ยามค่ำคืนช่วงเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศโดยรอบจึงเย็นจัด เมฆหมอกบางเบาโอบล้อมรอบตึกสูงระฟ้าราวกับกำลังปกปิดความลึกลับอีกด้านหนึ่งของโลกเอาไว้ ท้องฟ้าในยามนี้มืดสนิทมีเพียงแสงเบาบางจากดวงจันทร์ที่คล้ายกับรอยยิ้มเหยียดเยาะเยือกเย็นชวนน่าหวาดหวั่น
ณ ทางเดินทอดยาวสู่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ปรากฎภาพหญิงสาวที่กำลังเดินผ่านสวนสาธารณะ วันนี้เป็นดั่งเช่นทุกวันที่เธอต้องออกไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านขายดอกไม้ สองขาก้าวไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย เพียงแต่ในวันนี้กลับมีสิ่งแปลกประหลาดที่เข้ามาสะดุดสายตาของเธอเข้าโดยบังเอิญเสียอย่างนั้น ดวงตาคู่สวยเพ่งมองเจ้าสิ่งนั้นก่อนจะพบว่ามันคือกุหลาบดอกหนึ่งซึ่งถูกวางทิ้งเอาไว้บนกลางทางเดิน
นอกจากนี้ มันช่างต่างจากดอกกุหลาบที่เธอเห็นทุกวันในร้านยิ่งนัก เจ้าพวกนั้นทั้งสดใสและบานสะพรั่ง แต่กุหลาบที่เธอพบในค่ำคืนนี้กลับแตกต่างออกไป ชวนน่าอัศจรรย์ระคนสงสัย เพราะสีของมันนั้นดำขลับสนิทราวกับถูกวาดขึ้นมาจากฝันร้ายของใครบางคน
“ใครเอาแกมาทิ้งกันนะ” ด้วยความที่เธอเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ในร้านจัดดอกไม้มานับแรมปี จึงมีความผูกพันให้กับดอกไม้นานาชนิด แม้ว่าสีของเจ้าดอกไม้นี้จะไม่ค่อยน่าเชยชมสักเท่าไหร่นักก็ตาม
“แกสีดำอย่างนั้นเหรอ?” เธอไม่ค่อยมั่นใจนักว่าเป็นเพราะสายตาที่เห็นว่ากุหลาบดอกนี้มีสีดำ หรือเพราะแสงยามค่ำคืนที่มืดมิดกันแน่ จึงเอ่ยกับตัวเองอย่างนึกสงสัย ก่อนจะก้มลงหยิบมันขึ้นมาไว้ในมือ
ทันใดนั้นเอง ยามเมื่อปลายนิ้วสัมผัสลงบนกลีบดอกความรู้สึกเย็นยะเยือกก็แผ่ซ่านไปตามนิ้วมือ ลุกซู่ขึ้นมาถึงบนเรือนร่าง ประหนึ่งกำลังต้องสัมผัสมือของคนที่ไร้ชีวิตและจิตวิญญาณเสียอย่างนั้น ความเย็นเยียบแทรกซึมเข้าสู่ผิวของเธออย่างจัง ก่อนที่นิ้วเรียวบางจะสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่เคลื่อนผ่านปลายนิ้วอีกครั้ง
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้ทำให้เธอปล่อยวางกุหลาบดอกนี้ลงแต่น้อย มิหนำซ้ำยังเก็บติดตัวไปประหนึ่งมันเป็นของล้ำค่าอีกต่างหาก
.
.
.
ณ มุมมืดในตรอกซอยที่ไม่ไกลนัก ดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่เธออย่างไม่อาจละสายตา แววตาทอประกายสีแดงเรืองรอง ราวกับเปลวไฟอยู่ในความมืดมิด
เจ้าของดวงตานั้นแยกยิ้มออกย่างช้า ๆ ราวกับพบเรื่องถูกตาต้องใจเข้าให้แล้วอย่างนั้น
"ข้ายังไม่ทันได้เลือกด้วยซ้ำ นี่หรือ...ว่าที่ชายาของข้า" ความหมายจากถ้อยคำนั้นดูราวกับขัดใจ แต่ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้ากลับพึงพอใจ ประหนึ่งคนปากไม่ตรงกับใจเสียอย่างนั้น