“ฉันตั้งใจจะบอกเรื่องลูกในวันที่แกวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกฉันว่าคุณป่านตอบตกลงจะแต่งงานกับแก!” ความจริงที่ได้รู้กลับกลายเป็นธเนศเสียเองที่พูดอะไรไม่ออก เขายังจำภาพของเอื้องทรายที่กอดเขาร้องไห้ปานจะขาดใจในวันนั้นที่ว่าได้ดี แต่เพราะมัวหลงดีใจมากไปเลยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเธอไม่ได้ร้องไห้เพราะดีใจที่เขาสมหวังกับอดีตคนรัก แต่มันคือความเสียใจ...ความเสียใจที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยจนกระทั่งวันนี้ที่ต้องมารับฟังมันจากปากของเธอเอง ความโกรธก่อนหน้าค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นความเสียใจในที่สุด
ปฐมบท
ภายในงานแต่งงานที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในไร่ทองตะวัน ไร่ทานตะวันขนาดใหญ่ที่พื้นที่รอบๆ ไร่นั้นกว้างใหญ่ไพศาลบ่งบอกถึงความมีอันจะกินของเจ้าของเป็นอย่างดี แขกนับร้อยชีวิตต่างถูกเชื้อเชิญมาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวที่ต่างก็มีสีหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งความสุขใดๆ ไม่ต่างกัน เพราะงานในวันนี้ไม่ได้เกิดมาจากความรักของทั้งคู่เลยสักนิด
“ยิ้มหน่อยสิคะคุณหนู วันนี้เป็นวันดีของคุณหนูนะคะ ยิ้มหน่อยเถอะค่ะ” นมบุษผู้ซึ่งรับหน้าที่เป็นญาติของฝั่งเจ้าสาวเอ่ยขึ้น แม้จะรู้ดีถึงต้นสายปลายเหตุ ถึงอย่างนั้นนี่ก็เป็นงานมงคล ทุกคนควรมีความสุขโดยเฉพาะเจ้าสาวที่ใครๆ ต่างพากันอิจฉาที่ได้แต่งงานกับทายาทพันล้านเพียงหนึ่งเดียวของไร่ แม้งานแต่งงานในครั้งนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความรักก็ตามที ถึงอย่างไรนางก็ยังอยากให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปอย่างสมบูรณ์
“จะให้ยิ้มยังไงไหวคะนม! นมดูหน้าเจ้าบ่าวของทรายสิคะ หน้างออย่างกับไม้หักศอก!” เอื้องทรายตอบกลับแม่นมของตัวเองก่อนจะชี้ให้อีกฝ่ายหันมองเจ้าบ่าวของเธอ เขาเองยังยิ้มไม่ออก นับประสาอะไรกับเธอ
“เดี๋ยวเถอะไอ้ทราย! คิดว่าฉันอยากแต่งงานกับแกนักรึไง!” ธเนศอดไม่ได้ที่จะโต้ตอบเจ้าสาวของตัวเองกลับไปก่อนจะจ้องอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง ทุกๆ คนในงานล้วนเห็นภาพเหล่านี้จนเกิดเป็นความเคยชิน เพราะถึงทั้งสองคนจะทะเลาะกันรุนแรงสักแค่ไหน ก็เป็นแบบนั้นได้ไม่เคยข้ามวัน
เอื้องทรายคือเพื่อนรักเขา
คือผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขามากที่สุด ย่าของเขากับเธอเป็นเพื่อนรักกัน เลยทำให้เขากับยัยนี่มีโอกาสได้เจอกันบ่อยๆ ที่บ้านสวนของย่าประไพที่ตอนนี้เสียชีวิตไปแล้ว จนกระทั่งเมื่อเติบโตขึ้นถึงได้รู้ว่าสองย่าที่ตอนนี้แอบหนีไปเที่ยวเล่นบนสวรรค์ทิ้งจดหมายฉบับหนึ่งเอาไว้ให้ดูต่างหน้า โดยเนื้อความในนั้นระบุไว้อย่างชัดเจนถึงทุกๆ คำสั่งว่าให้เขากับยัยนี่แต่งงานกันทันทีที่เธออายุครบยี่สิบห้าปีเต็ม มันคือสิ่งที่ทำให้ตกใจเพราะพวกย่าๆ ไม่เคยพูดถึงมันเลยสักครั้ง
แน่นอนว่าที่ครอบครัวของเขามีกินมีใช้ถึงทุกวันนี้ได้ทั้งหมดก็เพราะย่า มันทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธคำขอร้องที่ดูยังไงก็ไม่ต่างจากคำสั่งของท่านได้ จำต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่เขามองเธอเป็นเพื่อนมาโดยตลอดคนนี้ ส่วนเรื่องอื่นคงต้องรอให้พ้นวันบ้าๆ นี่ไปก่อนแล้วค่อยคุยกันให้เข้าใจก็ยังไม่สาย เขาเชื่อว่าเอื้องทรายเองคงกำลังมองหาทางออกอยู่เหมือนกัน
เขาไม่รักเธอ ส่วนตัวของเธอเองก็คงไม่ได้รักเขาในแบบคนรัก คนสองคนที่ไม่ได้รักกันจะให้มาอยู่ด้วยกันได้ยังไง เขาคนหนึ่งล่ะทำไม่ได้แน่
“งั้นก็หย่ากัน! แต่งวันนี้พรุ่งนี้หย่าเลยเป็นไง!” เสียงตวาดกลับของเจ้าสาวที่วันนี้ดูสวยงามอ่อนหวานกว่าวันไหนๆ เรียกสติให้กลับคืนมา แต่ยังไม่ทันจะได้ตอบกลับเสียงห้ามทัพของมารดาฝ่ายชายก็ดังขึ้นขัดซะก่อน
“หยุดเลยทั้งคู่ ทะเลาะกันตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ เราเองก็ด้วยตาวิน ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยสิ อยากให้คุณย่าเสียใจรึไง หนูทรายก็ด้วยนะลูก วันนี้เป็นวันดีของหนู ควรยิ้มให้มากๆ คุณย่าประไพจะได้ตายตาหลับ นะจ๊ะ ถือว่าป้า…ไม่สิ ต้องถือว่าแม่ขอร้อง ได้ไหมลูก” คุณวันดีเอ่ยขึ้นห้ามทัพก่อนจะหันไปมองเพื่อนสนิทของบุตรชายที่บัดนี้ได้กลายมาเป็นสะใภ้ของนางเต็มตัว
แม้จะไม่ชินแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเอื้องทรายเป็นผู้หญิงที่น่ารักน่าเอ็นดูคนหนึ่ง และทุกคนที่นี่ก็รักเธอ แม้เด็กสาวจะเป็นคนโผงผาง ดื้อเงียบ คิดอะไรก็มักจะแสดงออกมาตรงๆ แต่ก็ถือว่าเป็นคนดีคนหนึ่งที่ใครๆ ต่างก็พากันบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเหมาะสมกับลูกชายของนางมากกว่าใคร “หนูจะพยายามค่ะ คุณแม่”
เอื้องทรายเอ่ยขึ้นอย่างยอมจำนน เธอหันไปค้อนใส่สามีชั่วครู่ก่อนจะหันกลับมาส่งยิ้มหวานให้แม่สามีตามคำขอ
งานเลี้ยงยังคงเดินหน้าต่อไปจนกระทั่งถึงเวลาเข้าหอซึ่งมีเพียงญาติฝั่งเจ้าบ่าว และฝั่งเจ้าสาวเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้ามาส่งตัวทั้งคู่ถึงห้องหอ
ฝ่ายเจ้าสาวเป็นนมบุษที่อวยพรให้ทั้งสองมีความสุขกับชีวิต ส่วนทางฝ่ายเจ้าบ่าวเป็นคุณวันดีที่เอ่ยอวยพรคล้ายๆ กันก่อนทั้งหมดจะพากันออกไปดูแลแขกภายในงานเลี้ยง ที่จะยังคงดำเนินกันต่อไปตลอดทั้งค่ำคืน
“โอ้ย! เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว จบซะทีนะ!”เป็นเอื้องทรายที่ร้องลั่นห้อง ก่อนทิ้งตัวบนเตียงขนาดใหญ่ที่ถูกโรยเอาไว้ด้วยกลีบกุหลาบหลากสี
“ฉันนี่ปวดขาจะแย่ ลุกขึ้นมานวดให้หน่อยสิครับคุณภรรยาคนสวย” ธเนศเอ่ยสมทบก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงเคียงข้างภรรยาป้ายแดง
“เรื่องอะไร ขาแกแกก็นวดเองสิ”
“แต่แกเป็นเมียฉันนะ ไม่รู้รึไงว่าหน้าที่ภรรยาที่ดีควรปรนนิบัติสามี มามะทูนหัว สุดที่รัก แม่ยอดดวงใจลุกขึ้นมาบีบขาให้ผัวเสียดีๆ” ธเนศแสร้งแหย่อีกคนเล่น ด้วยรู้ว่าการทำให้เธอหงุดหงิดคืองานถนัดของตัวเอง
“รู้แต่ไม่ทำโว้ยมีอะไรไหม! แกพูดเหมือนไม่รู้ว่าเราสองคนแต่งงานกันเพราะอะไร!” คำตอบที่ได้กลับมาทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน
ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าหากไม่ใช่เพราะคำสั่งเสียของสองย่างานแต่งงานในวันนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น มันคือความจริงที่ไม่อาจหลบเลี่ยงหลีกหนี
“พี่นุยังรักลินอยู่ไหม...” คำถามที่ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าเธอจะต้องเป็นคนถามมันกับเขาดังขึ้น มันคือคำถามที่เธอไม่เคยอยากได้คำตอบ เพราะกลัวว่าถ้ามันเกิดไม่ตรงใจขึ้นมาเธอคงเจ็บปวดเจียนตายน่าดู แต่เธอทนไม่ไหวอีกแล้ว ทนอยู่กับความรู้สึกบ้าๆ พวกนี้ไม่ไหวแล้ว “ลิน ใจเย็นๆ แล้วฟังพี่ก่อน…” ปรเมศวร์เองก็เริ่มได้สติหลังจากได้เห็นแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความปวดร้าวของอีกคนเข้า มันทำให้เขาคิดได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้นเหตุมันมาจากตรงไหน และก็เป็นเหมือนทุกครั้ง เขาเองที่ผิด ผิดที่พาช่อลดามาที่นี่
“เทียนไม่หวังสูงขนาดนั้นหรอกค่ะ ที่พูดเพราะเป็นห่วงเท่านั้น” พลอยบุหลันตอบเสียงแผ่วก่อนจะพาตัวเองเดินหนีกลับมาที่ห้อง เพราะไม่อยากอยู่ให้เกะกะสายตา หรือสร้างความรำคาญให้กับเขาอีก หญิงสาวนั่งลงบนเตียงก่อนจะเริ่มต้นสวดมนต์เหมือนทุกคืน ไม่นานก็ทิ้งตัวลงนอน และไม่ลืมที่จะยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆ “ฝันดีนะคะตัวเล็กของแม่…”
“ลูกศัตรูอย่างเธอที่โซฟานี่ก็พอมั้ง! เพราะว่าเตียงนั่นฉันเก็บเอาไว้ให้ เมีย ในอนาคตของฉัน!” เขาเน้นย้ำถึงคำว่า เมีย อย่างชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะโยนคนที่เอาแต่นิ่งเงียบลงโซฟาอย่างไม่ออมมือนัก “โอ้ย! บุญเจ็บค่ะ…”
“กล้าดียังไงเที่ยวไปให้ท่าไอ้สารวัตรนั่น!” ชรัสตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา สิ่งที่หล่อนทำลงไปในวันนี้มันหักหน้าเขาเป็นอย่างมาก เขาไม่ชอบให้เธอทำเรื่องพวกนี้ขณะที่ยังเป็นเมียเขาอยู่! “อินทำอย่างนั้นตอนไหนอย่างนั้นเหรอคะ”
“ทะ…ทำไมคุณไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยล่ะคะ” คนได้ยินไม่ได้นึกตำหนิอะไรคนช่างถาม เขายิ้มก่อนจะเอ่ยตอบไปตามความจริง “จะต้องใส่ให้เสียเวลาทำไมล่ะครับ เพราะอีกเดี๋ยว…ก็ต้องถอดออกอยู่ดี” คำตอบที่มาพร้อมจูบหนักๆ ที่แก้มขวาทำเอาคนที่ยังเตรียมใจรับกับสิ่งเหล่านี้ไม่ไหว ย่นคอหลบหนีความซาบซ่านพัลวัน “คะ…คุณลูซคะ คะ…ว่าภัส…”
“ผมไม่หย่า! ต่อให้คุณจะเกลียดผมไปจนวันตายยังไงผมก็ไม่หย่า” “ทำไมล่ะคะ คุณจะเก็บฉันเอาไว้ทำไมในเมื่อคุณไม่สามารถทำให้ฉันมีความสุขได้เลยสักวันเดียว! เป็นฉันเองที่ต้องทนอยู่กับคนใจร้ายที่ไม่เคยมีฉันอยู่ในสายตา ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาคุณรู้บ้างไหมคะวาฉันต้องเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหนที่ต้องฝืนทนอยู่กับคนไม่มีหัวใจอย่างคุณ อ๊ะ!!” คำต่อว่าที่รุนแรงทำให้ตรีภพเป็นฝ่ายที่ทนไม่ไหวอีกต่อไป มือทั้งสองกระชากใบหน้าหวานเข้ามาใกล้ก่อนจะกระแทกริมฝีปากเข้าหาอย่างรุนแรงแม้ว่าอีกฝ่ายจะดิ้นรนขัดขืนแต่ก็ทำเช่นนั้นได้ไม่นานเท่าไหร่ สุดท้ายเธอก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเขาอยู่ดี รสสัมผัสที่รุนแรงหยาบกระด้างค่อยๆ แผ่วเบาลงตามลำดับแต่พอได้เห็นหยดน้ำตาใสที่ไหลรินออกมาจากแก้มเนียนทุกๆ สิ่งถึงได้หยุดลงพร้อมๆ กับใบหน้าคมคายที่ผละตัวออกห่าง... “ผมขอโทษ ขอโทษที่ใจร้ายกับคุณมาตลอด แต่ขอโอกาสให้ผมอีกสักครั้งได้ไหม ผมจะไม่มีวันทำให้คุณต้องเสียใจอีก”
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
เพราะแอบรักกล้าตะวันมากนาน หวันยิหวาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครองรักกับเขา โดยมีมารดาของเขาเป็นผู้ให้การสนับสนุน แต่สำหรับกล้าตะวันแล้ว หวันยิหวาคือนางมารร้ายที่ทำให้เขากับคนรักต้องเลิกรากัน ดังนั้นทุกวินาทีหลังจากงานวิวาห์นี้จบลง หวันยิหวาจะต้องได้รู้จักกับนรกอเวจีปอยเปตอย่างถ่องแท้เลยทีเดียว “อา... อ๊า...อา...” ลำคอระหงถูกซุกไซ้และดูดเม้ม เสื้อผ้าถูกดึงทึ้งออกไปจากร่างกาย จนในที่สุดก็เปลือยเปล่า กล้าตะวันเลียลงมาที่ไหปลาร้า และมาซบหน้าคลุกเคล้ากับร่องอกอวบ เขาดอมดมกลิ่นสาปสาวอย่างหิวกระหาย ขณะที่ฝ่ามือหนาวางทาบลงกับเต้านมอวบอัดข้างซ้ายของหล่อน “อา... อ๊า... ซี๊ดดดด” หล่อนเผยอปากครางลั่น เมื่อปทุมถันถูกฟอนเฟ้นบีบเคล้าหนักหน่วง ปลายนิ้วแข็งแรงถูไถเม็ดเต่งอย่างเมามัน หล่อนดิ้นเร่าๆ หยัดหน้าอกขึ้นหาสัมผัสจากฝ่ามืออบอุ่นด้วยความกระตือรือร้น