เขาคือลูกชายของผู้มีพระคุณ...เขาคือคนที่อยู่สูงเกินกว่าจะเอื้อมถึง เขาเย็นชาและเขารังเกียจเธอมาตลอด แต่ทำไมวันนี้เขาถึงได้... สั่งให้คนที่เขารังเกียจมาตลอดอย่างเธอ... “จูบฉัน” “คะ?” “จนกว่าฉันจะพอใจ!”
“อ่าา”
ริมฝีปากเล็กเผยอปล่อยเสียงครางออกมาในลำคอเบาๆ พลางเลื่อนมือเรียวเล็กขึ้นไปขยุ้มกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มดกเอาไว้เพื่อระบายความวาบหวามที่ได้รับจากริมฝีปากหนาสุดร้อนผ่าวของเขา
“อืมม์”
ร่างแบบบางเกร็งสะท้านอัตโนมัติเมื่อริมฝีปากร้อนเลื่อนลงไปครอบงับเต้าอวบขาวอย่างหยอกเย้าก่อนจะตวัดปลายลิ้นร้อนดูดกลืนเม็ดถันสีหวานที่ใหญ่เกินตัวของเธอเพื่อสร้างความกระสันเสียวให้กับเธออย่างเร่าร้อน หญิงสาวแอ่นอกอวบให้ชายหนุ่มดูดเม้มและบดขยี้อย่างเต็มใจ
จ๊วบ!
เรียวปากร้อนดูดไล้เลียหน้าอกสาวอยู่นานนับนาทีจนร่างบางเกร็งสะท้านหวามไหว ชายหนุ่มจึงยอมผละเรียวปากออกมาก่อนจะยัดกายขึ้นเท้าศอกกับที่นอนเพื่อจ้องมองใบหน้าชื้นเหงื่อของเธอด้วยสายตาเป็นประกาย
“ฉันรักเธอนะพิรตา รักมาก”
“พอใจก็รักคุณค่ะ ลีอันโดร รักมากเหลือเกิน” หญิงสาวรีบเอ่ยคำหวานกับชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของหัวใจของตัวเองด้วยรอยยิ้มหวานเช่นกัน ชายหนุ่มจึงโน้มใบหน้าหล่อเหลาลงไปจ้องมองแก้มที่บุ๋มลงไปเพราะลักยิ้มของหญิงสาวก่อนจะกดจูบลงไปที่ข้างแก้มของเธอด้วยความหลงใหล
จุ๊บ ฟอดด
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง
ฟรึบ!
“หะ เห้ออ นี่เราฝันถึงคุณลีอันโดรแบบนี้อีกแล้วเหรอเนี้ย”
หญิงสาวเอ่ยพูดกับตัวเองเสียงแผ่วเบาอย่างนึกเสียดายที่เหตุการณ์เมื่อครู่เป็นเพียงแค่ความฝัน ซึ่งเธอมักจะฝันถึงเขาอยู่บ่อยครั้งมาก ยิ่งช่วงหลังมานี้เธอมาอยู่หอพักตามลำพังและไม่ค่อยได้กลับไปที่บ้านไออุ่น เธอก็มักจะฝันถึงเขาเป็นประจำ หากเขารู้เข้าคงหัวเราะเยาะเธอเป็นแน่...เพราะเวลาที่เธอเจอเขาแต่ละครั้ง เขาแทบไม่หยุดคุย พูดหรือตอบอะไรนอกจากมองเธอด้วยหางตาราวกับเกลียดชัง คำพูดแต่ละคำที่หลุดจากปากเขานั้นก็แทบนับคำได้แต่ถึงแม้เขาจะเย็นชาและดูเข้าถึงยากมากแค่ไหน แต่ทุกครั้งที่เธอได้มองสบตาคมดุคู่นั้นของเขาหรือได้แอบมองใบหน้าที่สมบูรณ์แบบราวกับเทพบุตรของเขา มันก็ทำให้หัวใจดวงน้อยดวงนี้ของเธอเต้นแรงทุกทีแถมยังอ่อนไหวอ่อนยวบทุกครั้งเวลาเขาหันมามองเธอ ถึงจะแค่มองผ่านๆ ก็เถอะนะ
3 ปีก่อนหน้า
วันนี้เป็นวันที่คุณดาริน ดาริเน่ ลอเรนเซียส ได้เดินทางมามอบทุนการศึกษาและสิ่งของเครื่องใช้ให้กับมูลนิธิของท่านซึ่งก็คือบ้านไออุ่นหรือสถานสงเคราะห์เด็กไร้บ้านที่ท่านได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อคอยช่วยเหลือและอุปการะเด็กยากไร้เด็กไร้บ้าน
โดยมีแม่ครูเพ็ญซึ่งก็คือป้าแท้ๆ ของเธอที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลเด็กๆ และสถานที่แห่งนี้แทนคุณท่านที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ นอกจากแม่ครูเพ็ญแล้วยังมีมารดาของเธอที่ทำหน้าที่ดูแลเด็กอ่อนและเป็นแม่ครัวที่คอยทำอาหารให้เด็กทุกคนที่นี่ทานในแต่ละวันโดยมีเธอ น้าพร และพี่อุ่น คอยเป็นลูกมือของมารดาเธออีกทีหรือถ้าวันไหนที่แม่ของเธอไม่ว่างเพราะต้องดูแลเด็กเล็กก็จะเป็นน้าพรและพี่อุ่นที่คอยเป็นผู้ทำหน้าที่นั้นแทน เราอยู่ที่นี่กันเหมือนครอบครัวพวกเราที่นี่รักกันมาก
ต่อให้ใครจะบอกว่าเธอบ้านจนหรือเป็นแค่เด็กกำพร้าแต่เธอก็เคยไม่โกรธเคืองเลยด้วยซ้ำ เพราะเธอเกิดและเติบโตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้จริง เพราะหลังจากที่บิดาของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และจากไปตั้งแต่ที่เธอยังอยู่ในท้องของแม่ แม่ครูเพ็ญจึงได้พาแม่มาอยู่ที่นี่ด้วยกัน เธอถูกเลี้ยงมาอย่างดีจากมารดาและป้ารวมถึงทุกคนที่นี่...นั่นจึงทำให้เธอรักที่นี่และก็เธอมีความสุขมากเลยด้วยซ้ำที่ได้เกิดและโตมาในครอบครัวนี้...ครอบครัวบ้านไออุ่น
ห้องรับรองแขกบ้านไออุ่น
ร่างบอบบางของสาวน้อยวัย 19 ปีนามพิรตาหรือหนูพอใจของทุกคนกำลังเดินยกน้ำชาเข้ามาเสิร์ฟคุณท่านหรือคุณหญิงดารินของทุกคนในห้องรับแขกตามที่ได้รับมอบหมาย แต่ทว่าในจังหวะที่เดินเข้ามาในห้องรับแขกนั้น ดวงตากลมสวยของเธอก็พลันไปสะดุดเข้ากับสายตาคมกริบที่ดูดุดันและแสนนิ่งเรียบของชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างกายของคุณท่านดาริน
เทพบุตร...
ทะ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้หล่อเหลาและดูดีมากขนาดนี้นะ หล่อเสียจนทำให้สาวน้อยที่ไม่เคยคิดจะมองว่าใครหล่อหรือสวยถึงกับเอ่ยชื่นชมเขาในใจไม่ได้…หากจะให้นิยามชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกายของคุณท่านดารินด้วยคำนี้ก็คงจะไม่เกินไปหรอกเพราะเขาที่เธอเห็นตรงหน้านั้นช่างหล่อละลายใจเธอเหลือเกินหล่อจนเธอแทบลืมหายใจ...
หญิงสาวคิดพลางยืนนิ่งมองสำรวจหนุ่มหล่อร่างสูงใหญ่ดูบึกบึนอย่างชื่นชม...ผมสีน้ำตาลเข้มดกนั้นช่างรับกับผิวสีขาวแดงเข้มของเขาเหลือเกิน ดวงตาสีน้ำตาลเทาใต้เรียวคิ้วเข้มหนาที่โก่งรับกับจมูกโด่งคมสันตามแบบชาติตะวันตกก็ยิ่งทำเอาเธอแทบไม่อยากละสายตาไปไหน ทำไมเขาถึงได้ดูดีไปทุกระเบียดนิ้วแบบนี้กันนะ พิรตาแทบจะทรุดเข่าฮวบลงกับพื้นให้ได้เมื่อสายตาเผลอเลื่อนลงไปมองริมฝีปากหยักหนาชวนสัมผัสของเขากระตุกยิ้มหยัน แม้จะเป็นรอยยิ้มที่เธอไม่ควรชื่นชมแต่ทำไมพอเวลาเขาทำเธอกับใจสั่นไหวแบบนี้นะ เธอเคยเห็นคุณอันเดรสสามีของคุณท่านดารินก็คิดว่าขนาดอายุเยอะแล้วยังหล่อเอามากๆ แต่พอมาเจอกับเขาวันนี้เธอเองก็แทบบรรยายไม่ถูกเลยด้วยซ้ำกับความหล่อดูดีของบุรุษตรงหน้า
“อ้าวพอใจมัวยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้นละลูก เอาน้ำมาให้คุณท่านทั้งสองเร็วเข้า” เสียงเรียกดึงสติของแม่ครูเพ็ญทำให้เธอรีบสลัดใบหน้าหวานไปมาอย่างอับอายที่เผลอไปมองจ้องสำรวจเขาจนลืมหน้าที่ ร่างบางรีบเดินประคองถาดน้ำชาเข้ามาเพื่อเสิร์ฟทุกคนในห้องทันทีด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความเขินอาย
“โอ้โห้ นี่หนูพอใจเหรอเนี้ย…ไม่เจอกันนานโตเป็นสาวขนาดนี้แล้วเหรอลูก เพียงใจนี่มีลูกสาวสวยมากเลยนะ” คุณท่านดารินเอ่ยทักเธออย่างชื่นชมด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พลางมองเธอด้วยแววตาเอ็นดูอย่างทุกครั้งที่เจอกัน ทำเอาสาวน้อยต้องอมยิ้มขอบคุณจนแก้มนุ่มยุบบุ๋มลงไปเป็นลักยิ้มสวย
“ขอบคุณคุณท่านมากนะคะ ที่ยังเอ็นดูลูกสาวดิฉันเหมือนทุกครั้ง”
“สวัสดีค่ะคุณท่าน เอ่อ…สวัสดีค่ะ”
หญิงสาวยกมือพนมไหว้ดารินก่อนจะหันไปไหว้ชายหนุ่มอีกคนที่นั่งข้างกันด้วยความนอบน้อมอ่อนหวานทันทีที่ทรุดนั่งลงข้างมารดาและแม่ครูเพ็ญป้าของเธอ
“สวัสดีจ้ะลูก อ้อ นี่คุณลีอันโดรจ้ะลูกชายคนโตของฉันเองจะเรียกคุณใหญ่หรือพี่ใหญ่ก็ได้นะจ้ะ”
“แค่คนที่สนิทเท่านั้น” ชายหนุ่มตอบกลับทันควันด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบอย่างหยิ่งยโส
“แต่แม่ว่าให้น้องเรียกพี่ใหญ่ก็ดีนะลูก จะได้ดูสนิทสนมกัน” ดารินเอ่ยแย้งลูกชายด้วยรอยยิ้มหวานแต่แฝงเลศนัยบางอย่าง
“ผมพูดชัดแล้วนะ” ชายหนุ่มขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้มดุแล้วจึงเลื่อนสายตามามองที่ร่างบอบบางอย่างดูแคลน
“มาทำงาน ไม่ได้มาทำความรู้จักใคร”
“คุณใหญ่ทำไมพูดจาแบบนี้”
“....” เงียบ! ไร้เสียงตอบจากชายหนุ่มที่นั่งหน้าบึ้งอย่างไม่พอใจ พิรตาจึงได้แต่นั่งก้มหน้าน้ำตาซึมกับคำพูดที่ดูราวกับรังเกียจของเขา... เธอไปทำอะไรให้เขาโกรธหรือไม่พอใจอะไรหรือเปล่านะ ทำไมเขาถึงมีท่าทางราวกับไม่ชอบเธอแบบนี้ หญิงสาวนั่งนึกหาสาเหตุที่ชายหนุ่มมีท่าทีเหมือนไม่อยากคุยกับเธอด้วยความเศร้าหมอง พลางก้มหน้าตลอดการสนทนาของผู้ใหญ่ทั้ง 3 ท่าน ก็คงจะสามแหละเพราะอีกคนไม่ต่างจากเธอเลยขนาดคุณท่านหันไปถามเขาตั้งหลายครั้งหลายครา เขาก็ยังเอาแต่นั่งเฉยทำราวกับไม่ได้ยิน
“หนูพอใจทั้งสวยและน่ารักมากเลยนะ อย่างนี้คงมีหนุ่มๆ ตามจีบกันเยอะน่าดูว่าไหมคุณใหญ่ น้องสวยไหมลูก”
“....” และก็ยังคงไร้เสียงพูดของชายหนุ่มที่นั่งหน้านิ่งไม่สนโลกเช่นเคย ทำเอาดารินได้แต่มองอย่างหมั่นไส้กับความเย็นชาของบุตรชาย
“แล้วหนูพอใจมีแฟนยังลูก สนใจมาเป็นลูกสะใภ้ใหญ่ของฉันไหม”
คำถามทีเล่นทีจริงของดาริน ทำเอาหญิงสาวที่ถูกถามหน้าแดงเขินอายราวกับลูกตำลึงสุกเธอทำเพียงอมยิ้มเขินเป็นคำตอบ แต่เสียงเข้มกึ่งตะคอกของเขากลับทำเอารอยยิ้มหวานนั้นสลายหายไปในทันที
“แม่ครับ!” เขาหันไปดุมารดาเสียงห้วน บ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจกับสิ่งที่มารดาพูด
“แม่แค่พูดหยอกล้อน้องเท่านั้นเอง จะดุไปทำไมกันคุณใหญ่”
“ผมจะออกไปรอข้างนอก”
“เดี๋ยวสิคุณใหญ่ แม่ไม่ได้บอกว่าจะกลับตอนนี้ซะหน่อย คุณใหญ่! คุณใหญ่! ลีอันโดร! เห้อ จริงๆ เลยลูกคนนี้”
ร่างสูงลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องทันที โดยไม่ฟังเสียงร้องเรียกจากมารดา แต่ทว่าก่อนไปดวงตาคมดุสีน้ำตาลเทากลับเหลือบมองมาที่เธอด้วยสายตาเรียบนิ่งยากจะคาดเดา เธอจึงส่งยิ้มตอบกลับเขาอย่างเป็นมิตรแต่ริมฝีปากหนากลับกระตุกยิ้มเหยียดกลับมาให้แทน จนเธอต้องก้มหน้าหลบสายตาคมของเขาลงมองที่พื้นเพราะกลัวบ่อน้ำตาแตกโชว์เขา
แม้เธอจะเป็นคนยิ้มง่ายแค่ไหนแต่เรื่องบ่อน้ำตาตื้นเธอก็ไม่แพ้ใครเชียวละ
“ดิฉันทำงานที่นี่มาหลายปีแล้ว เคยเห็นก็แต่คุณลีโอและคุณลีออน พึ่งเคยเห็นคุณลีอันโดรครั้งแรกก็วันนี้ ลูกชายคุณท่านหล่อเหลาทุกคนเลยค่ะ หล่อกว่าพระเอกละครที่ดิฉันดูมาอีกนะคะ แบบนี้สาวๆ คงวิ่งตามกันเป็นแถวแน่เลย” แม่ครูเพ็ญเอ่ยชื่นชมชายหนุ่มทันทีหลังจากที่เห็นว่าชายหนุ่มเดินออกไปพ้นห้องรับรองแขกแล้ว
“สาวๆ น่ะวิ่งตามก็จริงนะแม่เพ็ญ แต่คุณใหญ่นะสิไม่สนใจใครเลย หาใครมาให้ก็ไล่ตะเพิดเขาไปหมดนี่ฉันเลี้ยงลูกมายังไงของฉันนะลูกทั้งสามถึงทั้งหยิ่ง ทั้งเย็นชา แถมยังดุฉันได้ไม่เว้นวันบ้านทั้งบ้านฉันแทบจะคุยคนเดียวอยู่แล้ว” ดารินบ่นบุตรชายทั้งสามของตัวเองออกมาด้วยน้ำเสียงท้อแท้และระอาใจกับนิสัยสุดเย็นชา
“คุณลีอันโดรอาจจะยังไม่เจอคนที่ถูกใจก็ได้มั้งคะคุณท่าน”
“แต่ฉันว่าคุณใหญ่เจอแล้วแหละ” ดารินพูดพลางมองมาที่ร่างเล็กของพิรตาที่นั่งก้มหน้าซึม ก่อนที่จะยกมุมปากเคลือบลิปสติกสีสดขยับยิ้มอย่างมีเลศนัยบางอย่าง
ปัจจุบัน
แม้ความประทับใจแรกที่เจอกันแทบจะไม่มีเลย แต่เธอก็ยังเฝ้าแอบรักเขาถึงขั้นเก็บเอามาเพ้อพกและฝันถึงมาเกือบสามปีแล้ว หลังจากที่เจอกันที่บ้านไออุ่นครั้งนั้นเธอก็ไม่เคยเห็นเขาไปที่นั่นอีกเลย จะมีก็แต่คุณท่านที่เวลากลับมาเมืองไทยท่านมักจะแวะเอาข้าวของเครื่องใช้มามอบให้กับเด็กๆ แล้วเอาของฝากมาให้เธอเยอะแยะมากมายจนเธอแทบรับไว้ไม่ไหว เธออยากถามคุณท่านถึงเขาหลายครั้งแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถาม เพราะกลัวท่านรู้ความจริงว่าเธอริอาจไปรักลูกชายของท่าน
ถึงแม้จะไม่เห็นเขาที่บ้านไออุ่นแต่เธอก็เจอเขาที่มหาลัยที่เธอเรียนทุกปีๆ ละสามถึงสี่ครั้งเลยเพราะเนื่องจากเขาต้องมามอบทุนให้กับมหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่เป็นประจำ เธอแอบตามไปดูแอบไปมองเขาทุกครั้งที่เขามา แม้จะไม่ได้เฉียดกายเข้าไปใกล้หรือพูดคุยกับเขาแต่ขอแค่ได้มองเขาจากที่ไหนสักแห่งได้มองเห็นเขาให้คลายความคิดถึงลงไปบ้างก็ยังดี...
"เห้อ"
พิรตาถอนหายใจก่อนจะสะบัดศีรษะให้คลายความง่วงแล้วลุกขึ้นเดินไปอ่านหนังสือที่โต๊ะข้างเตียงต่อ เธอมักตั้งเวลาปลุกเพื่อตื่นมาอ่านหนังสือเวลานี้เป็นประจำเวลาอยู่ห้องพัก เธอเข้ามาพักที่ห้องพักแห่งนี้เมื่อสามปีที่แล้วโดยคุณท่านออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดเนื่องจากตอนปีหนึ่งเธอยังพักกับแม่ที่บ้านไออุ่น แต่เมื่อคุณท่านทราบว่ามหาลัยของเธอห่างจากบ้านไออุ่นพอสมควร ต้องนั่งรถประจำทางเกือบชั่วโมงกว่าจะไปกลับระหว่างบ้านและมหาลัยท่านจึงอยากให้เธอมาพักห้องที่มีความปลอดภัยสูงและใกล้กับมหาลัย โดยทุกวันศุกร์ช่วงเย็นเธอจะนั่งรถประจำทางกลับบ้านไออุ่นเพื่อกลับไปช่วยงานแม่ช่วยแม่ครูดูแลและสอนหนังสือเด็กๆ เป็นประจำ แต่ทว่าเสาร์นี้เธอมีนัดทำวิจัยก่อนจบกับเพื่อนที่มหาลัยจึงไม่ได้กลับไปที่บ้านไออุ่นเหมือนเช่นทุกครั้ง
เธอเรียนคณะศิลปะศาสตร์เอกภาษาฝรั่งเศส-อังกฤษ เพราะจะได้นำมาใช้สอนน้องๆ ในบ้านไออุ่นด้วย อีกอย่างเธอชื่นชอบงานที่เกี่ยวกับไกด์หรือท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ จึงเลือกเรียนด้านสายภาษาและเธอก็เหลืออีกแค่ไม่กี่เดือนก็จะจบแล้วด้วย แค่นึกถึงวันที่แม่ของเธอยิ้มด้วยความดีใจและภูมิใจในวันที่เธอจบการศึกษา ก็ทำเอาเธอมีแรงฮึดอ่านหนังสือและหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง...
07.40 น.
พิรตาวางมือจากหนังสือทันทีหลังจากที่อ่านจบไปหนึ่งบท ร่างบางเดินไปหยิบมือถือกลางเก่ากลางใหม่เครื่องบางที่เธอใช้อ่านข่าวแทนโน้ตบุ๊ค มาเปิดเว็บข่าวต่างประเทศที่เธอเข้าอ่านเป็นประจำ เธอมักจะเข้ามาอ่านข่าวของเขาตามเว็บไซต์หรือหนังสือพิมพ์ของสเปนทุกครั้งหลังจากที่ว่างจากการอ่านหนังสือเรียนหรือการทำงาน จุดประสงค์คือเพื่อให้คลายความคิดถึงเวลาที่เธอไม่ได้เจอเขาแต่มันก็ไม่ได้ช่วยทำให้เธอคลายคิดถึงเขาเลยสักนิด ตรงข้ามเธอกลับยิ่งคิดถึงมากขึ้นทุกวันผู้ชายคนแรกที่ทำให้เธอรู้จักความรักแบบหนุ่มสาว...
เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมลัคชูรี่สุดยิ่งใหญ่ที่เมืองมาดริดไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับลีอันโดรและลีโอนาโดร ลอเรนเซียส สองพี่น้องสิงห์ดุแห่งเมืองมาดริด โดยงานนี้มีนางแบบสาวซึ่งลือกันว่าเป็นแฟนสาวของหนุ่มลีอันโดรได้เดินทางมาร่วมงานและมอบดอกไม้แสดงความยินดี สร้างเสียงฮือฮาจากบรรดานักข่าวและสาวๆ ในงานที่ต่างก็ตกใจและอกหักกันค่อนเมืองจากการเปิดตัวแฟนของเขาในครั้งนี้
พิรตาจ้องมองภาพนางแบบสาวสวยคนหนึ่งกำลังยื่นใบหน้าไปหอมแก้มชายหนุ่มที่เธอเฝ้ารักเฝ้าคิดถึงทั้งน้ำตา ใช่ เธอหึงเธอหวงเขามากไม่อยากให้ใครมาทำแบบนี้กับเขาเลยและที่ทำให้หญิงสาวกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ก็คงเป็นประโยคที่บอกว่า เขาเปิดตัวแฟนสาว... คุณลีอันโดรมีแฟนแล้ว เธออ่านข่าวด้วยหัวใจที่ปวดร้าว พลางร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างเสียใจ ความรักที่บอกใครไม่ได้ ความรักที่เป็นไปไม่ได้ของเธอ ความรักที่มีเพียงเธอรับรู้และรู้สึกไปเองเพียงฝ่ายเดียว ริอาจไปรักคนที่อยู่สูงอย่างเขาก็ต้องเป็นแบบนี้แหละไม่เจ็บตอนนี้ อีกไม่นานก็คงเจ็บอยู่ดีแต่จะเธอเลิกรักเขาได้ยังไงเธอทำไม่ได้
มาดริด, ประเทศสเปน
ตุ้บ!
ลีอันโดรปาหนังสือพิมพ์ที่ลูกน้องยื่นมาให้อ่านลงพื้นด้วยความโมโห ทั้งโมโหสำนักข่าวทั้งโมโหตัวต้นเรื่อง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าข่าวพวกนี้เป็นเพียงการจัดฉากและเป็นฝีมือของใคร
“รอฟ!!” เอ่ยร้องเรียกลูกน้องคนสนิทด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวดุดัน ทำเอาร่างสูงของลูกน้องคนสนิทอย่างรอฟต้องรีบถลาเข้ามาหาเจ้านายทันทีอย่างหวาดหวั่นกับน้ำเสียงนั้น
“ครับนาย”
“ไปจัดการลบข่าวนั่นออกให้หมดและจัดการตัวต้นเรื่องที่สร้างข่าวลวงๆ นี้ซะ!”
“ครับนาย เอ่อ แล้วนายจะไปไหนครับ” รอฟเอ่ยถามขึ้นทันทีเมือเห็นร่างสูงของผู้เป็นเจ้านายเดินไปหยิบกุญแจรถยนต์คันโปรด
“ใช่ธุระของมึงไหม”
“เอ่อ ไม่ครับ”
“จัดการเตรียมเจ็ทให้กูภายในครึ่งชั่วโมง”
“นายจะไปหาแฟนเหรอครับ” ลูกน้องหนุ่มเอ่ยแซวเจ้านายของตัวเองยิ้มๆ อย่างรู้ทันจนถูกผู้เป็นเจ้านายตวัดสายตาดุกร้าวมามองคนแซวอย่างไม่พอใจทำเอารอฟหุบยิ้มแทบจะทันที
ร่างสูงของลีอันโดรก้าวเดินออกไปจากเพนเฮาส์สุดหรูของตัวเองแต่ทั้งใบหน้าและใบหูกลับแดงก่ำราวลูกตำลึงสุกอย่างอับอายที่โดนลูกน้องจับได้
“ปานนี้ร้องไห้ตาบวมหมดแล้วมั้ง”
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
"เราหย่ากันเถอะ"หนึ่งประโยคนี้ ทำให้ชีวิตการแต่งงานสี่ปีของฉินซูเหนียนกลายเป็นเรื่องตลก ในขณะนี้ ฉินซูเหนียนถึงตระหนักว่าสามีของเธอไม่เคยมีใจให้เธอ น้ำเสียงของเขาเย็นชา: "ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันมีเพียงหว่านหว่านอยู่ในใจ และคุณเป็นเพียงแผนชั่วคราวในการจัดการกับการแต่งงานในครอบครัวที่กำหนด" ด้วยความสิ้นหวัง ฉินซูเหนียนลงนามในใบหย่าอย่างไม่ลังเล ถอดผ้ากันเปื้อนของภรรยาที่ดีออก สวมมงกุฎของราชินีขึ้นมา และกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ กลับมาอีกครั้ง เธอไม่ใช่คุณนายลี่ที่สวยแต่เปลือกอีกต่อไป แต่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่น่าทึ่งใจ เธอแสดงความสามารถต่อหน้าคนอื่นๆ และอดีตสามีที่หยิ่งก็ถามเธอว่า: "ฉินซูเหนียน นี่เป็นเคล็ดลับใหม่ของเธอในการดึงดูดฉันงั้นเหรอ" ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ประธานลึกลับก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาและประกาศไปว่า "ดูให้ชัดเจน นี่คือคุณนายฟู่ คนอื่นห้ามเข้าใกล้เธอ" ฉินซูเหนียนถึงกับพูดไม่ออก อดีตสามีก็ตกตะลึงไปด้วย
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"