อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
ตอนที่ 1 ทรยศ
ท่ามกลางแสงสีภายในงานจัดเลี้ยงหรูหราใหญ่โตในใจกลางเมืองๆหนึ่ง
บรรดาสุภาพสตรีต่างก็แต่งกายด้วยชุดราตรีหรูหราสวยงามตระการตา เดินเฉิดฉายไปมาอยู่ภายในงาน ส่วนสุภาพบุรุษล้วนแต่งกายด้วยชุดสูทราคาแพง กำลังยืนจับกลุ่มพูดคุยกันเป็นจุดๆ กลุ่มละห้าถึงหกคน
จากการแต่งกายของผู้ที่อยู่ในงานเลี้ยงคืนนี้ ไม่ว่าจะเป็นสุภาพบุรุษ หรือว่าสุภาพสตรี ล้วนบ่งบอกว่าทุกคนในงานต่างก็เป็นคนดัง และชนชั้นสูงในสังคมทั้งสิ้น
เซียถงอยู่ในชุดราตรียาวสีดำรัดรูป ชายกระโปรงลากไปกับพื้นขณะเยื้องย่าง ดวงหน้าเล็กๆนั้นมีเครื่องสำอางบางๆปกคลุมอยู่ ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกายระยิบระยับราวกับดวงดาว ริมฝีปากเป็นสีอมชมพูราวกับลูกพีช เรือนร่างมีสัดส่วนที่สมบูรณ์ไร้ที่ติ
สายตาของบุรุษในงานต่างก็จับจ้องมองมาที่เรือนร่างของหญิงสาวผู้นี้
เซียถงเดินปะปนเข้าไปท่ามกลางฝูงชน แม้สายตาจะดูสบายๆ แต่ก็แอบระมัดระวัง และสังเกตการณ์การเคลื่อนไหวรอบตัว
วันนี้เป็นวันเกิดของลู่อวิ๋นโจว เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งของเมืองนี้ และงานเลี้ยงคืนนี้ก็จัดขึ้นเป็นพิเศษสำหรับเขาโดยเฉพาะ
ส่วนภารกิจของเธอก็คือการสังหารลู่อวิ๋นโจว และขโมยคริสตัลม่วงมาจากเขา!
คริสตัลม่วงนี้เป็นสมบัติประจำชาติ มันถูกขุดพบโดยกลุ่มโจรปล้นสุสานกลุ่มหนึ่ง ไม่มีใครล่วงรู้ถึงอายุของคริสตัลม่วง และที่มาที่ไปของมัน ดูเหมือนข้อมูลเกี่ยวกับคริสตัลม่วงจะค่อนข้างลึกลับอย่างมาก และต่อมาคริสตัลม่วงก็ได้ถูกขายให้กับลู่อวิ๋นโจว
ว่ากันว่าคริสตัลม่วงนี้มีพลังงานแปลกประหลาดซ่อนอยู่ และลู่อวิ๋นโจวก็กำลังเตรียมที่จะศึกษา และพัฒนาพลังงานของคริสตัลม่วงนี้มาใช้ ซึ่งหากเขาทำได้สำเร็จ จะก่อให้เกิดอันตรายใหญ่หลวงต่อประเทศชาติอย่างมาก เซียถงจึงได้ถูกส่งตัวให้มาปฏิบัติภารกิจครั้งนี้
เซียถงได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่อายุหกขวบ และเริ่มปฏิบัติภารกิจได้ตั้งแต่อายุสิบขวบ จนตอนนี้เธออายุยี่สิบหกปีแล้ว ในช่วงระยะเวลาสิบหกปีที่ผ่านมา หญิงสาวสามารถปฏิบัติภารกิจต่างๆที่ได้รับมอบหมายได้สำเร็จลุล่วงทุกครั้งไป ไม่เคยมีครั้งไหนที่ล้มเหลวเลย
แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอมีคู่หูที่ดีอย่างมู่เฟย และยังเป็นชายคนรักของเธออีกด้วย
ทั้งคู่ตกลงกันว่า หลังจากปฏิบัติภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้น พวกเขาจะขอลาออกจากการเป็นหน่วยพิเศษขององค์กร เพื่อที่จะไปใช้ชีวิตที่เหลืออย่างคนปกติทั่วไป มู่เฟยเองก็เห็นด้วยกับเธอ
เมื่อนึกถึงชีวิตที่เป็นปกติสุขในอนาคตขึ้นมา ริมฝีปากของเซียถงยามนี้ก็กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
ผู้คนในงานเริ่มส่งเสียงฮือฮาขึ้นเล็กน้อย เมื่อลู่อวิ๋นโจวปรากฏตัวออกมาจากหลังเวที พร้อมด้วยบอดี้การ์ดร่างกายกำยำแข็งแกร่งถึงแปดคน จากรูปลักษณ์ของลู่อวิ๋นโจว เขาน่าจะอายุมากกว่าห้าสิบปี ศรีษะค่อนข้างล้าน ดวงตาทั้งคู่บ่งบอกถึงความเฉลียวฉลาดล้ำลึกอย่างยากที่จะคาดคะเนได้
“ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานเลี้ยงวันเกิดของผมในคืนนี้ ขอให้ทุกท่านสนุกสนานกันอย่างเต็มที่”
ลู่อวิ๋นโจวเอ่ยบอก พร้อมกับยกมือขวาขึ้นโบกไปมาทักทายแขกเหรื่อในงาน
เมื่อเห็นเป้าหมายปรากฏตัว สายตาของเซียถงก็จับจ้องอย่างไม่กระพริบตา
ทุกคนในงานเลี้ยงต่างก็พากันชูแก้วเครื่องดื่มในมือขึ้น พร้อมกับร้องแสดงความยินดี
เซียถงสัมผัสได้ว่า สายตาของบอดี้การ์ดทั้งแปดดูเหมือนจะจับจ้องมาทางเธอ เธอจึงรีบยกแก้วไวน์ในมือชูขึ้นอย่างช้าๆ หลังจากนั้น สายตาของเหล่าบอดี้การ์ดก็สอดส่ายมองไปทางอื่นแทน
เสียงเพลงในงานเลี้ยงดังขึ้น สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีต่างก็พากันออกไปเต้นรำ ภาพบนฟลอร์หน้าเวทีเวลานี้มีแต่ความสนุกสนานสวยงาม
เซียถงซึ่งแฝงตัวอยู่ในกลุ่มคน ค่อยๆขยับเข้าใกล้ลู่อวิ๋นโจวทีละเล็กทีละน้อยโดยที่ไม่มีผู้ใดสงสัย และตอนนี้ เธอก็อยู่ห่างจากเป้าหมายไปเพียงแค่ห้าเมตรเท่านั้น
“โอ๊ย! คุณเหยียบเท้าของฉันค่ะ!”
เซียถงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าเล็กๆสวยงามนั้นย่นเข้าหากัน ก่อนจะค่อยๆนั่งลงกับพื้น
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเซียถงรีบเอ่ยปากขอโทษทันที และพบว่า ปลายเท้าสีขาวนวลเนียนของเธอนั้นได้เปลี่ยนเป็นสีแดง และมีรอยส้นรองเท้าของผู้ชายปรากฏอยู่
แต่ในขณะที่ร่างของเซียถงกำลังนั่งยองๆอยู่นั้น จู่ๆ เรือนร่างงดงามก็กระโดดพุ่งออกไปราวกับเสือดาวที่คล่องแคล่วว่องไว ก่อนจะวิ่งตรงเข้าไปหาลู่อวิ๋นโจวด้วยความเร็วประหนึ่งสายลมกรรโชก เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
บอดี้การ์ดที่ทำหน้าที่คุ้มกันลู่อวิ๋นโจวถึงกับร้องตะโกนออกมาเสียงดัง
“คุ้มครองท่านลู่!”
แต่ในช่วงนาทีวิกฤตินั้นเอง เซียถงก็ได้ล้วงเอาปืนพกสีแดงเก็บเสียงที่ซ่อนอยู่ภายใต้ชุดราตรีสีดำออกมาอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็ยังคงวิ่งตรงเข้าไปหาเป้าหมาย มีดบินบางเฉียบแปดเล่มพุ่งทะยานออกจากฝ่ามืออีกข้างของเธอ
เสียงดัง ‘ปัง’ อย่างแผ่วเบาปรากฏขึ้น ลูกกระสุนพุ่งเข้าใส่หน้าอกตรงตำแหน่งหัวใจของลู่อวิ๋นโจวอย่างแม่นยำ
ส่วนมีดบินบางเฉียบทั้งแปดเล่มนั้น ก็พุ่งปักเข้าที่ลำคอของบอดี้การ์ดทั้งแปดคนซึ่งอยู่ข้างกายลู่อวิ๋นโจวในทันที ร่างสูงใหญ่กำยำเหล่านั้นล้มตึงลงกับพื้นในสภาพที่มือยังคงกำปืนแน่น แต่ก็สายเกินกว่าที่จะเหนี่ยวไกได้ทัน
มีดบินบางเฉียบขนาดเล็กนั้นแต่กลับสามารถสังหารผู้คนได้ในพริบตา หากสังเกตให้ดีจะพบว่า เป็นเพียงแค่เกล็ดเงินที่ใช้ตกแต่งชุดราตรีสีดำหรูหรานั้น ให้ดูสง่างามมากขึ้นเท่านั้นเอง
“เซียถง! จับตัวเธอไว้เร็วเข้า!”
บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านล่างตะโกนอย่างฉุนเฉียว
สาเหตุที่เซียถงสามารถปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จทุกครั้งก็เพราะว่า เธอมีความสามารถหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาบุหงาโบยบิน ที่บ่อยครั้ง เธอสามารถทำสิ่งที่ไม่โดดเด่นสะดุดตา ให้กลายเป็นอาวุธร้ายแรงที่คร่าชีวิตได้ในทันที
เสียงกรีดร้องดังขึ้นเกือบจะพร้อมกัน ภายในงานจัดเลี้ยงเริ่มโกลาหลวุ่นวายขึ้นในทันที ผู้คนในงานต่างก็พากันวิ่งหนีเอาชีวิตรอด ทำให้ขัดขวางเหล่าบอดี้การ์ดที่อยู่ภายในงาน
ขณะที่เซียถงกำลังวิ่งตรงเข้าไปที่ร่างของลู่อวิ๋นโจวนั้น ชุดราตรีสีดำบนร่างก็ถูกกระชากออก เผยให้เห็นเสื้อหนังกันกระสุนสีดำด้านใน ซึ่งปกปิดเพียงแค่หน้าอกและต้นขาเท่นั้น ผมยาวปลิวสะบัด ร่างกายเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว ดูประหนึ่งเทพธิดาที่ผุดออกมาจากขุมนรก
จังหวะที่ลู่อวิ๋นโจวล้มลงนั้น เซียถงก็วิ่งเข้าไปถึงร่างของเขาพอดี และเอื้อมมือออกไปคว้าคริสตัลม่วงที่อยู่ในมือข้างขวาของลู่อวิ๋นโจว
ทันใดนั้นเอง ลู่อวิ๋นโจวที่นอนตายอยู่บนพื้นก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับแสยะยิ้มชั่วร้าย เขาคว้าข้อมือของเซียถงที่ยื่นออกมาไว้ได้ ร่างที่สวมชุดกันกระสุนนั้นได้พูดเย้ยหยันขึ้นว่า
“เซียถง ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอจะต้องมาในงานคืนนี้ คิดจะฉกฉวยของจากลู่อวิ๋นโจว มันไม่ง่ายหรอกนะ!”
