“ปล่อยรินค่ะคุณราช” หญิงสาวร้องขึ้นเมื่อได้เห็นใบหน้าของคนที่กระชากเธอเอาไว้ได้อย่างชัดเจนซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหนเลย นอกเสียจากว่าที่สามีอย่างเหมราชที่ประกาศก้องตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้าว่าไม่ต้องการให้เธอนั้นเข้ามายุ่งวุ่นวายในชีวิตของเขา
“ปล่อยรินค่ะคุณราช” หญิงสาวร้องขึ้นเมื่อได้เห็นใบหน้าของคนที่กระชากเธอเอาไว้ได้อย่างชัดเจนซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหนเลย นอกเสียจากว่าที่สามีอย่างเหมราชที่ประกาศก้องตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้าว่าไม่ต้องการให้เธอนั้นเข้ามายุ่งวุ่นวายในชีวิตของเขา
ปฐมบท
เสียงฝ่ามือหนักๆ ที่กระทบลงใบหน้าของใครบางคนจนเกิดเสียงดังสนั่นอยู่ภายในห้องนอนของ สุนิสา บุตรสาวคนโตของคุณมณีรินทร์และคุณทรงพล เจ้าของห้างสรรพสินค้าชั้นนำของประเทศทำเอาเหล่าบรรดาสาวใช้ที่ยืนอยู่หน้าห้องต่างพากันสงสารคนถูกกระทำไม่ได้ แต่ใครเลยจะกล้ายื่นมือเข้าไปยุ่งเมื่อต่างก็รู้ๆ กันดีอยู่แล้วว่าฤทธิ์เดชของคุณหนูคนโตแห่งบ้านศุภรักษ์นั้นร้ายกาจเพียงใด
“ฉันบอกแกกี่ครั้งกี่หนแล้วห๊ะนังริน ว่าชุดพวกนี้เวลาซักให้ซักมือเท่านั้น! แกคิดว่าตัวหนึ่งมันราคาเท่าไหร่ห๊ะอีโง่!” สุนิสาตวาดใส่หน้าน้องสาวต่างมารดาที่เธอและผู้เป็นแม่เกลียดชังจับหัวใจก่อนจะปาเอาชุดเดรสแบรนด์เนมหรูในมือ ใส่หน้าของอีกฝ่ายเข้าเต็มแรง
“รินขอโทษค่ะคุณสา เดี๋ยวรินเอาไปซักให้ใหม่นะคะ” ปภาวรินทร์ร้องบอกทั้งน้ำตา ใบหน้าอ่อนหวานมองพี่สาวก็ไม่เคยอนุญาตให้เธอเรียกว่าพี่เลยสักครั้งทั้งๆ ที่เธอกับสุนิสาต่างก็มีพ่อคนเดียวกัน
พ่อที่ไม่เคยเห็นเธอเป็นลูกเลยสักครั้ง…
พ่อที่เลี้ยงดูเธอมาแบบทิ้งๆ ขว้างๆ ไม่เคยแสแย ไม่เคยสนใจ ไม่เคยแม้กระทั่งส่งมอบความรักความเอาใจใส่ให้กับเธอเลย
อาจเป็นเพราะเธอมันคือลูกคนใช้ ลูกที่เกิดจากมารดาของเธอซึ่งเคยทำงานในบ้านหลังนี้ฐานะคนใช้ หญิงสาวไม่รู้เรื่องอะไรมากนักเพราะไม่ค่อยมีใครกล้าที่จะเอ่ยเรื่องนี้ออกมา
เธอรู้เพียงแต่ว่าแม่ของเธอเคยทำงานในบ้านหลังนี้ในฐานะคนใช้ก่อนจะได้เสียกับพ่อของเธอและให้กำเนิดเธอขึ้นมา แต่โชคร้ายที่วันนั้นแม่ของเธอตกเลือดมากจึงทำให้เสียชีวิต ทอดทิ้งให้เธอต้องเผชิญกับความโหดร้ายจากทุกๆ คนส่วนใหญ่ภายในบ้านหลังนี้มักจะมอบให้กันตามลำพัง ไม่ว่าจะเป็นพ่อ พี่สาว หรือแม้แต่แม่เลี้ยงที่แสนจะใจร้าย
ทุกคนต่างลงความเห็นและมักจะพูดกรอกหูอยู่เสมอๆ ว่าเธอไม่สมควรเกิดมาเพื่อเป็นจุดด่างพร้อยให้กับผู้เป็นพ่อแท้ๆ เลย แต่ในเมื่อเกิดมาแล้ว ก็ต้องยอมรับชะตากรรมของตัวเองต่อไป ชะตากรรมที่เธอเองก็เลือกไม่ได้ต่อให้เธออยากเลือกแค่ไหนก็ทำไม่ได้อยู่ดี
“ย่ะ! อย่าทำพลาดอีกไม่งั้นฉันเอาแกตายแน่ ออกไปได้แล้ว!” สุนิสาตวาดลั่นอีกรอบ
ทั้งๆ ที่วันนี้มันคือวันสำคัญของเธอแท้ๆ แต่ก็ต้องมาหงุดหงิดแต่เช้าเพราะนังน้องนอกคอกทำเรื่องใส่กัน
หญิงสาวคิดก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหาชุดที่คิดว่าสวยที่สุดมาลองสวมใส่ในการออกเดทกับแฟนหนุ่มของตัวเองต่อไป
โดยหารู้เลยไม่ว่าการตัดสินใจออกจากบ้านตั้งแต่เช้าในวันนี้นั้นมันจะทำให้เธอต้องพลาดกับโชคชิ้นใหญ่ไปตลอดกาลเลยก็ว่าได้
รถคันหรูค่อยๆ จอดเทียบที่หน้าคฤหาสน์หลังงามของเพื่อนรักที่ไม่ได้พบเจอกันมานานนับปีๆ นายมานพ สุริวงศ์ภพ เจ้าของเหมืองแร่ชื่อดังค่อยๆ ก้าวลงมาจากรถก่อนจะลอบมองคฤหาสน์หรูใจกลางกรุงของเพื่อนพร้อมรอยยิ้มพออกพอใจ การชอบทำอะไรให้ยิ่งใหญ่สมฐานะแบบนี้ รับรองว่าเขามาไม่ผิดบ้านแน่
“เดี๋ยวก่อนสิจ๊ะหนู” ชายชราเอ่ยเรียกหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งบังเอิญเดินผ่านมาไว้ จนเมื่ออีกฝ่ายหันมาจึงส่งยิ้มอบอุ่นให้ รอยยิ้มที่ทำให้ปภาวรินทร์รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนจากคนตรงหน้า ความอ่อนโยนที่เธอไม่เคยได้รับจากใครคนไหนมาก่อน
“คุณลุง มีอะไรให้หนูช่วยรึเปล่าคะ” ชายชราจ้องมองหญิงสาวที่อายุน่าจะพอกับลูกชายของตนอยู่ครู่ใหญ่ จึงเอ่ยบอกถึงธุระออกไป
“ฉันมาหาคุณทรงพล ไม่ทราบว่าเขาอยู่รึเปล่า”
“คุณพ่อ…เอ่อคุณท่านอยู่ด้านในค่ะ คุณลุงคงจะเป็นแขกที่ท่านรออยู่ เชิญทางนี้เลยค่ะเดี๋ยวหนูพาไป” หญิงสาวที่พลั้งปากเรียกพ่อว่าพ่อหน้าเสียไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกลบเกลื่อนพร้อมเดินนำอีกฝ่ายเข้ามายังตัวบ้านซึ่งก็มีพ่อกับแม่เลี้ยงเธอนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ว่ายังไงไงไอ้นพ! ไม่ได้เจอกันเสียนาน กว่าจะโผล่หัวออกมาจากเหมืองได้นะ!” คำสนทนาที่สนิทสนมทำให้ปภาวรินทร์คิดเอาเองว่าแขกคนนี้คงจะเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อของเธอไม่ผิดแน่ หญิงสาวทำได้เพียงแค่คิดก่อนจะหมุนตัวเตรียมจะเดินจากไป แต่ยังไม่ทันไรเสียงร้องเรียกจากแม่เลี้ยงนั้นก็ดังขึ้นจากด้านหลังเข้าเสียก่อนทำให้หญิงสาวไม่อาจที่จะพาตัวเองเดินจากออกไปอย่างที่ใจเธอต้องการ
“เดี๋ยวก่อนสิยัยริน! เข้าไปหาน้ำมารับแขกด้วยด้วย” คุณหญิงมณีรินทร์เอ่ยขึ้นสั่ง สายตาทอดมองลูกเลี้ยงด้วยความเกลียดชังจับใจจนมานพที่จ้องตามเริ่มรู้สึกแปลกแต่ก็ไม่เอะใจอะไร
“ได้ค่ะคุณผู้หญิง” ปภาวรินทร์ขานรับเพียงสั้นๆ ก่อนจะรีบพาตัวเองเดินหายไป ปล่อยให้พวกผู้ใหญ่ให้พูดคุยธุระกันตามลำพัง
“ไหนๆ ฉันก็มาถึงแล้ว เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า”คุณมานพเป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้น ซึ่งจุดประสงค์ของการมาที่นี่ของเขานั้นก็ไม่ใช่เรื่องใดนอกจากเรื่องที่บุคคลตรงหน้าทั้งสองคนตัดสินใจโทรไปขอความช่วยเหลือ ซึ่งเขาเองก็เต็มใจที่จะช่วยเท่าที่พอจะช่วยได้บ้าง
“เอาสิ ก่อนอื่นฉันต้องขอโทษด้วยที่ต้องให้แกมาหาถึงที่ทั้งๆ ที่ฉัน…เป็นฝ่ายจะขอยืนเงินแกแท้ๆ ต้องขอโทษจริงๆ เพื่อน”
“อย่าคิดมากสิวะ เราเพื่อนกัน อะไรที่พอช่วยกันได้ก็ต้องช่วยกันไปก่อน ว่าแต่ครั้งนี้ขาดทุนหนักเลยเหรอ” เจ้าพ่อเหมืองใหญ่เอ่ยถามไถ่ อยากจะได้ข้อมูลมากกว่าที่คุยกันทางโทรศัพย์เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือเพื่อนรักที่เคยสนิทสนมกันตั้งแต่ครั้งสมัยเรียนได้ถูกวิธี
“ก็พอตัว ฉันผิดเองที่ไว้ใจคนผิด บอกตามตรงว่าตอนนี้ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใคร จะมีก็แต่แกที่พอจะนึกออก…” ซึ่งคุณมานพเองก็ยินดีที่จะช่วยเพื่อนรัก
หากแต่การช่วยเหลือในครั้งนี้เขาเองก็คงต้องขอแลกเปลี่ยนกับอะไรบางอย่างกับมันเหมือนกัน ข้อแลกเปลี่ยนที่ทรงพลเองก็ลำบากใจไม่น้อยเพราะยังไม่มีโอกาสได้เกริ่นบอกลูกสาวกับภรรยาก่อนล่วงหน้า บางเรื่องที่มันค่อนข้างสำคัญ และเขาไม่สามารถชี้ขาดกับมันได้เพราะต้องถามความคิดเห็นของภรรยาและลูกเสียก่อน
“เรื่องเงินสำหรับฉันมันไม่ใช่ปัญหา…แต่ก็อย่างที่ฉันบอกแกเอาไว้ทางโทรศัพท์ ว่าฉันอยากได้ลูกสาวแกไปแต่งงานกับลูกชายของฉัน บอกตรงๆ ว่าฉันเองก็เครียดกับเรื่องนั้นพอสมควร ซึ่งถ้าแกตกลงเงินก้อนนี้ที่ฉันจะให้แกฉันจะถือเสียว่ามันเป็นค่าสินสอดไปเลย ไม่ต้องหามาคืนฉัน แกจะว่ายังไงไอ้พล…”
“พี่นุยังรักลินอยู่ไหม...” คำถามที่ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าเธอจะต้องเป็นคนถามมันกับเขาดังขึ้น มันคือคำถามที่เธอไม่เคยอยากได้คำตอบ เพราะกลัวว่าถ้ามันเกิดไม่ตรงใจขึ้นมาเธอคงเจ็บปวดเจียนตายน่าดู แต่เธอทนไม่ไหวอีกแล้ว ทนอยู่กับความรู้สึกบ้าๆ พวกนี้ไม่ไหวแล้ว “ลิน ใจเย็นๆ แล้วฟังพี่ก่อน…” ปรเมศวร์เองก็เริ่มได้สติหลังจากได้เห็นแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความปวดร้าวของอีกคนเข้า มันทำให้เขาคิดได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้นเหตุมันมาจากตรงไหน และก็เป็นเหมือนทุกครั้ง เขาเองที่ผิด ผิดที่พาช่อลดามาที่นี่
“เทียนไม่หวังสูงขนาดนั้นหรอกค่ะ ที่พูดเพราะเป็นห่วงเท่านั้น” พลอยบุหลันตอบเสียงแผ่วก่อนจะพาตัวเองเดินหนีกลับมาที่ห้อง เพราะไม่อยากอยู่ให้เกะกะสายตา หรือสร้างความรำคาญให้กับเขาอีก หญิงสาวนั่งลงบนเตียงก่อนจะเริ่มต้นสวดมนต์เหมือนทุกคืน ไม่นานก็ทิ้งตัวลงนอน และไม่ลืมที่จะยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆ “ฝันดีนะคะตัวเล็กของแม่…”
“ลูกศัตรูอย่างเธอที่โซฟานี่ก็พอมั้ง! เพราะว่าเตียงนั่นฉันเก็บเอาไว้ให้ เมีย ในอนาคตของฉัน!” เขาเน้นย้ำถึงคำว่า เมีย อย่างชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะโยนคนที่เอาแต่นิ่งเงียบลงโซฟาอย่างไม่ออมมือนัก “โอ้ย! บุญเจ็บค่ะ…”
“กล้าดียังไงเที่ยวไปให้ท่าไอ้สารวัตรนั่น!” ชรัสตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา สิ่งที่หล่อนทำลงไปในวันนี้มันหักหน้าเขาเป็นอย่างมาก เขาไม่ชอบให้เธอทำเรื่องพวกนี้ขณะที่ยังเป็นเมียเขาอยู่! “อินทำอย่างนั้นตอนไหนอย่างนั้นเหรอคะ”
“ทะ…ทำไมคุณไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยล่ะคะ” คนได้ยินไม่ได้นึกตำหนิอะไรคนช่างถาม เขายิ้มก่อนจะเอ่ยตอบไปตามความจริง “จะต้องใส่ให้เสียเวลาทำไมล่ะครับ เพราะอีกเดี๋ยว…ก็ต้องถอดออกอยู่ดี” คำตอบที่มาพร้อมจูบหนักๆ ที่แก้มขวาทำเอาคนที่ยังเตรียมใจรับกับสิ่งเหล่านี้ไม่ไหว ย่นคอหลบหนีความซาบซ่านพัลวัน “คะ…คุณลูซคะ คะ…ว่าภัส…”
“ฉันตั้งใจจะบอกเรื่องลูกในวันที่แกวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกฉันว่าคุณป่านตอบตกลงจะแต่งงานกับแก!” ความจริงที่ได้รู้กลับกลายเป็นธเนศเสียเองที่พูดอะไรไม่ออก เขายังจำภาพของเอื้องทรายที่กอดเขาร้องไห้ปานจะขาดใจในวันนั้นที่ว่าได้ดี แต่เพราะมัวหลงดีใจมากไปเลยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเธอไม่ได้ร้องไห้เพราะดีใจที่เขาสมหวังกับอดีตคนรัก แต่มันคือความเสียใจ...ความเสียใจที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยจนกระทั่งวันนี้ที่ต้องมารับฟังมันจากปากของเธอเอง ความโกรธก่อนหน้าค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นความเสียใจในที่สุด
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
ลู่หมิงเยว่ถูกแฟนนอกใจ และยังโดนดูถูกว่าเธอแค่ดีแต่หน้าตา ด้วยความโกรธ ลู่หมิงเยว่ใช้เสน่ห์ของเธอไปมีความสัมพันธ์กับเยี่ยนเฉิงจือประธานบริษัท แต่เธอกล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับ หลังจากเสร็จธุระนั้นเธอก็หนีไปเงียบๆ และยังเข้าใจผิดว่าคนในคืนนั้นคือเพลย์บอย เสิ่นเว่ยตง ทำให้เยี่ยนเฉิงจือเข้าใจผิดว่าเธอชอบคนอื่น เขาเลยแอบอิจฉาและหึงหวงอยู่เงียบๆ มานาน
สตรีนางอื่นคงจะข้ามภพมาเพื่อฝ่าฟันอุปสรรคมากมายจนกลายเป็นวีรสตรี กู้ชาติกู้แผ่นดิน แต่สำหรับข้านั้น “ความรักไม่แน่นอน แต่ความง่วงเป็นสิ่งที่ต้องนอนแน่ๆ”
โปรย: มาอยู่ในร่างหญิงปัญญาอ่อน ถูกตราหน้าว่าเป็นลูกโจรที่เคยเข่นฆ่าผู้คนไปทั่ว ซ้ำร้ายเขายังต้องการล้างแค้นแทนพ่อโดยใช้หัวใจเป็นเดิมพัน ........................ ไรต์มีนิยายพื้นบ้านมาฝากอีกแล้วค่า เน้นการใช้ชีวิตประจำวัน เนื้อเรื่องไม่หวือหวาส่วนใหญ่เกิดจากจินตนาการของไรต์มากกว่าเหตุการณ์ในยุคนั้น ใครชอบแนวนี้ไรต์ฝากกดหัวใจกดติดตามกันด้วยนะคะ หญิงสาวที่ตื่นมาตอนเช้าเพื่อเตรียมตัวไปรับพระราชทานปริญญาบัตร แต่กลับต้องย้อนไปอยู่ในยุค 60 ในร่างหญิงปัญญาอ่อนที่มีความทรงจำอันน้อยนิด มีพ่อเป็นอดีตโจรที่ขาพิการ ครอบครัวยากจน กับค่าแรงวันละเจ็ดบาท แล้วเช่นนี้เธอจะทำให้ครอบครัวกินอยู่อิ่มท้องได้อย่างไร พระเอกนางเอกเรื่องนี้มีการแก้แค้นเอาคืนไม่ได้เป็นคนดีบริสุทธิ์นะคะ ทุกคนโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เนื้อหาบางส่วน.... คำแก้วเดินออกมาถึงทางห้าแยกที่จะเลี้ยวเข้าหมู่บ้านสี่แจและหมู่บ้านอื่น ๆ ก็เจอกับชายฉกรรจ์สามคนยืนขวางอยู่ตรงหน้า คำแก้วเดินต่ออย่างไม่รู้สึกเกรงกลัว “เฮ้ย! มีคนเดินมาทางนี้ว่ะ” “ลูกพี่มันแบกหมูป่าตัวเบ้อเร่อมาด้วย” “เอาของมีค่าทั้งหมดมาจากมันให้ได้” “แต่มันเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เองนะลูกพี่” “พ่อมึงสอนให้โจรอย่างพวกมึงใจดีกับพวกผู้หญิงเหรอวะ” คนที่เป็นหัวหน้าแก๊งตวาดเสียงดังจนคำแก้วต้องเงยหน้ามอง ดวงตากลมไหวสั่นเล็กน้อย เข้ามาสิจะใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตให้ ปืนก็มี มีดก็มี กลัวอะไรล่ะ หักแขนหักขาคนก็ได้ด้วย “มะ ไม่ได้บอกครับ” คนที่เป็นลูกน้องตอบเสียงสั่น แล้วพวกมันก็ก้าวเท้าไปขวางหน้าคำแก้วไว้ “เอาของมีค่าจากตัวมึงมาให้หมด รวมถึงหมูป่าด้วย” ลูกน้องหนึ่งในสองคนพูดขึ้น แปลกใจที่ในกระบุงมีผลไม้หลายอย่างที่พวกเขาไม่เคยกิน “ไม่มี” คำแก้วตอบเสียงห้วน มองชายทั้งสามด้วยแววตาไม่สะทกสะท้าน เธออยากเห็นโจรตัวเป็น ๆ วันนี้เธอก็ได้เห็นแล้ว พวกมันใช้ผ้าขาวม้าคลุมหน้าไว้ ยุคสมัยนี้ตำรวจคงทำอะไรคนพวกนี้ไม่ได้จริง ๆ “ปากดีซะด้วย กูชอบว่ะ จะมีผู้หญิงสักกี่คนวะที่ไม่กลัวโจรอย่างพวกกู ฮ่า ๆ ๆ” เรืองว่าพลางหัวเราะเสียงลั่น ในมือถือปืนเคาะฝ่ามืออีกข้างเล่นไปพลาง ๆ แล้วสั่งลูกน้องเสียงเหี้ยม “จับตัวมันไว้” ลูกน้องทั้งสองกรูเข้าไปจับตัวคำแก้วไว้ คำแก้วปล่อยหมูและกระบุงลงบนพื้นดิน เรืองก้าวเท้ายาวเข้ามาใกล้ ดึงผ้าขาวม้าออกจากหน้าเธอ สายตาคมกริบมองใบหน้าเรียวเล็กของอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจเป็นที่สุด “นี่มันลูกสาวคนโตของไอ้เสือเข้มนี่หว่า มึงกล้าออกมาป่าคนเดียวได้ยังไงวะ” เขาใช้ปลายกระบอกปืนเชยคางของคำแก้วขึ้น แล้วพิศมองใบหน้าเธอนิ่ง คำแก้วจ้องตามันกลับอย่างไม่ลดละ โจรพวกนี้อาจจะเป็นพวกเดียวกันกับที่ทำร้ายพ่อของเธอก็เป็นได้ ถึงได้รู้จักเสือเข้ม ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่ยืนหลบอยู่ในพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลมากนักถึงกับเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินว่าสาวน้อยคนที่เขาเดินตามออกมาจากป่าเป็นลูกของไอ้เสือเข้ม แต่เขาได้ยินมาว่าลูกสาวคนโตของเสือเข้มเป็นเด็กที่มีความบกพร่องทางปัญญาไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเข้าป่าไปล่าสัตว์คนเดียวได้อย่างไม่รู้สึกเกรงกลัวสัตว์ป่า หรือแม้แต่โจรพวกนี้ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่เดินตามเธอมา คราแรกเขาแค่อยากรู้ว่าเธอเป็นคนของหมู่บ้านไหนกันแน่ เพราะเขาไม่เคยเห็นหน้า และกลัวว่าเธอจะเป็นอันตรายจึงเดินตามมาอย่างเงียบ ๆ ไม่คิดว่าจะเป็นลูกสาวคนที่เขาตามหามานาน
เจียนเยว่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากจนกระทั่งพบอาของเธอ แต่เธอก็ตกหลุมรักอาของเธออย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ น่าเสียดายที่อาคนนั้นกำลังจะแต่งงาน เลยจัดให้เธอไปต่างประเทศ เพื่อแก้แค้น เธอจึงเรียนวิชาบุรุษวิทยาและหลังจากกลับมาอีกครั้ง เธอก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบุรุษวิทยาที่มีชื่อเสียงที่สุด เชี่ยวชาญการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ การหลั่งเร็ว ภาวะมีบุตรยาก... คราวนี้คุณอาดันเธอไว้ในห้องนอน "ถ้าอยากดูร่างกายของผู้ชายมาก ก็ช่วยตรวจให้ผมหน่อยสิ" เธอยิ้มอย่างชั่วร้าย และใช้มือปลดเข็มขัดของเขา "มิน่าเล่าขนาดอามีคู่หมั้นแล้ว แต่กลับไม่แต่งงานสักที ที่แท้มันใช้งานไม่ได้สินะ" "จะได้หรือไม่ได้ คุณก็ลองดูเองสิ" "ไม่เลย อาไปหาคนอื่นช่วยดูให้เถอะ"
ความรักที่ซ่อนเร้นของสาวน้อยเริ่มต้นในวันที่ทั้งสองได้พบกันในการพบกันที่ถูกวางแผนมาอย่างยาวนาน ทว่าเด็กสาวที่ครอบครัวรับมาเลี้ยงกลับแย่งชิงครอบครัวและเด็กหนุ่มไปโดยไม่รู้สึกเกรงกลัว เมื่อโตขึ้น เธอใช้โอกาสการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เพื่อแย่งชิงตำแหน่งภรรยาของชายคนนั้น ไม่ยอมถอยแม้แต่นิดเดียว ฟู่เป่ยชวนกอดพี่สาวของเธอไว้ในอ้อมแขน ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “เธอทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียน” ซูชิงเฉินรู้สึกปวดท้องเหมือนมีบางอย่างในร่างกายของเธอค่อยๆ เลือนหายไป เธอยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงแน่วแน่ “แน่นอน ฉันจะไม่มีวันปล่อยมือ ถึงจะต้องตายก็ตาม” ไม่นานนัก ซูชิงเฉินก็เหมือนจะหายไปจริงๆ จากนั้นเป็นต้นมา ไม่มีใครรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในยามค่ำคืน ฟู่เป่ยชวนมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดกับเขาว่า “ถ้าฉันไม่เคยรักเธอเลยก็คงจะดี” ห้าปีต่อมา ซูชิงเฉินกลับมาพร้อมกับเด็กคนหนึ่ง กลับมาในสายตาของคนทั่วไปอีกครั้ง ...
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY