“กล้าดียังไงเที่ยวไปให้ท่าไอ้สารวัตรนั่น!” ชรัสตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา สิ่งที่หล่อนทำลงไปในวันนี้มันหักหน้าเขาเป็นอย่างมาก เขาไม่ชอบให้เธอทำเรื่องพวกนี้ขณะที่ยังเป็นเมียเขาอยู่! “อินทำอย่างนั้นตอนไหนอย่างนั้นเหรอคะ”
“กล้าดียังไงเที่ยวไปให้ท่าไอ้สารวัตรนั่น!” ชรัสตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา สิ่งที่หล่อนทำลงไปในวันนี้มันหักหน้าเขาเป็นอย่างมาก เขาไม่ชอบให้เธอทำเรื่องพวกนี้ขณะที่ยังเป็นเมียเขาอยู่! “อินทำอย่างนั้นตอนไหนอย่างนั้นเหรอคะ”
ปฐมบท
“ผมไม่แต่ง! คุณย่าจะมาบังคับให้ผมแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้!” เสียงโวยวายที่ดังสนั่นบ้านไม้ใจกลางบ้านไร่เรือนดาวส่งผลให้เหล่าบรรดาคนใช้นับสิบต่างก็พากันสะดุ้งไปตามๆ กัน จะมีก็แต่เจ้าของบ้านผู้เป็นใหญ่สุดที่ยกแก้วชาในมือขึ้นจิบเบาๆ อย่างใจเย็น ทำราวกับว่าไม่หยี่ระต่อคำปฏิเสธของหลานชายเลยสักนิดเดียว
“แกต้องแต่ง! ไม่อย่างนั้นฉันจะเล่นงานทุกคนที่แกรักให้ไม่เหลือแม้แต่ที่ซุกหัวนอน เริ่มจากใครดี แม่แพรวพราวนั่นเลยเป็นไง!”
“คุณย่า!”
“ฉันไม่เห็นว่าหนูองค์อินของฉันจะมีอะไรแย่ตรงไหน น้องเองก็รักแกมาตั้งนานนม อีกอย่าง…แกลืมคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับแม่บัวตองแม่ของแกไปแล้วหรือไงตาสอง!” เมื่อเจอเข้ากับคำถามที่เกือบๆ จะลืมไปจากความทรงจำเข้าชรัส สุนธรวิทย์ หลานชายคนเดียวของคุณบุษบาเจ้าของไร่องุ่นขนาดใหญ่ที่สุดของเชียงรายก็ถึงกลับเงียบนิ่งไป มันพาลทำให้เขาคิดไปถึงคำสั่งเสียสุดท้ายของผู้เป็นมารดาขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ คำสั่งเสียสุดท้ายของท่านที่เขาต้องตอบรับเอาไว้ก่อนที่ท่านจะสิ้นใจคาอ้อมกอดของเขาไปด้วยรอยยิ้มที่แสนจะอ่อนโยน รอยยิ้มที่มันทำให้คิดถึงทุกครั้งเมื่อละลึกถึงขึ้นมา
“แม่อยากให้สองแต่งงานกับคุณหนูองค์อินเมื่อน้องโตพอที่จะมีครอบครัวได้ สองสัญญากับแม่ได้ไหมว่าไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นเราจะไม่มีวันทอดทิ้งน้อง…นะสอง สัญญากับแม่สิ…”
เขารู้ดีว่าครอบครัวของเขาเป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่ของผู้หญิงน่ารำคาญคนนั้นมากแค่ไหน เรื่องมันเกิดขึ้นเป็นเพราะพ่อกับแม่เธอที่เคยช่วยเหลือธุรกิจของบ้านเขาตอนที่เกือบๆ จะล้มละลายไป แต่ใครจะไปคิดว่าบุญคุณบ้าๆ นั่นมันจะมากเสียจนทำให้พวกผู้ใหญ่เห็นดีเห็นงามที่จะจับคู่เขากับหล่อน ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้าแบบนั้น
องค์อิน ผู้หญิงที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็น่ารำคาญในสายตาเขาไปหมด!
