‘ลู่ซิงเหยียน’ ไม่คิดเลยว่าการอาสาช่วยโจรผู้หนึ่งหลบหนีออกจากจวนเจ้าเมืองเพื่อแลกกับชีวิตของตนเองนั้น จะทำให้โชคชะตาของนางผูกติดกับ ‘เขา’อย่างไม่มีวันแยกจาก ********************* ลู่ซิงเหยียนทำงานอยู่ภายในจวนเจ้าเมืองหลิวลี่ซือในฐานะสาวใช้ เพื่อสืบหาคนร้ายที่ทำให้ตระกูลลู่ของนางถูกประหารทั้งตระกูล ทว่าวันหนึ่งมีชายชุดดำบุกเข้ามาขโมยของในจวนเจ้าเมือง เพื่อแลกกับชีวิตของตนเอง ลู่ซิงเหยียนจึงอาสาช่วยเหลือโจรผู้นี้หลบหนี นางเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือเขา นอกจากจะไม่ได้รับคำขอบคุณ เขากลับตามตอแย วนเวียนอยู่รอบกายนางเพื่อตอบแทนบุญคุณ แต่ไม่รู้เป็นเพราะซาบซึ้งใจหรือชิงชังที่นางบังคับให้เขาหลบซ่อนอยู่ในถังอาจมกันแน่!!! ************************** “หมายความว่าอย่างไร” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม ดวงตาเขียวปัด ฟังจากโทนเสียงคล้ายกับเป็นเสียงคำรามในลำคอเสียมากกว่า ส่วนเจ้าของคำถามบัดนี้จับจ้องสตรีตรงหน้าด้วยความโกรธจัดจนแทบอยากจะกระโจนเข้ามาบีบคอ “ปัดโธ่ ท่านมีทางเลือกมากนักหรือ นี่เป็นวิธีเดียวที่ข้าคิดได้แล้ว หากอยากหนีออกไปโดยไม่ถูกจับได้ก็มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น” แม้ปากจะกล่าวไปเช่นนั้น แต่ใบหน้ากลับหดเล็กยิ่งกว่าฝ่ามือ ลู่ซิงเหยียนเหลือบมองร่างสูงสลับกับถังไม้ขนาดใหญ่บนรถเข็นที่เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลเน่าเหม็น ยามนี้เมื่อเปิดฝาที่ปิดอยู่ออกก็ยิ่งส่งกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนจนรู้สึกคลื่นเหียนท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด นางเห็นร่างสูงยืนแข็งค้างอยู่ในเงามืดหลังพุ่มไม้หนาทึบ มือข้างที่จับมีดกำแน่นขึ้นกว่าเดิมจนน่าหวาดหวั่น ท่าทางโกรธจัดของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิต คาดว่าภายในใจตอนนี้คงอยากปาดคอนางแล้วจับหมกลงไปในถังอาจมเป็นแน่ "ข้าจะฆ่าเจ้าซะ” เขาเอ่ยเสียงลอดไรฟัน ************************************** สวัสดีค่ะ ไรท์กลับมาแล้ววววว เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องยาวนะคะ แนวโรแมนติกดราม่านิดๆ + เกมการเมืองหน่อยๆ ไม่ทะลุมิติ ไม่ย้อนเวลาค่ะ ไม่อิงประวัติศาสตร์และยุคสมัยใดๆ นะคะ ตัวละครและสถานที่เกิดขึ้นจากจินตนาการทั้งหมดของไรท์ค่ะ
ยามราตรีมืดมิดบังเกิดเสียงดังโวยวายขึ้นภายในจวนเจ้าเมืองหยางซู ทหารยามสับเท้าวิ่งวุ่นทั่วทั้งจวน แสงจากคบเพลิงสาดส่องผ่านร่องประตูห้องสุขาที่มีสาวใช้ผู้หนึ่งกำลังทำความสะอาดอยู่ภายใน
ลู่ซิงเหยียนอดเงี่ยหูฟังเสียมิได้ ระหว่างกำลังล้างไม้ล้างมือตนเองให้สะอาด นางก็จับใจความสำคัญได้จากเสียงตะคอกของพ่อบ้านเหอ ไม่รู้โจรใจกล้าคนใดบุกเข้ามาขโมยของในจวนเจ้าเมืองที่มีการตรวจตราอย่างเข้มงวดตลอดทั้งคืน
ฟังจากน้ำเสียงร้อนรนของพ่อบ้านร่างอ้วนดูเหมือน ‘ของ’ ที่ถูกขโมยน่าจะมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
เสียงอึกทึกครึกโครมดังมาจากเรือนใหญ่ซึ่งเป็นที่พำนักของเจ้าเมืองหลิว ห่างไกลจากจุดที่นางอยู่พอสมควร หากผู้บุกรุกยังไม่ได้หลบหนีออกไป อีกไม่นานก็จะต้องถูกทหารจับได้อย่างไม่ต้องสงสัย
เพียงแต่เรื่องยุ่งยากเหล่านี้มิใช่ธุระกงการอะไรของลู่ซิงเหยียน นางเป็นเพียงสาวใช้ผู้หนึ่ง นอกจากงานใช้แรงงานกับงานสกปรกที่ผู้อื่นรังเกียจเดียดฉันท์ ทุกวันลู่ซิงเหยียนจำต้องขนถ่ายอาจมและสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ ใส่ถังไม้เข็นไปทิ้งนอกเมือง มิเช่นนั้นนางจะไม่ได้รับเบี้ยเป็นค่าแรงในแต่ละวัน
วันนี้ภายในจวนไม่รู้มีคนใหญ่คนโตจากที่ใดมาเยี่ยมเยียน เจ้าเมืองหลิวลี่ซือจึงสั่งให้บ่าวรับใช้จัดเตรียมงานเลี้ยงงานรับเป็นอย่างดี สร้างความวุ่นวายให้กับผู้คนในจวนตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ลู่ซิงเหยียนรอคอยจนบุคคลสำคัญเหล่านั้นกลับเข้าที่พักจึงลงมือเก็บกวาดทำความสะอาดเป็นการปิดท้าย
ยามนี้หน้าที่ของนางสิ้นสุดลงแล้ว เหลือเพียงนำของเสียที่อยู่รวมกันในถังไม้ไปทิ้งนอกเมือง นางก็สามารถกลับไปดูแลมารดาที่บ้านได้
ลู่ซิงเหยียนทุบเบา ๆ บริเวณหลังคออย่างเหนื่อยล้า ขณะกังวลว่ามารดานอนหลับพักผ่อนแล้วหรือไม่ ด้านนอกห้องสุขาก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นแผ่วเบา
ร่างบางเกร็งขึ้นเล็กน้อย บุคคลที่อยู่ภายนอกก้าวเดินอย่างเงียบเชียบระมัดระวัง หากเป็นเวลากลางวัน ลู่ซิงเหยียนก็คงไม่รู้ตัวเลย ทว่าในยามวิกาลเช่นนี้ประสาทหูของนางจึงดีมากกว่าปกติ
หญิงสาวกลั้นหายใจอยู่เงียบ ๆ ภายในความมืด รอจน ‘ผู้บุกรุก’ เดินผ่านหน้าประตูห้องส้วมไปนางจึงระบายลมหายใจออกมา
เงี่ยหูฟังอยู่ชั่วครู่ได้ยินเสียงทหารยามเริ่มตรวจตราเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ คิดว่าโจรผู้นั้นคงหนีไปไกลแล้วจึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออกมาด้านนอก
เพียงพริบตาเดียวลู่ซิงเหยียนมองแสงไฟกระทบกับโลหะในมือของ ‘ผู้บุกรุก’ ที่ยืนอยู่ด้านนอกห้องสุขา ขณะจะดันประตูกลับเข้ามาร่างกำยำในชุดพรางตัวสีดำสนิทก็แทรกกายเข้ามาภายใน ร่างของหญิงสาวถูกดึงกลับเข้าไปในห้องคับแคบ มือที่จับประตูจึงถูกดึงปิดตามมาด้วย
เสียงลมหายใจดังถี่รัว ลู่ซิงเหยียนแตกตื่นจนทำอะไรไม่ถูก ผู้บุกรุกใช้มือข้างหนึ่งปิดปากสาวใช้มิให้ส่งเสียง ส่วนอีกข้างจ่อมีดอยู่บนลำคอขาวเนียนพร้อมสังหาร
ลู่ซิงเหยียนเหงื่อแตกพลั่ก รู้สึกเจ็บแปลบบริเวณลำคอ หากนางขัดขืนหรือคิดส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ครู่เดียวคงต้องกลายเป็นวิญญาณเหม็นโฉ่ติดอยู่ในห้องส้วมไม่ได้ไปผุดไปเกิดเป็นแน่ หญิงสาวไม่กล้าหายใจแรง นางค่อย ๆ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นช้า ๆ
ไม่นานเสียงของทหารยามก็ดังใกล้เข้ามาด้านหลังจวน บริเวณนี้เป็นลานซักล้าง โรงครัวและที่พักของบ่าวรับใช้ในจวน แม้ด้านหลังห้องส้วมเป็นกำแพงสูง ทว่าไม่อาจปืนออกไปได้โดยง่าย นอกกำแพงเป็นคูน้ำขนาดใหญ่ ถัดออกไปเป็นถนนสายหลักที่ใช้สัญจรไปมาในเมืองหยางซู คาดว่าตอนนี้คงถูกคนของเจ้าเมืองล้อมเอาไว้โดยรอบแล้ว
ลู่ซิงเหยียนและ ‘ผู้บุกรุก’ มองลอดผ่านช่องว่างประตูไม้ เห็นพ่อบ้านเหอปลุกบ่าวรับใช้ทั้งหญิงและชายออกมายืนเรียงหน้าเรือนอย่างเร่งร้อน ส่วนทหารที่ติดตามมารีบเข้าไปตรวจค้นภายในเรือนนอนและพื้นที่โดยรอบ ไม่นานเหล่าทหารก็เดินออกมารายงานต่อพ่อบ้านเหอ
จากนั้นคนอีกกลุ่มก็เดินเข้ามาสมทบพร้อมกับทหารยามอีกสิบกว่าคน หนึ่งในนั้นคือเจี้ยนคังคนสนิทข้างกายหลิวลี่ซือ อีกคนลู่ซิงเหยียนไม่ทราบว่าใคร แต่ดูเหมือนจะเป็นคนข้างกายของแขกที่มาเยือนจวนเจ้าเมืองในวันนี้
พ่อบ้านเหอเอ่ยรายงานต่อคนทั้งคู่ด้วยท่าทีหวาดเกรง พูดคุยไม่กี่ประโยคก็รีบพาคนจากไป เหลือเพียงพ่อบ้านเหอและทหารยามที่ติดตามมาตรวจค้นเรือนนอนบ่าวรับใช้ในตอนแรก
ลู่ซิงเหยียนได้ยินเสียงใครบางคนกล่าวชื่อนางออกมา พ่อบ้านเหอจึงสั่งให้ทหารชั้นผู้น้อยรีบตรวจค้นโดยรอบอีกครั้ง หญิงสาวใจเต้นระทึกในขณะที่บุคคลด้านหลังยังคงสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหว มีดที่พาดอยู่บนคอบาดลึกลงจนลู่ซิงเหยียนรับรู้ถึงโลหิตที่ค่อย ๆ หลั่งออกมา
“อื้อ...” หญิงสาวร้องออกมาเบาๆ
“อย่าส่งเสียง...” ‘ผู้บุกรุก’ กดเสียงต่ำเป็นเชิงข่มขู่ สายตาจับจ้องไปยังสถานการณ์เบื้องนอก สมองคิดหาทางหนีทีไล่เมื่อเห็นว่าเหล่าทหารกำลังเดินตรงเข้ามายังสถานที่ซ่อนตัว
ยิ่งทหารเข้ามาใกล้มากเท่าไหร่ ภายในห้องสุขาที่แสนอึดอัดคับแคบก็เต็มไปด้วยไอสังหารมากขึ้นเท่านั้น มีดค่อย ๆ บาดลึกลงเรื่อย ๆ กดดันจนลู่ซิงเหยียนหายใจแทบไม่ออก หากเกิดการต่อสู้ขึ้นจริง ๆ นางไหนเลยจะไม่กลายเป็นโล่กำบังคอยรับคมหอกคมดาบแทนโจรชั่วผู้นี้
หญิงสาวตัดสินใจดึงมือที่ปิดปากออกแล้วรีบยื่นข้อเสนอออกไปอย่างไม่กลัวตาย
“ให้ข้าช่วยท่าน...”
บิดาถูกสังหาร ตระกูลถูกใส่ร้าย มีเพียง 'นาง' ที่รอดชีวิต เพื่อตามหาหลักฐานเปิดโปงคนร้าย นางจึงต้องปิดบังสถานะเข้าใกล้ 'เขา' ทว่า ‘เขา’ ผู้เป็นความหวังเดียวของนางกลับถูกลอบทำร้ายจนสูญเสียความทรงจำไป
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
จางลี่สตรีเกิดมาพร้อมกับความเกลียดชัง บิดามารดาไม่รัก พี่สาวรังเกียจ รอบด้านทำร้ายร่างกาย ชาติภพนี้นางถูกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีทำร้ายจนตาย เมื่อเกิดพบชาติใหม่อีกครั้ง นางก็ขอตอบแทบพวกเขาอย่างสาสม อย่าคิดว่าชาติภพนี้พวกเขาจะได้อยู่สุขสบาย นางในชาตินี้จะถนอมพวกเขาเป็นอย่างดี “ข้าไม่ใช่คนดี ท่านอย่าได้หวังว่าข้าจะดีเหมือนคนอื่น หากท่านปรารถนา พบสตรีที่ดีก็เชิญไปหาที่อื่น” บุรุษปริศนาที่ติดตามนางจะเลือกเส้นทางไหน แล้วนางจะตอบแทนพวกเขาเหล่านั้นเช่นไร รอพวกเขาหาคำตอบ แต่บอกได้เลยว่านางหาได้ใจดีเหมือนชาติที่แล้วไม่ “ข้าเตือนท่านแล้ว ว่าอย่าได้หวังว่าข้าจะเป็นคนดี”