส่งหลักเป็นเส้นทางน้ำ ดูแลควบคุมโดยเจ้าเมืองซุน นามซุนเถียน ขุนนางตระกูลเก่าแก่ที่ปกครองพื้นที่มาอย่างช้านาน
นอกจากเมืองเว่ยหนาน เจ้าเมืองซุนยังดูแลการขนส่งสินค้าทางน้ำตลอดพื้นที่ที่อยู่ใกล้เคียงทั้งหมด รวมถึงส่วยบรรณาการที่เมืองทางใต้ต้องส่งเข้ามายังเมืองหลวง
ทว่าหลายปีให้หลังพื้นที่ทางใต้หลายเมืองประสบกับอุทกภัย เกิดพายุรุนแรงฝนตกหนักติดต่อกันนานหลายเดือน ชาวบ้านเดือนร้อน ต้องลี้ภัย ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ พื้นที่ชายฝั่งทะเลก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
หลังจากพายุพัดผ่านไป หลายเมืองเสียหายจนไม่อาจฟื้นฟู ประชาชนอดอยาก เจ็บป่วยล้มตายไปหลายหมื่นคน เจ้าเมืองซุนทำได้เพียงส่งฎีกาขอความช่วยเหลือมายังเมืองหลวง
หลังทราบเรื่องฝ่าบาทจึงรีบสั่งการให้ส่งเงินบรรเทาทุกข์ไปยังเมืองเว่ยหยานในทันที พร้อมกับมีรับสั่งให้ก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำเพิ่มที่เมืองจิ่งเหอเมืองหน้าด่านเขตชายแดนใต้ป้องกันอุทกภัยในปีถัดๆ มา
ทว่าการดำเนินการก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำนี้กลับมีความล่าช้า ชาวบ้านยังคงได้รับความเดือนร้อนไม่สามารถแก้ไข คนบางกลุ่มจงใจปกปิดเรื่องราวไว้จนเกิดการประท้วงและลุกฮือของกบฏในหลายพื้นที่
หากมิใช่เพราะมีการตรวจสอบความผิดปกติของส่วนบรรณาการที่ถูกส่งมายังเมืองหลวง ฝ่าบาทก็คงไม่อาจรับทราบว่ามีขุมอำนาจหนึ่งกระทำการยักยอกเงินบรรเทาทุกข์และทุจริตส่วยบรรณาการทางใต้
ดังนั้นฝ่าบาทจึงมีรับสั่งให้เว่ยชิงโหวลงไปสืบสวนเป็นการลับ เมื่อไปถึงเมืองจิ่งเหอสถานที่สร้างเขื่อนกั้นน้ำ ถังหมิงก็พบกับความผิดปกติมากมาย ยิ่งตามสืบไปเรื่อยๆ ก็พบว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวพันหลายฝ่าย ถือเป็นเรื่องใหญ่และร้ายแรงเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงได้เดินทางต่อไปยังเมืองเว่ยหยานเพื่อสืบหาตัวการสำคัญ
ไม่คาดว่าระหว่างทางกลับเจอการลอบสังหารครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งไปถึงเมืองเว่ยหนาน เกิดการต่อสู้ขึ้นที่จวนเจ้าเมืองซุนเถียน เฉินกวงพลัดหลงกับเว่ยชิงโหวในระหว่างหลบหนี หลังจากนั้นก็ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น
ผ่านไปหลายวันเฉิงกวงจึงสามารถตามหาถังหมิงจนพบ ทว่าตอนที่พบเจอนั้นถังหมิงก็ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสแล้ว...