เจ้านายดีๆ ก็เหมือนรักแท้ หลายคนเชื่อว่ามี แต่น้อยคนนักที่จะได้เจอ.....ซึ่งเจ้านายของฉันไม่ใช่คนดี แต่เป็นพวกยันเดเระ!
เจ้านายจอมโหด กำลังโกรธอะไรฉันอยู่นะ!
บทนำ
..................
"ไอ้เจ้านายใจร้าย วาจาพิกลพิการฟังไม่รู้ความ จิตใจหยาบกระด้าง ไม่มีเมตตาข้าทาสบริวาร ดีแต่สั่งให้ฉันทำงานล่วงเวลาจนไม่เคยได้ไปเดท ไอ้แว่นสี่ตาน่ารำคาญ!"
"แฮ่กๆๆๆ ขอดัดแปลงคำพูดจากละครเรื่องดังหน่อยเหอะ แฮ่กๆๆๆ"
ฉันหอบหายใจแรงหลังจากระบายความอัดอั้นในใจตลอดเวลาห้าปีที่มีออกไปบนดาดฟ้ากว้างของบริษัทที่คิดว่าไร้ผู้คน หลังจากที่วันนี้ถูกสั่งให้ทำโอทีอยู่คนเดียวทั้งๆ ที่มีนัดดูตัวแท้ๆ ประสบการณ์ล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่เริ่มความสัมพันธ์ครั้งที่ร้อย ทำให้ฉันรู้สึกอัดอั้นใจเสียเหลือเกิน
"ฮืออออ ทำไมต้องสั่งให้ทำโอทีทุกครั้งที่มีเดทด้วยเนี่ย! ความสาววัยแรกแย้มกำลังค่อยๆ ถูกกลืนไปตามกาลเวลา ความตื่นเต้นเร้าใจค่อยๆ แห้งเหี่ยวลงทุกวัน"
"เป็นแบบนี้แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้เสียซิงสักทีเนี่ย" เพราะความโมโหเลยพูดจาไปเรื่อยไปเปื่อย แต่ทว่าใครจะไปคิด ว่าพอพูดจบประโยคฉันก็ได้โดนสมใจ (T^T)
"อยากเสียซิงขนาดนั้นเลยหรือไง"
"ให้ผมช่วยคุณดีมั้ยล่ะ"
เสียงทุ้มเย็นยะเยือกที่แสนคุ้นเคยที่มักจะใช้จิกหัวใช้งานฉันราวกับทาสดังขึ้น
ตุ้บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวใจเจ้ากรรมเต้นระรัว แข้งขาก็รู้สึกอ่อนเปลี้ยขึ้นมากะทันหัน เมื่อเห็นว่าร่างสูงที่แสนคุ้นเคยของใครบางคนกำลังเดินออกมาจากมุมสูบบุหรี่
"คะ คะ คะ คุณขุนพล" ความตกใจทำให้ฉันพูดจาราวกับแผ่นเสียงตกร่อง หัวใจตกไปอยู่ตาตุ่ม เพราะดันทำเรื่องใหญ่เข้าให้เสียแล้ว เพราะคนที่ด่ากราดไปเมื่อครู่ ก็คือเขาคนนี้นั่นเอง
ชายหนุ่มร่างสูงราวๆ ร้อยแปดสิบกว่าๆ ที่มีใบหน้าคมคายได้รูป ทว่ากลับถูกบดบังด้วยกรอบแว่นตาสีดำแสนเชย แต่ก็ไม่อาจบดบังออร่าความหล่อของเขาได้ เขาหล่อ เขารวย จบนอก ซึ่งตรงสเปกฉันทุกอย่างโดยเฉพาะแว่นตาเชยๆ ของเขา อะไรจะทำให้คลั่งได้เท่ากับหนุ่มแว่นกันล่ะ ยกเว้นแค่ปากของเขาที่ไม่ตรงสเปกฉันอย่างแรง เพราะฉันไม่ชอบผู้ชายที่เลี้ยงหมาไว้ในปาก
ตึก ตึก ตึก
ร่างสูงสาวเท้าเดินเข้าหาหญิงสาวด้วยท่าทางสบายๆ โดยที่ยังคงคีบบุหรี่เอาไว้ในมือ ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาวร่างบางที่ยังคงตกอยู่ในอาการงุนงง
ฟู่ว
"ว่าไงล่ะ คุณน้ำขิง" เจ้านายหนุ่มเอ่ยชื่อของลูกน้องสาวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ก่อนจะพ่นควันบุหรี่ใส่คนตรงหน้า
"ความปรารถนาของคุณน่ะ ให้ผมช่วยสงเคราะห์ให้ดีหรือเปล่าล่ะ"
"แค่กๆๆ มะ ไม่เป็นไรค่ะ"
‘เห็นไหมล่ะ ว่าเขาน่ะเลี้ยงหมาเอาไว้ในปากจริงๆ ด้วย (T^T) ’
"ทำไมล่ะ นั่นไม่ใช่ความปรารถนาของคุณงั้นหรอ"
"ไม่งั้น.....คุณคงไม่ด่าผมขนาดนั้นหรอกจริงมั้ย (^_^) "
" (¯^¯;) "
'แงงง น้ำขิงผิดไปแล้ว น้ำขิงไม่ได้ตั้งใจ'
'ฮืออ จะตกงานไหมเนี่ย น้ำขิงตกงานไม่ได้นะ สินเชื่อคอนโดกับรถ ที่ยื่นกู้ไปเพิ่งจะผ่านแท้ๆ'
"ว่าไงคุณน้ำขิง"
"สรุปมันใช่ หรือ ไม่ใช่ความปรารถนาของคุณกันแน่"
"นะ น้ำขิงขอโทษได้ไหมคะ"
"น้ำขิงขาดสติไปชั่วครู่"
"ถ้าขอโทษง่ายๆ แล้วจะมีกฎหมายไว้ทำไมล่ะครับ (^_^) "
"จะไล่น้ำขิงออกหรอคะ (T^T) "
"ทำไมล่ะ.....ไม่อยากออกงั้นหรอ"
หงึกๆ
น้ำขิงรีบพยักหน้าหงึกหงักตอบรับทันที
‘ใครจะไปอยากออกกันล่ะ’
ตึก ตึก ตึก.....
“งั้นหรอ.....”
“ไม่อยากออกสินะ” เจ้านายหนุ่มเดินต้อนเลขาสาวของตัวเองไปจนชิดกำแพง ก่อนจะใช้มือกักร่างเล็กเอาไว้ เพื่อไม่ให้หนีไปไหนได้ ก่อนจะค่อยๆ แทรกขาของตัวเองเข้าไปตรงกลางระหว่างขาเรียวทั้งสองข้างของเธอ
“คะ คุณขุนพล จะทำอะไรคะ อุ้บ!...อื้อ” ยังไม่ทันที่น้ำขิงจะเอ่ยจบประโยค ริมฝีปากของเธอก็ถูกช่วงชิงไปด้วยฝีมือของเจ้านายหนุ่ม
จุ้บ!
จ้วบ
“อึก อื้อ!” ด้วยความตกใจ น้ำขิงพยายามทั้งผลักทั้งดันคนตรงหน้าออกจากตัว แต่ทว่าร่างสูงกลับบดเบียดกายเข้ามาใกล้มากขึ้นจนทั้งสองแนบชิดกัน
จุ้บ!
จ้วบๆ
‘อื้อ ละ ลิ้น เขาส่งลิ้นเข้ามา!’ น้ำขิงได้แต่กู่ร้องในใจ เพราะริมฝีปากของเธอถูกครอบครองเอาไว้ และไม่สามารถสลัดคนตรงหน้าออกได้ง่ายๆ
‘วะ ว่าแต่ ทะ ทำไมมันรู้สึกดีจัง’
‘หรือจูบแรกของคนอื่นๆ ก็เป็นแบบนี้เหมือนกันนะ’
จุ้บ!
จ้วบๆ
“อืมม” เจ้านายหนุ่มยังคงบูดจูบลูกน้องสาวอย่างหนักหน่วง ก่อนที่มือของเขาจะเริ่มลูบไล้ไปตามร่างกายนุ่มนิ่ม
“อึก! อื้อ” น้ำขิงส่งเสียงประท้วง เมื่อจู่ๆ ก็ถูกลูบไล้ตามเนื้อตัว
‘นะ น่ากลัว เขาอันตราย’
‘อันตรายมากๆ’
นั่นคือสิ่งที่น้ำขิงรู้สึกในตอนนี้ เธอเริ่มรู้สึกแล้ว ว่าตัวเองมองคนแค่ภายนอกมากเกินไป ภาพลักษณ์ของเจ้านายหนุ่มที่เธอเคยมองก็คือ ชายหนุ่มผู้เงียบขรึม และปากจัด ถึงเธอจะชอบหนุ่มแว่น และ ชอบเสพนิยายพวกหนุ่มฮ็อตเนิร์ดก็ตาม แต่กลับไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกับตัวเอง
จุ้บ!
จ้วบๆ
ยิ่งถูกบดจูบ และลูบไล้ไปตามตัวมากเท่าไหร่ น้ำขิงก็ยิ่งสติพร่ามัวเข้าไปทุกที เธอถูกเจ้านายหนุ่มชักจูงอย่างง่ายดายเพราะความไม่ประสา และไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอถูกพาตัวเข้ามาในห้องทำงานสุดหรูของเจ้านายหนุ่ม มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกอุ้มไปนั่งบนโต๊ะทำงานกว้างที่ถูกปัดสิ่งของที่ขวางทางกระจายตกอยู่เต็มพื้น ซึ่งตอนนี้ขุนพล กำลังปลดกระดุมเสื้อ และเนกไทของตัวเองออกอย่างช้าๆ เขาดูไม่ได้รีบร้อนหรือตื่นตระหนกเหมือนร่างบางที่กำลังนั่งมองเขาอย่างอึ้งๆ เลยสักนิด
ร่างสูงที่เมื่อเสื้อเชิ้ตที่สวมใส่ถูกปลดกระดุมออกจนหมดเผยให้เห็นซิกแพ็กเป็นลอนสวย ทำเอาน้ำขิงถึงกลับต้องกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าซิกแพ็ก ก็คือรอยสักที่หน้าท้องของเขา
ฟึบ
เสื้อเชิ้ตราคาแพงถูกโยนลงบนพื้นห้องอย่างไม่ไยดี ก่อนที่มือหนาจะถอดแว่นที่กำลังสวมโยนทิ้งไปที่จุดเดียวกันกับเสื้อ เขาขยี้ผมที่ถูกเซ็ทจนเข้ารูปเรียบร้อยจนเสียทรง แต่ทว่ามันกลับดูเซ็กซี่ในสายตาของน้ำขิงเสียเหลือเกิน
“..................” น้ำขิงได้แต่มองร่างสูงของเจ้านายหนุ่มอย่างอึ้งๆ และเมื่อเผลอสบเข้ากับดวงตาคมของเจ้านายหนุ่ม เธอก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาอีก
‘นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย’
ตึก ตึก ตึก.....
ขุนพลค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้น้ำขิงเรื่อยๆ ในสภาพที่ท่อนบนเปลือยเปล่าอวดซิกแพ็ก ส่วนมือของเขาก็กำลังทำหน้าที่ปลดเข็มขัดกางเกงที่กำลังสวมไปพลาง
“!” น้ำขิงสะดุ้ง ก่อนจะรีบกระโดดลงจากโต๊ะทำงาน
“อะ เอ่อ คุณขุนพลคะ นะ นะ นะ น้ำขิงขอกลับบ้านก่อนนะคะ” น้ำขิงแทบจะเอ่ยไม่เป็นภาษาเพราะความตื่นเต้น ตอนนี้เธอยังจับต้นชนปลายเหตุการณ์ไม่ได้เลยสักนิด ว่ามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
‘ฉันกับเจ้านายปากมอมกำลังจะมีเซ็กส์กันเนี่ยนะ ไม่เข้าท่าเลยสักนิด’
‘ถึงแม้เขาจะตรงสเปกของฉันสุดๆ เลยก็เถอะ’
“อยู่ๆ ก็ป๊อดขึ้นมาหรอ?” ขุนพลยืนพิงโต๊ะทำงาน ก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร หากเธอไม่เล่นด้วย แต่ทว่าคำพูดของเขากลับเต็มไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันจนคนฟังถึงกับขมวดคิ้ว
“ว่าใครป๊อดกันคะ (╰_╯) ” น้ำขิงเอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง เพราะคติของเธอคือฆ่าได้ แต่หยามไม่ได้ ซึ่งนิสัยนี้ของเธอมันก็ดันเข้าทางของใครบางคนเสียเหลือเกิน
“ไม่รู้สิ (^_^) ” ขุนพลเอ่ยยิ้มๆ ก่อนทำท่าจะใส่เข็มขัดที่ปลดออกไปเมื่อครู่กลับที่เดิม
ตึกๆๆๆ
หมับ
มือเล็กคว้าเข็มขัดในมือหนา ก่อนจะจับกระชากโยนทิ้งไปอีกทาง
“หึ” เมื่อเห็นท่าทางของคนตรงหน้า ขุนพลก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างพอใจ
หมับ
ไม่รอให้เกิดเดดแอร์นาน มือหนาจัดการรั้งร่างบาง เข้ามาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะยกตัวเธอขึ้นไปนั่งบนโต๊ะอีกครั้ง
“หวังว่าจู่ๆ คงจะไม่ป๊อดขึ้นมาอีกนะ” ขุนพลเอ่ยดัก เมื่อเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของคนตรงหน้า
“ไม่ มี ทาง ค่ะ” น้ำขิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ เพราะไม่อยากเสียหน้า แต่ว่าความจริงในใจเธอตอนนี้กำลังฟุ้งซ่านเหลือเกิน
‘ (T^T) ’
‘จู่ๆ ก็จะได้เสียตัวเฉยเลยตรู’
เมื่อสาวนักเขียนนิยายวาย(18+) เริ่มหมดไฟในการแต่งฟิค ปฏิบัติการค้นหาอินสไปเรชั่น(สุดซี๊ด!) จากคู่จิ้นในดวงใจที่เธอชื่นชอบจึงบังเกิด "วายุ-ฟาโรห์จ๋า มัมหมีมาแล้ว!"
พอดูรวม ๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน.....คำนี้สามารถใช้อธิบายเกี่ยวกับน้องแป้งสุดเนิร์ดได้เป็นอย่างดี หน้าตาน่ารักระดับปานกลาง แต่ทว่ากลับมีเสน่ห์โดยธรรมชาติ ถึงไม่ได้สวยมาก แต่น่ามองจนไม่อาจละสายตา
สวัสดีครับพี่สาวตัวน้อยของผม เราสองคนไม่ได้เจอกันมาก็นานแล้วนะ พี่คงไม่รู้ว่าปีนี้ผมก็สูงขึ้นอีกแล้ว แต่ผมรู้นะ ว่าพี่น่ะไม่สูงขึ้นเลยสักนิด พอถึงวันที่เราได้เจอกันอีกครั้ง พี่จะจำผมได้ไหมนะ😊
เสียงกระเส่าในยามค่ำคืน ไม่ได้มีแค่เสียงเดียวแต่มีถึงหลายคน สตรีนางน้อยที่อยู่บนเตียงหันมองสตรีที่จูบแม่ทัพปีศาจ นางพึ่งจะเป็นมือใหม่ที่ใหม่จนไม่กล้าทำสิ่งใด ได้แต่มองเขาเสพสมสตรีอื่นต่อหน้านาง เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังไม่หยุด ยิ่งทำให้นางประสาทเสีย หากแต่ว่าหากนางยังนิ่งมองอยู่เช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้จะไม่มีที่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดเลยสิจะรออะไร ใช่ว่านางจะทำไม่เป็นเสียหน่อย
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"
ในคืนวันเกิดอายุยี่สิบสองปี ลี่เฉี่ยนโลว่ถูกแฟนหนุ่มวางยา และไปมีอะไรกันกับซือจิ้นเหิง ผู้ชายลึกลับคนหนึ่งตลอดทั้งคืน วันรุ่งขึ้นเธอพบว่าครอบครัวเธอถูกทำลายจนไม่มีอะไรเหลือ เธอแต่งงานกับจิ้นเหิง ได้รับการคุ้มครองจากเขา และใช้เขาเพื่อแก้แค้น "ฉันเป็นภรรยาที่ถูกกฎหมายของเขา" แม้ว่าแม่สามีของเธอจะไม่ยอมรับ แม้ว่าแฟนสาวที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ของเขาจะตามมาอยู่ด้วยกัน เธอก็ยังคงยืนยันอยู่อย่างนั้น เธอแท้งโดยบังเอิญ แต่เขากลับเข้าใจผิดว่าเธอไม่อยากมีลูกกับเขา และด้วยความเข้าใจผิดต่าง ๆ อีกหลายหย่าง เธอเลือกที่จะกระโดดลงทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย หลายปีต่อมา เมื่อเธอกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง เขาถึงกับตกตะลึง ชายคนนี้ได้สิ่งที่ต้องการจากเธอแล้ว แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังรังควานและทรมานเธอต่อไป
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"