หญิงสาวตามจับผิดอาเขยแต่โดนเขาตลบหลังกลับจนเกิดความสัมพันธ์ลับ เธอรู้สึกผิดและอยากหนีแต่สุดท้ายก็หนีหัวใจตัวเองไม่พ้น
“พี่คะขับตามรถคันไปเลยค่ะ” ผู้โดยสารที่นั่งอยู่บนเบาะหลังบอกกับคนขับแท็กซี่วัยกลางคนที่กำลังขับรถเข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้านหลังใหญ่
“แต่นี่มันถึงบ้านที่น้องบอกแล้วนะคะหรือว่าน้องมาผิดบ้าน” คนขับถามเพราะคิดว่าผู้โดยสารบอกทางมาบ้านของตนเองผิด
“หนูไม่ได้มาผิดบ้านหรอกค่ะพี่ แต่หนูอยากตามรถคันนั้นไปมากกว่า ถ้ายังไงพี่ช่วยขับตามให้หนูหน่อยได้ไหมเดี๋ยวหนูให้เงินพิเศษจากค่าแท็กซี่นะคะ” หญิงสาวบอกคนขับรถแท็กซี่ซึ่งเป็นผู้หญิงวัยกลางคนอย่างรวดเร็ว
คนขับหันมามองหน้าผู้โดยสารและเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังก็รีบขับตามรถยนต์คันนั้นไป รถคันหน้าขับด้วยความเร็วปกติ ทำให้รถแท็กซี่ขับตามทางได้อย่างสบาย
ตอนนี้คนอยู่เบาะด้านหลังนั่งแทบไม่ติดเพราะอยากจะรู้ว่าเวลาดึกขนาดนี้แล้วอาเขยของตนเองจะออกบ้านไปไหนนี่ไม่ใช่คืนแรกที่เธอเห็นเขาออกจากบ้านเวลากลางคืน ตั้งแต่เธอกลับมาอยู่ที่เมืองไทยเกือบจะหนึ่งเดือนก็เห็นอาเขยออกจากบ้านเวลาดึกอยู่หลายครั้ง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่ผู้ชายมีครอบครัวและมีภรรยากำลังตั้งครรภ์จะทำแบบนั้นเลย
รถคันหน้าขับไปยังคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง
“หนูจะเอายังไงกันต่อ จะให้พี่ขับตามเข้าไปไหม” คนขับแท็กซี่หันมาถาม
“หนูว่ารอตรงนี้ก่อนค่ะ”
“แล้วถ้าเขาไม่ขับออกมาล่ะ”
“เรารอสักสิบนาทีนะคะพี่ ถ้าเขาไม่กลับเขามาพี่ค่อยวนไปส่งที่บ้านก็ได้ค่ะ” ไอศิกาบอกกับคนขับรถแท็กซี่
แต่เธอรอไม่ถึงห้านาทีรถคันนั้นก็ขับออกมา
“พี่คะขับตามไปเลยค่ะ พี่ว่าในรถมันมีคนนั่งมาด้วยมั้ยคะ หนูมองไม่ถนัด” หญิงสาวยื่นหน้ามาถามขณะที่ตาก็จ้องเข้าไปในรถ
“เหมือนจะมีคนขึ้นมานั่งเพิ่มอีกคนนะคะ หนูจะให้พี่ขับแซงไหมจะได้เห็นชัด”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขับตามไปก่อน”
คนขับแท็กซี่ทำตามที่ไอศิกาบอก เธอเว้นระยะห่างเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต เธอขับตามจนรถคันนั้นเลี้ยวเข้าไปจอดในบริเวณโรงแรม
“พี่จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ”
ไอศิกาเห็นอาเขยของตนเองเดินลงจากรถเลยหายเข้าไปในโรงแรมพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอรีบยื่นธนบัตรใบล่ะหนึ่งพันให้คนขับ
“ขอบคุณค่ะ แล้วหนูจะให้พี่รอรับไหม”
“หนูไม่รู้ว่าต้องรอนานไหม”
“ถ้าจะให้พี่มารับก็เบอร์โทรที่แปะไว้ข้างหลังนะ”
“ได้ค่ะ” ไอศิกาหยิบโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปเบอร์โทรศัพท์ของคนขับรถด้านจากนั้นก็รีบเปิดประตูและเดินเข้ามาในโรงแรม แต่เพราะเสียเวลาคุยกับแท็กซี่ก็เลยไม่เห็นว่าเขาไปทางไหน
“ขอโทษนะคะเมื่อกี้มีผู้หญิงกับผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาที่นี่หนูอยากรู้ว่าเขาไปทางไหนคะ” เธอถามพนักงานที่แผนกต้อนรับ
“ต้องขอโทษด้วยนะคะเราบอกไม่ได้หรอกค่ะเพราะมันเป็นความลับของแขกค่ะ”
“หนูขอร้องล่ะค่ะพี่ช่วยบอกหนูหน่อยได้ไหมว่าเขาไปทางไหน”
“คุณเป็นอะไรกับสองคนนั้นเหรอคะ” พนักงานถามเพราะเห็นว่าหญิงสาวมีท่าทางร้อนรนมาก
“หนูเป็นหลานสาวค่ะ”
“ถึงหนูจะเป็นหลานสาวแต่เราก็บอกไม่ได้จริงๆ ค่ะ”
“แต่หนูเป็นหลานสาวของเขาจริงๆ นะคะหนูอยากจะคุยกับเขาถ้าไม่เชื่อคุณดูรูปนี้สิคะ” ไอศิกายื่นรูปของตนเองที่ถ่ายรวมกันทั้งครอบครัวให้กับพนักงาน
“ถึงจะมีรูปมาให้ดูแต่เราก็บอกไม่ได้จริงๆ ค่ะ ถ้ายังไงคุณลองโทรติดต่อคุณอาของคุณดูสิคะ”
หญิงสาวทำตามที่พนักงานแนะนำแต่ไม่ว่าจะโทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด
“หนูโทรไม่ติดเลย พี่ช่วยหนูไม่ได้เหรอคะ”
“ไม่ได้จริงๆ ค่ะ มันผิดกฎ”
“หนูขอนั่งรอตรงนั้นได้ไหมคะ” ไอศิกาชี้ไปยังโซฟาด้านหน้าซึ่งตอนนี้ไม่มีใครนั่งอยู่เลย
“ได้ค่ะ” เมื่อติดต่ออาเขยไม่ได้และพนักงานไม่ยอมบอกว่าเขาพักที่ห้องไหนหญิงสาวก็เลยต้องนั่งรอ แต่ไม่รู้ว่าจะต้องรอนานเท่าไหร่ จะเดินไปทางพนักงานคิดว่าเขาคงไม่ตอบแน่ๆ หญิงสาวเลยตัดสินใจโทรศัพท์หาเพื่อน
“ฮัลโหล ไอซ์มีอะไรหรือเปล่าตอนนี้เวลาที่ไทยมันดึกแล้วนะหรือไอซ์กลับมาอังกฤษแล้ว”
“เปล่า ไอซ์ยังไม่กลับแต่มีเรื่องอยากถามอลันนิดหน่อย”
“เรื่องด่วนใช่ไหม”
“อือ”
“ถามมาเลย”
“ไอซ์อยากรู้ว่าเวลาผู้ชายพาผู้หญิงเข้าโรงแรมเขาใช้เวลาอยู่ในโรงแรมนานแค่ไหน”
“ถามทำไมเนี่ยอย่าบอกนะว่ามีผู้ชายชวนเข้าโรงแรม”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกอลัน ตอบมาก่อนว่าเวลาอลันพาผู้หญิงเข้าโรงแรมส่วนใหญ่จะใช้เวลานานแค่ไหน”
“อย่างต่ำก็ชั่วโมงแต่ไม่น่าจะเกินสามชั่วโมงแล้วไอซ์ถามทำไม”
“เอาไว้วันหลังไอซ์จะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังนะ ขอบใจมาก” เธอรีบวางสายจากเพื่อนจากนั้นก็นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือและคิดว่าถ้าเขาเดินออกมาพร้อมกับผู้หญิงเธอจะถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน
ไอศิกาเคยสังเกตว่าอาเขยของเธอมักจะออกจากบ้านเวลาประมาณสามถึงสี่ทุ่มและเขาก็จะกลับไปนอนที่บ้านทุกครั้ง แต่เธอไม่แน่ใจว่าเขากลับเข้าไปตอนไหน
ที่มานั่งรอแบบนี้ก็เพราะอยากจะคุยกับเขาที่นี่เพราะถ้าไปคุยที่บ้านก็กลัวว่าคุณอาสาวของตนเองจะไม่สบายใจและมันจะกระทบต่อเด็กที่อยู่ในท้อง
ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ในคืนที่โดนแฟนเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่เครื่องดื่ม เธอขอให้ชายคนหนึ่งช่วย พอเช้ามาถึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาขู่ให้เธอยอมเป็นคู่นอนของเขาโดยบอกว่ามีคลิปในคืนนั้นเธอยอมเพราะคำขู่แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีคลิปทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็จบแต่เขาไม่ยอมจบเพราะตอนนี้คิดกับเธอมากไปกว่าคู่นอนไปแล้ว
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
ใครจะคิดว่าคนที่เธอเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวในคืนนั้นจะกลายมาเป็นคนรักในวันนี้ แต่เขาไม่ใช่แค่คนรักธรรมดาเพราะเขาคือเจ้าของบริษัทที่เธอเพิ่งเข้าทำงานได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ แต่เธอต้องเก็บเป็นความลับก่อนจะผ่านช่วงทดลองงาน
เพราะชอบเธอเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเกิดอุบัติเหตุจนเธอความจำเสื่อม โดยมีตนเองเป็นต้นเหตุ หมออย่างเขาก็ไม่รีรอที่จะรับเธอไปดูแลในฐานะคนรัก
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เจียงหว่านฉือตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ทีแรกเธอยังคิดว่าสามีของเธอที่แต่งงานกันมาเป็นเวลาสามปีนั้นมาที่นี่เพื่อดูอาการของเธอ แต่ไม่คิดเลยว่า ชายคนนั้นกลับเดินไปที่ห้องผู้ป่วยข้างๆ เพื่อดูแลผู้หญิงอีกคนหนึ่ง และเพื่อผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขายังต้องการส่งเธอเข้าคุกด้วย "2500 ล้าน เพื่อแลกกับการตบผู้หญิงของคุณหนึ่งฉาด"เจียงหว่านฉือมองไปที่เขาอย่างเย็นชา "เราหย่ากันเถอะ"" เธอรับใช้เขาอย่างอดทนมาเป็นเวลาตั้งสามปี ตอนนี้ เธอขอไม่ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว เธอจะกลับไปสืบทอดมรดกมหาศาลของตระกูล
"ฉันจะนอนกับคุณทุกที่ ทุกเวลา และทุกครั้งที่คุณต้องการ เพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อฉัน" "แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ" ในที่สุดเขาก็พูดออกมาจนได้ ยาหยีก้มหน้าซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้จนมิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพูดออกไปเสียงแผ่วเบา "ฉันจะให้คุณดูสินค้าก่อนก็ได้...แล้วค่อยตัดสินใจ" เมื่อบิดาของตนเป็นโจรขโมยเพชรล้ำค่าของตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่แห่งกรุงมอสโค ยาหยี จำต้องโยนศักดิ์ศรีของตัวเองทิ้งแล้วกลายเป็นหญิงไร้ยางอายเพื่อให้บิดารอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชอย่างเขา ทางเลือกเพียงทางเดียวที่มีคือยอมพลีกายให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าหล่อเหลาในสามโลกได้เชยชม สาวพรหมจรรย์อย่างหล่อนแทบขาดใจตายเพราะบทพิศวาสเร่าร้อนรุนแรงที่ไม่เคยได้พานพบ ความวาบหวามครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขามอบให้ทำให้ยาหยีคลั่งไคล้ในรสสิเน่หา กายสาวร่ำร้องโหยหาแต่เขาเพียงผู้เดียว หากภายในใจก็ต้องคอยย้ำเตือนตนเองไว้ว่า หล่อนก็เป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราว สักวันพอเขาเบื่อ ก็จะถูกเขี่ยทิ้งอย่างไร้ความปรานี!! จากที่คิดจะตามไล่ล่าเด็ดหัวคนทรยศให้แดดิ้นไปต่อหน้า คอร์เนล ซีร์ยานอฟ เจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรคมนาคมในประเทศรัสเซีย ก็เปลี่ยนเป้าหมายทันทีเมื่อได้เจอสาวน้อยนัยน์ตากลมหวานซึ้ง ใบหน้าหวานๆ ส่งผลให้เขาต้องการอยากครอบครองหล่อนแทบคลั่ง คอร์เนลมั่นใจว่ามันจะมีผลกับร่างแกร่งได้ไม่นานหรอก เพราะสำหรับเขา ผู้หญิงคือวัตถุทางเพศเคลื่อนที่ได้เท่านั้น เพียงได้ลิ้มลองแค่ครั้งเดียว เขาก็ไม่เคยหันกลับไปกินของเก่าอีก แต่ทฤษฎีนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับหล่อน ให้ตายสิ! เขาไม่เคยรู้สึกติดใจผู้หญิงรุนแรงขนาดนี้มาก่อน คอร์เนลหลงใหลเนื้อนุ่มจนกลายเป็นเสพติด ทั้งที่ความยโสโอหังของบุรุษเลือดเย็นเยี่ยงเขาพยายามบอกกับตนเองว่า เขายังเชยชมร่างงามไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป แต่ภายในใจลึกๆ กลับตะโกนก้องสวนทางออกมาว่า เขาขาดเธอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!!