หนึ่งเดือนต่อมา ดันเต้แทบพลิกแผ่นดินหา เมื่อเขารู้ความจริงจากคลินิกว่าคืนนั้นฉันสูญเสียอะไรไปบ้าง และเขาเป็นต้นเหตุ
เขาบุกมาหาฉันถึงนิวยอร์ก สภาพดูไม่ได้ คุกเข่าลงท่ามกลางสายฝนและโคลนตม อ้อนวอนขอโอกาสแก้ตัว
"ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ กลับบ้านเถอะนะ"
ฉันมองผู้ชายที่เคยรักสุดหัวใจด้วยแววตาว่างเปล่า ก่อนจะเอ่ยประโยคสุดท้ายปิดตายความสัมพันธ์
"คุณไม่ได้เสียใจที่ทำร้ายฉันหรอก ดันเต้... คุณแค่เสียใจที่ฉันไม่อยู่ให้คุณควบคุมแล้วต่างหาก"
บทที่ 1
Elena POV
อากาศภายในห้องนิรภัยกำลังเจือจางลงทุกวินาที
แต่นั่นยังไม่ทรมานเท่ากับเสียงของสามีที่ดังแทรกผ่านความเงียบงันมาจากวิทยุสื่อสาร
"จัดการตัวเองไปก่อน เอเลน่า ผมกำลังพาโซเฟียออกจากเขตอันตราย"
ประโยคนั้นไม่ได้เพียงแค่ตัดขาดความช่วยเหลือ แต่มันกระชากลมหายใจเฮือกสุดท้ายของฉันออกไป
มันโหดร้ายยิ่งกว่าระบบระบายอากาศที่กำลังพังเสียหายเสียอีก
ในความมืดมิดที่ค่อยๆ กัดกินสติสัมปชัญญะ ฉันกำหมัดแน่น
ถ้าฉันรอดออกไปจากกล่องเหล็กนรกนี้ได้... ฉันสาบาน
ฉันจะทำลายเกียรติยศของ 'ดันเต้ วิทิเอลโล' ให้ย่อยยับ ด้วยการพรากสิ่งเดียวที่เขาคิดว่าเป็นของตายและไม่มีวันหนีไปไหน...
นั่นคือตัวฉันเอง
...
ย้อนกลับไปเมื่อเช้านี้
แสงแดดอ่อนๆ ที่สาดส่องเข้ามาในวิลล่าหรูหราแถบชานเมืองชิคาโก ดูเหมือนจะเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นวันใหม่ที่งดงาม
แต่สำหรับฉัน... มันเป็นเพียงแสงสปอตไลท์ที่ส่องให้เห็นกรงทองที่ขังฉันเอาไว้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียงขนาดคิงไซส์ที่ว่างเปล่า
พื้นที่อีกฝั่งหนึ่งของเตียงเย็นชืดไร้ร่องรอยความอบอุ่น ดันเต้ไม่ได้กลับบ้านเมื่อคืน
ฉันลุกขึ้นทำหน้าที่ประจำวัน แต่งหน้าอย่างประณีตบรรจง เก็บทุกเส้นผมให้เรียบกริบ เพื่อให้สมกับตำแหน่ง 'ภรรยา' ของ คาโป แห่งแก๊งมาเฟียที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเมือง
เปลือกนอกฉันดูสมบูรณ์แบบ แต่ลึกๆ แล้ว ฉันรู้ดีว่าตัวเองเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่โหยหาคำว่า "ครอบครัว" มากกว่าใคร
หลังจากเตรียมตัวเสร็จ ฉันขับรถมุ่งหน้าไปที่แกลเลอรีศิลปะที่ฉันดูแลอยู่ มันเป็นธุรกิจถูกกฎหมายของตระกูลวิทิเอลโล ฉากหน้าสวยหรูที่ฉันใช้พิสูจน์คุณค่าของตัวเอง
แต่เมื่อฉันเดินผ่านรถกันกระสุนของดันเต้ที่จอดเทียบอยู่หน้าตึก หัวใจของฉันก็กระตุกวูบ
บนกระจกติดฟิล์มดำสนิท... มีรอยลิปสติกสีแดงสดประทับตราอยู่อย่างจงใจ
และมันไม่ใช่เฉดสีที่ฉันใช้
มือของฉันสั่นเทาเล็กน้อยขณะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูโซเชียลมีเดีย
นั่นไง... โซเฟีย
อดีตคนรักของดันเต้ เพิ่งโพสต์รูปคู่กับเขาเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว
แคปชั่นสั้นๆ แต่บาดลึกเขียนว่า "ปลอดภัยเสมอเมื่ออยู่กับคุณ"
ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั่วอกเหมือนถูกน้ำกรดราด แต่ฉันสั่งให้ตัวเองนิ่ง
ฉันเรียกคนขับรถมาทันที
"เช็ดกระจกให้สะอาด อย่าให้เหลือรอยแม้แต่นิดเดียว"
เสียงของฉันราบเรียบ เย็นชา แต่ภายในใจเหมือนถูกกรีดด้วยมีดทื่อๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศสงคราม โซเฟียกำลังบอกให้โลกและฉันรู้ว่า... ใครคือตัวจริง
จังหวะนั้นเอง โทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น
หน้าจอโชว์ชื่อ 'Dante'
"รายได้ไตรมาสนี้เป็นยังไง"
เสียงทุ้มต่ำของเขาถามขึ้นทันทีที่ฉันกดรับสาย ไม่มีคำทักทาย ไม่มีการถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ
"ตัวเลขเพิ่มขึ้นสิบเปอร์เซ็นต์ค่ะ ดันเต้ ทางบัญชี..."
"โซเฟีย ระวังบันไดหน่อย"
เสียงของเขาเปลี่ยนไปทันที...
มันอ่อนโยน นุ่มนวล และเต็มไปด้วยความห่วงใยในแบบที่ฉันไม่เคยได้รับมานานแสนนาน
เขาคงลืมไปว่ายังถือสายฉันอยู่ หรือไม่... เขาก็แค่ไม่แคร์
ฉันกำโทรศัพท์แน่นจนข้อนิ้วซีดขาว ความน้อยเนื้อต่ำใจจุกอยู่ที่คอหอย
"ฉันจะส่งรายงานให้ทางเมลนะคะ"
ฉันพูดแทรกขึ้นไป แล้วกดวางสายทันที
ความรู้สึกกดดันถาโถมเข้ามาที่หน้าอก ลมหายใจเริ่มติดขัด ภาพความทรงจำอันเลวร้ายในวัยเด็กตอนที่ถูกลักพาตัวและยัดใส่ท้ายรถเก๋งผุดขึ้นมาหลอกหลอน
โรคกลัวที่แคบของฉันกำลังกำเริบ
แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ควานหายายาดม เสียงไซเรนเตือนภัยก็ดังก้องไปทั่วแกลเลอรี
"คุณนายครับ! มีผู้บุกรุก เราต้องพาคุณไปที่ห้องนิรภัยเดี๋ยวนี้!"
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยพุ่งเข้ามา
ฉันถูกลากตัวไปตามทางเดินอย่างรวดเร็ว ลิฟต์ลับเปิดออก และฉันถูกผลักเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ที่ผนังทำจากเหล็กกล้าหนาทึบ
ปัง!
ประตูหนักอึ้งปิดลงพร้อมเสียงล็อคที่ดังสนั่นราวกับเสียงปิดตายโลงศพ
ความมืดเข้าปกคลุมทันที ไฟฉุกเฉินไม่ทำงาน
"ไม่... ไม่..."
ฉันพยายามควบคุมลมหายใจ แต่ความกลัวมันกัดกินสติสัมปชัญญะจนแทบคลั่ง
อากาศเริ่มน้อยลง... ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะจมน้ำทั้งที่อยู่บนบก
มือที่สั่นเทาควานหาปุ่มวิทยุสื่อสารบนผนังอย่างบ้าคลั่ง มันเป็นสายตรงถึงดันเต้
"ดันเต้... ช่วยด้วย ไฟดับ... ฉันหายใจไม่ออก"
เสียงของฉันสั่นเครือ เจือไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
มีความเงียบชั่วอึดใจ ก่อนที่เสียงของเขาจะตอบกลับมา
"คุณต้องรอ เอเลน่า ระบบคงรวน"
"แต่ฉันกลัว... ได้โปรด..."
"จัดการตัวเองไปก่อน ผมกำลังพาโซเฟียออกจากเขตอันตราย เธอตกใจมาก"
สัญญาณตัดไป
ติ๊ด...
ความเงียบที่ตามมานั้นดังยิ่งกว่าเสียงระเบิด
น้ำตาที่กำลังจะไหลแห้งเหือดไปทันที ความกลัวหายไป แทนที่ด้วยความเย็นชาที่กัดกินลึกไปถึงกระดูกดำ
เขาเลือกแล้ว
ในวินาทีเฉียดตายนั้น ภาพความทรงจำตอนที่เขาสาบานหน้าหลุมศพพ่อแม่ฉันว่าจะปกป้องฉันด้วยชีวิต... มันกลายเป็นเรื่องตลกที่ขมขื่นที่สุด
นี่ไม่ใช่ความรัก และไม่ใช่แม้กระทั่งหน้าที่
มันคือการทรยศ
ฉันทรุดตัวลงนั่งพิงผนังเย็นเฉียบ ในความมืดมิดนั้น ฉันไม่ได้มองเห็นความตายอีกต่อไป
แต่มองเห็นอิสรภาพ
ฉันจะไม่รอให้ใครมาช่วยอีกแล้ว... โดยเฉพาะผู้ชายที่ชื่อ ดันเต้ วิทิเอลโล