เขาคือลูกชายของผู้มีพระคุณ...เขาคือคนที่อยู่สูงเกินกว่าจะเอื้อมถึง เขาเย็นชาและเขารังเกียจเธอมาตลอด แต่ทำไมวันนี้เขาถึงได้... สั่งให้คนที่เขารังเกียจมาตลอดอย่างเธอ... “จูบฉัน” “คะ?” “จนกว่าฉันจะพอใจ!”
เขาคือลูกชายของผู้มีพระคุณ...เขาคือคนที่อยู่สูงเกินกว่าจะเอื้อมถึง เขาเย็นชาและเขารังเกียจเธอมาตลอด แต่ทำไมวันนี้เขาถึงได้... สั่งให้คนที่เขารังเกียจมาตลอดอย่างเธอ... “จูบฉัน” “คะ?” “จนกว่าฉันจะพอใจ!”
“อ่าา”
ริมฝีปากเล็กเผยอปล่อยเสียงครางออกมาในลำคอเบาๆ พลางเลื่อนมือเรียวเล็กขึ้นไปขยุ้มกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มดกเอาไว้เพื่อระบายความวาบหวามที่ได้รับจากริมฝีปากหนาสุดร้อนผ่าวของเขา
“อืมม์”
ร่างแบบบางเกร็งสะท้านอัตโนมัติเมื่อริมฝีปากร้อนเลื่อนลงไปครอบงับเต้าอวบขาวอย่างหยอกเย้าก่อนจะตวัดปลายลิ้นร้อนดูดกลืนเม็ดถันสีหวานที่ใหญ่เกินตัวของเธอเพื่อสร้างความกระสันเสียวให้กับเธออย่างเร่าร้อน หญิงสาวแอ่นอกอวบให้ชายหนุ่มดูดเม้มและบดขยี้อย่างเต็มใจ
จ๊วบ!
เรียวปากร้อนดูดไล้เลียหน้าอกสาวอยู่นานนับนาทีจนร่างบางเกร็งสะท้านหวามไหว ชายหนุ่มจึงยอมผละเรียวปากออกมาก่อนจะยัดกายขึ้นเท้าศอกกับที่นอนเพื่อจ้องมองใบหน้าชื้นเหงื่อของเธอด้วยสายตาเป็นประกาย
“ฉันรักเธอนะพิรตา รักมาก”
“พอใจก็รักคุณค่ะ ลีอันโดร รักมากเหลือเกิน” หญิงสาวรีบเอ่ยคำหวานกับชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของหัวใจของตัวเองด้วยรอยยิ้มหวานเช่นกัน ชายหนุ่มจึงโน้มใบหน้าหล่อเหลาลงไปจ้องมองแก้มที่บุ๋มลงไปเพราะลักยิ้มของหญิงสาวก่อนจะกดจูบลงไปที่ข้างแก้มของเธอด้วยความหลงใหล
จุ๊บ ฟอดด
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง
ฟรึบ!
