วันที่เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นส่งขึ้นศาล เป็นวันที่ฝนตกหนักมาก
ตลอดสี่ปีที่คบกันจนถึงวันที่กำลังจะแต่งงาน เธอเคยเชื่อมาตลอดว่าเขารักเธอจริง และชีวิตแต่งงานของพวกเขาจะต้องเต็มไปด้วยความสุขแน่นอน
จนกระทั่งวันแต่งงาน เพียงเพราะคำพูดเดียวของเสิ่นเมิ่ง น้องสาวต่างมารดาของเธอ ที่ทำให้เขาถึงกับส่งเธอขึ้นศาลด้วยมือของตัวเอง
ภายในศาลที่เคร่งขรึมถมึงทึง
“จำเลย เสิ่นเยวียน คุณถูกกล่าวหาว่าติดสินบนคณะกรรมการ ปลอมแปลงผลงานทางวิชาการและฆาตกรรมโดยเจตนา คุณมีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่?”
แววตาของหญิงสาวแดงก่ำ เธอจ้องมองเซียวอี้ด้วยรอยยิ้มเย็นชาระคนสิ้นหวัง ทั้งยังเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ใคร ๆ ก็รู้ว่าไม่มีใครอยากเป็นศัตรูกับตระกูลเซียวเพียงเพราะคนธรรมดาอย่างเธอ
จากนั้น เธอจึงกล่าวช้า ๆ อย่างชัดถ้อยชัดคำ “ฉัน...ไม่มีอะไรจะพูด”
คนที่เธอรักสุดหัวใจ แท้จริงแล้วในตลอดเวลาที่ผ่านมาก็คบชู้กับน้องสาวต่างมารดาของเธอเอง ทั้งยังลอบขโมยผลงานวิชาการของเธอ และตอนนี้ยังใส่ร้ายว่าเธอเป็นฆาตกรโดยไม่แยแสถึงความสัมพันธ์ทางสายเลือดแม้แต่น้อย
เธอจะมีอะไรให้พูดอีกล่ะ?!
“ปัง......”
เสียงค้อนในศาลกระทบพื้นดังขึ้นอีกครั้ง!
“ศาลมีคำตัดสินให้จำเลยเสิ่นเยวียน ต้องโทษจำคุกแปดปี และต้องเสียค่าปรับเป็นเงินจำนวนหนึ่งล้านห้าแสน”
การพิจารณาคดีจบลง เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คุมตัวเสิ่นเยวียนที่สวมชุดนักโทษออกไป
ขณะที่เดินออกจากห้องพิจารณาคดี เธอหันกลับไปมองเซียวอี้ที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งฝ่ายโจทก์ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง!
......
สามปีต่อมา
ในเรือนจำ
“เสิ่นเยวียน มีคนยื่นขอประกันตัวเธอ ออกไปได้แล้ว”
เสิ่นเยวียนเงยหน้าขึ้น ใบหน้าซีดเซียวเต็มไปด้วยความตกตะลึง
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่า หลังจากถูกทรมานอย่างโหดร้ายในคุกมาถึงสามปี ในที่สุดเธอก็มีโอกาสได้ออกมา
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เสิ่นเยวียนที่ได้รับอิสรภาพจากเรือนจำถูกพาตัวมายังโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
เมื่อก้าวเข้าไปในห้องผู้ป่วย เธอมองผ่านบานประตูใสเห็นผู้เป็นแม่ของเธอนอนหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียงไอซียู ทั้งยังถูกล้อมรอบด้วยเครื่องช่วยชีวิตนานาชนิด ราวกับเป็นคนที่ไร้ลมหายใจไปแล้ว
“แม่” เสิ่นเยวียนตื่นตระหนกจนตัวสั่นไปทั้งร่าง เธอรีบวิ่งไปที่ประตูเพื่อเปิดเข้าไปด้านใน
“อย่าขยับ ห้องนี้ถูกปรับแต่งเป็นพิเศษ ถ้าฉันไม่อนุญาต ใครก็เข้าไปไม่ได้”
“เสิ่นเมิ่ง เป็นเธอเองเหรอ?! แม่ของฉันตัดขาดจากตระกูลเสิ่นไปนานแล้ว ทำไมเธอยังต้องมาทำร้ายแม่ฉันอีก!”
เสิ่นเยวียนจ้องมองเสิ่นเมิ่งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ขณะที่เสิ่นเมิ่งมองไปยังเสิ่นเยวียนนั้น แววตาของเธอฉายแววริษยาระคนดูแคลน
จากนั้นก็หัวเราะเยาะเย้ยออกมา
“พี่คงเข้าใจผิดไปแล้วล่ะ ฉันกำลังช่วยแม่ของพี่ต่างหาก ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน แม่ของพี่คงตายไปนานแล้ว พอพี่ออกจากคุกมาก็ได้เห็นแค่ศพของเธอเท่านั้นแหละ!”
เสิ่นเยวียนบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์ “เลิกเสแสร้งได้แล้ว เธอเนี่ยนะจะช่วยแม่ฉัน? เกรงแต่ว่าจะเป็นแค่ข้ออ้างให้เธอใช้ประโยชน์จากฉันมากกว่ามั้ง!”
“พี่นี่ฉลาดสมกับที่เคยเป็นดาวรุ่งของวงการวิชาการจริง ๆ เลย น่าเสียดายที่ตอนนี้พี่เป็นแค่คนขี้คุกในคดีพยายามฆ่า ไม่ต่างอะไรจากหมากตัวหนึ่งที่ฉันจะใช้ยังไงก็ได้!”
เสิ่นเมิ่งยิ้มเหยียด ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงรื่นเริง “วันนี้ถ้าพี่แค่ยอมไปนอนกับคุณหลี่หนึ่งคืน ฉันจะช่วยให้พี่ออกจากคุก และยังจะรักษาแม่ของพี่ด้วย”
“หลี่เสวียน่ะเหรอ?! ไอ้แก่ที่อายุหกสิบกว่านั่นน่ะเหรอ! เธอจะบ้าไปแล้วหรือไง? !” เสิ่นเยวียนแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“แล้วยังไงล่ะ คนที่ต้องไปนอนกับเขาก็คือพี่ ไม่ใช่ฉันสักหน่อย ขอแค่พี่ยอมนอนกับเขาหนึ่งคืน ตระกูลของเราก็จะได้ออเดอร์สั่งซื้ออาวุธจากตระกูลหลี่ เงินจำนวนมหาศาลขนาดนั้น ต่อให้ขายพี่ไปก็ยังไม่พอกับเงินจำนวนนั้นด้วยซ้ำ! แต่ถ้าพี่ไม่ไป……”
เสิ่นเมิ่งชี้ไปยังห้องไอซียูก่อนจะบอกต่อไปว่า “ฉันจะให้คนถอดเครื่องช่วยหายใจของแม่พี่ซะเดี๋ยวนี้เลย แล้วพี่ก็จะได้เห็นแม่ตายไปต่อหน้าต่อตา! ฉันให้เวลาพี่คิดห้าวินาที…… ห้า สี่ สาม……”
“ก็ได้ ฉันจะไป!”
เสิ่นเยวียนตอบตกลงอย่างอับจนหนทาง น้ำตาไหลพรากลงมาอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้
แต่เพื่อแม่ที่นอนป่วยอยู่บนเตียง เธอไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว
ไม่นานหลังจากนั้น เสิ่นเยวียนถูกจับให้แต่งตัวใหม่ ก่อนจะถูกส่งขึ้นรถไป
เธอกำลังจะถูกส่งไปให้ตาแก่วัยหกสิบกว่าที่อ้วนฉุน่าขยะแขยง ต้องถูกเขาทำลายทั้งร่างกายและศักดิ์ศรี
ถึงขนาดเป็นครั้งแรกของเธอเลยก็ว่าได้