“ทะ…ทำไมคุณไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยล่ะคะ” คนได้ยินไม่ได้นึกตำหนิอะไรคนช่างถาม เขายิ้มก่อนจะเอ่ยตอบไปตามความจริง “จะต้องใส่ให้เสียเวลาทำไมล่ะครับ เพราะอีกเดี๋ยว…ก็ต้องถอดออกอยู่ดี” คำตอบที่มาพร้อมจูบหนักๆ ที่แก้มขวาทำเอาคนที่ยังเตรียมใจรับกับสิ่งเหล่านี้ไม่ไหว ย่นคอหลบหนีความซาบซ่านพัลวัน “คะ…คุณลูซคะ คะ…ว่าภัส…”
ปฐมบท
ภายในบ้านจักรเทพเต็มไปด้วยความโกลาหลครั้งใหญ่เมื่อคุณหนูเพียงคนเดียวของบ้านอย่าง ‘สุวิมล’ หนีตามแฟนหนุ่มไปต่างประเทศก่อนจะถึงวันนัดหมายระหว่างแม่เธอและใครบางคนที่มีศักดิ์เป็น ‘เจ้าหนี้รายใหญ่’ ของครอบครัว ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนั้นมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อศักดิ์ชัย พ่อของหญิงสาวที่แอบไปกู้เงินกับเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์หนุ่มเอาไว้จำนวนหนึ่งจนกระทั่งเขามาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ตายไปและแน่นอนว่าหนี้สินทั้งหมดนั้นจึงตกเป็นของคุณหญิงกานดาผู้เป็นแม่ที่แทบจะล้มทั้งยืนยามเมื่อได้เห็นหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวกับหนี้สินจำนวนสี่ล้านบาทระหว่างสามีของนางและเจ้าหนี้หนุ่มเข้าในวันเผา ที่เพิ่งผ่านมาเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้
ซึ่งนางและทุกคนภายในบ้านหลังนี้คงถูกไล่ออกไปจากบ้านแล้วหากนัยน์ตาคู่นั้นของลูเซียสไปเหลือบไปเห็นสุวิมล ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของนางเข้า ก่อนที่เขาจะหยิบยื่นข้อเสนอบางอย่างให้..
‘ผมยินดีให้คุณหญิงผลัดเรื่องการชำระหนี้สินไปก่อนหากคุณหญิงยอมให้ลูกสาวไปอยู่กับผมในฐานะนางบำเรอหนึ่งเดือน! ลองเอากลับไปคิดดูก่อนก็ได้นะครับ ผมเองก็เป็นผู้ชาย ไม่ผิดที่จะอยากได้สาวๆ สวยๆเช่นลูกสาวของคุณหญิงมานอนกกคลายเหงา ผมให้เวลาคุณหญิงแค่สามวันเท่านั้น คุณหญิงลองกลับเอาไปคิดดูให้ดีก็แล้วกันนะครับ อีกสามวันผมจะกลับมาที่นี่อีกเพื่อรับคำตอบ’
นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ลูเซียส บาเนอร์ เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพท์รายใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศ ฝากเอาไว้ให้คิดและติดสินใจ ก่อนที่เขาจะขอตัวกลับไปและปล่อยให้การตัดสินใจในเรื่องนี้เป็นของลูกหนี้ ซึ่งคุณหญิงกานดาเองก็จนปัญญาด้วยรู้ดีว่าสามีของนางนั้นแทบไม่ได้ทิ้งอะไรเอาไว้ให้กันเลยนอกจากบ้านหลังนี้กับหนี้สินจำนวนมหาศาล ที่นางต้องรับช่วงการชดใช้ต่อจากสามี
นางจำต้องบอกถึงจุดประสงค์ของเจ้าหนี้แก่ลูกสาวไปและขอร้องให้สุวิมลยอมตกลงทำตามคำขอร้อง ซึ่งอีกฝ่ายก็กรีดร้องลั่นบ้านทันทีก่อนจะยืนกรานว่าไม่ว่ายังไงก็จะไม่ยอมไปเป็นนางบำเรอของใครให้เป็นขี้ปากชาวบ้านอย่างแน่นอน ซึ่งใครเลยจะคาดคิดว่าหลังจากคำพูดนั้นของสุวิมลจบลงเพียงไม่กี่วันเจ้าตัวก็มาแอบหนีตามดนัย แฟนหนุ่มไฮโซของตัวเองไปไกลถึงนิวยอร์กและไม่ยอมเปิดช่องทางให้ใครติดต่อเธอได้สักคนเดียว ซึ่งมันสร้างความวุ่นวายใจให้แก่ผู้เป็นแม่มากเพราะหนทางเดียวที่จะต่อยอดลมหายใจของครอบครัวไปได้อีกสักหน่อย ตอนนี้กลับมาหนีออกจากบ้านไปดื้อๆ
“อีกเดี๋ยวคุณลูซเขาก็จะมาเอาคำตอบแล้ว! ยัยมลนะยัยมลทำอะไรไม่คิดถึงหัวอกของแม่บ้างเลย! แล้วนี่ฉันจะทำยังไงต่อไปดีล่ะเนี่ย! ไอ้ผัวเฮงซวย! ขนาดว่าตายไปแล้วก็ยังสร้างเรื่องทิ้งไว้ให้ ฉันล่ะอยากจะบ้าตาย!!” คุณหญิงกานดาตวาดลั่นอย่างหงุดหงิดก่อนจะแผดเสียงใส่ทุกๆ คนที่อยู่ใกล้อย่างไม่ไว้หน้า หากวันนี้นางไม่มีคำตอบที่น่าพอใจไปให้เขาคนนั้นล่ะก็ รับรองได้เลยว่าทั้งบ้านและทุกๆ สิ่งที่สร้างมาจะต้องถูกยึดเอาไปจนหมดสิ้นแน่นอน ซึ่งนางจะไม่มีวันยอมให้เป็นแบบนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันยอมอย่างเด็ดขาด!
ร่างอวบอิ่มเกินวัยในชุดแม่บ้านสีชมพูอ่อนมอซอค่อยๆ เดินลัดเลาะมาตามถนนฟุตบาทมุ่งหน้าสู่บ้านจักรเทพที่ตนเองอาศัยอยู่มาตั้งแต่จำความได้อย่างไม่คิดเหน็ดเหนื่อย ประภัสสรยกมือปาดเหงื่อที่ขมับบนใบหน้าของตัวเองอย่างแผ่วเบาก่อนจะรีบเร่งฝีเท้ากลับบ้านทันทีที่จ่ายตลาดเสร็จ ด้วยรู้ดีว่าถ้ากลับช้าจะต้องเจออะไร
หญิงสาวที่ตอนนี้อายุได้ยี่สิบห้าปีเต็มแล้ว หากแต่เธอมีวาสนาได้เรียนแค่เพียงมัธยมปลายเท่านั้นเพราะเจ้าของบ้านที่เธออาศัยอยู่สั่งห้ามไม่ให้เธอเรียนต่อมหาลัยแม้ว่าจะพยายามขอร้องท่านสักแค่ไหนคำตอบที่ได้กลับมาก็คือคำว่าไม่อนุญาตเสมอ หญิงสาวที่ถูกนำมาทิ้งเอาไว้ที่หน้าบ้านหลังงามหลังนั้นตั้งแต่ยังแบเบาะจำต้องยอมทำตามผู้มีพระคุณที่เลี้ยงดูเธอเอาไว้ แม้จะในสถานะคนรับใช้กินเงินเดินหลักพันไม่ได้มีชีวิตที่ดีงามอะไรเลยสักอย่าง แต่อย่างไร ทั้งคุณหญิงและคุณท่านต่างก็มีบุญคุณต่อเธอด้วยกันทั้งคู่
เพราะฉะนั้นไม่ว่าท่านสั่งให้ทำอะไรต่อให้มันยากเย็นแค่ไหนเธอก็ต้องทำ เพื่อตอบพระคุณอันใหญ่หลวงที่ท่านมีให้กันเสมอ
ทว่าอีกแค่เพียงไม่กี่อึดใจจะถึงที่หมายนั้นหญิงสาวกลับต้องกรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อรถคันหนึ่งขับผ่านหน้าเธอไปแถมยังเหยียบเอาแอ่งน้ำข้างทางอย่างแรงจนมันกระเด็นสาดใส่กัน ไม่นานจากนั้นรถคันหรูก็ถูกเบรกกะทันหันพร้อมกับร่างใหญ่โตของชายชุดดำคนหนึ่ง ที่เดินลงมาจากรถด้วยสีหน้าที่แสดงให้เห็นถึงความตกใจ
“ขอโทษครับคุณผมไม่ทันเห็น คุณเป็นอะไรมากรึเปล่าครับ” จารอปเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเป็นห่วงทันทีที่เห็นว่าตนเองนั้นเผลอขับรถเหยียบน้ำจนทำให้มันกระเด็นใส่เธอเข้าอย่างจัง เขาเองก็ไม่ทันมองด้วยว่าจะมีใครสักคนเที่ยวมาเดินทำอะไรในย่านที่เต็มไปด้วยบ้านคนรวยเช่นนี้ เพราะส่วนใหญ่คนที่จะซื้อมันได้คงไม่มีใครมาเดินเตร่ให้คนอื่นขับรถเหยียบน้ำใส่เหมือนหญิงสาวนัยน์ตาสวยตรงหน้านี้แน่ อย่างไรก็ต้องขอโทษเพราะตนเป็นคนผิด
“มะ…ไม่ค่ะ ฉันแค่เปียกนิดหน่อยเท่านั้น ไม่เป็นอะไรมาก” ประภัสสรเอ่ยตอบเสียงสั่น ไม่บ่อยนักที่จะได้คุยกับคนแปลกหน้าเพราะโดยปกติแล้วเธอจะถูกสั่งให้อยู่แต่ในครัวเสียมากกว่าที่จะได้ออกไปไหน นี่นับว่าเป็นเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่เธอมีโอกาสได้ทำมัน
ซึ่งวันนี้มันคงต้องเป็นแบบนั้นหากป้าหยกที่มักจะรับหน้าที่ออกมาจ่ายตลาดด้วยตัวเองไม่ดันเท้าเจ็บขึ้นมาซะก่อน หน้าที่ที่ว่านั้นเลยตกมาเป็นของเธอแทบจะทันทีที่จำต้องออกมาจ่ายตลาดซื้อของสดเพื่อนำกลับไปทำอาหาร หญิงสาวคิดกับตัวเองในใจก่อนจะเงยหน้ามองคนตรงหน้าอีกครั้งหนึ่งซึ่งมันก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่กระจกข้างจากด้านหลังของรถคันหรูก็ถูกเลื่อนลงเสียก่อนพร้อมกับเสียงก้องกังวานของใครอีกคนที่ดังตวาดขึ้นเหมือนกำลังไม่พอใจอยู่
“นายมัวทำบ้าอะไรอยู่จารอป! ถ้าหล่อนมากเรื่องนักก็รีบจ่ายๆ เงินไป!” หญิงสาวตาโตเมื่อขึ้นได้คำดูถูกดูแคลนของคนที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนรถจนทำให้เห็นหน้าของเขาไม่ชัดเท่าไหร่ แต่ดูจากคำพูดดูถูกคนอื่นเขาคงเป็นคนที่มารยาทแย่มากๆ
อะไรกันคนๆ นี้ เขาคิดว่าตัวเองรวยนักหรือไงกัน!!
“เก็บเงินของคุณไว้ไปเรียนมารยาทเพิ่มเถอะค่ะ เพราะว่าฉันไม่ต้องการมัน! สำหรับบางคนเงินก็ไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิตหรอกนะคะที่คุณเที่ยวจะนำมันมาหาดหัวให้กับใครที่ไหนก็ได้!” จารอปอ้าปากค้างกลางอากาศอย่างหวาดหวั่นยามเมื่อได้ยินคำตอบที่หญิงสาวตรงหน้า โต้กลับเจ้านายของเขาอย่างไม่คิดเกรงกลัวอีกฝ่ายเลย
ซึ่งมันก็ได้ผลชะงักเมื่อใบหน้าดุดันของคนในรถเงยขึ้นก่อนจะจ้องมองแม่คนปากเก่งอย่างเอาเรื่องกับปากกล้าๆ ของเธอ ไม่นานร่างสูงใหญ่ในชุดสูทเรียบหรูสีเทาก็รีบพาตัวเองเดินลงมาจากรถประจันหน้ากันด้วยท่าทีคุกคามจนอีกคนต้องถอยร่นหนีเพื่อระมัดระวังตัวเอง ยิ่งเมื่อได้เห็นเขาชัดๆ รังสีความหล่อเหลาก็ทะลุเข้าตาจนหญิงสาวค้างไปหลายนาที แต่เท้าก็ยังคงทำหน้าที่ของมัน..
“เมื่อกี้เธอว่าอะไร! เธอกำลังจะบอกว่าฉันเป็นคนไม่มีมารยาทอย่างนั้นใช่ไหม!!” ลูเซียสตวาดถามกลับก่อนจะจ้องมองหญิงสาวที่ไม่รู้ว่าชะตาของเธอกำลังขาดอย่างเหยียดหยาม ดูจากชุดที่ใส่ ข้าวของพะรุงพะรังที่ถืออยู่คงจะหนีไม่พ้นสาวใช้จากบ้านหลังไหนสักแห่งในย่านนี้ไม่ผิดแน่ๆ ตัวรึก็เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยแต่ริอาจปากดีต่อปากต่อคำกับเขา ไม่รู้ว่าแม่คุณไปขุดขนเอาความกล้าที่ไม่มีใครสักคนเคยทำนี้มาจากที่ไหนกันถึงได้กล้าทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำกับเขามาก่อน อย่าว่าแต่เขาเลยที่ตกใจ แม้แต่จารอปคนสนิทเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกันเท่าไหร่ อีกฝ่ายดูเหมือนจะช็อกไปเลยด้วยซ้ำ
“พี่นุยังรักลินอยู่ไหม...” คำถามที่ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าเธอจะต้องเป็นคนถามมันกับเขาดังขึ้น มันคือคำถามที่เธอไม่เคยอยากได้คำตอบ เพราะกลัวว่าถ้ามันเกิดไม่ตรงใจขึ้นมาเธอคงเจ็บปวดเจียนตายน่าดู แต่เธอทนไม่ไหวอีกแล้ว ทนอยู่กับความรู้สึกบ้าๆ พวกนี้ไม่ไหวแล้ว “ลิน ใจเย็นๆ แล้วฟังพี่ก่อน…” ปรเมศวร์เองก็เริ่มได้สติหลังจากได้เห็นแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความปวดร้าวของอีกคนเข้า มันทำให้เขาคิดได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้นเหตุมันมาจากตรงไหน และก็เป็นเหมือนทุกครั้ง เขาเองที่ผิด ผิดที่พาช่อลดามาที่นี่
“เทียนไม่หวังสูงขนาดนั้นหรอกค่ะ ที่พูดเพราะเป็นห่วงเท่านั้น” พลอยบุหลันตอบเสียงแผ่วก่อนจะพาตัวเองเดินหนีกลับมาที่ห้อง เพราะไม่อยากอยู่ให้เกะกะสายตา หรือสร้างความรำคาญให้กับเขาอีก หญิงสาวนั่งลงบนเตียงก่อนจะเริ่มต้นสวดมนต์เหมือนทุกคืน ไม่นานก็ทิ้งตัวลงนอน และไม่ลืมที่จะยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆ “ฝันดีนะคะตัวเล็กของแม่…”
“ลูกศัตรูอย่างเธอที่โซฟานี่ก็พอมั้ง! เพราะว่าเตียงนั่นฉันเก็บเอาไว้ให้ เมีย ในอนาคตของฉัน!” เขาเน้นย้ำถึงคำว่า เมีย อย่างชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะโยนคนที่เอาแต่นิ่งเงียบลงโซฟาอย่างไม่ออมมือนัก “โอ้ย! บุญเจ็บค่ะ…”
“กล้าดียังไงเที่ยวไปให้ท่าไอ้สารวัตรนั่น!” ชรัสตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา สิ่งที่หล่อนทำลงไปในวันนี้มันหักหน้าเขาเป็นอย่างมาก เขาไม่ชอบให้เธอทำเรื่องพวกนี้ขณะที่ยังเป็นเมียเขาอยู่! “อินทำอย่างนั้นตอนไหนอย่างนั้นเหรอคะ”
“ฉันตั้งใจจะบอกเรื่องลูกในวันที่แกวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกฉันว่าคุณป่านตอบตกลงจะแต่งงานกับแก!” ความจริงที่ได้รู้กลับกลายเป็นธเนศเสียเองที่พูดอะไรไม่ออก เขายังจำภาพของเอื้องทรายที่กอดเขาร้องไห้ปานจะขาดใจในวันนั้นที่ว่าได้ดี แต่เพราะมัวหลงดีใจมากไปเลยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเธอไม่ได้ร้องไห้เพราะดีใจที่เขาสมหวังกับอดีตคนรัก แต่มันคือความเสียใจ...ความเสียใจที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยจนกระทั่งวันนี้ที่ต้องมารับฟังมันจากปากของเธอเอง ความโกรธก่อนหน้าค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นความเสียใจในที่สุด
“ผมไม่หย่า! ต่อให้คุณจะเกลียดผมไปจนวันตายยังไงผมก็ไม่หย่า” “ทำไมล่ะคะ คุณจะเก็บฉันเอาไว้ทำไมในเมื่อคุณไม่สามารถทำให้ฉันมีความสุขได้เลยสักวันเดียว! เป็นฉันเองที่ต้องทนอยู่กับคนใจร้ายที่ไม่เคยมีฉันอยู่ในสายตา ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาคุณรู้บ้างไหมคะวาฉันต้องเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหนที่ต้องฝืนทนอยู่กับคนไม่มีหัวใจอย่างคุณ อ๊ะ!!” คำต่อว่าที่รุนแรงทำให้ตรีภพเป็นฝ่ายที่ทนไม่ไหวอีกต่อไป มือทั้งสองกระชากใบหน้าหวานเข้ามาใกล้ก่อนจะกระแทกริมฝีปากเข้าหาอย่างรุนแรงแม้ว่าอีกฝ่ายจะดิ้นรนขัดขืนแต่ก็ทำเช่นนั้นได้ไม่นานเท่าไหร่ สุดท้ายเธอก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเขาอยู่ดี รสสัมผัสที่รุนแรงหยาบกระด้างค่อยๆ แผ่วเบาลงตามลำดับแต่พอได้เห็นหยดน้ำตาใสที่ไหลรินออกมาจากแก้มเนียนทุกๆ สิ่งถึงได้หยุดลงพร้อมๆ กับใบหน้าคมคายที่ผละตัวออกห่าง... “ผมขอโทษ ขอโทษที่ใจร้ายกับคุณมาตลอด แต่ขอโอกาสให้ผมอีกสักครั้งได้ไหม ผมจะไม่มีวันทำให้คุณต้องเสียใจอีก”
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้