“หะ เห้ออ นี่เราฝันถึงคุณลีอันโดรแบบนี้อีกแล้วเหรอเนี้ย”
หญิงสาวเอ่ยพูดกับตัวเองเสียงแผ่วเบาอย่างนึกเสียดายที่เหตุการณ์เมื่อครู่เป็นเพียงแค่ความฝัน ซึ่งเธอมักจะฝันถึงเขาอยู่บ่อยครั้งมาก ยิ่งช่วงหลังมานี้เธอมาอยู่หอพักตามลำพังและไม่ค่อยได้กลับไปที่บ้านไออุ่น เธอก็มักจะฝันถึงเขาเป็นประจำ หากเขารู้เข้าคงหัวเราะเยาะเธอเป็นแน่...เพราะเวลาที่เธอเจอเขาแต่ละครั้ง เขาแทบไม่หยุดคุย พูดหรือตอบอะไรนอกจากมองเธอด้วยหางตาราวกับเกลียดชัง คำพูดแต่ละคำที่หลุดจากปากเขานั้นก็แทบนับคำได้แต่ถึงแม้เขาจะเย็นชาและดูเข้าถึงยากมากแค่ไหน แต่ทุกครั้งที่เธอได้มองสบตาคมดุคู่นั้นของเขาหรือได้แอบมองใบหน้าที่สมบูรณ์แบบราวกับเทพบุตรของเขา มันก็ทำให้หัวใจดวงน้อยดวงนี้ของเธอเต้นแรงทุกทีแถมยังอ่อนไหวอ่อนยวบทุกครั้งเวลาเขาหันมามองเธอ ถึงจะแค่มองผ่านๆ ก็เถอะนะ
3 ปีก่อนหน้า
วันนี้เป็นวันที่คุณดาริน ดาริเน่ ลอเรนเซียส ได้เดินทางมามอบทุนการศึกษาและสิ่งของเครื่องใช้ให้กับมูลนิธิของท่านซึ่งก็คือบ้านไออุ่นหรือสถานสงเคราะห์เด็กไร้บ้านที่ท่านได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อคอยช่วยเหลือและอุปการะเด็กยากไร้เด็กไร้บ้าน
โดยมีแม่ครูเพ็ญซึ่งก็คือป้าแท้ๆ ของเธอที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลเด็กๆ และสถานที่แห่งนี้แทนคุณท่านที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ นอกจากแม่ครูเพ็ญแล้วยังมีมารดาของเธอที่ทำหน้าที่ดูแลเด็กอ่อนและเป็นแม่ครัวที่คอยทำอาหารให้เด็กทุกคนที่นี่ทานในแต่ละวันโดยมีเธอ น้าพร และพี่อุ่น คอยเป็นลูกมือของมารดาเธออีกทีหรือถ้าวันไหนที่แม่ของเธอไม่ว่างเพราะต้องดูแลเด็กเล็กก็จะเป็นน้าพรและพี่อุ่นที่คอยเป็นผู้ทำหน้าที่นั้นแทน เราอยู่ที่นี่กันเหมือนครอบครัวพวกเราที่นี่รักกันมาก
ต่อให้ใครจะบอกว่าเธอบ้านจนหรือเป็นแค่เด็กกำพร้าแต่เธอก็เคยไม่โกรธเคืองเลยด้วยซ้ำ เพราะเธอเกิดและเติบโตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้จริง เพราะหลังจากที่บิดาของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และจากไปตั้งแต่ที่เธอยังอยู่ในท้องของแม่ แม่ครูเพ็ญจึงได้พาแม่มาอยู่ที่นี่ด้วยกัน เธอถูกเลี้ยงมาอย่างดีจากมารดาและป้ารวมถึงทุกคนที่นี่...นั่นจึงทำให้เธอรักที่นี่และก็เธอมีความสุขมากเลยด้วยซ้ำที่ได้เกิดและโตมาในครอบครัวนี้...ครอบครัวบ้านไออุ่น
ห้องรับรองแขกบ้านไออุ่น
ร่างบอบบางของสาวน้อยวัย 19 ปีนามพิรตาหรือหนูพอใจของทุกคนกำลังเดินยกน้ำชาเข้ามาเสิร์ฟคุณท่านหรือคุณหญิงดารินของทุกคนในห้องรับแขกตามที่ได้รับมอบหมาย แต่ทว่าในจังหวะที่เดินเข้ามาในห้องรับแขกนั้น ดวงตากลมสวยของเธอก็พลันไปสะดุดเข้ากับสายตาคมกริบที่ดูดุดันและแสนนิ่งเรียบของชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างกายของคุณท่านดาริน
เทพบุตร...
ทะ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้หล่อเหลาและดูดีมากขนาดนี้นะ หล่อเสียจนทำให้สาวน้อยที่ไม่เคยคิดจะมองว่าใครหล่อหรือสวยถึงกับเอ่ยชื่นชมเขาในใจไม่ได้…หากจะให้นิยามชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกายของคุณท่านดารินด้วยคำนี้ก็คงจะไม่เกินไปหรอกเพราะเขาที่เธอเห็นตรงหน้านั้นช่างหล่อละลายใจเธอเหลือเกินหล่อจนเธอแทบลืมหายใจ...
หญิงสาวคิดพลางยืนนิ่งมองสำรวจหนุ่มหล่อร่างสูงใหญ่ดูบึกบึนอย่างชื่นชม...ผมสีน้ำตาลเข้มดกนั้นช่างรับกับผิวสีขาวแดงเข้มของเขาเหลือเกิน ดวงตาสีน้ำตาลเทาใต้เรียวคิ้วเข้มหนาที่โก่งรับกับจมูกโด่งคมสันตามแบบชาติตะวันตกก็ยิ่งทำเอาเธอแทบไม่อยากละสายตาไปไหน ทำไมเขาถึงได้ดูดีไปทุกระเบียดนิ้วแบบนี้กันนะ พิรตาแทบจะทรุดเข่าฮวบลงกับพื้นให้ได้เมื่อสายตาเผลอเลื่อนลงไปมองริมฝีปากหยักหนาชวนสัมผัสของเขากระตุกยิ้มหยัน แม้จะเป็นรอยยิ้มที่เธอไม่ควรชื่นชมแต่ทำไมพอเวลาเขาทำเธอกับใจสั่นไหวแบบนี้นะ เธอเคยเห็นคุณอันเดรสสามีของคุณท่านดารินก็คิดว่าขนาดอายุเยอะแล้วยังหล่อเอามากๆ แต่พอมาเจอกับเขาวันนี้เธอเองก็แทบบรรยายไม่ถูกเลยด้วยซ้ำกับความหล่อดูดีของบุรุษตรงหน้า
“อ้าวพอใจมัวยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้นละลูก เอาน้ำมาให้คุณท่านทั้งสองเร็วเข้า” เสียงเรียกดึงสติของแม่ครูเพ็ญทำให้เธอรีบสลัดใบหน้าหวานไปมาอย่างอับอายที่เผลอไปมองจ้องสำรวจเขาจนลืมหน้าที่ ร่างบางรีบเดินประคองถาดน้ำชาเข้ามาเพื่อเสิร์ฟทุกคนในห้องทันทีด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความเขินอาย
“โอ้โห้ นี่หนูพอใจเหรอเนี้ย…ไม่เจอกันนานโตเป็นสาวขนาดนี้แล้วเหรอลูก เพียงใจนี่มีลูกสาวสวยมากเลยนะ” คุณท่านดารินเอ่ยทักเธออย่างชื่นชมด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พลางมองเธอด้วยแววตาเอ็นดูอย่างทุกครั้งที่เจอกัน ทำเอาสาวน้อยต้องอมยิ้มขอบคุณจนแก้มนุ่มยุบบุ๋มลงไปเป็นลักยิ้มสวย
“ขอบคุณคุณท่านมากนะคะ ที่ยังเอ็นดูลูกสาวดิฉันเหมือนทุกครั้ง”
“สวัสดีค่ะคุณท่าน เอ่อ…สวัสดีค่ะ”
หญิงสาวยกมือพนมไหว้ดารินก่อนจะหันไปไหว้ชายหนุ่มอีกคนที่นั่งข้างกันด้วยความนอบน้อมอ่อนหวานทันทีที่ทรุดนั่งลงข้างมารดาและแม่ครูเพ็ญป้าของเธอ
“สวัสดีจ้ะลูก อ้อ นี่คุณลีอันโดรจ้ะลูกชายคนโตของฉันเองจะเรียกคุณใหญ่หรือพี่ใหญ่ก็ได้นะจ้ะ”
“แค่คนที่สนิทเท่านั้น” ชายหนุ่มตอบกลับทันควันด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบอย่างหยิ่งยโส
“แต่แม่ว่าให้น้องเรียกพี่ใหญ่ก็ดีนะลูก จะได้ดูสนิทสนมกัน” ดารินเอ่ยแย้งลูกชายด้วยรอยยิ้มหวานแต่แฝงเลศนัยบางอย่าง
“ผมพูดชัดแล้วนะ” ชายหนุ่มขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้มดุแล้วจึงเลื่อนสายตามามองที่ร่างบอบบางอย่างดูแคลน
“มาทำงาน ไม่ได้มาทำความรู้จักใคร”
“คุณใหญ่ทำไมพูดจาแบบนี้”
“....” เงียบ! ไร้เสียงตอบจากชายหนุ่มที่นั่งหน้าบึ้งอย่างไม่พอใจ พิรตาจึงได้แต่นั่งก้มหน้าน้ำตาซึมกับคำพูดที่ดูราวกับรังเกียจของเขา... เธอไปทำอะไรให้เขาโกรธหรือไม่พอใจอะไรหรือเปล่านะ ทำไมเขาถึงมีท่าทางราวกับไม่ชอบเธอแบบนี้ หญิงสาวนั่งนึกหาสาเหตุที่ชายหนุ่มมีท่าทีเหมือนไม่อยากคุยกับเธอด้วยความเศร้าหมอง พลางก้มหน้าตลอดการสนทนาของผู้ใหญ่ทั้ง 3 ท่าน ก็คงจะสามแหละเพราะอีกคนไม่ต่างจากเธอเลยขนาดคุณท่านหันไปถามเขาตั้งหลายครั้งหลายครา เขาก็ยังเอาแต่นั่งเฉยทำราวกับไม่ได้ยิน
“หนูพอใจทั้งสวยและน่ารักมากเลยนะ อย่างนี้คงมีหนุ่มๆ ตามจีบกันเยอะน่าดูว่าไหมคุณใหญ่ น้องสวยไหมลูก”
“....” และก็ยังคงไร้เสียงพูดของชายหนุ่มที่นั่งหน้านิ่งไม่สนโลกเช่นเคย ทำเอาดารินได้แต่มองอย่างหมั่นไส้กับความเย็นชาของบุตรชาย
“แล้วหนูพอใจมีแฟนยังลูก สนใจมาเป็นลูกสะใภ้ใหญ่ของฉันไหม”
คำถามทีเล่นทีจริงของดาริน ทำเอาหญิงสาวที่ถูกถามหน้าแดงเขินอายราวกับลูกตำลึงสุกเธอทำเพียงอมยิ้มเขินเป็นคำตอบ แต่เสียงเข้มกึ่งตะคอกของเขากลับทำเอารอยยิ้มหวานนั้นสลายหายไปในทันที
“แม่ครับ!” เขาหันไปดุมารดาเสียงห้วน บ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจกับสิ่งที่มารดาพูด
“แม่แค่พูดหยอกล้อน้องเท่านั้นเอง จะดุไปทำไมกันคุณใหญ่”
“ผมจะออกไปรอข้างนอก”
“เดี๋ยวสิคุณใหญ่ แม่ไม่ได้บอกว่าจะกลับตอนนี้ซะหน่อย คุณใหญ่! คุณใหญ่! ลีอันโดร! เห้อ จริงๆ เลยลูกคนนี้”
ร่างสูงลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องทันที โดยไม่ฟังเสียงร้องเรียกจากมารดา แต่ทว่าก่อนไปดวงตาคมดุสีน้ำตาลเทากลับเหลือบมองมาที่เธอด้วยสายตาเรียบนิ่งยากจะคาดเดา เธอจึงส่งยิ้มตอบกลับเขาอย่างเป็นมิตรแต่ริมฝีปากหนากลับกระตุกยิ้มเหยียดกลับมาให้แทน จนเธอต้องก้มหน้าหลบสายตาคมของเขาลงมองที่พื้นเพราะกลัวบ่อน้ำตาแตกโชว์เขา
แม้เธอจะเป็นคนยิ้มง่ายแค่ไหนแต่เรื่องบ่อน้ำตาตื้นเธอก็ไม่แพ้ใครเชียวละ
“ดิฉันทำงานที่นี่มาหลายปีแล้ว เคยเห็นก็แต่คุณลีโอและคุณลีออน พึ่งเคยเห็นคุณลีอันโดรครั้งแรกก็วันนี้ ลูกชายคุณท่านหล่อเหลาทุกคนเลยค่ะ หล่อกว่าพระเอกละครที่ดิฉันดูมาอีกนะคะ แบบนี้สาวๆ คงวิ่งตามกันเป็นแถวแน่เลย” แม่ครูเพ็ญเอ่ยชื่นชมชายหนุ่มทันทีหลังจากที่เห็นว่าชายหนุ่มเดินออกไปพ้นห้องรับรองแขกแล้ว
“สาวๆ น่ะวิ่งตามก็จริงนะแม่เพ็ญ แต่คุณใหญ่นะสิไม่สนใจใครเลย หาใครมาให้ก็ไล่ตะเพิดเขาไปหมดนี่ฉันเลี้ยงลูกมายังไงของฉันนะลูกทั้งสามถึงทั้งหยิ่ง ทั้งเย็นชา แถมยังดุฉันได้ไม่เว้นวันบ้านทั้งบ้านฉันแทบจะคุยคนเดียวอยู่แล้ว” ดารินบ่นบุตรชายทั้งสามของตัวเองออกมาด้วยน้ำเสียงท้อแท้และระอาใจกับนิสัยสุดเย็นชา
“คุณลีอันโดรอาจจะยังไม่เจอคนที่ถูกใจก็ได้มั้งคะคุณท่าน”
“แต่ฉันว่าคุณใหญ่เจอแล้วแหละ” ดารินพูดพลางมองมาที่ร่างเล็กของพิรตาที่นั่งก้มหน้าซึม ก่อนที่จะยกมุมปากเคลือบลิปสติกสีสดขยับยิ้มอย่างมีเลศนัยบางอย่าง
ปัจจุบัน
แม้ความประทับใจแรกที่เจอกันแทบจะไม่มีเลย แต่เธอก็ยังเฝ้าแอบรักเขาถึงขั้นเก็บเอามาเพ้อพกและฝันถึงมาเกือบสามปีแล้ว หลังจากที่เจอกันที่บ้านไออุ่นครั้งนั้นเธอก็ไม่เคยเห็นเขาไปที่นั่นอีกเลย จะมีก็แต่คุณท่านที่เวลากลับมาเมืองไทยท่านมักจะแวะเอาข้าวของเครื่องใช้มามอบให้กับเด็กๆ แล้วเอาของฝากมาให้เธอเยอะแยะมากมายจนเธอแทบรับไว้ไม่ไหว เธออยากถามคุณท่านถึงเขาหลายครั้งแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถาม เพราะกลัวท่านรู้ความจริงว่าเธอริอาจไปรักลูกชายของท่าน
ถึงแม้จะไม่เห็นเขาที่บ้านไออุ่นแต่เธอก็เจอเขาที่มหาลัยที่เธอเรียนทุกปีๆ ละสามถึงสี่ครั้งเลยเพราะเนื่องจากเขาต้องมามอบทุนให้กับมหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่เป็นประจำ เธอแอบตามไปดูแอบไปมองเขาทุกครั้งที่เขามา แม้จะไม่ได้เฉียดกายเข้าไปใกล้หรือพูดคุยกับเขาแต่ขอแค่ได้มองเขาจากที่ไหนสักแห่งได้มองเห็นเขาให้คลายความคิดถึงลงไปบ้างก็ยังดี...
"เห้อ"
พิรตาถอนหายใจก่อนจะสะบัดศีรษะให้คลายความง่วงแล้วลุกขึ้นเดินไปอ่านหนังสือที่โต๊ะข้างเตียงต่อ เธอมักตั้งเวลาปลุกเพื่อตื่นมาอ่านหนังสือเวลานี้เป็นประจำเวลาอยู่ห้องพัก เธอเข้ามาพักที่ห้องพักแห่งนี้เมื่อสามปีที่แล้วโดยคุณท่านออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดเนื่องจากตอนปีหนึ่งเธอยังพักกับแม่ที่บ้านไออุ่น แต่เมื่อคุณท่านทราบว่ามหาลัยของเธอห่างจากบ้านไออุ่นพอสมควร ต้องนั่งรถประจำทางเกือบชั่วโมงกว่าจะไปกลับระหว่างบ้านและมหาลัยท่านจึงอยากให้เธอมาพักห้องที่มีความปลอดภัยสูงและใกล้กับมหาลัย โดยทุกวันศุกร์ช่วงเย็นเธอจะนั่งรถประจำทางกลับบ้านไออุ่นเพื่อกลับไปช่วยงานแม่ช่วยแม่ครูดูแลและสอนหนังสือเด็กๆ เป็นประจำ แต่ทว่าเสาร์นี้เธอมีนัดทำวิจัยก่อนจบกับเพื่อนที่มหาลัยจึงไม่ได้กลับไปที่บ้านไออุ่นเหมือนเช่นทุกครั้ง
เธอเรียนคณะศิลปะศาสตร์เอกภาษาฝรั่งเศส-อังกฤษ เพราะจะได้นำมาใช้สอนน้องๆ ในบ้านไออุ่นด้วย อีกอย่างเธอชื่นชอบงานที่เกี่ยวกับไกด์หรือท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ จึงเลือกเรียนด้านสายภาษาและเธอก็เหลืออีกแค่ไม่กี่เดือนก็จะจบแล้วด้วย แค่นึกถึงวันที่แม่ของเธอยิ้มด้วยความดีใจและภูมิใจในวันที่เธอจบการศึกษา ก็ทำเอาเธอมีแรงฮึดอ่านหนังสือและหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง...
07.40 น.
พิรตาวางมือจากหนังสือทันทีหลังจากที่อ่านจบไปหนึ่งบท ร่างบางเดินไปหยิบมือถือกลางเก่ากลางใหม่เครื่องบางที่เธอใช้อ่านข่าวแทนโน้ตบุ๊ค มาเปิดเว็บข่าวต่างประเทศที่เธอเข้าอ่านเป็นประจำ เธอมักจะเข้ามาอ่านข่าวของเขาตามเว็บไซต์หรือหนังสือพิมพ์ของสเปนทุกครั้งหลังจากที่ว่างจากการอ่านหนังสือเรียนหรือการทำงาน จุดประสงค์คือเพื่อให้คลายความคิดถึงเวลาที่เธอไม่ได้เจอเขาแต่มันก็ไม่ได้ช่วยทำให้เธอคลายคิดถึงเขาเลยสักนิด ตรงข้ามเธอกลับยิ่งคิดถึงมากขึ้นทุกวันผู้ชายคนแรกที่ทำให้เธอรู้จักความรักแบบหนุ่มสาว...
เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมลัคชูรี่สุดยิ่งใหญ่ที่เมืองมาดริดไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับลีอันโดรและลีโอนาโดร ลอเรนเซียส สองพี่น้องสิงห์ดุแห่งเมืองมาดริด โดยงานนี้มีนางแบบสาวซึ่งลือกันว่าเป็นแฟนสาวของหนุ่มลีอันโดรได้เดินทางมาร่วมงานและมอบดอกไม้แสดงความยินดี สร้างเสียงฮือฮาจากบรรดานักข่าวและสาวๆ ในงานที่ต่างก็ตกใจและอกหักกันค่อนเมืองจากการเปิดตัวแฟนของเขาในครั้งนี้
พิรตาจ้องมองภาพนางแบบสาวสวยคนหนึ่งกำลังยื่นใบหน้าไปหอมแก้มชายหนุ่มที่เธอเฝ้ารักเฝ้าคิดถึงทั้งน้ำตา ใช่ เธอหึงเธอหวงเขามากไม่อยากให้ใครมาทำแบบนี้กับเขาเลยและที่ทำให้หญิงสาวกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ก็คงเป็นประโยคที่บอกว่า เขาเปิดตัวแฟนสาว... คุณลีอันโดรมีแฟนแล้ว เธออ่านข่าวด้วยหัวใจที่ปวดร้าว พลางร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างเสียใจ ความรักที่บอกใครไม่ได้ ความรักที่เป็นไปไม่ได้ของเธอ ความรักที่มีเพียงเธอรับรู้และรู้สึกไปเองเพียงฝ่ายเดียว ริอาจไปรักคนที่อยู่สูงอย่างเขาก็ต้องเป็นแบบนี้แหละไม่เจ็บตอนนี้ อีกไม่นานก็คงเจ็บอยู่ดีแต่จะเธอเลิกรักเขาได้ยังไงเธอทำไม่ได้
มาดริด, ประเทศสเปน
ตุ้บ!
ลีอันโดรปาหนังสือพิมพ์ที่ลูกน้องยื่นมาให้อ่านลงพื้นด้วยความโมโห ทั้งโมโหสำนักข่าวทั้งโมโหตัวต้นเรื่อง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าข่าวพวกนี้เป็นเพียงการจัดฉากและเป็นฝีมือของใคร
“รอฟ!!” เอ่ยร้องเรียกลูกน้องคนสนิทด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวดุดัน ทำเอาร่างสูงของลูกน้องคนสนิทอย่างรอฟต้องรีบถลาเข้ามาหาเจ้านายทันทีอย่างหวาดหวั่นกับน้ำเสียงนั้น
“ครับนาย”
“ไปจัดการลบข่าวนั่นออกให้หมดและจัดการตัวต้นเรื่องที่สร้างข่าวลวงๆ นี้ซะ!”
“ครับนาย เอ่อ แล้วนายจะไปไหนครับ” รอฟเอ่ยถามขึ้นทันทีเมือเห็นร่างสูงของผู้เป็นเจ้านายเดินไปหยิบกุญแจรถยนต์คันโปรด
“ใช่ธุระของมึงไหม”
“เอ่อ ไม่ครับ”
“จัดการเตรียมเจ็ทให้กูภายในครึ่งชั่วโมง”
“นายจะไปหาแฟนเหรอครับ” ลูกน้องหนุ่มเอ่ยแซวเจ้านายของตัวเองยิ้มๆ อย่างรู้ทันจนถูกผู้เป็นเจ้านายตวัดสายตาดุกร้าวมามองคนแซวอย่างไม่พอใจทำเอารอฟหุบยิ้มแทบจะทันที
ร่างสูงของลีอันโดรก้าวเดินออกไปจากเพนเฮาส์สุดหรูของตัวเองแต่ทั้งใบหน้าและใบหูกลับแดงก่ำราวลูกตำลึงสุกอย่างอับอายที่โดนลูกน้องจับได้
“ปานนี้ร้องไห้ตาบวมหมดแล้วมั้ง”
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
หลิวฉูฉู่นางเอกดังย้อนเวลากลับเข้าไปอยู่ในซีรีส์ที่ตัวเองแสดง ทว่าเรื่องไม่ง่ายเลยสักนิด เมื่อเธอ ต้องเข้าไปอยู่ในร่างนางร้ายที่สุดท้ายต้องตายตอนจบเพราะถูกพระเอกฆ่าตาย! หลิวฉูฉู่จึงต้องทำทุกวิธีที่จะให้รอดพ้นจากความตายนี้ "ฝ่าบาท รักนะเพคะ" นิยายเรื่องนี้ เป็นแนวสุขนิยม สายคลั่งรักไม่ควรพลาด ไม่มีดราม่าค่ะ อ่านคลายเครียด นุบนิบหัวใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดวัน หมายเหตุ ซื้อในเวบถูกกว่าแอปเปิ้ลนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
เพราะอุบัติเหตุในวัยเยาว์ครั้งนั้นทำให้เธอต้องเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ของมาเฟียอารมณ์ร้ายเอาแต่ใจคนนี้… “พี่จะทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ เราเป็นพี่น้องกันนะ” “เสียใจด้วย ฉันไม่เคยเห็นเธอเป็นน้องสาว แล้วตอนนี้ฉันก็จะเอาเธอทำเมียด้วย”
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
นั่งรีวิวนิยายอยู่ดีๆ จ้าวลี่หลินก็ทะลุมิติมาเกิดใหม่เป็นนางร้ายในนิยายตรงหน้า สวรรค์ข้าเพียงด่านางร้ายผู้นี้ไปสองสามประโยคเท่านั้น เหตุใดต้องกลั่นแกล้งกันถึงเพียงนี้ แล้วสามีผู้นี้มิใช่ว่าเขาคือแม่ทัพผู้เก่งกาจหรือไร เกิดอะไรขึ้นจึงได้มาเป็นชาวสวนแบบนี้ แต่ถึงจะถูกไล่ออกมาเป็นชาวสวนแล้วอย่างไร ไม่ได้เป็นขุนนางก็เป็นคนร่ำรวยได้ มีเงินย่อมมีอำนาจมิใช่หรือ แต่หากอยากกลับไปยิ่งใหญ่อีกครั้งก็ต้องฟังภรรยาอย่างข้า สามี...อยากรวยต้องช่วยข้าทำสวน
จะมีสิ่งใดน่าทุกข์ใจไปมากกว่าการถูกคนในครอบครัวรังเกียจภายหลังจากมารดาเสียชีวิตเด็กน้อยอายุห้าขวบต้องพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดพร้อมกับน้องสาวที่พึ่งลืมตาดูโลกอีกทั้งน้องชายฝาแฝดที่พึ่งเกิดมายังถูกพรากไป หลี่อันหนิง เด็กสาวผู้เกิดมาพร้อมกับโชคชะตาที่ไม่เหมือนผู้ใดนอกจากต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากคนในครอบครัว ตลอดชีวิตนางยังไม่เคยได้รับอุ่นไอจากผู้เป็นบิดาที่ยังเหลืออยู่ จนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของชีวิต นางก็ยังไม่รู้เลยว่าเหตุใดสวรรค์ถึงได้กำหนดชะตาชีวิตเช่นนี้ให้กับตน เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เด็กสาวพบว่าตนเองกลับมายังอดีตในช่วงเวลาที่ทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ พร้อมกับความสามารถที่ไม่มีมนุษย์คนไหนทำได้เหมือนอย่างนาง หลี่อันหนิงได้เริ่มวางแผนแก้แค้นให้กับตนและช่วยเหลือน้องทั้งสองมิให้มีชะตากรรมดั่งชาติที่แล้ว ************************************************************ “ท่านแม่!! ท่านแม่!! ตื่นสิเจ้าคะ นอนที่นี่ไม่ได้นะเดี๋ยวจะไม่สบายเอา” ร่างเล็กแกรนแกะเอาเสื่อที่ห่อม้วนร่างของมารดาออก ก่อนจะเขย่ากายที่เย็นชืดไปนานแล้วของนาง ทว่าในระหว่างที่สายฝนกำลังเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เสียงร้องแผ่วเบาราวกับลูกแมวน้อยก็ดังขึ้น หลี่อันหนิงมองไปยังช่วงขาของมารดาเห็นบางสิ่งกำลังขยับไหว นางจึงเลิกชุดสีขาวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิตของมารดาขึ้น บัดดลร่างเล็กของเด็กทารกที่กำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอดก็ปรากฏแก่สายตา ด้วยสัญชาตญาณ เด็กน้อยในวัยห้าขวบรีบถอดเสื้อคลุมด้านนอกอันเปียกชื้นไปด้วยละอองน้ำฝนออกมาห่อร่างเล็กของน้องสาวเอาไว้ ส่วนตนเองก็เอาแต่เอ่ยพึมพำว่า ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร พี่สาวจะดูแลน้องเอง หลี่อันหนิงกอดเด็กทารกเอาไว้ในอ้อมแขน ใช้ร่างกายเล็กจ้อยของตนกำบังลมฝนให้น้องน้อยอย่างกล้าหาญ ******************************************************** ร่างเล็กนั่งตากฝนอยู่บนเขาเป็นเวลาเนิ่นนาน เพราะหาหนทางกลับเรือนเฉกเช่นผู้ใหญ่ไม่ได้ กายของเด็กน้อยเริ่มสั่นสะท้านเสียงฟันของนางกระทบกันดังกึกกัก ก่อนสติสุดท้ายของเด็กหญิงจะดับวูบไป หลี่อันหนิงคล้ายมองเห็นมารดาของตนที่นอนอยู่เบื้องหน้าลุกขึ้นมาตระกองกอดนางเอาไว้แนบอก ก่อนกระซิบน้ำเสียงอ่อนโยนว่า ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แม่อยู่นี่แล้ว เสียงเพลงกล่อมเด็กที่มารดาเคยร้องกล่อมตนยามค่ำคืนยังคงดังก้องประทับในโสต หลี่อันหนิงหลับไปทั้งรอยยิ้มโดยไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นต่อจากนั้น
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY