นิดยกกระทะออกจากเตาแล้วออกจากครัว เดินไปตามโถงทางเดินของบ้านสไตล์โมเดิร์นที่กว้างขวาง
และเข้าไปในห้องนอนของเขา พ่อกำลังนอนหลับสนิทโดยไม่ได้ห่มผ้า ผมของเขาดูยุ่งเหยิง
เธอเดินไปที่เตียงและเขย่าไหล่ของเขา
“ถึงเวลาตื่นแล้วค่ะคุณพ่อ”
เขาไม่ได้ขยับตัว เธอเขย่าไหล่เขาแรงขึ้น
“ตื่นได้แล้ว พ่อ” เธอผลักไหล่เขาเบาๆ เขายังนิ่งไม่ได้ตอบสนองอะไร เธอเริ่มกังวลแต่ก็ยังเขย่าไหล่ขวาเขาแรงขึ้น
เธอโล่งใจเมื่อเขาขยับตัวในที่สุด และเขาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
“วันนี้เป็นวันพ่อแล้ว ถึงเวลาตื่นแล้วค่ะ” เธอกล่าวซ้ำ
เธอสังเกตมีบางอย่างผิดปกติในดวงตาสีเทาซีดของเขา ดวงตาของเขามีท่าทางแปลกๆ ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
เขาจ้องมองเธอสักครู่แล้วถามว่า “เธอเป็นใคร”
นิดหัวเราะเสียงดัง “หยุดล้อเล่นแล้วลุกขึ้นมาได้แล้วพ่อ”
เมื่อสีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไป ความกลัวก็แทรกซึมเข้ามาในตัวเธอ หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น
“พ่อไม่รู้จริงๆ เหรอว่าหนูป็นใคร หรือพ่อแค่อำหนูเล่น” เธอถาม
.
.
“เปล่า หนูเป็นใคร”
“หนูชื่อนิด ลูกสาวของพ่อไงคะ” เมื่อเขาไม่ตอบ เธอก็ถามว่าต่อว่า “พ่อ วันนี้เป็นวันอะไร”
“ไม่รู้”
“ปีนี้เป็นปีอะไร”
“ไม่รู้”
“พ่อชื่ออะไร”
เขาไม่ตอบ นอกจากคิ้วขมวดพร้อมทำท่าทางเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างด้วยสมาธิ
เธอไม่ชอบความสับสนในดวงตาของเขาหรือการพูดอย่างเฉยชาขาดความรักที่เขามักจะมีอยู่ในน้ำเสียง
ตอนนี้ ความตื่นตระหนกคุกคามเธอ “ลุกขึ้นและแต่งตัวเดี๋ยวนี้เลย พ่อ! เราจะไปโรงพยาบาลกัน
มีอะไรบางอย่างผิดปกติกับพ่อแน่ๆ!”
เมื่อเขาไม่ขยับ นิชานาถก็ตะโกนกึ่งสั่ง “ลุกขึ้น!”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา นิดนั่งเงียบๆ ในห้องตรวจในขณะที่ศัลยแพทย์ระบบประสาทฉายไฟฉายเข้าไปในดวงตาของพ่อทั้งสองข้าง
พูดคุยกับเขาด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“คุณบอกผมได้ไหมว่าคุณชื่ออะไร” ศัลยแพทย์ถาม
“ผมไม่รู้” พ่อตอบ
“คุณเกิดที่ไหน”
“ผมจำไม่ได้”
ขณะที่ศัลยแพทย์ถามคำถามเพิ่มเติม ความกลัวของนิดก็ทวีความรุนแรงขึ้น หัวใจของเธอเต้นแรง
มือของเธอเปียกชุ่ม ทำไมพ่อถึงจำอะไรไม่ได้? เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นหรือป่าวที่เธอไม่รู้…
“เราจะทำการทดสอบบางอย่างครับ คุณอีริค” ศัลยแพทย์กล่าว
“อาจมีลิ่มเลือดในสมองของคุณซึ่งทำให้สูญเสียความทรงจำ”
“นั่นชื่อของผมใช่ไหม” พ่อถาม ก่อนที่ศัลยแพทย์จะตอบ พ่อเหลือบมองไปที่นิด
“เธอเป็นลูกสาวของฉันเหรอ”
นิดพยักหน้าและเช็ดน้ำตาที่เริ่มจะเอ่อล้น “พ่อ…พ่อจะไม่เป็นอะไรนะพ่อ”
เมื่อพ่อถูกเข็นออกจากห้องตรวจ นิดก็หาที่นั่งรอหน้าห้องตรวจ แพทย์บอกเธอว่าคงต้องใช้เวลาสักพัก
เพราะพ่อต้องเอ็กซ์เรย์และอาจต้องสแกน MRI ด้วย
เช้าวันอาทิตย์ที่โรงพยาบาลวุ่นวายอย่างประหลาด เธอเห็นผู้คนเข้าออก บางคนได้รับบาดเจ็บ
บางคนเจ็บปวดมากบ้างน้อยบ้าง สมาชิกในครอบครัวโศกเศร้า มีภรรยาคนหนึ่งตำหนิสามีของเธอในเรื่องโง่ๆ ที่เขาทำ
แขนและมือของเขาถูกพันด้วยผ้าขนหนูเปื้อนเลือดซึ่งน่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ
ในชั่วโมงแรกที่ผ่านไป เธอเกิดอาการชาเพราะช็อค อะดรีนาลีนลดลงและถูกแทนที่ด้วยความกลัว
เกิดอะไรขึ้นกับสมองของพ่อ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาไม่สามารถฟื้นความจำได้?
เธอคิดถึงชีวิตของเธอกับพ่อ ในหลายๆ ด้าน เธอคิดว่าตัวเองโชคดี โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเพื่อนๆ บางคน
แม้ว่าเธอจะเสียแม่ไปเมื่อห้าปีก่อน แต่พ่อก็ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย แน่นอนว่าพ่อเป็นคนน่ารำคาญ
และคอยกวนใจเธอเรื่องเกรดที่โรงเรียน
เธอคิดว่าพ่อทำงานหนักเกินไปและไม่ค่อยมีเวลาให้เธอ เธอไม่ชอบงานบ้านที่เขาให้เธอทำเมื่อเธออยากออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ
แต่เขาก็คือพ่อ ไม่สิ! เอาจริงๆ เขาคือพ่อเลี้ยงฝรั่งของฉัน แม่หย่ากับพ่อแท้ๆ ของฉัน
ก่อนที่แม่จะพาฉันมาอเมริกาและแต่งงานกับพ่อเลี้ยงคนนี้ ฉันชอบพ่อเลี้ยงมากกว่าพ่อแท้ๆ ของฉัน
ดังนั้นฉันจึงเรียกเขาว่า “พ่อ”
พ่อไม่เคยตะคอกฉันเลย เขาไม่เคยลงโทษฉัน เขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อสนับสนุนกิจกรรมของฉันที่โรงเรียน
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถอยู่ที่นั่นได้ก็ตาม
บางทีเขาอาจไม่ได้ใช้เวลากับเธอเท่าที่เธอต้องการ แต่เขาคือพ่อ ครอบครัวเดียวที่เธอมี