ลู่จื้อ อาศัยอยู่ในไต้หวัน เธอเป็นเจ้าของคาสิโนขนาดใหญ่ ที่ส่งต่อมาจากพ่อบุญธรรมที่รับเธอมาเลี้ยงจากบ้านเด็กกำพร้า เธอวางมือคืนอำนาจให้ญาติพี่น้องของพ่อบุญธรรม แต่พวกเขากลับตามฆ่าเธอ
ลู่จื้อ อาศัยอยู่ในไต้หวัน เธอเป็นเจ้าของคาสิโนขนาดใหญ่ ที่ส่งต่อมาจากพ่อบุญธรรมที่รับเธอมาเลี้ยงจากบ้านเด็กกำพร้า เธอวางมือคืนอำนาจให้ญาติพี่น้องของพ่อบุญธรรม แต่พวกเขากลับตามฆ่าเธอ
ลู่จื้อ อาศัยอยู่ในไต้หวัน เธอเป็นเจ้าของกาสิโนขนาดใหญ่ ที่ส่งต่อมาจากพ่อบุญธรรมที่รับเธอมาเลี้ยงจากบ้านเด็กกำพร้า แม้ไม่ได้ให้ความรักอย่างที่คนในครอบครัวมอบให้ แต่ความรู้ เงินทองพ่อบุญธรรมก็ให้เธออย่างเต็มเปี่ยม
หลังจากที่พ่อบุญธรรมเธอโดนลอบสังหารกิจการทั้งหมดจึงตกเป็นของเธอ เธอมีลูกน้องนับพันคนที่ต้องดูแล เบื้องหลังของกาสิโนไม่ได้มีแต่สิ่งบันเทิงใจแบบฉากหน้าที่เห็น การแกร่งแย่งช่วงชิงทางธุรกิจทำให้เธอต้องระวังตัวอย่างมาก เธอใช้ชีวิตหวาดระแวงอย่างอยู่ทุกวัน
ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว บรรดาญาติพี่น้องของบิดาต่างก็หาโอกาสลอบสังหารเธออยู่ทุกวี่วัน แม้จะรอดพ้นมาได้ในทุกครั้งแต่โชคคงไม่ได้ดีเช่นนี้ทุกวัน
เธอตัดสินใจแบ่งมรดกทั้งหมดให้ญาติพี่น้องของพ่อบุญธรรม ถึงคนพวกนั้นจะถนัดใช้เงินมากกว่าบริหารเธอก็ไม่สนแล้ว เธออยากออกไปใช้ชีวิตที่เรียบง่าย แบบที่เธอฝัน ตลอดชีวิตของเธอโดนฝึกให้ดูแลกิจการ แม้กระทั่งฝึกให้ฆ่าคนก็ต้องทำ
พ่อบุญธรรมได้เขียนพินัยกรรมยกกิจการให้กับลู่จื้อและพี่น้องของตน แต่จะยกให้ก็ต่อเมื่อลู่ จื้อเลือกทางเดินชีวิตใหม่ที่จะไม่สานต่อกิจการแล้ว
ลู่จื้อ เบื่อชีวิตที่ต้องคอยระวังหลังตลอดจึงเลือกที่จะปล่อยวาง และพ่อบุญธรรมรู้ว่าเธอไม่สามารถประคับประคองกิจการทั้งหมดให้รอดพ้นเสือสิงห์กระทิงพวกนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง จึงได้บอกเธอเอาไว้ก่อนจะสิ้นใจให้ยกทั้งหมดให้คนพวกนั้นไป เมื่อจะตายถึงได้รู้ว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดไม่สามารถเอาไปด้วยได้
ความเมตตาสุดท้ายที่พ่อบุญธรรมยกให้เธอ คือให้เธอได้มีชีวิตใหม่เป็นของตนเอง ลู่จื้อซื้อที่ดินไว้ที่มณฑลเจียงซี หมู่บ้านชนบทที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในประเทศจีน
เธอเก็บข้าวของทั้งหมดให้ลูกน้องคนสนิทพาส่งไปยังบ้านใหม่ที่สร้างไว้ ก่อนจะหันหลังจากไป พ่อบ้านส่งจดหมายให้เธอบอกว่า นายท่านฝากไว้ให้ลู่จื้อเมื่อเขาจากไปแล้ว ใจความจดหมายเขียนไว้ไม่กี่ประโยคล้วนแล้วแต่อยากให้ลู่จื้อ มีความสุขกับสิ่งที่เลือก และของชิ้นสุดท้ายที่ยกให้เธอคือ กำไลหยกสีดำเนื้อดีหนึ่งวง
ลู่จื้อเคยเห็นกำไลวงนี้มาแล้ว มันเป็นกำไลที่แม่บุญธรรมเคยใส่ไว้ แต่ที่เธอไม่เข้าใจทำไมพ่อบุญธรรมถึงให้เธอตอนที่เธอเลือกจะออกไปจากวงจรนี้
“ขอบคุณค่ะพ่อบ้าน ฉันไปแล้วนะคะ พ่อบ้านดูแลตัวเองด้วยค่ะ” ลู่จื้อกล่าวจบก็ขึ้นรถขับออกไป
ตลอดเวลาที่เธอย้ายมาอยู่เจียงซี ชีวิตของเธอผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมา ตื่นเช้านั่งจิบกาแฟซึมซับบรรยากาศธรรมชาติ ไม่ต้องเร่งรีบ เบื่อก็เดินไปดูคนงานทำไร่ ปลูกต้นไม้ หรือไม่ก็นั่งตกปลา นอนอ่านหนังสือนิยายใต้ต้นไม้ในสวน นี่คือชีวิตเรียบง่ายอย่างที่ต้องการ
ความสงบสุขมีจริงหรือ แน่นอนว่าไม่ เพราะในคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก มีกลุ่มนักฆ่าเข้ามาเอาชีวิตเธอ
ลู่จื้อรับรู้ได้ถึงกำลังคนที่มีไม่ต่ำกว่าสามสิบคน เดินอยู่ภายในบ้านพักเธอ แม้จะมีเสียงฝนที่กระหน่ำลงมาแต่ประสาทรับรู้ที่ถูกฝึกตั้งแต่เด็กและการโดนหมายเอาชีวิตนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้เธอตั้งสติเตรียมรับมือโดยเร็วที่สุด
ปืนที่อยู่ใต้หมอนถูกนำออกมาใช้ มีดสั้นในช่องลับข้างเตียงตอนนี้อยู่ในสายรัดขาทั้งสองข้าง เมื่อประตูห้องเปิดออก ลู่จื้อหมุนตัวหลบกระสุนปืนไปที่ข้างเตียง แล้วยิงสวนกลับไป นักฆ่าล้มตายทันทีสามคน
พวกมันจึงรู้ได้ทันทีว่างานนี้ไม่หมูแล้ว หัวหน้านักฆ่ากระจายกำลังที่เหลือให้ล้อมรอบตัวบ้านแทน ลู่จื้อแทบไม่มีเวลาคิด ถ้าเธอฝ่าออกไปก็ตายแต่ถ้ายังอยู่ตรงนี้ก็ตายเช่นกัน สวรรค์ช่างขีดเขียนให้ชะตาของเธอบัดซบจริงๆ
ในเมื่ออยากเอาชีวิตกันเช่นนี้ เธอก็หมดเหตุผลที่จะปล่อยคนพวกนั้นให้สุขสบาย ลู่จื้อส่งหลักฐานยักยอกเงินบริษัทและหลักฐานที่ญาติพี่น้องสั่งฆ่าพ่อบุญธรรมที่เธอรวบรวมไว้ ส่งให้ทนายความของเธอทั้งหมด เมื่อเวลามีไม่มาก เธอหยิบที่กดระเบิดในช่องลับข้างตัวไว้ในมือ
“คุณลู่จื้อ เจ้านายผมให้คุณมีความสุขตั้งสามเดือนเลยนะ ตอนนี้คุณก็สมควรตามนายท่านไปได้แล้ว” หัวหน้านักฆ่าร้องบอก
“หึหึ ฉันก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน” ลู่จื้อยืนขึ้นแล้วดึงกดรีโมทในมือ
“หึหึ ถ้าต้องตายก็ไปด้วยกันทั้งหมด” เธอหัวเราะออกมาอย่างเลือดเย็น
“นังบ้า…” นักฆ่ายี่สิบเจ็ดคน จะหนีก็ไม่ทันเสียแล้ว ลู่จื้อคิดมาตลอดว่าคนพวกนั้นไม่มีทางปล่อยเธอแน่ เธอจึงฝังระเบิดไว้ตามจุดต่างๆ ของบ้านพัก
ตู้ม ตู้ม ตู้ม
ไม่มีใครรอดไปได้สักคน และทนายความของเธอก็ไม่ทำให้ผิดหวัง หลักฐานที่ได้จากลู่จื้อทั้งหมดถูกส่งให้ตำรวจ ศาลตัดสินให้ญาติพี่น้องของพ่อบุญธรรมทั้งหมดได้รับโทษตามความผิดของแต่ละคน ทรัพย์สินถูกส่งต่อให้บ้านเด็กกำพร้าทั่วประเทศจีน ตามคำร้องขอสุดท้ายของลู่จื้อ
ความรู้สึกสุดท้ายของลู่จื้อ เธอไม่ได้เจ็บปวดอย่างที่คิด อาจจะเป็นด้วยแรงระเบิดที่ทำเธอหมดลมหายใจทันที
แต่ห้วงจิตที่กำลังหลุดลอยออกจากร่างมองภาพสถานที่ ที่เคยเรียกว่าบ้านกลายเป็นซากชิ้นส่วนไม่มีดี
“อะไรก็เอาไปไม่ได้อย่างที่ทุกคนว่าไว้” เธอถอนหายใจออกมา
ลู่จื้อยืนมองทุกสิ่งด้วยแววตาที่เรียบเฉย เธอคิดว่าคงเหมือนในหนังสือที่เคยได้อ่านมา เมื่อตายลงจะมียมทูตมารับวิญญาณเพื่อไปฟังคำตัดสิน ว่าจะถูกส่งไปลงนรกหรือขึ้นสวรรค์
“คนดีๆ อย่างฉัน ขึ้นสวรรค์ก็บ้าแล้ว” เธอยิ้มเยาะที่มุมปาก แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครมารับเธออย่างที่คิดไว้เลย
แสงสีขาวสว่างไปปกคลุมไปทั่วพื้นที่ ลู่จื้อแทบไม่อาจจะลืมตามองได้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ก่อนที่วิญญาณของเธอเหมือนจะถูกบางสิ่งดูดหายไปจากบริเวณที่ยืนอยู่เมื่อครู่
ความรู้สึกแรกหลังจากที่ถูกบางสิ่งดูดออกมา เธอมีความรู้สึกเจ็บร้าวไปทั่วทั้งร่างกาย ราวกับมาหากขยับแม้เพียงเล็กน้อย ร่างทั้งร่างอาจจะแยกจากกัน แต่เธอขยับตัวไม่ได้
‘นี่ฉันยังไม่ตายอีกหรือเนี่ย จะเก่งเกินไปแล้วลู่จื้อ โดนระเบิดแต่ไม่ตายหึหึ’
แต่ความคิดประหลาดก็ต้องหยุดลง เมื่อเธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้ ตัวเธอยังเป็นเพียงวิญญาณยืนมองบ้านที่เหลือแต่ซากอยู่เลย แล้วจะมีความรู้สึกเจ็บปวดได้อย่างไร
แต่เสียงร้องไห้ของสตรีที่ดังอยู่ข้างหู ทำให้ลู่จื้อรู้ได้ทันทีว่าเธอไม่ได้กำลังฝันอยู่ หรือว่าคิดไปเอง
แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เธอจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ร่างกายของเธอแหลกจนไม่อาจจะยื้อชีวิตไว้ได้แล้ว แล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ
จินเยว่ ตำรวจสาว เธอได้รับภารกิจให้เข้าจับกุมพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ ที่สายข่าวได้แจ้งเข้ามาวันนี้จะมีการเจรจาซื้อขายครั้งใหญ่เกิดขึ้น ผู้บังคับบัญชาให้จินเยว่ที่ตอนนี้เป็นถึงหัวหน้าสายสืบ พาลูกน้องไปสำรวจพื้นที่ก่อน อย่าเพิ่งเข้าปะทะเพราะเขาจะส่งกองกำลังเข้าไปช่วยเหลือ แต่ลูกน้องของจินเยว่เห็นโอกาสที่จะเข้าจับกุมได้แล้ว เลยไม่รอกองกำลังพิเศษที่กำลังเดินทางมาช่วยเหลือ ตอนแรกคิดว่าพ่อค้ายาเสพติดจะพาคนมาฝ่ายละไม่เกินยี่สิบคน แต่กลายเป็นว่าเธอโดนซ้อนแผนเสียแล้ว จะถอยก็ไม่ทัน จินเยว่เข้าช่วยลูกน้องจนเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส ระหว่างความเป็นกับความตาย สติของเธอเริ่มพร่ามัว เสียงเรียกที่ได้ยินแยกไม่ออกว่าเป็นใครเรียก แต่เธอจำได้ว่ากองกำลังพิเศษมาช่วยไม่ทัน ตอนที่เธอถูกยิงไม่ใช่ว่าจะโดนแค่นัดเดียวทางรอดย่อมไม่มี แต่ตอนนี้ใครกันที่เรียกเธอ หากเป็นหมอก็รักษาเลย ฉันขอนอนต่อก่อน แต่หากเป็นยมทูตรอสักครู่ฉันไม่ได้นอนเต็มตาเช่นนี้มาหลายคืนแล้ว "จินเยว่ ลูกรัก ตื่นเถิดลูก" "จินเยว่ อย่าเงียบเช่นนี้ เจ้าอย่าทำให้แม่กลัว"
เจียอี หญิงสาวที่เติบโตมาในชนบทกับคุณตาคุณยาย เธอมีช่องในโซเซียลถ่ายทอดชีวิตชนบท การทำไร่ ทำนา ทำสวน ทำอาหาร จนมีผู้ติดตามเกือบล้านคน แต่แล้วในหนึ่งที่เธอถ่ายทำตอนขึ้นเขาหาของป่า เธอพลัดตกจากเขาจนวิญญาณของเธอทะลุมิติไปในยุคโบราณ
ซุนเหยา เจ้าของร้านอาหารจีน ที่มีอยู่หลายสาขาทั่วประเทศ เธอทำงานหนักจนหมกสติไป เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ในเกี้ยวแปดคนหาม สวมชุดแดงมงคล กำลังจะเข้าพิธีแต่งาน
อวี่หรัน บุตรสาวของมาเฟีย เธอคือนายหญิงคนต่อไปที่จะขึ้นมารับตำแหน่งต่อจากบิดา ในงานเลี้ยงเปิด เธอถูกลอบสังหารจากมือขวาของเธอเอง วิญญาณของอวี่หรันเข้าไปสวมร่างของ ถานอวี่หรัน
จากอดีตนักล่าซอมบี้ในวันสิ้นโลกต้องผันตัวเป็นสาวน้อยชาวไร่สุดแกร่งที่ต้องช่วยแม่และน้องสาวให้รอดพ้นจากญาติพี่น้องมหาภัยและความยากจน เปิดธุรกิจร่ำรวยใหญ่โตเอาให้เหลือกินเหลือใช้ไปทั้งชาติ!
เกาเหมียวหรงบุตรสาวนายอำเภอโจว ไม่เป็นที่รักของขอบิดา เกาเซิง นางเป็นบุตรภรรยาเอกที่ตายไปแล้ว กระนั้นบิดาจึงให้นางออกเรือนกับพ่อค้าคารวานแห่งทุ่งหญ้า มีอายุคราวบิดา นางจึงตัดสินใจเป็นอนุของแม่ทัพหนานอ๋อง
ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ
เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]
นางขอสมรสพระราชทานเพราะรัก แต่คืนแต่งงาน เขารังเกียจนางและทิ้งไป ห้าปีผ่านไปพระชายาที่ถูกลืม กลับเป็นสตรีที่เขาต้องตามจีบ และศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของเขาก็คือลูกชายของตนเอง
‘ชีคมาลิก บิน ชารีฟ อัล นามีรุน’ ผู้ได้รับฉายา "เสือดำแห่งนามีรุน" เมื่อ ‘เสือดำ’ หนุ่ม อยากขย้ำแม่กวางน้อย จนร้อนรุ่ม กลัดกลุ้ม นอนไม่ได้ การเจรจาซื้อขายให้เธอมาอยู่ในฮาเร็มของเขาคงเป็นทางออก แต่ผู้หญิงอย่าง 'เนตรดารา' กลับซื้อไม่ได้ด้วยเงิน ‘ถ้าไม่มากพอ’ เขาถูกมองว่าเป็น 'แกะดำ' ของราชวงศ์ และนั่นคือสิ่งที่เขาต้องพิสูจน์ ‘ลูกของเสือดำ อาจเป็นเสือดาว และลูกของเสือดาวก็อาจกลายเป็นเสือดำได้ แต่ที่สำคัญก็คือ เสือจะไม่กลายเป็นอย่างอื่นนอกจาก “เสือ” เท่านั้น’
© 2018-now MeghaBook
บนสุด