แต่สีหน้าท่าทางของเซียถงกลับยังคงสงบนิ่ง หญิงสาวยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นว่า “งั้นเหรอ?”
เธอตวัดมือซ้ายขึ้นรัดลำคอของลู่อวิ๋นโจวในทันที พร้อมกับออกแรงรัดอย่างไร้ปราณี เวลานี้ดวงตาของลู่อวิ๋นโจวถึงกับเบิกกว้างด้วยความตกใจ เลือดสีแดงค่อยๆไหลออกมาจากมุมปากของเขา
“ท่านลู่ ดูเหมือนคุณคงจะลืมไปแล้วว่า นอกจากฉันจะยิงปืนแม่นแล้ว ฉันยังมีวิธีฆ่าคนอีกมากมายหลายแบบ”
เสียงไพเราะที่ดังขึ้นนั้น ไม่ต่างจากเสียงเพรียกหาจากนรกที่ดังก้องอยู่ในหูของลู่อวิ๋นโจว
ไม่นานนัก มือของลู่อวิ๋นโจวก็ค่อยๆอ่อนแรงลง และค่อยๆคลายออกอย่างช้าๆ
หลังจากที่แย่งคริสตัลม่วงมาจากมือขวาของลู่อวิ๋นโจวได้ เซียถงก็ได้กระโดดขึ้นกลางอากาศ ราวกับเหยี่ยวที่แข็งแกร่งว่องไว มือของเธอคว้าโคมไฟระย้าเหนือศีรษะไว้ได้อย่ารวดเร็ว ในขณะเดียวกันลูกกระสุนนับสิบก็ได้พุ่งเข้ามาหาร่างของเธอ และเฉียดนิ้วเท้าไปอย่างเฉียดฉิว
เซียถงใช้ปลายนิ้วเหยียบโคมระย้า และอาศัยแรงส่งของมันกระโดดเหินขึ้นไปบนชั้นสองได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะวิ่งไปตามทางเดิน ด้านหน้าเป็นกำแพงกระจกกันกระสุนที่สูงตั้งแต่เพดานจรดพื้น ซึ่งยากนักที่เซียถงจะสามารถฝ่าทะลุเข้าไปได้
แต่เวลานี้ มู่เฟยได้รอเธออยู่ก่อนแล้ว!
ทันใดนั้นอง เสียง ‘ปัง’ ก็ดังขึ้น กำแพงกระจกกันกระสุนบานใหญ่แตกออกในทันที ด้านนอกเวลานี้ มู่เฟยกำลังยืนถือปืนไรเฟิลซุ่มยิงอยู่ด้านนอก ร่างของเขาห้อยลงมาจากหลังคาด้วยสายสลิงที่ติดอยู่กับเอว ปากก็ร้องตะโกนบอกเสียงดัง
“ถงถงเร็วเข้า!”
บอดี้การ์ดจำนวนมากกำลังวิ่งกรูตามหลังเซียถงมา เธอกระโดดออกมาจากกระจกหน้าต่างที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างไม่ลังเล
หลังจากนั้น เสียงปืนไรเฟิลจากมือของมู่เฟยก็ดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
เซียถงรีบวิ่งตรงไปที่รถซึ่งจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า ปากก็ร้องตะโกนบอกมู่เฟยที่กำลังวิ่งตามมา
"มู่เฟย รีบหน่อย!"
หลังจากมู่เฟยกระโดดขึ้นรถได้แล้ว หญิงสาวก็รีบขับหนีออกไปในทันที
“ในที่สุดเราก็เสร็จสิ้นภารกิจของเราแล้ว! มู่เฟย นายอยากย้ายไปอยู่ประเทศไหน?”
เซียถงเอ่ยถามออกมาอย่างมีความสุข ริมฝีปากแย้มยิ้ม แววตาสดใสในขณะที่จ้องมองชายหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ
“คริสตัลม่วงล่ะ?”
มู่เฟยไม่ตอบ แต่ย้อนถามหญิงสาวกลับไป
"อยู่นี่!"
เซียถงยื่นคริสตัลม่วงให้กับมู่เฟยโดยไม่ลังเลสังสัยอะไรเลยแม้แต่น้อย
มู่เฟยรับคริสตัลม่วงมา ดวงตาทั้งคู่เป็นประกายระยิบระยับด้วยความโลภ ปากก็พึมพำออกมาว่า
“ฉันได้ยินมาว่า ใครก็ตามที่ได้ครอบครองคริสตัลม่วงนี้ จะสามารถครอบครองโลกใบนี้ได้!”
“มู่เฟย!”
เซียถงร้องเรียกอีกฝ่ายด้วยความตกใจ เพราะเวลานี้ปากกระบอกปืนเย็นยะเยือกกำลังจ่ออยู่ที่ศรีษะของเธอ
“อย่าขยับ!”
เซียถงได้แต่ร้องถามออกไป "มู่เฟย! นี่นายรู้ตัวมั้ยว่ากำลังทำอะไรอยู่?"
“ถงถง ฉันขอโทษ! ฉันไม่ได้อยากไปใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ ฉันเป็นคนมีความสามารถ ทำไมฉันต้องทำงานให้กับประเทศนี้ด้วย ฉันต้องการครอบครองโลกใบนี้!”
น้ำเสียงที่เย็นชาของมู่เฟย ทำให้หัวใจของเซียถงต้องแตกสลาย ใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน กลับกลายเป็นเย็นชาไร้หัวใจ
“ต่อให้นายได้คริสตัลม่วงไป นายคิดเหรอว่าจะสามารถหลบหนีการไล่ล่าขององค์กรได้?”
หัวใจของเซียถงแตกสลายลงทีละเล็กทีละน้อย
“แต่ถ้าฉันรายงานองค์กรไปว่า เธอเป็นคนขโมยคริสตัลม่วงไป แล้วก็ทำร้ายฉันล่ะ? เธอคิดว่าองค์กรจะเชื่อใคร?”
“ถงถง ในเมื่อเธอไม่เห็นด้วยกับฉัน ฉันก็จำเป็นต้องฆ่าเธอ?”
สายตาของมู่เฟยเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมดุดันขึ้นมาทันที จากความรักกลายเป็นความเกลียดชัง
“มู่เฟย นี่นายฆ่าฉันได้จริงๆเหรอ? นายไม่ได้รักฉันเลยงั้นเหรอ?”
เวลานี้ ดวงตาทั้งคู่ของเซียถงเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ฝ่ามือซ้ายค่อยๆเอื้อมไปแตะปุ่มใต้เบาะอย่างไม่ลังเล
ชายหนุ่มผู้นี้คือคนที่เธอรัก เขาเป็นความรักของเธอ เป็นคนที่เธอต้องการใช้ชีวิตร่วมด้วยมากที่สุด เมื่อวานเขายังกระซิบข้างหูของเธอด้วยความรักใคร่ แต่ตอนนี้กลับกำลังใช้ปืนจ่อหัวของเธอได้อย่างไม่ลังเล
เพียงเพราะต้องการคริสตัลม่วง…
มู่เฟยจ้องมองเซียถงแน่นิ่ง พร้อมกับเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถงถง ฉันขอโทษ! วันนี้เป็นวันตายของเธอแล้ว ฉันไม่ได้รักเธอ ฉันแค่ต้องการคริสตัลม่วง”
เซียถงหลับตาลงช้าๆ และเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง สายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดกลับอันตรธานหายไป เปลี่ยนมาเป็นสายตาที่เย็นชาแทน
“มู่เฟย ความปรารถนาของนายจะไม่มีวันเป็นจริง!”
นิ้วมือของเซียถงกดลงบนปุ่มสีแดงใต้เบาะอย่างไม่ลังเล ปากก็ร้องตะโกนบอก
มู่เฟยรีบหันไปเปิดประตูเพื่อที่จะกระโดดลงจากรถ แต่ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว เสียงระเบิดปังดังขึ้น
จากนั้น รถยนต์ทั้งคันก็ระเบิดขึ้นในทันที เปลวเพลิงสีแดงลุกโชติช่วง พร้อมกับกลุ่มควันหนาทึบที่พวยพุ่งไปในห้วงอากาศ
จากอดีตนักล่าซอมบี้ในวันสิ้นโลกต้องผันตัวเป็นสาวน้อยชาวไร่สุดแกร่งที่ต้องช่วยแม่และน้องสาวให้รอดพ้นจากญาติพี่น้องมหาภัยและความยากจน เปิดธุรกิจร่ำรวยใหญ่โตเอาให้เหลือกินเหลือใช้ไปทั้งชาติ!
เธอถูกย่าแท้ๆฆ่าตายตอนอายุ6ขวบ กลายเป็นผีเร่ร่อนเฝ้าดูอนาคตและจุดจบของทุกคนที่รักอย่างเจ็บแค้น ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ก็เพื่อแก้ไขทุกสิ่ง! แต่เอ๊ะ?คุณแม่ผู้ขี้ขลาดคนนั้นแข็งแกร่งขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?!
นักศึกษาสาวหัวกะทิแห่งศตวรรษที่21เกิดใหม่เป็นลูกเลี้ยงบ้านนางเอกนิยาย ทันทีที่ทะลุมิติเข้ามาดันอยู่ในฉากคันขับที่เธอกับวายร้ายหลักของเรื่องต่างเสียรู้ ถูกจับขึ้นเตียงด้วยกันเพื่อรอเวลาถูกเปิดโปง!
หลินจิงซู หญิงสาวผู้ล้มเหลวทุกอย่างในชีวิตเพราะครอบครัวเฮงซวย เธอย้อนเวลาไปยังปี1990 อาศัยความรู้ในโลกอนาคตเพื่อเก็บเกี่ยวโอกาสทางธุรกิจ ก่อร่างสร้างตัวจนมั่งคั่งร่ำรวย เพื่อบดขยี้ทุกคนที่เคยรังแก!
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!
จากชายหนุ่มที่บังเอิญได้รับมรดกตกทอดของบรรพชนสกุลเฉินเพราะอุบัติเหตุ และในที่สุด จากลูกเขยที่ไร้ค่าไม่ต่างจากขยะชิ้นหนึ่ง กลับกลายมาเป็นหมอเทวดาที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศยิ่ง
"อย่าดื้อนะอีหนู คนดีของพี่กำนัน" "พี่กำนันบ้าอะไร ไอ้แก่!" พระนางลิ้นกับฟัน โคแก่กินหญ้าอ่อน ตีกันตลอด เร่าร้อน หึงโหด โกรธแรง ดราม่าครบทุกรส ตลก เศร้า น่ากลัว ซึ้ง หวาน โรมานติก
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
คำโปรย : “นี่คุณ!! ”‘ เธอยังบริสุทธิ์!! เป็นไปได้ไง? ’ ไหนว่าเป็นหม้าย??!! ..เมื่อมาเฟียหนุ่มได้ช่วยเหลือหม้ายสาวแสนสวยที่ถูกวางยา... ทว่า!ก็กลับต้องแปลกใจ ที่เขาดันเป็นคนแรกของเธอ #สปอย “ อื้อออออ.. ” เสียงครางต่อสู้กับความต้องการบางอย่างที่เริ่มรุนแรงขึ้นทุกขณะ รินรดาหน้าแดงก่ำ เริ่มกัดรีมฝีปากล่างจนแดงเอ่อ สองขาหนิบบิดหากันแน่น เสียดสีกันไปมาในอ้อมแขนของมาเฟียหนุ่ม สติของเธอกำลังเตลิด และเริ่มที่จะคบคุมตัวเองไม่ได้อีกครั้ง มือบางอยู่ไม่สุข คว้าเอาสาปเสื้อเชิ้ตสีดำของคนอุ้ม ก่อนดึงกระชากจนกระดุมหลุดขาดกระเด็น มืออีกข้างเริ่มเลื้อยลงไปผลุบตรงส่วนล่างของตัวเองอย่างควบคุมไม่ได้ ภาพอันรัญจวนใจตรงหน้า ทำเอามาเฟียหนุ่มใจเต้นแรงส่วนล่างของเขากำลังปวดหนึบแทบจะดันทะลุเป้ากางเกง กับสิ่งยั่วยวน ชวนชิม ที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง มาเฟียหนุ่มเองก็แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว “ คุณริน.. คุณรินครับ ตั้งสติหน่อย ” ลำแขนแกร่งพยายามเขย่าตัวร่างบางอีกครั้งเพื่อเรียกสติก่อนที่ประตูลิฟท์ชั้นบนสุดจะเปิดออก ปภาวินโอบอุ้มคนตัวเล็กกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงดิ่งไปยังห้องพักตัวเอง ผ่านส่วนห้องรับแขกตรงไปยังห้องนอนของตัวเองบอดี้การ์ดวิ่งไปเปิดประตูให้คนเป็นนาย เมื่อประตูห้องนอนถูกปิดลง แขนแกร่งรีบวางร่างเล็กอ่อนปวกเปียกที่กำลังบิดกายไปมาลงบนเตียงนุ่ม ก่อนผละออกมายืนอยู่ตรงปลายเตียง จ้องมองดูร่างระทวยอย่างใจสั่นไหว มาเฟียหนุ่มขมกรามแน่นอย่างข่มอารมณ์ความต้องการของตัวเอง มองดูร่างบางที่กำลังดิ้นเร่าบิดกายไปมาอย่างทรมานจากฤทธิ์ยาปลุกกำหนัด รู้สึกสงสารเธอเหลือเกินที่ถูกคนเลวคิดทำร้าย “ ร้อน.. รินร้อน.. ทรมานเหลือเกิน อื้ออออ ” เสียงครางหวานแหบพร่า ที่ต่อสู้กับความทรมานจากฤทธิ์ยาปลุกกำหนัด เริ่มขาดๆหายๆ “ อิ้อออ นะ..น้ำ ห้องน้ำ พารินไปห้องน้ำ รินต้องอาบน้ำ ” เสียงครางกระเส่ากับสติที่ยังหลงเหลืออยู่อันน้อยนิด คิดได้ว่าน้ำอาจช่วยลดความร้อนรุ่มภายในกายได้ ร่างบางอ่อนปวกเปียกกำลังตะเกียกตะกายลงจากเตียงอย่างทุลักทุเล คนที่ยืนมองอยู่ได้ยินแบบนั้น ก็รีบเข้าไปช้อนร่างบางขึ้นไว้ในอ้อมแขนแกร่งแล้วตรงไปยังห้องน้ำทันที ลำแขนแกร่งประคองร่างเล็กให้ยืนอยู่ใต้ฝักบัวอาบน้ำขนาดใหญ่ รินรดาหวังเพียงใช้น้ำเพื่อดับความร้อนรุ่มในกาย ฝ่ามือหนาไม่รอช้ารีบเปิดน้ำให้เธออย่างรวดเร็ว สายน้ำจากฝักบัวไหลพรมลงบนร่างเล็กจนเปียกชุ่มทั้งตัว ทำให้ชุดเดรสสั้นที่เธอสวมใส่มานั้นเปียกชุ่มจนแนบเนื้อ เผยให้เห็นเนื้อเนียนภายใต้ชุดนั่น “ อึก!” สัดส่วนเว้าโค้งเอวคอดกิ่วของร่างเล็กนั่นอย่างชัดเจน ทำเอาคนที่กำลังยืนมองถึงกับกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ลงคอ มาเฟียหนุ่มใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อเขาเห็นเนินอกอวบอิ่มที่ไร้บรา มีแค่เพียงจุกปิดยอดถัน แม้จะอยู่ภายใต้ชุดเดรสแต่ก็ยังเห็นเด่นชัด ส่วนล่างของเค้ามันกำลังเริ่มคับแน่น เขากำลังเกิดอารมณ์เพราะร่างเล็กที่เปียกชุ่มเป็นต้นเหตุ #มาเฟียหนุ่มได้ช่วยเหลือหญิงหม้ายที่ถูกวางยาปลุกเซ็กซ์ ทว่าเขากลับต้องตกใจ!เธอจะเป็นหม้ายได้ไง? ในเมื่อรู้ว่าเธอยังบริสุทธิ์อยู่ และเขาเป็นคนแรก มาเฟียหนุ่มหลงเสน่ห์หญิงหม้ายที่ว่าเพียงชั่วข้ามคืน ‘ปภาวิน’ (30) มาเฟียหนุ่มโสด หล่อ หน้าตาดี เป็นทายาทตระกูลมาเฟียใหญ่ที่มีธุรกิจโรงแรมมากกว่า 40 แห่ง รวมถึงธุรกิจสีเทามากมายอีกทั้งยังมีสาวๆในสต็อกมากมาย ‘ รินรดา’ (36) หม้ายสาวแสนสวยใบหน้าอ่อนกว่าวัยราวกับเด็กสาวมหา’ลัย เจ้าของธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่เธอออกแบบและสร้างมันกับมือ Talk.. Set มาเฟียร้าย สวัสดีค่ะนักอ่านทุกท่าน นามปากกา รดามณีนัฐฐ์ นะคะ ชื่อเล่นว่า นา ค่ะ ขอบคุณสำหรับการตอบรับนะคะ Set มาเฟียร้าย ทั้งหมดมี 3 เรื่องนะคะ เรื่องแรกเริ่มต้นที่คู่ของ ปภาวิน & รินรดา มาเฟียร้ายหลงบ่วงหม้ายเสน่หา ค่ะ เรื่องที่ 2 เป็นคู่ของ คทา & มัสลิน ร้อนรักคุณอามาเฟีย นะคะ เรื่องที่ 3 เป็นคู่ของ หมอสันต์ & ผักหวาน รักร้ายหมอมาเฟีย ฝากติดตามผลงานของไรท์ด้วยนะคะ
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
จางลี่สตรีเกิดมาพร้อมกับความเกลียดชัง บิดามารดาไม่รัก พี่สาวรังเกียจ รอบด้านทำร้ายร่างกาย ชาติภพนี้นางถูกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีทำร้ายจนตาย เมื่อเกิดพบชาติใหม่อีกครั้ง นางก็ขอตอบแทบพวกเขาอย่างสาสม อย่าคิดว่าชาติภพนี้พวกเขาจะได้อยู่สุขสบาย นางในชาตินี้จะถนอมพวกเขาเป็นอย่างดี “ข้าไม่ใช่คนดี ท่านอย่าได้หวังว่าข้าจะดีเหมือนคนอื่น หากท่านปรารถนา พบสตรีที่ดีก็เชิญไปหาที่อื่น” บุรุษปริศนาที่ติดตามนางจะเลือกเส้นทางไหน แล้วนางจะตอบแทนพวกเขาเหล่านั้นเช่นไร รอพวกเขาหาคำตอบ แต่บอกได้เลยว่านางหาได้ใจดีเหมือนชาติที่แล้วไม่ “ข้าเตือนท่านแล้ว ว่าอย่าได้หวังว่าข้าจะเป็นคนดี”
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"