“จริงเหรอคะคุณย่า! พี่สองจะแต่งงานกับหนูจริงๆ เหรอคะ!” น้ำเสียงตื่นเต้นที่ดังออกมาถึงนอกบ้านทำให้นางอุ่นเรือน อดที่จะอมยิ้มตามคุณหนูของตนเองขึ้นมาไม่ได้เมื่อบังเอิญมาได้ยินเรื่องราวอันน่ายินดีที่คุณหนูของนางรอมานาน
“ได้ค่ะ หนูอินเรียนจบแล้วค่ะ แล้วพบกันนะคะคุณย่า หนูอินรักคุณย่าที่สุดเลยค่ะ” องค์อิน เลิศภักดี หญิงสาววัยยี่สิบสองเอ่ยทิ้งท้าย ก่อนจะกดวางสายพร้อมกับหัวใจที่เบิกบานมากกว่าวันไหนๆ
“มีข่าวดีจากเชียงรายเหรอคะคุณหนู”
“ยิ่งกว่าข่าวดีเสียอีกคะนม คุณย่าโทรมาบอกเมื่อกี้เองค่ะว่าตอนนี้พี่สองเขาตอบตกลงจะแต่งงานกับหนูอินแล้ว หนูอินดีใจที่สุดเลยคะนม!” หญิงสาวตอบเสียงหวานก่อนจะโผเข้ากอดแม่นมที่เลี้ยงดูเธอมานับตั้งแต่ที่พ่อกับแม่ของเธอเสียไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อหลายสิบปีก่อนอย่างมีความสุขที่ในที่สุดความฝันที่รอมานานนับสิบๆ ปีก็ใกล้จะเป็นจริงเสียที ความฝันที่อาจจะมีแค่เธอที่มีความสุขไปกับมัน
“นมดีใจด้วยจริงๆ นะคะ แล้วนี่คุณหนูจะลงไปเชียงรายเมื่อไหร่คะ” คนถูกถามยิ้มก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“อีกสามวันค่ะนม คุณย่าบอกว่าอยากให้หนูอินลงไปเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ ค่ะ” องค์อินตอบพร้อมรอยยิ้มสดใส นานกี่ปีแล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน แต่ถึงจะนานแค่ไหนสำหรับเธอแล้วผู้ชายคนนั้นก็ยังคงเป็นที่หนึ่งในใจเสมอ แม้เธอจะไม่เคยเป็นที่หนึ่งในใจเขาเลยก็ตาม
แต่เธอก็ยังเชื่อว่าสักวันความรักของเธอมันจะส่งไปถึงใจของเขาบ้าง สักวันชรัสจะรักเธอเหมือนอย่างที่เธอยังรักเขาเรื่อยมา
เชียงรายสามวันต่อมา
“คุณสองให้ผมมารับครับคุณหนูอินครับ” สีหน้าของคนที่เพิ่งจะเหยียบแผ่นดินเชียงรายเป็นอันต้องเศร้าสลดเมื่อพบว่าคนที่มารอรับเธอนั้นไม่ใช่คนเดียวกับคนที่เธอกำลังชะเง้อหาแต่อย่างใด
“แล้วพี่สองของพี่เก้าไปไหนเสียล่ะคะ ทำไมเขาไม่มารับอินด้วยตัวเอง” องค์อินถามกลับอย่างอดเคืองว่าที่สามีขึ้นมาไม่ได้ ก็ไหนคุณย่าบอกว่าเขาจะมารับเธอด้วยตัวเองยังไงล่ะ แล้วนี่เขาหายไปไหน ทำไมถึงเป็นพี่เก้าคนสนิทของคนเขาที่มารับเธอแบบนี้
“เอ่อ คือว่าตอนนี้นาย…ติดธุระสำคัญอยู่น่ะครับ ก็เลยให้ผมมารับคุณหนูแทน” แม้จะอยากถามต่อว่าธุระอะไรของเขาที่มันสำคัญไปกว่าเธอแต่องค์อินก็เลือกที่จะเก็บเงียบเพราะไม่อยากสร้างเรื่องตั้งแต่วันแรกที่มาถึง อย่างน้อยเขาก็ยังพอมีน้ำใจส่งคนของตัวเองมารับ ไม่ใจร้ายปล่อยให้เธอหาทางไปที่ไร่ด้วยตัวเองแค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว
“ขอบคุณมากนะคะที่อุตส่าห์มารับอิน เราไปกันเลยไหมคะ” นายเก้าพยักหน้ารับก่อนจะอาสาช่วยถือกระเป๋าเสื้อผ้าถึงสามใบให้กับว่าที่เมียนายอย่างเต็มใจ ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าคุณหนูองค์อินที่เมื่อก่อนยังตัวเล็กเท่าลูกแมวคนเดิมที่เคยวิ่งตามตูดเจ้านายของเขาไปซะทั่วไร่ บัดนี้เติบโตขึ้นเป็นสาวสวยสะพรั่งแบบนี้
สวยเสียจนเขาอยากจะเห็นหน้านายตอนได้เจอว่าที่เมียเข้าจริงๆ ว่าจะทำหน้าแบบไหน…
ตลอดการเดินทางอันยาวไกลทำให้องค์อินมีโอกาสมองดูความเปลี่ยนไปของจังหวัดเชียงรายไปในตัว และนั่นมันทำให้เธอยิ่งคิดถึงอดีตในวัยเด็กของตัวเองขึ้นมา เธอเกิดและเคยใช้ชีวิตที่นี่ถึงอายุเจ็ดขวบก่อนจะย้ายตามพ่อกับแม่ไปอยู่กรุงเทพในที่สุด และถ้าหากเลือกได้จริงเธออยากเลือกอยู่ที่นี่มากกว่าอะไรทั้งหมด เพราะที่นี่มันไม่ได้เป็นแค่บ้านเกิด แต่ยังเป็นที่ที่ทำให้เธอได้พบกับใครคนนั้น คนที่ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ยังเป็นที่หนึ่งในใจเสมอ คนที่แม้จะใจร้ายแต่เธอก็ยังรัก และคงจะรักเขาไปแบบนี้อีกนานเท่านานเลยทีเดียว
“คิดถึงที่นี่จังเลยค่ะ รู้สึกเหมือนอินได้กลับบ้านยังไงก็ไม่รู้สิคะ” นายเก้าทำได้แค่พยักหน้ารับก่อนจะยิ้มตาม ด้วยอาจเพราะเป็นคนคุยไม่เก่งเท่าไหร่นัก อีกทั้งสถานะของตัวเองก็แค่ลูกจ้างธรรมดาคนหนึ่ง เขาจึงไม่อาจเอื้อมที่จะพูดคุยกับว่าที่เมียนายอย่างที่ใจคิด
สุดท้าย..ก็เลยต้องปล่อยให้คุณหนูองค์อินพูดคนเดียวต่อไป
ร่างสมส่วนที่กำลังก้มลงกราบเท้าของตนเองด้วยท่าทีนุ่มนวลน่ารักตรงหน้าถูกรวบเข้าไปกอดแทบทันทีเมื่อมาถึง องค์อินยิ้มรับก่อนสวมกอดคุณย่าของชรัสด้วยความรู้สึกคิดถึงท่านจับหัวใจ
“อินคิดถึงคุณย่ามากเลยค่ะ”
“พี่นุยังรักลินอยู่ไหม...” คำถามที่ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าเธอจะต้องเป็นคนถามมันกับเขาดังขึ้น มันคือคำถามที่เธอไม่เคยอยากได้คำตอบ เพราะกลัวว่าถ้ามันเกิดไม่ตรงใจขึ้นมาเธอคงเจ็บปวดเจียนตายน่าดู แต่เธอทนไม่ไหวอีกแล้ว ทนอยู่กับความรู้สึกบ้าๆ พวกนี้ไม่ไหวแล้ว “ลิน ใจเย็นๆ แล้วฟังพี่ก่อน…” ปรเมศวร์เองก็เริ่มได้สติหลังจากได้เห็นแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความปวดร้าวของอีกคนเข้า มันทำให้เขาคิดได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้นเหตุมันมาจากตรงไหน และก็เป็นเหมือนทุกครั้ง เขาเองที่ผิด ผิดที่พาช่อลดามาที่นี่
“เทียนไม่หวังสูงขนาดนั้นหรอกค่ะ ที่พูดเพราะเป็นห่วงเท่านั้น” พลอยบุหลันตอบเสียงแผ่วก่อนจะพาตัวเองเดินหนีกลับมาที่ห้อง เพราะไม่อยากอยู่ให้เกะกะสายตา หรือสร้างความรำคาญให้กับเขาอีก หญิงสาวนั่งลงบนเตียงก่อนจะเริ่มต้นสวดมนต์เหมือนทุกคืน ไม่นานก็ทิ้งตัวลงนอน และไม่ลืมที่จะยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆ “ฝันดีนะคะตัวเล็กของแม่…”
“ลูกศัตรูอย่างเธอที่โซฟานี่ก็พอมั้ง! เพราะว่าเตียงนั่นฉันเก็บเอาไว้ให้ เมีย ในอนาคตของฉัน!” เขาเน้นย้ำถึงคำว่า เมีย อย่างชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะโยนคนที่เอาแต่นิ่งเงียบลงโซฟาอย่างไม่ออมมือนัก “โอ้ย! บุญเจ็บค่ะ…”
“ทะ…ทำไมคุณไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยล่ะคะ” คนได้ยินไม่ได้นึกตำหนิอะไรคนช่างถาม เขายิ้มก่อนจะเอ่ยตอบไปตามความจริง “จะต้องใส่ให้เสียเวลาทำไมล่ะครับ เพราะอีกเดี๋ยว…ก็ต้องถอดออกอยู่ดี” คำตอบที่มาพร้อมจูบหนักๆ ที่แก้มขวาทำเอาคนที่ยังเตรียมใจรับกับสิ่งเหล่านี้ไม่ไหว ย่นคอหลบหนีความซาบซ่านพัลวัน “คะ…คุณลูซคะ คะ…ว่าภัส…”
“ฉันตั้งใจจะบอกเรื่องลูกในวันที่แกวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกฉันว่าคุณป่านตอบตกลงจะแต่งงานกับแก!” ความจริงที่ได้รู้กลับกลายเป็นธเนศเสียเองที่พูดอะไรไม่ออก เขายังจำภาพของเอื้องทรายที่กอดเขาร้องไห้ปานจะขาดใจในวันนั้นที่ว่าได้ดี แต่เพราะมัวหลงดีใจมากไปเลยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเธอไม่ได้ร้องไห้เพราะดีใจที่เขาสมหวังกับอดีตคนรัก แต่มันคือความเสียใจ...ความเสียใจที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยจนกระทั่งวันนี้ที่ต้องมารับฟังมันจากปากของเธอเอง ความโกรธก่อนหน้าค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นความเสียใจในที่สุด
“ผมไม่หย่า! ต่อให้คุณจะเกลียดผมไปจนวันตายยังไงผมก็ไม่หย่า” “ทำไมล่ะคะ คุณจะเก็บฉันเอาไว้ทำไมในเมื่อคุณไม่สามารถทำให้ฉันมีความสุขได้เลยสักวันเดียว! เป็นฉันเองที่ต้องทนอยู่กับคนใจร้ายที่ไม่เคยมีฉันอยู่ในสายตา ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาคุณรู้บ้างไหมคะวาฉันต้องเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหนที่ต้องฝืนทนอยู่กับคนไม่มีหัวใจอย่างคุณ อ๊ะ!!” คำต่อว่าที่รุนแรงทำให้ตรีภพเป็นฝ่ายที่ทนไม่ไหวอีกต่อไป มือทั้งสองกระชากใบหน้าหวานเข้ามาใกล้ก่อนจะกระแทกริมฝีปากเข้าหาอย่างรุนแรงแม้ว่าอีกฝ่ายจะดิ้นรนขัดขืนแต่ก็ทำเช่นนั้นได้ไม่นานเท่าไหร่ สุดท้ายเธอก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเขาอยู่ดี รสสัมผัสที่รุนแรงหยาบกระด้างค่อยๆ แผ่วเบาลงตามลำดับแต่พอได้เห็นหยดน้ำตาใสที่ไหลรินออกมาจากแก้มเนียนทุกๆ สิ่งถึงได้หยุดลงพร้อมๆ กับใบหน้าคมคายที่ผละตัวออกห่าง... “ผมขอโทษ ขอโทษที่ใจร้ายกับคุณมาตลอด แต่ขอโอกาสให้ผมอีกสักครั้งได้ไหม ผมจะไม่มีวันทำให้คุณต้องเสียใจอีก”
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
เมื่อย้อนเวลามาอยู่ในยุคโบราณที่ผู้ชายล้วนมีสามภรรยาสี่อนุ จื่อรั่วอิงจึงมองหาบุรุษที่จะทำให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและได้รู้ว่ามีอ๋องผู้หนึ่งไร้ภรรยาและตาบอดเขาคือคนไม่มีใครเอา"สวรรค์ให้ทางรอดข้าแล้ว" นิยายเรื่องนี้เป็นแนวสุขนิยม ปมเบา ๆ ไม่หนัก นะคะ พระเอกมีเมียเดียว พระเอกสายซึนคลั่งรักนางเอกแต่ไม่รู้ตัว นางเองจอมตื๊อเพื่อทำให้สามีรักสามีหลงขนความฮามาพร้อม ๆ กับบ่าวรับใช้และครอบครัว แนวขบขัน สายฮา สายตลกไม่ควรพลาดค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
“ไม่นะ อย่านะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ คุณได้พระคืนไปแล้วนี่ ปล่อยฉันไปเถอะ ฮือ...อย่าทำอะไรฉันเลย อย่าทำฉันเลย” หมอนวดสาวยังคงอ้อนวอนไม่หยุด มีหรือที่รัฐภูมิจะใจอ่อน เมตตาสาวตรงหน้าง่ายๆ เขาปล่อยเธอแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้และเวลานี้ สิบแปดมงกุฎอย่างจันยาวีร์ต้องเจอคนอย่างเขา ร้ายมาร้ายกลับและเพิ่มความร้ายมากเป็นร้อยเท่า เท้าเล็กพยายามถีบ กระแทกไปที่ร่างหนาดูเหมือนว่าจะถีบลมมากกว่า มันไม่ช่วยอะไรเลยจริงๆ เพราะตอนนี้เขาขึ้นมานั่งคร่อมร่างเธออีกครั้งหนึ่งแล้ว “ยานี้จะทำให้ร้อนรุ่มอย่างมากมาย เลือดในกายเธอจะสูบฉีดจนเธอกระสับกระส่าย กระหายไปด้วยความใคร่แบบสุดๆ เธออยากจนแทบจะถ่างขารอให้ผู้ชายมากระทุ้ง ขอให้มีความสุขกับความร่านที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเธอนะ ยาออกฤทธิ์เต็มที่เมื่อไหร่ ฉันจะมาสนองตอบความอยากให้เธอเอง รับรองถึงอกถึงใจไปสามโลก หมอนวดอย่างเธอคงผ่านศึกมาไม่ใช่น้อย คงมีวิธีบังคับความร่านของตัวเองนะ ฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อน แล้วเจอกันนะแป้ง” จันยาวีร์เม้มปากเป็นเส้นตรงแน่น เพื่อไม่ให้เขานำยานั้นใส่เข้าไปในปากของเธอ ทว่ามันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลยที่จะทำให้ปากของเธอเปิดอ้าออก เพียงแค่รัฐภูมิใช้ฝ่ามือบีบไปบนแก้มของเธอทั้งซ้ายขวาอย่างแรง หญิงสาวระบมปวดแก้มไปหมด แรงบีบที่มากมายทำให้ปากที่เม้มค่อยๆ คลายตัวออก จนในที่สุดปากของเธอก็อ้าออก ชายหนุ่มหน้าดุรีบใส่ยาปลุกเซ็กส์เข้าไปในช่องปากสาวบังคับให้เธอกลืนมันลงไปด้วยการนำฝ่ามือใหญ่มาปิดทับที่ริมฝีปาก ยาที่อยู่ในปากไม่ได้ถูกกลืนลงไปในลำคอ แต่มันละลายเมื่อสัมผัสโดนความชื้นของน้ำลายที่อยู่ภายใน ความขมของเม็ดยาที่เริ่มละลายในปาก ทำให้สาวเจ้าร้องไห้ออกมาทันที คิดในใจว่าเธอจะต่อต้านยาประเภทนี้ได้อย่างไร รัฐภูมิกระตุกยิ้มอย่างพอใจ ขยับร่างกายลงมายืนอยู่ริมเตียง มองดูร่างสาวที่ร้องไห้ตัวโยนด้วยความสะใจ เจอแค่นี้มันยังน้อยไป ริอาจเข้ามากระตุกหนวดเสือถึงที่ ไม่ถูกเสือขย้ำกินก็คงเป็นไม่ได้ เสืออย่างเขาฆ่าได้หยามไม่ได้อยู่แล้ว เขาหมุนตัวก่อนจะขยับร่างกายเดินไปยังห้องน้ำ อาบน้ำอย่างสบายใจ ผิวปากอย่างอารมณ์ดี ยาเซ็กส์ชนิดนี้เขาซื้อมาจากตลาดมืดแห่งหนึ่งในประเทศฝรั่งเศส เป็นยาปลุกเซ็กส์ชนิดใหม่ล่าสุดที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ สาเหตุที่เขาซื้อยาชนิดนี้มาไม่ใช่ว่าเขาจะใช้เอง พันกรเพื่อนสนิทของเขาเป็นคนฝากซื้อ เพื่อจะนำไปให้พี่เขยที่มีอาการนกเขาไม่ขัน ต้องพึ่งยาปลุกเซ็กส์ขณะที่ดำเนินกิจกรรมทางเพศ ห้านาทีต่อมาหลังจากที่ยาปลุกเซ็กส์เริ่มละลายในปากและตัวยาไหลเข้าไปในลำคอสาว อาการแปลกๆ ก็เกิดขึ้นกับจันยาวีร์ คลื่นความร้อนบางอย่างแผ่กระจายไปทั่วร่างกายของเธอ แทรกลึกไหลซึมเข้าไปตามเซลล์ต่างๆ เม็ดเลือด ลุกลามลึกเข้าไปถึงกระแสเลือดที่เร่งสูบฉีดด้วยอัตราที่เร็วกว่าปกติ จันยาวีร์รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ความร้อนที่ได้รับทำให้เธอต้องการที่จะถอดเสื้อผ้าออก ความปรารถนาทางอารมณ์ที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนกำลังกระจายอาบไปทั่วร่าง ความเป็นอิสตรีเพศกระตุกและเต้นเร่าอยู่ตลอดเวลา เธอมีความรู้สึกว่าต้องการร่วมเพศกับผู้ชายสักคน เพื่อมาบำบัดอาการที่เป็นอยู่นี้ให้ดีขึ้น ต้องการให้เขานำปาก ลิ้นประโลมจูบไปทั่วร่างสาว และต้องการฝ่ามือของเขาลูบไล้นวดเฟ้นไปตามผิวกายของเธอ และความปรารถนามากที่สุดก็คือ ต้องการให้เขาฝังกายลึกเข้าไปในกลีบสาว ขยับเขยื้อนกายด้วยความรุนแรง กระแทกกระทั้นให้ถึงอกถึงใจ
คำโปรย : .....ใครจะไปคิด! ว่าไก่ย่างเพียงไม้เดียว มันจะทำให้ชีวิตของเธอถึงจุดจบ! และนำพาเธอย้อนเวลาไปเกิดใหม่ในร่างของคนที่อยู่ในยุคประวัติศาสตร์ และที่สำคัญ เธอได้สามีเป็นของแถม! **** อารัมภบท : .....เรื่องราวของนักศึกษาสาวที่ชีวิตพลิกผันอย่างไม่คาดฝัน เมื่อเธอหมดลมหายใจเพราะไก่ย่างเพียงไม้เดียว! แต่เธอกลับได้ย้อนเวลาเกิดใหม่ในร่างของลูกสาวเจ้าพระยาที่อยู่ในยุคก่อน แถมร่างนั้นก็ยังมีสามีแล้ว แต่เป็นสามีแสนจะเย็นชา ที่ไม่เคยสนใจหรือใส่ใจให้ความรักกับภรรยาที่เป็นเจ้าของร่างเดิมเลย แล้วใครสน? สำหรับเธอ คิดเพียงว่าได้มาเกิดใหม่อีกครั้ง ก็ดีแค่ไหนแล้ว ใครจะไม่รักก็ช่างเขาสิ ..โนสน ..โนแคร์จ้า แต่ทว่า! ยิ่งเธอไม่สนใจเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งหันกลับมาสนใจเธอมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะความแปลกใหม่ของเธอทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นและประหลาดใจในเวลาเดียวกัน จนกระทั่งคนที่เคยเย็นชามาตลอด จู่ๆ ก็กลายเป็นคนคลั่งรักในที่สุด.. #ตัวละครหลัก : *พระยาพิพัฒน์พงศ์ หรือ เจ้าคุณพิพัฒน์ อายุ 36 ปี มีบรรดาศักดิ์เป็นขุนนางระดับสูง รูปหน้าหล่อขั้นเทพ ฉลาด สุขุมรอบคอบ เงียบขรึม มีเสน่ห์ ผิวขาว รูปร่างกำยำ * จันทร์วรา อุษาวิบูลย์ หรือ เจ้าจันทร์ อายุ 21 ปี นักศึกษาปี 4 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาออกแบบ ภายใน สวยหวาน ร่าเริง กล้าพูดกล้าทำ ตากลมโต ปากจิ้มลิ้ม ผิวขาว รูปร่างผอมเพียว อกอวบอิ่ม _____________________ นิยายเรื่องนี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ห้ามทำการคัดลอด เลียนแบบ หรือดัดแปลงเนื้อหาส่วน ใดส่วนหนึ่งของงานเขียนนี้ รวมทั้งการจัดเก็บ ถ่ายทอด บันทึก ถ่ายภาพ ไม่ว่ารูปแบบหรือวิธีการใดๆ ในกระบวนการอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้น ผู้เขียน : รดามณีนัฐฐ์ ภาพปก : Onlyboy ปรับแต่งภาพปก : Dayny_white ปกอิมเมจ : เยเรมีย์ ________💫________
ซูหลีพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจตระกูลซูมาตลอดห้าปี แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อคำใส่ร้ายของน้องสาวเพียงคำเดียว เรื่องที่ซูหลีเป็นคุณหนูปลอมก็ถูกเปิดเผย ทำให้คู่หมั้นทิ้งเธอ เพื่อนๆ ก็ห่างเหิน และพี่ชายขับไล่เธอออกจากบ้าน บอกให้เธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนาของเธอ ในที่สุดซูหลีก็สิ้นหวังและตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลซู ยึดความช่วยเหลือทุกอย่างคืนและไม่อดทนอีกต่อไป แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าชาวนาที่พี่ชายพูดถึงนั้นกลับกลายเป็นตระกูลลั่วผู้มั่งคั่งที่สุดในประเทศ ในคืนเดียวเธอเปลี่ยนจากคุณหนูตัวปลอมที่ถูกทุกคนรังเกียจเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่มีพี่ชายสามคนที่รักเธอ พี่ชายคนโตที่เป็นผู้บริหารใหญ่“เลิกประชุม จองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศ ฉันอยากดูสิว่าใครกล้าแกล้งน้องสาวฉัน” พี่ชายคนที่สองที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยมระดับโลก“หยุดการวิจัย ฉันจะไปรับน้องสาวกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ” พี่ชายคนที่สามที่เป็นนักดนตรีระดับโลก “เลื่อนคอนเสิร์ต ไม่มีอะไรสำคัญเท่าน้องสาวของฉัน” จู่ๆ คนทั้งเมืองจิงก็ต้องตกใจช็อก ตระกูลซูเสียใจจนสุดขีด คู่หมั้นก็กลับมาขอคืนดี ผู้คนที่มาขอจีบเธอก็แห่กันมาถึงหน้าบ้าน ไม่ทันที่ซูหลีจะตอบสนอง ตระกูลชือซึ่งเป็นตระกูลสูงสุดในเมืองจิงและมีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพเรือ ก็เสนอใบสมรสให้เธอ ทำให้เธอกลายเป็นคนดังในสังคมชั้นสูง!
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY