ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"
“นังสารเลว แกกล้าดียังไงมาทำร้ายน้องแบบนี้ฮะ ฉันจะตีแกให้ตายไปเลย”
สุ่ยหรูหยานหวดแส้ในมือลงไปบนตัวของซูมู่หยูอย่างแรง
เสียงหวดที่ดังฟังชัดนี้ก้องกังวาลไปทั่วทั้งในคฤหาสน์ ทำเอาคนรับใช้จำนวนมากพากันเงียบเสียง ไม่กล้าพูดอะไรเลยสักคำ
ส่วนซูมู่หยูก็ไม่ได้พูดอะไร ร่างกายที่เปราะบางของเธอสั่นเล็กน้อย เธอกัดริมฝีปากล่างเอาไว้แน่น อดทนต่อความเจ็บปวดจากการแตกของผิวหนังเอาไว้
“ฉันอุตส่าห์รับแกกลับมา ให้ข้าวแกกิน ให้เสื้อผ้าแกใส่ ให้ที่อยู่อาศัยกับแก ทั้งหมดนี้เพื่อให้แกมาทำร้ายคนอื่นรึไงฮะ?” สุ่ยหรูหยานฟาดลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า ในไม่ช้าแผ่นหลังของซูมู่หยูก็มีเลือดสีแดงฉานไหลออกมา ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ขาวกระจ่างใสค่อย ๆ ซีดลงเรื่อย ๆ
แต่แววตาของเธอกลับยังคงดูแน่วแน่ไม่เสื่อมคลาย
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เธอคุ้นเคยกับการถูกตีแบบนี้ไปแล้ว
“รีบไปขอโทษน้องสาวของเธอเดี๋ยวนี้” สุ่ยหรูหยานที่ตีจนเหนื่อยแล้วเอามือเท้าเอว ถลึงตาใส่ซูมู่หยูพลางหอบหายใจอย่างหนัก
“หนูไม่ผิด” ซูมู่หยูเงยหน้าขึ้นมองเธอ แล้วก็พูดออกมาทีละคำว่า “แล้วทำไมหนูต้องขอโทษด้วย?”
“ดี เยี่ยมไปเลย!” เมื่อเห็นว่าซูมู่หยูยังไม่ยอมแพ้ สุ่ยหรูหยานก็หยิบแส้ขึ้นมาอีกครั้ง “วันนี้ฉันจะตีแกจนกว่าแกจะยอมขอโทษ”
“คุณแม่!” เวลานี้ซูมู่เฉิงที่อยู่ข้าง ๆ ได้ดึงเธอเอาไว้ ซูมู่เฉิงที่แววตาดูเศร้าหมองพูดโน้มน้าวขึ้นมาว่า “คุณแม่อย่าไปตีพี่เลยค่ะ จริง ๆ แล้ว ทั้งหมดมันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่ได้บอกพี่ให้ชัดเจนว่าฉันแพ้มะม่วง”
“เฉิงเฉิง ลูกจะใจดีเกินไปแล้วนะ ขนาดเกือบจะถูกนังชั่วนี่ทำร้ายจนตายอยู่แล้ว ลูกก็ยังจะมาพูดช่วยมันอีกเหรอ!” สุ่ยหรูหยานตบมือของซูมู่เฉิง น้ำเสียงของเธอฟังดูรักและเอ็นดูลูกสาวบุญธรรมคนนี้อย่างเห็นได้ชัด
“มันก็แค่คนอกตัญญูที่เลี้ยงไม่เชื่องคนหนึ่งเท่านั้นแหละ เพื่อที่จะให้ตัวเองได้เป็นที่โปรดปราน รู้ทั้งรู้ว่าลูกแพ้มะม่วงก็ยังจะเอาพุดดิ้งที่มีส่วนผสมของมะม่วงมาให้ลูกกินอีก ถ้าไม่ใช่เพราะสติฟั่นเฟือนไปแล้ว มันจะเป็นอะไรไปได้?”
“หนูจะพูดอีกครั้ง หนูไม่ได้ทำร้ายเธอ!” ดวงตาของซูมู่หยูแดงก่ำ เธอมองดูความรักอันลึกซึ้งระหว่างแม่ลูกคู่นี้อย่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรง “หนูเองก็ไม่รู้ว่าเธอแพ้มะม่วง!”
“ยังคิดจะเล่นลิ้นอยู่อีกเหรอ? !” สุ่ยหรูหยานตีเธออีกครั้ง คำพูดที่เย็นชาและความเจ็บปวดที่แผดเผาบนร่างกาย มันทำให้หัวใจของซูมู่หยูด้านชาไปครึ่งหนึ่งแล้ว
นับตั้งแต่ที่เธอกลับเข้ามาในบ้านหลังนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอมีความขัดแย้งกับซูมู่เฉิง เธอจะเป็นฝ่ายผิดมาตลอดไม่ว่าเธอจะอธิบายหรือแสดงหลักฐานยังไงก็ตามแต่ มันก็จะกลายเป็นการเล่าความเท็จทั้งหมด
ก็เหมือนกับเหตุการณ์ในอดีตที่เห็น ๆ อยู่ว่าซูมู่เฉิงตกบันไดลงมาเอง แต่กลับยืนกรานหนักแน่นบอกว่าเธอเป็นคนผลักลงมา ซึ่งพ่อกับแม่ก็เชื่อแต่ซูมู่เฉิง ไม่ยอมฟังคำอธิบายใด ๆ ของเธอ
มันน่าเสียใจตรงที่เธอยังเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของพวกเขา แต่สถานะของเธอในหัวใจของพ่อแม่แล้ว เธอกลับสู้ลูกสาวบุญธรรมไม่ได้เลย
บางทีในสายตาของพวกเขา เธออาจจะเป็นเพียงแค่คนเลวคนหนึ่งที่จงใจทำร้ายซูมู่เฉิง เพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งความโปรดปรานไปแล้วก็ได้
ซูมู่เฉิงเหลือบมองซูมู่หยูแวบหนึ่ง แววตาของเธอดูเห็นอกเห็นใจ และสงสารเป็นอย่างมาก “คุณแม่ ฉันเข้าใจพี่ดีค่ะ ยังไงฉันก็เป็นเพียงลูกสาวบุญธรรมคนหนึ่ง แต่ฉันกลับได้สวมลอยเป็นพี่อยู่ในฐานะลูกสาวผู้ทรงเกียรติของตระกูลซูมาสิบปีกว่า”
“ถ้าเป็นฉัน ฉันก็คงจะแค้นเหมือนกัน”
“บางทีถ้าฉันออกไปจากบ้านหลังนี้ พี่อาจจะยอมหยุด แล้วก็ทำให้ตระกูลซูรักใคร่ปรองดองกันขึ้นมาก็ได้นะคะ”
พูดจาไร้สาระอะไรอีกแล้ว ฟังผิวเผินเหมือนจะกำลังช่วยพูดให้เธออยู่ แต่ในความจริงกำลังพยายามทำให้เธอตกที่นั่งลำบากมากขึ้นซะมากกว่า แต่พ่อกับแม่ก็ยังจะเชื่ออยู่ได้
ซูมู่หยูเริ่มรู้สึกเศร้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ความผิดหวังที่เธอมีต่อคนในครอบครัวก็เริ่มสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเช่นกัน
เพี๊ยะ!
แส้ฟาดลงมาอีกครั้ง
ความเจ็บปวดของผิวหนังที่แตกออก ทำให้ซูมู่หยูหลุดออกมาจากห้วงแห่งความคิดและกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง
เธอสบตาเข้ากับสายตาที่ดูเย็นชาและขยะแขยงของสุ่ยหรูหยาน แล้วก็ได้ยินคำพูดที่แสนเย็นชาดังขึ้นมาว่า
“ดูเฉิงเฉิงสิ ว่านอนสอนง่าย รู้เรื่องรู้ราว!! ถ้าแกได้สักครึ่งหนึ่งของเธอ ฉันก็คงไม่ต้องมาเหนื่อยใจแบบนี้ แล้วตอนนี้แกยังจะไม่ยอมรับผิดอีกเนี่ยนะ แกอยากจะให้ฉันโมโหจนตายไปเลยรึไง?”
“หนูขอย้ำอีกรอบว่า พุดดิ้งที่หนูให้เธอกินไม่มีมะม่วง ถ้าคุณแม่ไม่เชื่อ จะไปเช็ครายการสั่งซื้อดูเลยก็ได้นะ!”
“ทำไมต้องไปเช็คด้วย นี่แกจะบอกว่าเฉิงเฉิงใส่ความแกงั้นเหรอ?” สุ่ยหรูหยานไม่เคยคิดที่จะไปเช็คจากรายการซื้อของเลย เพราะเธอหลับหูหลับตาเชื่อคำพูดของซูมู่เฉิงไปหมดแล้ว
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน