แม้ไม่มีสิทธิ์ก็อยากรัก แม้เป็นได้แค่ที่พักก็อยากดูแล ขอแค่ได้อยู่ใกล้กันเท่านั้นพอ เพราะเหตุผลบางอย่างทำให้เขาไม่เคยคิดเข้าไปวุ่นวายให้เธอรำคาญใจ แต่ในเมื่อแฟนเธอมันนอกใจแล้วทำไมเขาต้องยอมมัน! "เลิกกับมันสิ อยากได้อะไรจะยกให้" #พระเอกธงเขียว #รักเดียวใจเดียว #คลั่งรัก #ไม่มีนอกกายนอกใจ แนวแอบรักฟิลกู๊ดดราม่าน้อยกว่ามดกัด
“นายครับ” เสียงเรียกดังขึ้นไม่ไกล
ใบหน้าคมคายละสายตาจากทุกสิ่งรอบกายตวัดมองผู้มาใหม่ ให้ความสนใจกับสิ่งที่เขารอมาทั้งวัน
ซองสีน้ำตาลถูกวางลงตรงหน้า เขาเงยหน้ามองลูกน้องคนสนิทครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมคว้ามันมาเปิดออกอย่างเบามือ หยิบของด้านในออกมาอย่างใจเย็นและทะนุถนอมจนว่างเปล่า
ภาพหญิงสาววัยมหา’ลัย ใบหน้ารูปไข่ เรือนผมสีน้ำตาลธรรมชาติขับผิวขาวอมชมพู กำลังแย้มยิ้มให้บางสิ่งอย่างมีความสุข รอยยิ้มสดใสนั้นทำคนยิ้มยากเผลอยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว
สวย...
ยิ่งโตยิ่งสวยไร้ที่ติ ทว่าติดตรงที่เธอมีเจ้าของหัวใจ
แต่จะโทษใครได้ ในเมื่อก่อนหน้าเธอเคยเฝ้ารอและพยายามตามหาเขามาโดยตลอด ทว่าเป็นตัวเขาเองที่ขี้ขลาด และเป็นฝ่ายเลือกหนีหายไปจากเธอนานหลายปี
ตอนนั้นพวกเรายังเด็ก จึงคิดอะไรโง่ๆ อย่างง่ายๆ ว่าสิ่งที่ทำเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว โดยไม่คิดถามความเห็นของเธอสักคำ สมควรแล้วที่ตอนนี้ต้องกลายมาเป็นฝ่ายเฝ้ามองเธออยู่ไกลจากอีกฟากโลก ทั้งที่อยากเจอกันใจแทบขาด
และรู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้
“แล้วเรื่องของมันล่ะ?”
“ยังไม่ชัวร์ครับนาย มันค่อนข้างระวังตัว แต่มีโอกาสเป็นอย่างที่นายคิดสูง หรือเราให้คนของคุณเจย์ช่วยอีกแรงดีมั้ยครับ? คนในพื้นที่น่าจะจัดการได้ง่ายกว่า”
“ไม่ต้อง กูยังไม่อยากให้ใครรู้”
ตึง!
“แต่กูต้องรู้!”
“เป็นเหี้ยอะไรไอ้ชา ลืมแดกยาระงับประสาท?” น้ำเสียงเย็นชาติดจะกวนเอ่ยถามด้วยความเอือมระอา
ยูนิกซ์ ปรายตามองเพื่อนสนิทอย่าง ชานนท์ ที่คล้ายกับจะเป็นหมาบ้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก ‘เป็นบ้าอะไรของมัน ถามดีๆ ไม่เป็นเหรอวะจะใส่อารมณ์ทำไม?’ แล้วถ้าจะมีใครต้องโกรธ คนนั้นควรเป็นเขามากกว่าหรือเปล่าที่โดนโวยวายตบโต๊ะใส่เสียงดัง
“ไอ้ยูมึงอย่ามากวนตีนกู”
“...”
“โอเค้ มึงจะไม่บอกใครก็ได้เว้ย แต่ต้องบอกกู! เพราะในมือมึงคือรูปน้องสาวกู! ” ชานนท์กระแทกเสียงฟึดฟัดไม่พอใจ มือกระชากเก้าอี้มานั่งจ้องหน้าเพื่อนสนิทตาเขม็ง
ทำไมเขาที่เป็นพี่ชายของคนในรูปจะไม่มีสิทธิ์รู้เรื่องนี้ นี่มันเข้าข่ายรุกล้ำความเป็นส่วนตัวแล้วหรือเปล่า? เขาเป็นพี่ชายของเธอนะ แม้เราจะเป็นเพื่อนสนิทกัน
แต่มันจะมามีลับลมคนในแบบนี้กับเขาไม่ได้!
แม้ว่า จะเป็นคนอนุญาตให้ไอ้เพื่อนบ้านี่ส่งคนไปดูแลน้องสาวแทน ทั้งยังชะล่าใจ เรียกคนของตัวเองกลับทั้งหมด เพราะมั่นใจในตัวเพื่อนสนิท แต่เหมือนจะคิดผิด
ยูนิกซ์มันชักจะเหมือนโรคจิตในคราบคนดีเข้าไปทุกวัน
แต่เออ...มันเป็นคนดีนั่นแหละ แค่ ‘อาการหนัก’ ไปหน่อย
และถ้าให้เดา ตอนนี้น้องสาวของเขาคงจะกำลังเผชิญปัญหาอะไรบางอย่างอยู่ แถมคงไม่ธรรมดา ไม่อย่างนั้นคนอย่างมันคงไม่ส่งมือขวาที่ไม่เคยให้อยู่ห่างจากตัวลงมือทำงานเอง
ขอทดไว้ก่อนเรื่องที่มันนั่งอมยิ้มอยู่กับรูปน้องสาวเขาน่ะ! ตอนนี้อยากรู้เรื่องที่มันกำลังทำโดยไม่บอกหรือปรึกษา ทั้งที่ตกลงกันไว้แล้วว่าจะแค่ส่งคนไปดูแลเท่านั้น!
“มึงไปจัดการที่เหลือ ทางนี้กูเคลียร์เอง”
“ครับนาย” เจฟบอร์ดีการ์ดคนสนิทพ่วงตำแหน่งเลขา ค้อมศีรษะให้นายทั้งสอง ก่อนแยกตัวออกไป ทิ้งให้สองเพื่อนรักที่ทำท่าเหมือนใกล้ฟัดกันเต็มทนอยู่ด้วยกันตามลำพัง
“คิดจะทำอะไรไอ้ยู มึงกำลังล้ำเส้นนะ”
“...”
“กูถามว่ามึงจะทำอะไร!”
“...”
“ไอ้สัตว์! อย่าทำนิ่งดิวะ งั้นกูเปลี่ยนคำถามใหม่” เมื่อเห็นเพื่อนรักยังทำหน้านิ่งไม่แยแส ชานนท์เลยต้องเปลี่ยนวิธีคาดคั้น แม้จะหัวร้อนปุดๆ แล้วก็ตาม “เกิดอะไรขึ้นกับพริกแกง” แอบเห็นมุมปากของคนหลังโต๊ะกระตุกนิดๆ ก่อนอีกฝ่ายจะพยักพเยิดหน้าให้เขาก้มหน้าดูบนโต๊ะอย่างใจเย็น
ไอ้เพื่อนเวร!
“มึงรู้จักมันมั้ย”
“พอรู้จัก ทำไม?” คนหัวร้อนเหลือบตามองรูปภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่ถูกเลื่อนมาตรงหน้า พลางเอ่ยตอบเสียงตึง
จริงอยู่ที่ช่วงสามสี่ปีมานี้เขาไม่ได้ส่งคนของตัวเองไปตามติดน้องสาว แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นละเลยจนไม่รู้จักหรือไม่ได้หาข้อมูลผู้ชายที่เข้ามาวอแวเธอ เพียงแต่ไม่ได้ยื่นมือเข้าไปยุ่งก็เท่านั้น
พริกแกงเอาแต่คอยพูดถึงความดีเลิศของผู้ชายในรูปให้เขาฟังทุกวี่วัน จนบางครั้งก็นึกหมั่นไส้ อยากตัดสายทิ้งให้รู้แล้วรู้รอด
“กูสืบเรื่องมันอยู่”
“?”
“ขอเถอะ อย่าทำหน้างง มันดูโง่”
“ไอ้เหี้ยยู!”
“เสียงมึงนี่น่ารำคาญฉิบหาย”
“อย่ามาทำเนียนเปลี่ยนเรื่อง บอกมา กูอยากรู้”
“เหรอ? ถ้าอยากรู้ก็รอ” คำพูดคล้ายจะกวนประสาทกัน ทว่าสิ่งที่คนพูดน้อยอย่างยูนิกซ์อยากสื่อออกไปคือ ‘เรื่องนี้ต้องละเอียดรอบคอบและใช้เวลา เพราะอีกฝ่ายก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน’
แต่ไม่พูดหรอก มันเหนื่อย
“รอ รอ รอ รอ! ห่าเอ๊ย แล้วเมื่อไหร่กูจะรู้!”
“เมื่อกูแน่ใจ” มองเพื่อนอย่างท้อใจ บอกปัดเสียงเนิบนาบอย่างนึกรำคาญ ชานนท์เป็นแบบนี้ไง เขาถึงไม่อยากบอกอะไร
ใจร้อน เอาอารมณ์เป็นที่ตั้งอยู่เหนือเหตุผลตลอด
อีกอย่าง เขารู้สึกหมั่นไส้เพื่อนตัวดีอยู่ในใจ เพราะก่อนหน้ามันมัวแต่แจ้นตามง้อเมียจนลืมน้องไปชั่วขณะ ทีตอนนี้เสือกมาตีโพยตีพาย ไม่พอยังมาโวยวายอยากรู้อยากเห็น น่าทุบฉิบหาย
ทว่าไม่บอกก็ไม่ได้ เพราะถ้าวันนั้นไม่มีมัน เขาอาจไม่มีกำลังใจใช้ชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ขอบอกแง้มๆ ให้มันอึดอัดใจแทนก็แล้วกัน คราวหลังจะได้รู้ว่าอย่าละเลยเธออีก!
“นานมั้ย”
“หลังกูกลับไทย”
“ฮะ!” คนฟังถึงกับหูผึ่งตาโตหายโมโหเป็นปลิดทิ้ง เรื่องน้องสาวก็อยากรู้ แต่เรื่องที่คนหน้าตายมันจะกลับไทยน่าตกใจกว่า
รู้จักกันมาตั้งแต่เกิด ไอ้เพื่อนเกลอคนนี้ไม่เคยพูดถึงเรื่องกลับบ้านเกิดแม่สักครั้ง ขนาดพ่อมันออกปากขอให้ไปช่วยดูธุรกิจมันยังปฏิเสธอย่างไม่ไยดี พอวันนี้กลับพูดออกมาหน้าตาเฉย
แสดงว่าต้องเกิดเรื่องบางอย่างที่ไทยจริงๆ
“กูไปด้วย”
“ไม่ต้องเสือก”
“อ้าวๆ พูดดีๆ ครับ นั่นน้องกูนะเว้ย!”
“ไปแล้วมึงทำอะไรได้? เรื่องตัวเองจัดการเรียบร้อยแล้ว?”
“กะ...ก็ยัง แต่กูเป็นห่วงน้อง”
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกูจัดการเอง ตัวเล็กก็น้องกูเหมือนกัน”
“คิดแค่น้องจริงเหรอเพื่อน...” ชานนท์หรี่ตาแสยะยิ้มร้าย พลางเอ่ยหยอกเย้าอย่างรู้ทันกัน คบกันมาตั้งนาน เรื่องของคนชอบเก๊กหน้านิ่ง ทั้งที่ใจเหลวยิ่งกว่าน้ำน่ะ เขารู้ดีกว่าใคร ไหนจะที่มันนั่งยิ้มกับรูปน้องสาวเขาอีก มองจากนอกโลกยังรู้ว่าคิดไม่ซื่อแต่ตีมึน
“...”
“แน่นะ? ถ้าได้มึงเป็นน้องเข...”
“ถ้ามึงยังไม่หุบปาก เลิกพ่นคำไร้สาระออกมา เรื่องที่คุยไว้กูขอยกเลิก”
“เฮ้ยๆ ยูเพื่อนรัก ใจเย็นดิวะ อย่าเพิ่งงอนกูดิเฮ้ย”
“ไม่ได้งอน กูพูดจริง” ร่างสูงว่าเสียงเรียบ ยันตัวลุกขึ้นยืน ปรายตามองคนหน้าเหวอเล็กน้อย
ไม่รู้ผีตัวไหนเจาะปากเพื่อนคนนี้ ถึงชอบพูดจาเลอะเทอะระคายหูชวนหงุดหงิดทุกครั้ง ขืนคุยกันต่ออาจได้วางมวยกัน ฉะนั้นเขาควรตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เดินออกไปจากตรงนี้ ก่อนที่ความอดทนอันน้อยนิดจะหมดลง
ไม่เข้าใจ คนนิสัยเสียชอบโหวกเหวกโวยวายไม่สนใจใครแบบมัน ทำไมถึงมีน้องสาวน่ารักแบบเธอได้?
ต่างกันราวฟ้ากับขุมนรก
“ไอ้ยู” ชานนท์เรียกคนที่กำลังจะหนีเสียงอ่อน “กูจะไม่ก้าวก่าย ไม่เข้าไปวุ่นวาย ขอแค่มึงรับปากกูได้มั้ยว่ายัยแสบจะปลอดภัย น้องกูจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ยวะ?” คราวนี้คนขี้กวนยอมอ่อนลง ด้วยความรู้สึกผิดกับเรื่องในอดีตตีตื้นขึ้นมาจุกอก
ไม่ใช่เขาไม่รักน้องสาว ไม่ใช่กลัวเพื่อนไม่ช่วยเหลือ แต่ที่ยอมก็เพราะไม่อยากเข้าไปยุ่งจนพังเหมือนครั้งนั้น
ความคิดเองเออเองของเขา มันเคยทำร้ายคนที่รักถึงสองคน ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเรื่องราวอาจไม่ลงเอยอย่างตอนนี้
ตอนนั้นด้วยความกลัวน้องเสียใจ ถึงเลือกไม่ตอบอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่พริกแกงเฝ้าถาม เขาไม่อยากเห็นน้ำตาน้อง จนลืมคิดไปว่าไม่มีใครไม่เคยผ่านความผิดหวัง ความเสียใจ และความเจ็บปวด
แม้กระทั่งผู้ชายเพอร์เฟกต์ตรงหน้ายังหนีไม่พ้น มันถึงเข้าใจและเข้มแข็งมาจนทุกวันนี้
“ไม่รับปาก แต่กูจะทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับพริกแกงให้ดีที่สุด มึงไม่ต้องห่วง”
"เอาแบบนี้นะ ถ้าตัวเล็กหยุดร้อง พี่สัญญาว่าครั้งหน้าถ้าเราได้เจอกัน หากหนูเจ็บหรือเสียใจพี่จะคอยอยู่ข้าง ๆ จนกว่าจะหายดี จากนั้นเราสองคนค่อยไปหาของอร่อยกินกัน ดีมั้ย^^" "ดีค่ะ พี่สัญญากับหนูแล้วนะ ห้ามผิดคำพูดนะคะ" "อื้ม สัญญาครับ" เราทั้งคู่เกี่ยวก้อยทำสัญญาด้วยรอยยิ้ม แต่คนให้คำมั่นหายไปไม่หวนกลับ นั่นเป็นครั้งแรก และครั้งเดียวที่เราได้เจอกัน เขาจะลืมฉันไปหรือยัง? เขาจะจำคำสัญญาของเราได้หรือเปล่า? เขาจะรู้บ้างไหมความอบอุ่นที่เขามอบให้ มันหยั่งลึกฝั่งแน่นในความทรงจำของเด็กคนนี้ ฉันยังหวัง... หวังว่าสักวัน เราจะได้พบกันอีกสักครั้ง
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