ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / โรแมนติก / พลาดรัก แวมไพร์เย็นชา
พลาดรัก แวมไพร์เย็นชา

พลาดรัก แวมไพร์เย็นชา

5.0

เรื่องวุ่น ๆ ในโรงเรียนแฟนตาซีที่มีนักเรียนแวมไพร์และมนุษย์ปะปนอยู่ด้วยกันได้อย่างเปิดเผย แต่ดูเหมือนว่าสำหรับอาเรียน่า ฟลอเรนซ์ การเรียนในโรงเรียนที่มีแต่เหล่าลูกหลานตระกูลดังเก่าแก่ดูจะไม่ค่อยราบรื่นสักเท่าไหร่ เมื่ออยู่ ๆ หนุ่มฮอตอย่างเขาเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิต ในช่วงที่ตระกูลของเธอใกล้จะล้มละลาย ✅ พระเอกธงเขียวระดับกลาง >< ❌ไม่มีนอกกาย ไม่มีนอกใจ 🫶🏻เตรียมรับมือกับความนิ่งขรึมระดับสิบที่จะทำให้ใจสั่นไหวได้เลย‼️ ⚠️ ระวังแวมไพร์เอวดุ 💦

สารบัญ

บทที่ 1 บทนำ

ฤดูใบไม้ร่วงหวนกลับมาอีกครั้ง ตามมาด้วยลมหนาวที่คืนสู่เมืองใหญ่ซึ่งเคลื่อนผ่านสนามหญ้าอันกว้างขวางของ เซนต์โยเซีย อะคาเดมี

ปราสาทสูงใหญ่ที่ถูกออกแบบมาในรูปแบบสถาปัตยกรรมกอทิค ตั้งสูงตระหง่านอยู่บนเนินเขา ตัวปราสาทล้อมรอบไปด้วยรั้วสูงเกือบเท่าตัว หอคอยหลายชั้นตั้งเรียงตัวต่อกันจนสูงชะลูด เป็นสถานที่ซึ่งปราศจากการมองเห็นจากคนนอกที่ไม่ได้ถูกต้อนรับเข้าสู่โลกแห่งความพิศวง นอกจากนี้เถาวัลย์ที่เลื้อยปกคลุมตัวอาคารนั้นยังเผยให้เห็นถึงความเก่าแก่ของโรงเรียนแห่งนี้อีกด้วย

ซึ่งหากมองจากภายนอกแล้ว ดูเหมือนจะเงียบร้างอย่างไรอย่างนั้น แต่มันก็เป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้นแหละ เพราะอันที่จริงแล้ว ภายใต้อาคารใหญ่ต่างมีผู้คนต่างพลุกพล่านไปทั่ว โดยเฉพาะในห้องโถงประชุม เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันมอบตัวเพื่อส่งนักเรียนเข้าศึกษา ณ อะคาเดมีแห่งนี้

มีทั้งลูกหลานตระกูลแวมไพร์ และด้วยความที่ที่อะคาเดมีแห่งนี้ถูกก่อตั้งมามากกว่าหนึ่งร้อยปีแล้ว จึงมีตระกูลมนุษย์ผู้ดีเก่าแก่ที่ได้อภิสิทธิ์ในการส่งลูกหลานของตระกูลตัวเองเข้ามาเรียนในสถานที่แห่งนี้เช่นกัน

การมีโรงเรียนแห่งนี้กำเนิดขึ้นก็นับเป็นอุบัติการณ์ของโลกแวมไพร์ที่สามารถเรียนร่วมกับมนุษย์ได้โดยไม่ต้องปิดบังตัวตน

เนื่องจากตระกูลเก่าแก่พวกนี้ย่อมทราบถึงการมีอยู่ของพวกแวมไพร์มาตั้งแต่สมัยบรรพกาลแล้วล่ะ แต่หากนำไปเล่าให้โลกภายนอกที่สมัยนี้วิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้าแล้ว คงมีแต่จะโดนกล่าวหาว่าบ้าพอสมควรเลย

แต่ส่วนใหญ่แล้วลูกหลานตระกูลแวมไพร์จะได้เรียนในคลาสเดียวกันเสียมากกว่าได้ไปเรียนปะปนกับพวกเด็กมนุษย์อยู่แล้วล่ะ

เพราะบางจำพวกก็ไม่สามารถอยู่รวมกับมนุษย์ได้นานพอจะระงับความกระหาย นอกจากนี้พวกแวมไพร์ยังมีความสามารถในการใช้พลังพิเศษอย่างเช่นการร่ายเวทย์ได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นการแยกคลาสให้เป็นกิจลักษณะก็นับว่าดีแล้วล่ะ

“ดีเหลือเกินที่พวกเจ้าจะได้เข้าเรียนร่วมกับพวกมนุษย์ สมัยพ่อไม่ได้มีโรงเรียนที่ยอมรับตัวตนของพวกเราได้อย่างเปิดเผยเช่นนี้” เจย์เดนยืนมองลูก ๆ ด้วยสายตาภาคภูมิ

เป็นเรื่องจริงที่ว่าสมัยก่อนไม่มีโรงเรียนรวมเช่นนี้ เจย์เดนจึงรู้สึกว่าสมัยลูกนั้นโชคดีนัก เพราะหากมองตามความเป็นจริงแล้ว มนุษย์คือประชากรส่วนใหญ่บนโลก หากลูกได้เรียนร่วมกับพวกเขาก็จะสามารถปรับตัวกับโลกภายนอกและอยู่ได้ง่ายขึ้นกว่าเขามากนัก

ระหว่างที่เจย์เดนกำลังยืนเล่าเรื่องสมัยก่อนที่ผ่านมาหลายร้อยปีแล้วให้ลูกชายฟังนั้น ลินินก็กำลังยืนกำชับอาจารย์ถึงเรื่องอาการแพ้แสงของลูกสาวเธอ

“เธออยู่กลางแดดได้ค่ะ แต่ระยะยเวลาค่อนข้างจำกัด อาการเริ่มแรกก็จะเหมือนเป็นลมแดด ยังไงฝากอาจารย์ช่วยดูแลด้วยนะคะ”

“ไม่ต้องห่วงค่ะท่านหญิงแบรดฟอร์ด” อาจารย์ใหญ่เซเวลออกปากรับคำต่อตระกูลผู้นำของเหล่าแวมไพร์ทั้งปวง ตอนแรกก็น่าฉงน เมื่อเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าที่มีฐานะเป็นแม่ รูปร่างหน้าตายังเหมือนสาวแรกแย้มวัยยี่สิบใกล้เคียงกับลูก ๆ ของเธออยู่เลย

แต่เมื่อนึกไปถึงว่าพวกเขาเป็นตระกูลแวมไพร์ เธอจึงคลายข้อสงสัยนั้นไปโดยปริยาย

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะท่านแม่ หนูไม่ไปวิ่งเล่นกลางแดดหรอก” เรย์เน่เอ่ยเสริมเพื่อให้แม่ของเธอคลายความกังวล

“แม่รู้ว่าลูกไม่ออกไปวิ่งกลางแดดหรอก แต่ก็ต้องกำชับอาจารย์เอาไว้เผื่อมีกิจกรรมอะไรในโรงเรียนที่ลูกต้องอยู่กลางแจ้งนาน ๆ” ไม่รู้ว่าความจุกจิกแบบนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน อาจเป็นระหว่างทางที่เธอคอยฟูมฟักพวกเขาขึ้นมาอย่างทะนุถนอมก็เป็นได้

แต่ถึงอย่างนั้นพวกลูก ๆ กลับไม่ได้รำคาญเธอเลยสักนิด ดีเสียอีกที่ท่านแม่เป็นห่วงพวกเขา แต่ก็พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ต้องทำให้ท่านห่วงมากเกินไป

เจย์เดนที่ยืนพูดคุยกับลูกชายได้ยินภรรยาร่ายยาวเช่นนั้นก็รีบเดินมารวบเอวเธอไว้ด้วยท่าทีหวงแหน

“ไม่เป็นไรหรอกลินิน เจ้าก็รู้ว่าที่นี่ให้ความสำคัญกับนักเรียนมากแค่ไหน”

“ฉันรู้ แต่ก็อดห่วงไม่ได้หนิ...”

“บางที พวกเราก็ต้องปล่อยให้พวกเขาได้เติบโตกันเองบ้างนะ” เจย์เดนว่าก่อนจะใช้มือหนาจับศีรษะของภรรยาแล้วเอนเอียงให้พักพิงลงบนแผงอกตัวเอง

โรงเรียนนี้จะแบ่งเป็นคลาสตามความสามารถของนักเรียนแต่ละคนได้ดังนี้

คลาส S สำหรับนักเรียนที่มีความสามารถโดดเด่น ชนิดที่ว่าเป็นระดับหัวกะทิและได้รับอภิสิทธิ์มากกว่านักเรียนในคลาสอื่น จากสถิติแล้วในชั้นนี้ล้วนมีเชื้อสายของตระกูลแวมไพร์กันทั้งสิ้น ด้วยความสามารถที่เรียนรู้ได้อย่างเร็วกว่ามนุษย์ทั่วไปหลายเท่าตัว

คลาส A สำหรับนักเรียนผู้มีความสามารถ แต่ยังไม่ได้โดดเด่นพอที่จะเข้าคลาส S ส่วนใหญ่จะมีทั้งมนุษย์และแวมไพร์ปะปนกัน ซึ่งเป็นคลาสที่อาจารย์จะต้องคอยเฝ้าระวังเป็นพิเศษด้วย เนื่องจากเป็นคลาสเรียนรวม ความกระหายของนักเรียนแวมไพร์จึงอาจรุนแรงจนเผลอทำร้ายพวกนักเรียนมนุษย์ได้

ในส่วนคลาส B นั้น คือห้องรวมเด็กที่มีความสามารถปานกลาง ไม่ได้โดเด่นมาก แต่ก็ไม่ได้แย่ไปเสียทีเดียว ส่วนใหญ่จะมีเพียงลูกหลานมนุษย์เท่านั้น

และสุดท้าย คลาส C ถือเป็นกลุ่มนักเรียนที่ศักยภาพยังไม่ชัดเจนนัก นักเรียนจากคลาสนี้มีจำนวนค่อนข้างน้อย เพราะหากพบศักยภาพของตัวเองแล้วจะถูกจำแนกไปคลาสอื่นในทีหลังนั่นเอง

แต่จุดร่วมของทุกคลาสก็คือ ทุกคนล้วนเป็นลูกหลานจากตระกูลเก่าแก่ พูดง่าย ๆ ก็คือพวกบ้านรวยนั่นแหละ

และแต่ละคลาสจะสามารถจำแนกนักเรียนได้ตามเข็มกลัดที่โรงเรียนมอบหมายให้ในพิธีมอบตัวที่จัดขึ้นภายในวันนี้นั่นเอง

“เจย์เนสและเรย์เน่ แบรดฟอร์ด คลาส S ค่ะ”

“ดูแลตัวเองนะ แล้วก็อย่าลืมดูแลกันและกันด้วยล่ะ” ลินินยังคงมองด้วยสายตาเป็นห่วง ไม่ต่างจากเวลามนุษย์มาส่งลูกน้อยอนุบาลเข้าเรียนเลย

เพียงแต่ พวกเขาอายุเกือบยี่สิบแล้วนะ!!!

“ไม่ต้องห่วงค่ะแม่ หนูจะดูแลตัวเอง และหวังว่าพี่เจย์เนสจะไม่แกล้งหนู” ว่าจบก็หันไปย่นจมูกใส่เด็กชายที่ยืนสีหน้านิ่งเรียบอยู่ข้าง ๆ กัน

“จะพยายามแล้วกัน...” เขาตอบเสียงเอื่อยเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก แต่เมื่อเห็นสายตากังวลจากผู้เป็นแม่ฉายชัดขึ้น รวมถึงสายตาคาดคั้นจากผู้เป็นพ่อที่ต้องการจะให้เขาทำเพื่อความสบายใจของภรรยาตัวเอง สุดท้ายเจย์เนสจึงต้องพยักหน้าหงึก ๆ แล้วตอบรับในที่สุด “ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลน้อง อย่างดีเลย”

อีกด้านหนึ่ง

"อาเรียน่า ฟลอเรนซ์ คลาส B ค่ะ" เสียงเอ่ยชื่อเรียกให้หญิงสาวก้าวไปข้างหน้าพร้อมรับเข็มกลัดประจำคลาสและชุดเครื่องแบบของโรงเรียนไปพลาง

"ไม่จำเป็นต้องส่งหนูมาเรียนที่นี่เลยนะ"

"เอาเถอะอาเรีย พ่อยังส่งลูกไหว" คำพูดนั้นดูเหมือนจะเป็นคุณพ่อที่แสนดียิ่งนัก ที่แม้ว่าตระกูลฟลอเรนซ์ซึ่งจวนจะล้มละลายแล้วก็ยังหอบหาเงินมาทุ่มให้ลูกได้เรียนในสถานที่ดี ๆ

และตัวอาเรียเองก็ปักใจเชื่อในความหวังดีของผู้เป็นพ่อโดยไร้ข้อกังขา โดยหารู้ไม่ว่าทุกอย่างนั้น เป็นการวางแผนที่จะให้ลูกสาวได้เรียนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยพวกนายน้อยชนชั้นราชนิกูลอย่างไรล่ะ

อันที่จริงเขาก็ไม่ได้อยากทำเช่นนี้หรอก แต่ตระกูลกำลังมีปัญหาอย่างหนักหน่วง และหากชื่อเสียงของตระกูลต้องสูญสิ้นไปในยุคสมัยที่เขาเป็นผู้นำตระกูล เขาคงไม่มีหน้าไปสู้บรรพบุรุษแน่

“ดูแลตัวเองด้วยนะอาเรีย” ว่าจบก็สวมกอดลูกสาวอันเป็นสมบัติล้ำค่าของตนไว้อย่างหวงแหน

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ออกใหม่ล่าสุด: บทที่ 67 ตอนพิเศษ 2   วันนี้10:58
img
img
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY