"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
“ลุงโจว๋คะ นี่ค่ะ หนังสือข้อตกลงการหย่า ฉันเซ็นชื่อเรียบร้อยแล้วค่ะ รบกวนลุงโจว๋ เอาให้โฮว่หลิงเฉินด้วยนะคะ”
เป็นเรื่องไม่ง่ายเลยที่เหนียนหย่าเสวียน จะตัดสินใจเซ็นชื่อลงในหนังสือข้อตกลงการหย่า ก่อนจะนำมาให้อี้จูน พ่อบ้านประจำตระกูล
อี้จูนอ่านเอกสารดูคร่าว ๆ แต่อ่านได้เพียงแค่สองสามคำก็ถึงกับถอนหายใจออกมา “เฮ้อ หย่าเสวียน! ทำไมคุณถึงได้ซื่อขนาดนี้นะ? ผมเข้าใจ ถ้าคุณต้องการหย่ากับคุณชาย เพราะตลอดระยะเวลาสามปีมานี้คุณก็ไม่เคยเจอคุณชายเลยสักครั้ง แต่ทำไมคุณถึงเลือกที่จะไปตัวเปล่า ไม่เรียกร้องอะไรเลยล่ะ?”
หย่าเสวียนเป็นเพียงนักศึกษามหาวิทยาลัยเท่านั้น พ่อของเธอเสียชีวิตในขณะที่เธอไม่รู้ว่าแม่ของเธอเป็นใคร อี้จูนคิดว่า การที่เธอตัดสินใจหย่า เป็นการตัดสินใจที่ผิด แล้วนี้เธอยังเลือกที่จะไม่เรียกร้องอะไรเลย
หย่าเสวียนเกาหัวอย่างเขิน ๆ อี้จูนดูแลเธอเหมือนเป็นลูกสาวแท้ ๆ ดังนั้นเธอจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องปิดบังอะไรเขา “ฉัน... ฉันอยากลาออกจากมหาวิทยาลัยค่ะ” เธอพูดตะกุกตะกัก
“อะไรนะ? หย่าเสวียน ทำไมจู่ ๆ ถึงอยากลาออกล่ะ? มีอะไรรึป่าว? หรือว่ามีอะไรที่ทำให้เธอลำบากใจ ?” อี้จูนเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ! ลุงโจว๋คิดมากไปได้ ลุงก็รู้อยู่แล้วว่า ฉัน...ไม่ชอบเรียนหนังสือ ฉันแค่ไม่อยากเสียเวลาก็เท่านั้น” เธออธิบาย
แท้ที่จริงแล้ว การลาออกจากมหาวิทยาลัยนั้นเป็นแค่ข้ออ้างที่เธอกุขึ้นมาเท่านั้น เหตุผลที่แท้จริง มีแต่เธอเท่านั้นที่รู้
เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ความคิดหลายอย่างแล่นเข้ามาในหัวของเธอ พรุ่งนี้เป็นวันเกิดอายุยี่สิบเอ็ดปีของเธอ และยังเป็นวันครบรอบวันแต่งงานปีที่สามของเธออีกด้วย
เธออายุเพียงแค่ยี่สิบเอ็ดปี ถือว่ายังเด็ก เธอไม่อยากเสียเวลา ไปกับการแต่งงานเพียงแค่ในนามอีกต่อไป
เธอไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าสามีของเธอ เพราะงั้นเธอก็ไม่ได้รู้สึกอาลัยอาวรณ์อะไร ตอนแรกที่เธอตัดสินใจแต่งงาน เป็นเพราะความประสงค์ของพ่อเท่านั้น
ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ต้องการพูดอะไรอีก อี้จูนจึงรับปาก “ถ้าคุณคิดดีแล้ว ผมจะ...” เขาหยุดรอให้เธอพูด “พรุ่งนี้ผมจะเอาใบหย่าไปให้คุณชายหลิงเฉิน” อี้จูนพูดพลางถอนหายใจ เมื่อเธอไม่พูดอะไรต่อ
“ขอบคุณมาก ๆ นะคะลุงโจว๋” หย่าเสวียนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้เขา
อี้จูนลุกขึ้นยืน และพูดกับเธอด้วยความหวังดีว่า “หย่าเสวียน คุณชายหลิงเฉินเขาเป็นคนดีนะ ผมว่าพวกคุณเหมาะสมกันมาก ผมหวังว่าคุณจะคิดให้รอบคอบอีกครั้งนะ ถ้าคุณเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ โทรหาผมได้เสมอนะ”
คำพูดของเขาทำให้เธอรู้สึกแปลกใจ เหมาะสมกันงั้นเหรอ? วันนั้นโฮว่หลิงเฉินกำลังร่วมรับประทานอาหารกับท่านประธานาธิบดีอยู่ที่ต่างประเทศ ตัวเขาแทบไม่ต้องทำอะไร ทะเบียนสมรสก็ถูกจัดการเรียบร้อย รวมทั้งรูปคู่ในทะเบียนสมรสของพวกเขา ก็เป็นรูปที่ตัดต่อขึ้น
ในช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมา มันชัดเจนแล้วว่า เขาเองก็ไม่ได้อยากจะแต่งงานกับเธอ ทำไมลุงโจว๋ถึงพูดว่าเหมาะสมกัน? หย่าเสวียนรู้สึกสับสนไปหมด
หลังจากได้สติ เธอก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดต่อ เธอตั้งใจจะพูดว่า “ฉันคิดดีแล้ว” แต่เธอกลับไม่ได้พูดมันออกมา เพราะไม่ต้องการให้อี้จูนต้องเป็นห่วง เธอจึงตอบสั้น ๆ ว่า “ค่ะ” แทน
อี้จูนรอเธอจนถึงบ่ายของวันถัดมา แต่เขาก็ต้องผิดหวังเมื่อหย่าเสวียนไม่ได้โทรหาเขา เขาจึงค่อย ๆ หยิบมือถือออกมา แล้วต่อสาย “คุณชายครับ ผมมีเอกสารต้องการส่งให้คุณเซ็นครับ” เขากล่าวอย่างนอบน้อม
“เอกสารอะไร” โฮว่หลิงเฉินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ที่แฝงไปด้วยความเย็นชา อี้จูนรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงที่เรียบเฉยของหลิงเฉิน
เขาลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบว่า “ข้อตกลงการหย่าครับ”
มือที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดการเอกสารได้หยุดชงักลง หลิงเฉินหลับตาลงพลางขมวดคิ้วราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบ้างอย่าง
ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขามีภรรยาแล้ว ถ้าอี้จูนไม่เตือน เขาคงลืมแล้วด้วยซ้ำว่าเขาแต่งงานและมีภรรยาแล้ว
“เอาไปวางไว้ที่ห้องทำงานผม ผมจะกลับเมืองเยว่อีกสองสามวันนี้” หลิงเฉินพูดอย่างเย็นชา
“ครับ คุณชาย” อี้จูนรับคำแล้ววางสาย
ในขณะเดียวกัน ณ บลูไนท์บาร์ในเมืองเยว่ บาร์นั้นสว่างไสวและเต็มไปด้วยผู้คน
เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดมิดหนุ่มสาวต่างพากันมารวมตัวที่บาร์แห่งนี้
ภายในห้องห้าศูนย์หนึ่ง
บนโต๊ะเต็มไปด้วยเบียร์ เหล้าขาว แชมเปญ รวมไปถึงของกินเล่นต่าง ๆ โดยเจ้าของงานก็คือหย่าเสวียน ซึ่งมีอายุครบยี่สิบเอ็ดปีในวันนั้น
เมื่อก่อนเพื่อน ๆ มักจะเรียกเธอว่า “เฮียเหนียน” เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของเธอ เธอเลยสวมชุดลูกไม้สีชมพู เป็นอะไรที่ไม่ค่อยเห็นได้บ่อยนัก เพราะปกติเธอมักจะใส่เสื้อเชิ้ตและกางเกงยีนส์ เลยมีผู้มาร่วมงานจำนวนมากหยิบมือถือขึ้นมา เพื่อต้องการที่จะถ่ายรูปกับหย่าเสวียน
หลังจากที่ปลีกตัวออกมาจากกลุ่มผู้หญิงพวกนั้นได้ หย่าเสวียนก็ไปดื่มกับเพื่อน ๆ ของเธออย่างมีความสุข ของขวัญที่หย่าเสวียนได้รับจากเพื่อน ๆ นั้นมีจำนวนมาก วางซ้อนกันอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง
ห้วยหมิงที่เริ่มจะมึน ๆ เล็กน้อย เขาเอื้อมมือไปโอบไหล่เพื่อน แล้วร้องเพลง “รักเกลียดพลิกผันเพียงพริบตา ยกจอกตั้งสัตย์ต่อจันทร์เฉกฟ้า...” เสียงร้องของเขา
นั้นแหลมเล็ก ทำเอาสาว ๆ หลายคนถึงกับปิดหู
“นี่ ห้วยหมิง มานี่มา เลิกร้องเพลงก่อน เรามาเล่นเกมกันดีกว่า” เสี่ยวเคอเป็นคนอัธยาศัยดี เขาเรียกเพื่อนที่กำลังร้องเพลงอยู่ทั้งสองให้มานั่ง
คนในหอพักของหย่าเสวียนต่างเรียกเธอว่าพี่ใหญ่ เพราะว่าเธอมีอายุมากกว่าคนอื่น
เสียงตะโกนของเธอทำให้ภายในห้องเงียบลง หนุ่มสาวกว่าสิบคนต่างพากันไปล้อมวงอยู่ที่โต๊ะตัวยาวสองตัวพลางมองเสี่ยวเคออย่างใจจดใจจ่อ
เธอเป็นสาวสายปาร์ตี้ และฮอตที่สุดในบรรดาเพื่อนร่วมชั้น
เสี่ยวเคอมองทุกคนอย่างมีเลศนัยก่อนจะพูดขึ้นว่า “เรามาเล่นเกมพูดความจริงหรือเลือกรับคำท้า กันเถอะ!”
เพื่อน ๆ หลายคนมองเธอด้วยสายตาผิดหวัง “พี่เสี่ยวเคอ เกมนี้เล่นจนเบื่อแล้ว!” ขณะเดียวกันห้วยหมิงทายาทมหาเศษฐีผู้ร่ำรวย ก็หันมามองเสี่ยวเคอ เขาเหลือบตาทั้งสองขึ้นด้านบนอย่างเบื่อหน่อย เขาคิดว่ามันเป็นเกมที่ไม่สร้างสรรค์เอาซะเลย
เสี่ยวเคอจ้องห้วยหมิงกลับอย่างท้าทาย และพูดต่อ “วันนี้เป็นวันเกิดปีที่ยี่สิบเอ็ดของ หย่าเสวียน เพราะงั้นเรามาเล่นอะไรที่น่าตื่นเต้นกันเถอะ!” เธอยิ้มเหมือนมีลับลมคมใน ทำเอาคนอื่น ๆ ต่างรู้สึกหวาดกลัวไปตาม ๆ กัน
เนื่องจากทุกคนในงานยังเป็นนักศึกษา หลายคนจึงยังไร้เดียงสาอยู่ เมื่อก่อนหากเล่มเกมพูดความจริง หรือเลือกรับคำท้า ถ้าเลือกรับคำท้าอย่างมากก็แค่ ท้าให้ร้องเพลงเสียงสูง หรือแบกเพื่อนที่เป็นเพศตรงข้ามไปรอบ ๆ ห้อง ไม่ก็ร้องเพลงรักกับเพื่อนที่เป็นเพศตรงข้ามอะไรทำนองนี้
เกมพูดความจริงหรือเลือกรับคำท้า ที่ทุกคนรอคอยกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว เสี่ยวเคอเห็นหย่าเสวียนที่กำลังถือแก้วไวน์ในมือ เขาได้ขยิบตาให้คนอื่น ๆ ซึ่งทุกคนก็เข้าใจอย่างรวดเร็วว่าเธอกำลังวางแผนอะไรอยู่
“ผู้แพ้ในรอบนี้ ต้องเดินออกไปที่ประตู เลี้ยวขวา แล้วจูบเพศตรงข้ามที่เจอเป็นคนแรก ต้องจูบปากเท่านั้นนะ หากใครไม่ยอมทำละก็ ต้องดื่มเหล้านี่ทั้งหมดสิบแก้วเป็นการลงโทษ” เสี่ยวเคอกล่าวขึ้น
ทุกคนต่างพากันตื่นเต้นกับเกม บรรยากาศก็เริ่มคึกคักขึ้นมา ในสายตาของพวกเขา มันช่างน่าตื่นเต้นซะเหลือเกิน ห้วยหมิงยิ้มออกมา และไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เขารู้ดีว่าคนพวกนี้เป็นยังไง
หลังจากที่เป่ายิ้งฉุบกันเสร็จแล้ว สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่หย่าเสวียนที่กำลังงุนงงอยู่
เธอเหลือบมองตัวเองที่ออกกรรไกร และมองไปที่เสี่ยวเคอที่กำลังยิ้มอย่างมีเลศนัย เธอออกค้อน และคนที่แพ้ก็คือเธอนั่นเอง เธอเบิกตากว้างด้วยความอึ้ง
“ฉันเกลียดเธอ เสี่ยวเคอ!” เธอตะโกนออกมา เมื่อนึกถึงสิ่งที่ต้องทำ มันทำให้เธอรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา ตอนนี้เธอเมาจนแทบจะเดินตรงไม่ไหว คงไม่สามารถจะดื่มเหล้าได้ถึงสิบหรอกนะ
ทุกคนกำลังหัวเราะ มองหย่าเสวียนที่กำลังเดินไปที่ประตูอย่างมึน ๆ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเปิดประตูออกไป
เธอเลี้ยวขวาตามที่บอก
แล้วก็พบกับผู้ชายคนหนึ่ง เขาค่อนข้างสูง สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสบาย ๆ กางเกงสแล็คสีดำ และรองเท้าหนังสีดำที่เงาวับ
เขาน่าจะอายุยี่สิบต้น ๆ และสูงประมาณร้อยแปดสิบเซนติเมตร ดวงตาของเขาดำขลับ คิ้วเข้มและหนา จมูกของเขาโด่งเป็นสัน ริมฝีปากสวยได้รูป ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารูปลักษณ์ของเขานั้นโดดเด่นและดูสง่ายิ่งนัก
ทว่า แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา จนคนที่ไม่เคยกลัวอะไรอย่างหย่าเสวียน รู้สึกกลัวและอดไม่ได้ที่จะถอยหลังกลับมา
“ว้าว เขาหล่อมาก! เฮียเหนียน เร็วเข้า! พวกเรากำลังดูอยู่นะ” เสี่ยวเคอที่แอบอยู่หลังประตูกระซิบเบา ๆ หย่าเสวียนยืนตัวแข็งอยู่ครู่หนึ่ง เธอรู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้ดูคุ้นมาก เหมือนว่าจะเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน?
เมื่อได้ยินเสียงของเสี่ยวเคอ เธอจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ รวบรวมความกล้าและเข้าไปขวางเขาไว้
พอเริ่มเข้าไปใกล้ ๆ ก็รู้สึกว่า ‘ตัวเองเคยเจอกับผู้ชายคนนี้มาก่อน แต่ก็ช่างเถอะ ฉันควรจะรีบทำให้มันจบ ๆ ไป’
เธอเดินเข้าไปหาผู้ชายคนนั้นอย่างกล้าหาญ ยิ้มหวานให้เขา ยืนเขย่งปลายเท้าและโน้มคอของเขาลงมา กลิ่นโคโลญจน์ของเขาเตะจมูกเธออย่างจัง
หลิงเฉินกำลังมองหาที่เงียบๆเพื่อโทรศัพท์ แต่กลับถูกผู้หญิงคนนึงขวางไว้
เขาขมวดคิ้วขึ้นเมื่อเธอเริ่มจะเข้าใกล้เขา
และก็มีบางอย่างแล่นเข้ามาในใจเขา ‘ผู้หญิงคนนี้ ทำไมช่างคุ้นเหลือเกิน? ดวงตาคู่นั้น...! หลิงเฉินพยายามคิด
ขณะที่เขากำลังคิดว่าเธอเป็นใคร หย่าเสวียนก็จูบไปที่ริมฝีปากของเขาเบา ๆ โดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว
“ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ” “โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ” ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร “คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ” ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า “ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?” นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ฟู่หนานเซียวก็ขจัดความหวาดระแวงและความเย่อหยิ่งให้หมดแล้ว และกอดเมิ่งชิงหนิงอย่างแน่น "กลับมาอยู่กับผมดีมั้ย?" เธอเคยเป็นเลขาของเขา และเป็นคู่นอนของเขาในตอนกลางคืนด้วย ใช้ชีวิตแบบนี้กินเวลาสามปี เมิ่งชิงหนิงทำตามที่เขาบอกโดยตลอด ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ว่าง่าย จนกระทั่งฟู่หนานเซียวประกาศว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น เธอจึงตัดสินใจให้พ้นจากความรักที่ไร้ค่าของตนเองและเตรียมจะจากไป แต่ใครจะไปรู้ว่า มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความพัวพันของเขา การตั้งครรภ์ของเธอ และความโลภของแม่เธอค่อยๆ ผลักเธอลงสู่นรก สุดท้ายก็โดนทรมานอย่างหนัก เมื่อเธอกลับมาในอีกห้าปีต่อมา เธอก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป แต่เขาตกอยู่ในความบ้าคลั่งห้าปี
นิยายเรื่องนี้มีพระนาง2คู่ "อย่าหวังจะเอาความบริสุทธิ์ผุดผ่องมาจับฉัน ผู้หญิงของฉันทุกคนก็สาวบริสุทธิ์ทั้งนั้นแล้วอย่าลืมคุมกำเนิด ถ้าไม่อยากทำแท้ง! เพราะฉันไม่มีทางมีทายาทกับผู้หญิงชั้นต่ำ" VS "อะไรที่ฉันอยากได้ ฉันต้องได้ แม้แต่ตัวนายถ้าฉันต้องการ นายก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ"
เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!