‘เมีย’ ที่เขาไม่อยากได้ จะต่างอะไรกับ ‘กาฝาก’ ในชีวิตที่เขาต้องการเขี่ยไปให้พ้น ๆ ทาง
‘เมีย’ ที่เขาไม่อยากได้ จะต่างอะไรกับ ‘กาฝาก’ ในชีวิตที่เขาต้องการเขี่ยไปให้พ้น ๆ ทาง
บทนำ
ความปวดร้าวบนร่างกายคือสิ่งแรกที่ คณานางค์ เกษมรัตน์ รู้สึกเมื่อลืมตาขึ้น หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ด้วยความสับสน
เพราะจำไม่ได้ว่าที่นี่คือที่ไหน และมันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเธอ จนเมื่อหันไปเห็นเข้ากับบางสิ่ง ดวงตาคู่โศกถึงได้เบิกกว้างขึ้น ตกใจจนเนื้อตัวสั่นเมื่อได้เห็นสิ่งมีชีวิตเพศชายคนหนึ่งที่กำลังนอนอยู่ข้าง ๆ กันในสภาพที่เปลือยเปล่า
สิ่งที่เห็นทำให้หญิงสาวผุดลุกขึ้นมานั่งในทันที ก่อนจะก้มมองสำรวจตัวเองแล้วพบกับความน่าตกใจยิ่งกว่า นั่นคือเธอเองก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไม่ต่างอะไรกับเขาเลย
ร่างกายที่ไร้อาภรณ์ ร่องรอยหลายจุดบนร่างกายทำให้รู้ว่าค่ำคืนที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นภายในห้องนี้บ้าง ที่ไม่รู้คือมันเกิดขึ้นได้ยังไง ไม่รู้เลยจริง ๆ
ภาพความทรงจำครั้งสุดท้ายเริ่มกลับเข้ามาในหัวอย่างช้า ๆ ก่อนจะจำได้ว่าเธอถูก ดวงกมล พี่สาวต่างมารดาลากให้มาเที่ยวที่บ้านพักตากอากาศของจิณ ชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นคนรักของพี่สาวเพื่อฉลองวันเกิดของเขา โดยมีเพื่อน ๆ ของพี่สาวเธอและของเจ้าของงานตามมาร่วมสนุกด้วยหลายสิบคน
เธอที่ไม่รู้จะพาตัวเองไปอยู่ตรงส่วนไหนของงาน เพราะไม่ได้สนิทกับใครมากเป็นพิเศษ ตัดสินใจช่วยคุณป้าแม่บ้านกับหลานสาวยกของออกไปเสิร์ฟ พยายามทำตัวให้มีประโยชน์เท่าที่จะพอทำได้
ก่อนจะเจอเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาหาพร้อมน้ำส้มแก้วหนึ่ง ซึ่งเธอก็รับไว้เพราะไม่อยากทำตัวเสียมารยาท มองโลกในแง่ดีว่าคงไม่มีใครกล้าคิดร้ายกับเธอในสถานที่ที่คนมากมายแบบนั้น
แต่ก็เหมือนว่าเธอจะคิดผิดไป เพราะหลังจากดื่มน้ำส้มแก้วนั้นไปได้สักพักร่างกายของเธอก็เกิดอาการแปลก ๆ ขึ้น มันทำให้เธอตัดสินใจพาตัวเองกลับห้อง และหลังจากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้อีกเลยกระทั่งตอนนี้
ที่ต้องตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองได้สูญเสียบางสิ่งให้กับใครบางคนไปแล้ว รู้ได้เพราะบางอย่างในร่างกายมันเปลี่ยนไป และคงไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก คำถามคือใคร ใครคือผู้ชายที่นอนอยู่ข้าง ๆ
หญิงสาวชั่งใจอยู่นานก่อนจะตัดสินใจชะโงกไปดูใบหน้าของเขา ก่อนที่เธอจะพบเข้ากับความรู้สึกตกใจอย่างถึงที่สุดในนาทีต่อมา
“คุณจิณ!”
