/0/22631/coverbig.jpg?v=541a12b13d79b6e636bafefe72bb6ad3)
จากอุบัติเหตุสยองเหนือธรรมชาติส่งผลให้วิญญาณของแจ็ค เวลลิงตันกระเด็นข้ามไปยังโลกแห่งฝันร้ายพร้อมกับพลังพิเศษเหนือมนุษย์ เพียงแต่โอกาสครั้งที่ 2 นี้กลับพ่วงภารกิจฆ่าตัวตายที่ต่อให้มีพลังแค่ไหนก็ใช่ว่าจะรอดไปได้ง่าย ๆ เพื่อที่จะมีชีวิตต่อไปและหลบหนีออกจากฝันร้ายบ้า ๆ นี่ แจ็คพบว่าเขาจำต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับความชั่วร้ายที่แฝงตัวอยู่ใต้ฉากหน้าของสังคมอันเงียบสงบ เบาะแสแรกนำพาวิญญาณหลงทางของเขาไปเผชิญหน้ากับฆาตกรสุดเลวร้ายผู้เนรมิตความวิปลาสด้วยการผนวกเอาสิ่งมีชีวิตเข้ากับเครื่องจักร การแข็งแกร่งขึ้นในเวลาอันสั้นเท่านั้นที่เป็นโอกาสรอดเดียวของเขา แต่แจ็คจะทำได้อย่างไร ในเมื่อพลังที่เขาได้รับนั้นไม่สามารถใช้ทำร้ายใครจริง ๆ ได้ด้วยซ้ำ!
แจ็คร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด สมองมึนงงไม่อาจแยกแยะว่าอะไรเป็นอะไร เหมือนกับแวบหนึ่งเขาเพิ่งเห็นแสงไฟเจิดจ้าจาก ...รถบรรทุกหรือเปล่านะ จากนั้นเสียงเปรี้ยงปร้างแบบกระสุนระเบิดจากรังเพลิงต่อเนื่องก็ดังสนั่นหวั่นไหว ไม่ใช่แบบสิ มันเป็นเสียงปืนจริง ๆ เลยต่างหาก ประกายไฟปะทุแปลบปลาบยามวัตถุขนาดจิ๋วพลังทำลายล้างสูงกระทบโครงเหล็กกระเด็นกระดอนไปมารอบตัวเขาโดยไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่าย ๆ
เลือด... ต้นตอความเจ็บปวดนั้นอยู่ที่หน้าท้อง ตำแหน่งเหนือสะดือขึ้นมาสักหนึ่งนิ้วได้ เลือดสีเข้มทะลักจากรูโหว่เล็ก ๆ นั่น เขาที่ยังคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าควรทำอะไรกับสถานการณ์นี้ดีก็ใช้มือไปกดบาดแผลไว้ ความเจ็บปวดระลอกใหม่ผุดขึ้นมาจนร่างกายเกร็งกระตุกกระทั่งลมหายใจก็หายไปชั่วขณะ
[ติดสถานะเลือดไหล พลังชีวิตลดลง 0.5% ทุก 2 วินาที]
“อะไรวะ!” แจ็คตะโกนแข่งกับเสียงสาดกระสุน ดูเหมือนเขากำลังติดอยู่ท่ามกลางสงครามหรืออะไรสักอย่าง โดยที่ข่าวร้ายก็คือเป้าหมายการสังหารได้แก่ตัวเขานี่แหละ
ข้อความสีแดงกะพริบอยู่ตรงหน้าประหนึ่งภาพโฮโลแกรมที่เกิดขึ้นแค่เฉพาะในหัวของเขา ซึ่งไม่ว่าจะหันไปทางไหน ข้อความนั้นก็จะลอยตามไปเสมอ จากนั้นความแปลกประหลาดยิ่งกว่าก็เกิดขึ้น เมื่อทัศนวิสัยส่วนหนึ่งจู่ ๆ ก็ถูกบดบังด้วยเฮดอัพ ดิสเพลย์(HUD) เป็นภาพกราฟิกราวกับเป็นหน้าจอในเกมยิงแบบบุคคลที่หนึ่งยังไงยังงั้น กล่าวคือตรงมุมบนซ้ายของลานสายตาปรากฏแท่งสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวนอนสีเหลืองซึ่งแสดงระดับพลังชีวิตของเขา ใต้แท่งพลังชีวิตเป็นแท่งสีม่วงที่มีความกว้างน้อยกว่าครึ่งหนึ่งอีกแท่งที่ไม่รู้ว่ามันแสดงถึงอะไรกันแน่ ทางด้านมุมบนขวามีไอคอนสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ จำนวนสามอันเรียงกันในแนวตั้ง
แจ็คเข้าใจทันทีว่าสิ่งที่ตนเห็นตอนนี้คืออะไร ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นหน้าจอเกมสักเกม เพียงแต่เวลานี้เขาไม่ได้กำลังสวมแว่นวีอาร์หรืออย่างน้อยที่สุดก็นั่งอยู่หน้าโน้ตบุ๊คตัวเองด้วยซ้ำ ทว่าเฮดอัพ ดิสเพลย์กลับแสดงอยู่ในดวงตาของเขาเลยต่างหาก
เขารู้ตัวว่าไม่ได้ฝันไป ด้วยความเจ็บปวดตอนนี้จริงยิ่งกว่าจริงเสียอีก
แถบพลังชีวิตของเขาค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ
เสียงปืนหยุดลงกะทันหันโดยไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้าใด ๆ แล้วเสียงผู้ชายดุดันก็ตะโกนขึ้นมา “ยอมมอบตัวดี ๆ ซะเถอะ จะได้ไม่ยุ่งยากกับทั้งเอ็งแล้วก็พวกข้า ไอ้ฆาตกร ถ้าแกว่าง่าย ๆ ละก็ ข้าสัญญาว่ามันจะเป็นการตายที่รวดเร็วและไม่ทรมาน แต่ถ้ายังงี่เง่าอยู่ละก็...”
แจ็คเข้าใจความหมายของหมอนั่นเป็นอย่างดี แต่ที่เขางงก็คือ เพราะเหตุใดฝ่ายนั้นถึงเรียกเขาว่าฆาตกรล่ะ เขาเนี่ยนะฆ่าใคร แค่คิดก็อยากจะหัวเราะแล้ว(ถ้าไม่ได้กำลังนอนท้องเป็นรูอยู่ก็นะ) ตลอดชีวิตของเขา แค่จะเตะแมวสักตัวก็ยังไม่กล้าเลย ไม่งั้นเขาจะยอมโดนหัวหน้ากับเพื่อนร่วมงานเอาเปรียบมาตลอดแปดปีที่ผ่านมาได้ยังไงกัน ที่สำคัญเขาก็จำไม่ได้ด้วยว่าเคยไปทำร้ายใครด้วย
กระนั้นก็เห็นได้ชัดว่าพวกนั้นไม่ได้เข้าใจแบบเดียวกัน สังเกตจากจำนวนกระสุนที่จัดเต็มก่อนหน้านี้
แทนที่จะยอมแพ้อย่างที่ชายคนนั้นบอก แจ็คกลับเลือกมองหาวิธีเอาตัวรอด ถ้าเขาไม่ได้เสียสติและเห็นภาพหลอนไปเองนะ ในเมื่อมันมีหน้าจอเฮดอัพ ดิสเพลย์แสดงอยู่แล้วแบบนี้ ก็เป็นไปได้ว่า...
ทันทีที่เขาโบกมือขวา ฉับพลันตารางโปร่งแสงขนาดหกคูณหกก็ปรากฏขึ้นแทนแถบพลังชีวิตและกล่องไอคอนตรงมุมขวา ข้อความเหนือตารางบอกว่านี่เป็นที่เก็บไอเทม
ถึงอย่างนั้นในที่เก็บไอเทมกลับมีเพียงไอคอนเล็ก ๆ ที่มองออกว่าเป็นรูปแผ่นกระดาษหนึ่งแผ่น
“บ้าเอ๊ย!” แจ็คสบถ “ไม่มีอะไรใช้ได้เลยเรอะ! โอ๊ย!!!” เขาสำลัก เลือดทะลักผ่านร่องนิ้วมือซ้ายเหนือบาดแผลหน้าท้อง
“เอ็งจะเอายังไง จะออกมาดี ๆ หรือเปล่า” เสียงชายคนเดิมดังข่มขู่ “ข้าจะนับถึงสามเท่านั้น”
แจ็คโบกมือตั้งใจจะปิดตารางที่เก็บไอเทม กลับกลายเป็นว่าไอคอนรูปกระดาษพลันขยายออกกลายมาเป็นแผ่นกระดาษจริง ๆ แทรกเข้ามาอยู่ในฝ่ามือ “ไม่ใช่สิ!”
“หนึ่ง!” เสียงคำรามของชายคนนั้นดังก้องในสถานที่โทรม ๆ ที่แม้จะสว่างไสวด้วยแสงไฟทว่ากลับให้บรรยากาศมืดสลัวแห่งนี้
‘ตามหาคาร์ล พราโซซินให้พบและฆ่าเขาเสีย’ ลายมือหวัดในกระดาษเขียนไว้เช่นนั้น
“สอง!”
แจ็คเริ่มโบกไม้โบกมือเปะปะ ไม่สนที่จะปิดแผลอีกต่อไป ตารางแสดงที่เก็บไอเทมสลับอันตรธานแทนที่กลับมาด้วยแถบพลังชีวิตแล้วก็ข้อความโปร่งแสงยาวพรืดกะพริบโผล่ ๆ หาย ๆ ถึงอย่างนั้นก็ยังคงไม่มีวิธีเอาตัวรอดใดเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง
“สาม!!!”
แวบหนึ่งเหมือนแจ็คจะเห็นกล่องป๊อบอัพสี่เหลี่ยมมีปุ่มตกลงกับยกเลิกผุดขึ้นมา เขาไม่มีเวลาอ่านด้วยซ้ำตอนที่วัตถุบางอย่างลอยผ่านหน้าต่างมาตกไม่ไกลจากปลายเท้า
บัดซบ! นั่นมันระเบิด!?!
แจ็คลุกพรวดโดยสัญชาตญาณ หัวใจสูบฉีดอะดรีนาลีนไปทั่วร่างทำเอาลืมความเจ็บปวดทั้งหมดทั้งมวลไปเสียสนิท วินาทีนั้นเป็นไปได้ว่ามือที่โบกได้ไปกระตุ้นถูกปุ่มตกลงเข้า ฉับพลันเมฆหมอกดำปรากฎจากความว่างเปล่าขึ้นมาตรงหน้า บดบังสายตาประหนึ่งตัดฉากมายังคืนเดือนมืดที่ไร้แสงไฟ มืดบอดกระทั่งไม่เห็นอะไรเลย
แจ็คร้องลั่น ความหวาดกลัวทะยานพรวดสวนทางกับห้วงเวลาที่หดสั้นลงแทบไม่มีเหลือ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เขารู้สึกราวกับระเบิดทำงานขึ้นมาแบบสโลว์โมชั่น รับรู้ความร้อนระอุอาบผิวกายไม่ต่างจากถูกขังในเตาเผาของแม่มดใจร้าย ชายวัยสามสิบต้นวิ่งสะเปะสะปะชนกำแพงเหล็ก เซแซดกำลังจะล้ม ทว่าด้วยพลังเฮือกสุดท้ายทำให้เขาฝืนสู้กับอาการเสียหลักออกวิ่งต่อทั้งที่ลำตัวส่ายโอนเอนอย่างบ้าคลั่ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามุ่งหน้าไปไหน รวมถึงการดิ้นรนหนีอย่างสิ้นคิดเช่นนี้จะช่วยให้รอดจากรัศมีระเบิดได้ยังไง
แล้วสะโพกของเขาก็ชนกับกำแพงเตี้ย ๆ ก่อนที่ร่างกายจะสัมผัสกับความเวิ้งว้าง
เวรละ! เขาเพิ่งร่วงตกจากหน้าต่าง
พร้อมกันนั้นเอง ระเบิดลูกนั้นก็ทำงานขึ้นมาจริง ๆ พลังทำลายปะทุกระจายไล่ตามแจ็คที่ยังลอยไม่พ้นจากขอบหน้าต่างเท่าไหร่ เขาได้ยินเสียงคำรามเลื่อนลั่น คลื่นคลั่งกระแทกแจ็คพุ่งฉิวปลิวไปชนผิวแข็ง ๆ ของโลหะอะไรสักอย่างที่มีขนาดใหญ่จากนั้นตีลังกาลงมาอัดกับโต๊ะเหล็กพอดิบพอดี ขาโต๊ะด้านหนึ่งหักทันทีและปล่อยเขากลิ้งลงมากองแผ่พังพาบกับพื้น
หมอกดำปริศนาอันตรธานวับไปเฉกเช่นที่มันปรากฏขึ้น สมองซึ่งยังคงมึนงงรับรู้ภาพปากกระบอกปืนกลหน้าตาโบราณสามกระบอกกับรองเท้าหนังส่วนหัวเป็นโลหะมันวับอีกสามคู่ที่ขยับมาหาราวกับภาพช้า
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”
"ฉันจะนอนกับคุณทุกที่ ทุกเวลา และทุกครั้งที่คุณต้องการ เพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อฉัน" "แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ" ในที่สุดเขาก็พูดออกมาจนได้ ยาหยีก้มหน้าซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้จนมิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพูดออกไปเสียงแผ่วเบา "ฉันจะให้คุณดูสินค้าก่อนก็ได้...แล้วค่อยตัดสินใจ" เมื่อบิดาของตนเป็นโจรขโมยเพชรล้ำค่าของตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่แห่งกรุงมอสโค ยาหยี จำต้องโยนศักดิ์ศรีของตัวเองทิ้งแล้วกลายเป็นหญิงไร้ยางอายเพื่อให้บิดารอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชอย่างเขา ทางเลือกเพียงทางเดียวที่มีคือยอมพลีกายให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าหล่อเหลาในสามโลกได้เชยชม สาวพรหมจรรย์อย่างหล่อนแทบขาดใจตายเพราะบทพิศวาสเร่าร้อนรุนแรงที่ไม่เคยได้พานพบ ความวาบหวามครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขามอบให้ทำให้ยาหยีคลั่งไคล้ในรสสิเน่หา กายสาวร่ำร้องโหยหาแต่เขาเพียงผู้เดียว หากภายในใจก็ต้องคอยย้ำเตือนตนเองไว้ว่า หล่อนก็เป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราว สักวันพอเขาเบื่อ ก็จะถูกเขี่ยทิ้งอย่างไร้ความปรานี!! จากที่คิดจะตามไล่ล่าเด็ดหัวคนทรยศให้แดดิ้นไปต่อหน้า คอร์เนล ซีร์ยานอฟ เจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรคมนาคมในประเทศรัสเซีย ก็เปลี่ยนเป้าหมายทันทีเมื่อได้เจอสาวน้อยนัยน์ตากลมหวานซึ้ง ใบหน้าหวานๆ ส่งผลให้เขาต้องการอยากครอบครองหล่อนแทบคลั่ง คอร์เนลมั่นใจว่ามันจะมีผลกับร่างแกร่งได้ไม่นานหรอก เพราะสำหรับเขา ผู้หญิงคือวัตถุทางเพศเคลื่อนที่ได้เท่านั้น เพียงได้ลิ้มลองแค่ครั้งเดียว เขาก็ไม่เคยหันกลับไปกินของเก่าอีก แต่ทฤษฎีนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับหล่อน ให้ตายสิ! เขาไม่เคยรู้สึกติดใจผู้หญิงรุนแรงขนาดนี้มาก่อน คอร์เนลหลงใหลเนื้อนุ่มจนกลายเป็นเสพติด ทั้งที่ความยโสโอหังของบุรุษเลือดเย็นเยี่ยงเขาพยายามบอกกับตนเองว่า เขายังเชยชมร่างงามไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป แต่ภายในใจลึกๆ กลับตะโกนก้องสวนทางออกมาว่า เขาขาดเธอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!!