แค่คำว่าตกใจยังน้อยไปเมื่อได้เห็นใบหน้าของผู้ชายที่นอนอยู่ข้างกายชัด ๆ มันทำให้เนื้อตัวของเธอสั่นไหวอย่างรุนแรง น้ำตาที่เคยคิดว่าจะไม่ยอมให้ไหลก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
ภาวนาให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝัน แต่ก็ดูเหมือนยิ่งกะพริบตามากเท่าไรความจริงที่ตอกย้ำให้รู้ว่าทุกสิ่งตรงหน้าคือความจริงก็เหมือนจะยิ่งเด่นชัดมากขึ้นทุกที
จะเป็นใครก็ได้บนโลกใบนี้ แต่ทำไมต้องเป็นเขา บุคคลต้องห้าม คนที่เธอไม่ควรยุ่งเกี่ยวด้วยไม่ว่าจะเรื่องไหน คนรักของพี่สาว
จังหวะที่หญิงสาวพยายามจะลุกขึ้นนั้นเป็นช่วงเวลาที่เขาเองก็ขยับตัวเช่นกัน เธอภาวนาต่อทุกสิ่งให้เขาอย่าได้ลืมตาขึ้น แต่ก็ดูเหมือนโชคชะตาจะยังเล่นสนุกกับชีวิตเธอไม่พอ เพราะทันทีที่ขอเช่นนั้นดวงตาคู่ดุก็ค่อย ๆ ลืมขึ้นก่อนที่มันจะสบเข้ากับดวงตาของเธอ
“เธอ! ทำไมถึงเป็นเธอ”
นานนับนาทีทีเดียวกว่าที่จิณจะหาเสียงของตัวเองพบ แค่คำว่าตกใจยังน้อยไปด้วยซ้ำ เมื่อต้องตื่นขึ้นมาเจอกับผู้หญิงที่จำได้ดีว่าหล่อนคือน้องสาวของคนรัก อยู่ในห้องด้วยกันในสภาพที่ไม่ต้องมีใครบอกเขาก็พอเดาได้ว่ามันเกิดเรื่องห่าเหวอะไรขึ้นบ้างเมื่อคืนที่ผ่านมา
จำได้ว่าเมื่อคืนเขาเมามาก จนเมื่อเริ่มรู้สึกไม่ไหวถึงได้บอกกับทุกคนว่าจะกลับมาพักผ่อนที่ห้องก่อน เมื่อมาถึงก็เห็นร่างบอบบางของใครคนหนึ่งนอนรออยู่บนเตียง
ความเมาบวกกับความมืดทำให้คิดว่าอาจจะเป็นคนรักของตัวเอง ที่ก่อนหน้านี้ได้บอกไว้ว่าเธอมีของขวัญพิเศษจะมอบให้ คำพูดเหล่านั้นทำให้เขาคิดเข้าข้างตัวเอง นี่คงเป็นของขวัญพิเศษที่ดวงกมลหมายถึง และเมื่อเธอให้เขาเองก็ยินดีที่จะรับไว้ด้วยความเต็มใจ
เขายังจำนาทีที่รู้ว่าเป็นคนแรกของแฟนสาวได้ดีว่ามันให้ความรู้สึกดีมากแค่ไหน ทำไมเรื่องมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้ ทำไมคนที่อยู่บนเตียงกับเขาถึงเป็นอีกคน คำถามเดียวที่กำลังว่ายวนอยู่ในหัวคือทำไม
“ฉันถามว่าเธอมาทำบ้าอะไรในห้องนี้คณานางค์!” เสียงตวาดนั้นทำให้คนที่กำลังตกอยู่ในสภาวะเสียขวัญสะอื้นไห้ คณานางค์ได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมถึงได้มาอยู่ในห้องนี้ได้
“ออกไป!”
เมื่อถามแล้วไม่ได้รับคำตอบก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ผู้หญิงคนนี้จะอยู่ในห้องนี้ต่อ เพราะหากมีใครบังเอิญมาเห็นหล่อนเข้าคงไม่ดีแน่
ฮึก!
“ฉันบอกให้ออกไป!” หนนี้ไม่รอให้เขาออกปากไล่กันอีกรอบ คณานางค์ค่อย ๆ ฝืนความเจ็บลุกขึ้น ก่อนจะก้มลงไปหยิบเศษเสื้อผ้าที่กองอยู่ที่พื้นมาสวมใส่อย่างรีบเร่ง
“พี่นุยังรักลินอยู่ไหม...” คำถามที่ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าเธอจะต้องเป็นคนถามมันกับเขาดังขึ้น มันคือคำถามที่เธอไม่เคยอยากได้คำตอบ เพราะกลัวว่าถ้ามันเกิดไม่ตรงใจขึ้นมาเธอคงเจ็บปวดเจียนตายน่าดู แต่เธอทนไม่ไหวอีกแล้ว ทนอยู่กับความรู้สึกบ้าๆ พวกนี้ไม่ไหวแล้ว “ลิน ใจเย็นๆ แล้วฟังพี่ก่อน…” ปรเมศวร์เองก็เริ่มได้สติหลังจากได้เห็นแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความปวดร้าวของอีกคนเข้า มันทำให้เขาคิดได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้นเหตุมันมาจากตรงไหน และก็เป็นเหมือนทุกครั้ง เขาเองที่ผิด ผิดที่พาช่อลดามาที่นี่
“เทียนไม่หวังสูงขนาดนั้นหรอกค่ะ ที่พูดเพราะเป็นห่วงเท่านั้น” พลอยบุหลันตอบเสียงแผ่วก่อนจะพาตัวเองเดินหนีกลับมาที่ห้อง เพราะไม่อยากอยู่ให้เกะกะสายตา หรือสร้างความรำคาญให้กับเขาอีก หญิงสาวนั่งลงบนเตียงก่อนจะเริ่มต้นสวดมนต์เหมือนทุกคืน ไม่นานก็ทิ้งตัวลงนอน และไม่ลืมที่จะยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆ “ฝันดีนะคะตัวเล็กของแม่…”
“ลูกศัตรูอย่างเธอที่โซฟานี่ก็พอมั้ง! เพราะว่าเตียงนั่นฉันเก็บเอาไว้ให้ เมีย ในอนาคตของฉัน!” เขาเน้นย้ำถึงคำว่า เมีย อย่างชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะโยนคนที่เอาแต่นิ่งเงียบลงโซฟาอย่างไม่ออมมือนัก “โอ้ย! บุญเจ็บค่ะ…”
“กล้าดียังไงเที่ยวไปให้ท่าไอ้สารวัตรนั่น!” ชรัสตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา สิ่งที่หล่อนทำลงไปในวันนี้มันหักหน้าเขาเป็นอย่างมาก เขาไม่ชอบให้เธอทำเรื่องพวกนี้ขณะที่ยังเป็นเมียเขาอยู่! “อินทำอย่างนั้นตอนไหนอย่างนั้นเหรอคะ”
“ทะ…ทำไมคุณไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยล่ะคะ” คนได้ยินไม่ได้นึกตำหนิอะไรคนช่างถาม เขายิ้มก่อนจะเอ่ยตอบไปตามความจริง “จะต้องใส่ให้เสียเวลาทำไมล่ะครับ เพราะอีกเดี๋ยว…ก็ต้องถอดออกอยู่ดี” คำตอบที่มาพร้อมจูบหนักๆ ที่แก้มขวาทำเอาคนที่ยังเตรียมใจรับกับสิ่งเหล่านี้ไม่ไหว ย่นคอหลบหนีความซาบซ่านพัลวัน “คะ…คุณลูซคะ คะ…ว่าภัส…”
“ฉันตั้งใจจะบอกเรื่องลูกในวันที่แกวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกฉันว่าคุณป่านตอบตกลงจะแต่งงานกับแก!” ความจริงที่ได้รู้กลับกลายเป็นธเนศเสียเองที่พูดอะไรไม่ออก เขายังจำภาพของเอื้องทรายที่กอดเขาร้องไห้ปานจะขาดใจในวันนั้นที่ว่าได้ดี แต่เพราะมัวหลงดีใจมากไปเลยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเธอไม่ได้ร้องไห้เพราะดีใจที่เขาสมหวังกับอดีตคนรัก แต่มันคือความเสียใจ...ความเสียใจที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยจนกระทั่งวันนี้ที่ต้องมารับฟังมันจากปากของเธอเอง ความโกรธก่อนหน้าค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นความเสียใจในที่สุด
จะมีสิ่งใดน่าทุกข์ใจไปมากกว่าการถูกคนในครอบครัวรังเกียจภายหลังจากมารดาเสียชีวิตเด็กน้อยอายุห้าขวบต้องพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดพร้อมกับน้องสาวที่พึ่งลืมตาดูโลกอีกทั้งน้องชายฝาแฝดที่พึ่งเกิดมายังถูกพรากไป หลี่อันหนิง เด็กสาวผู้เกิดมาพร้อมกับโชคชะตาที่ไม่เหมือนผู้ใดนอกจากต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากคนในครอบครัว ตลอดชีวิตนางยังไม่เคยได้รับอุ่นไอจากผู้เป็นบิดาที่ยังเหลืออยู่ จนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของชีวิต นางก็ยังไม่รู้เลยว่าเหตุใดสวรรค์ถึงได้กำหนดชะตาชีวิตเช่นนี้ให้กับตน เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เด็กสาวพบว่าตนเองกลับมายังอดีตในช่วงเวลาที่ทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ พร้อมกับความสามารถที่ไม่มีมนุษย์คนไหนทำได้เหมือนอย่างนาง หลี่อันหนิงได้เริ่มวางแผนแก้แค้นให้กับตนและช่วยเหลือน้องทั้งสองมิให้มีชะตากรรมดั่งชาติที่แล้ว ************************************************************ “ท่านแม่!! ท่านแม่!! ตื่นสิเจ้าคะ นอนที่นี่ไม่ได้นะเดี๋ยวจะไม่สบายเอา” ร่างเล็กแกรนแกะเอาเสื่อที่ห่อม้วนร่างของมารดาออก ก่อนจะเขย่ากายที่เย็นชืดไปนานแล้วของนาง ทว่าในระหว่างที่สายฝนกำลังเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เสียงร้องแผ่วเบาราวกับลูกแมวน้อยก็ดังขึ้น หลี่อันหนิงมองไปยังช่วงขาของมารดาเห็นบางสิ่งกำลังขยับไหว นางจึงเลิกชุดสีขาวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิตของมารดาขึ้น บัดดลร่างเล็กของเด็กทารกที่กำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอดก็ปรากฏแก่สายตา ด้วยสัญชาตญาณ เด็กน้อยในวัยห้าขวบรีบถอดเสื้อคลุมด้านนอกอันเปียกชื้นไปด้วยละอองน้ำฝนออกมาห่อร่างเล็กของน้องสาวเอาไว้ ส่วนตนเองก็เอาแต่เอ่ยพึมพำว่า ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร พี่สาวจะดูแลน้องเอง หลี่อันหนิงกอดเด็กทารกเอาไว้ในอ้อมแขน ใช้ร่างกายเล็กจ้อยของตนกำบังลมฝนให้น้องน้อยอย่างกล้าหาญ ******************************************************** ร่างเล็กนั่งตากฝนอยู่บนเขาเป็นเวลาเนิ่นนาน เพราะหาหนทางกลับเรือนเฉกเช่นผู้ใหญ่ไม่ได้ กายของเด็กน้อยเริ่มสั่นสะท้านเสียงฟันของนางกระทบกันดังกึกกัก ก่อนสติสุดท้ายของเด็กหญิงจะดับวูบไป หลี่อันหนิงคล้ายมองเห็นมารดาของตนที่นอนอยู่เบื้องหน้าลุกขึ้นมาตระกองกอดนางเอาไว้แนบอก ก่อนกระซิบน้ำเสียงอ่อนโยนว่า ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แม่อยู่นี่แล้ว เสียงเพลงกล่อมเด็กที่มารดาเคยร้องกล่อมตนยามค่ำคืนยังคงดังก้องประทับในโสต หลี่อันหนิงหลับไปทั้งรอยยิ้มโดยไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นต่อจากนั้น
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ซูลี่สวยแต่ชอบเสแสร้ง โม่สิงหย่วนไม่เคยสนใจฟังคำหวานที่ซูลี่พูดล้อเล่นเลย ต่อมา ซูลี่ก็เลิกเอาใจเขา โม่สิงหย่วนคว้าเธอเข้ามากอด “ซูลี่ เอาใจฉันหน่อยสิ ฉันจะยกทุกอย่างให้หมด” โม่สิงหย่วนมักจะสุขุมรอบคอบเสมอ จนกระทั่งพบซูลี่ เขาก็หมดความควบคุม
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY