“นี่ใจคอคุณจะไม่ยิ้มให้ผมสักครั้งเลยเหรอครับโรส” คำถามที่ได้ยินทำให้ขวัญชีวาต้องเบือนสายตามาจ้องมองคู่สนทนาอย่างจนใจ เธอนับถือความกล้าและความหน้าทนของเขาเสียเหลือเกินในเวลานี้คนอะไรไร้จิตใต้สำนึกอย่างถึงที่สุด ทั้ง ๆ ที่ทำอะไรกับเธอเอาไว้ตั้งมากมายแต่กลับมาเรียกร้องซึ่งเขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะมองหน้าเธอด้วยซ้ำ
ปฐมบท
กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศธ
ภายในไนท์คลับขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองปารีส เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศธ ซึ่งปัจจุบันนั้นได้กลายมาเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่ล้ำสมัยแห่งหนึ่งของโลกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้นเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่ต่างก็พากันแวะเวียนเข้ามาใช้บริการสถานที่รื่นเริงใจแห่งนี้กันอย่างหนาแน่นตลอดทั้งคืนกันอย่างไม่ขาดสาย
ภายในร้านนั้นถูกตกแต่งด้วยภาพวาดจากน้ำมือของจิตกรชื่อดังมากมายที่ถูกแขวนโชว์เรียงรายเป็นแถวดูเป็นระเบียบน่ามอง ซึ่งภาพวาดส่วนใหญ่นั้นมักจะได้มาจากการประมูลการกุศลของเจ้าของร้านอย่าง ทอมสัน เจย์เดอร์สัน เฒ่าวัยชราชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงในฐานะของนักสะสมภาพวาดเก่าหากยากซึ่งตอนนี้เจ้าตัวกำลังพาภรรยากับลูกๆ ของเขาหนีอากาศหนาวเย็นไปพักผ่อนกันที่ฮาวายเป็นเวลานานกว่าสัปดาห์แล้ว
ผนังโดยรอบร้านถูกฉาบด้วยอิฐสีน้ำตาลอ่อนทำให้ร้านดูทึบจนแสงจากด้านนอกไม่สามารถส่องเข้ามาได้ แต่นั่นก็เป็นเพราะว่ามันคือสถานที่รื่นเริงในยามราตรีเพราะฉะนั้นไม่ว่าจะตกแต่งด้วยสไตล์แบบไหนก็ไม่อาจจะทำให้แขกมากหน้าหลายตาที่เดินทางมาใช้บริการลดน้อยถดถอยลงไปได้เลยสักวัน อีกทั้งแขกส่วนใหญ่ที่มักจะเข้ามาใช้บริการนั้น หากไม่ใช่คนปกติธรรมดาทั่วไป ก็มักจะหนีไม่พ้นพวกคนรวยที่ไม่ได้สนใจรายละเอียดภายในของร้านสักเท่าไหร่ เพราะสิ่งที่คนเหล่านั้นสนใจ คงจะมีแต่ทำอย่างไรถึงจะได้เรียกสาวๆ มานั่งดื่มที่โต๊ะ ก่อนจะพาไปต่อกันที่โรงแรมหรือไม่ก็บ้านพักส่วนตัวแล้วแต่ฐานะ และความสะดวกของแต่ละบุคคล
จึงไม่อะไรเท่าไหร่แปลกนัก ที่ภาพของชายหญิงกอดจูบลูบคลำกัน จะกลายเป็นภาพที่พนักงานภายในร้านได้เห็นอยู่ทุกค่ำคืน
ต่างจาก ‘ขวัญชีวา’ หญิงสาวชาวไทยที่ตัดสินใจเดินทางมาที่นี่เพื่อเรียนต่อปริญญาโทด้านแฟชั่น ดีไซน์ที่ขึ้นชื่อ เพื่ออยากที่จะนำความรู้ที่เรียนกลับไปพัฒนาธุรกิจส่งออกผ้าไหมไทยของครอบครัวให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวจึงเติบโตมาแบบต้องช่วยเหลือตัวเองเสียส่วนใหญ่ กระทั่งตอนนี้เธอก็อยากเลือกที่จะหาเงินใช้เองด้วยการมาเป็นบาร์เทนเดอร์
แต่อย่างไรก็ยังทำตัวให้ชินกับภาพวาบหวิวของบรรดาแขกภายในร้านไม่ได้สักที อาจจะเพราะวัฒนธรรมที่แตกต่าง จึงทำให้หญิงสาวต้องฝืนทนมองมากกว่าจะยอมทำใจยอมรับว่าคนที่นี่เห็นวัฒนธรรมในการกอดจูบกันตามสถานที่สาธารณะที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่คนปกติทั่วไปเขาทำกัน
หญิงสาวลอบถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ไม่รู้เลยว่าตนเองคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่มาทำงานแบบนี้ แต่เพราะตอนกลางวันจะต้องไปเรียน อีกทั้งค่าครองชีพก็สูงลิบลิ่วด้วยอีก แม้ว่าจริงๆ แล้วทางบ้านของเธอจะพอมีฐานะอยู่บ้าง แต่ด้วยอายุและวุฒิภาวะก็ไม่อาจทำให้เธอทนอยู่เฉย โดยไม่ทำอะไรเพื่อช่วยเหลือตัวเองอยู่ดี
สุดท้ายจึงได้เข้ามาสมัครทำงานที่นี่เพราะเพื่อนที่เรียนอยู่ด้วยกันรู้จักเจ้าของร้านจึงได้ฝากให้เธอเข้าทำงานได้อย่างง่ายดาย ส่วนทางด้านงานที่ทำเป็นประจำอยู่ทุกวันนั้นแม้ว่ามันจะดูเหมือนไม่ได้ยากเย็นอะไรสักเท่าไหร่นัก แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะยากยิ่งกว่าเห็นทีว่าคงจะหนีไม่พ้นพวกชายหนุ่มโสดที่ชอบมานั่งป้อนคำหวานกันอยู่ทุกค่ำคืนไปนั่นต่างหากที่สร้างความรำคาญใจให้เธอไม่รู้จักหยุดหย่อน
ซึ่งวันนี้เองก็เช่นกันที่ทุกๆ อย่างยังคงดำเนินเกิดขึ้นไปอย่างเงียบสงบเรียบร้อยดีเหมือนกับทุกๆ วันที่ล่วงเลยผ่าน จนกระทั่งเมื่อกลุ่มของอันธพาลที่มักจะชอบยกโขยงพากันมานั่งดื่มจนเมามายสุดท้ายก็ไม่พ้นหาเรื่องกับแขกคนอื่นๆ จนเกิดเรื่องวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวันปรากฏตัวขึ้นพร้อมๆ กับเสียงที่เอะอะโวยเหมือนที่พวกเขาเหล่านั้นมักจะทำทุกทีที่มา
ทว่าวันนี้กลับมีบางสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเมื่อจู่ๆ ‘จอแดน’ หัวโจกที่ไม่มีใครกล้าหือกับเขาสักเท่าไหร่ปรายสายตาจ้องมองมาที่เธอเข้าโดยบังเอิญ และไม่นานหลังจากนั้นรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจก็ปรากฏขึ้นให้ได้เห็นก่อนที่เขาจะเดินตรงเข้ามาหา
“ไงโรส...คืนนี้หลังเลิกงานแล้วไปต่อกันที่ห้องกับฉันเอาไหม” อีกฝ่ายไม่พูดเปล่าแต่ยังเอื้อมมือไปจับแขนพร้อมทั้งลูบมันขึ้นลงอย่างถือสิทธิ์ เหล้าที่ส่งกลิ่นเหม็นคละฟุ่งไปทั่วตัวของเขามันทำให้เธอรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเมาอย่างหนักชนิดที่ว่ายืนอยู่ตรงๆ ด้วยตัวเองไม่ได้ และถึงว่าแม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพยายามจะใช้คำพูดที่ไม่ให้เกียรติกันออกมาเหมือนอย่างที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ แต่มันกลับยิ่งมากขึ้นเมื่อเขาไม่พูดเปล่า กลับเอื้อมมือเข้ามาสัมผัสจนถึงเนื้อถึงตัว
“ไม่ละขอบคุณ คืนนี้ฉันมีนัดแล้ว ปล่อยฉันจอแดน!” เสียงหวานโต้ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพยายามชักแขนที่ถูกกำไว้แน่นของตัวเองกลับคืนมา แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เพราะเรี่ยวแรงของเธอกับเขามันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน และคนอะไรหน้าด้านเหลือจะทน ทั้งๆ ที่เธอปฏิเสธไปแล้วแท้ๆ แต่เขากลับไม่ยอมปล่อยกันเสียที...
“อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลยน่าโรส! เธออยากได้เท่าไหร่ว่ามาเลยดีกว่าคนสวย ฉันทุ่มให้ไม่อั้น ถ้าคืนนี้เธอทำให้ฉันพอใจ” อีกฝ่ายยังคงไม่ลดละความพยายามที่จะเชื้อชวนบาร์เทนเดอร์สาวสวยตรงหน้ากลับไปด้วยกันหลังเลิกงานให้จงได้ในค่ำคืนอันหนาวเหน็บนี้
มันคงจะดีกว่าอะไรทั้งหมดหากได้ร่างอวบอิ่มของหล่อนมานอนกอดเพื่อคลายความหนาวสักครั้งสองครั้ง จอแดนคิดก่อนจะแสยะยิ้มร้ายพร้อมๆ กับกวาดสายตามองไปรอบๆ ร้านเพื่อข่มขู่ใครสักคนที่ริอาจจะเข้ามาแส่
และถึงแม้ว่าแขกภายในร้านจะมองเห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นกันแทบจะทุกคน แต่ก็ไม่มีใครเลยสักคนที่จะรวบรวมความกล้าเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงเพื่อช่วยเหลือหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายตรงหน้าเพราะรู้ดีว่ากลุ่มอันธพาลตรงหน้านี้เป็นถึงลูกน้องของมาเฟียโหดในแถบย่านนี้ที่ขึ้นชื่อถึงความโหดร้ายมากแค่ไหน และนั่นก็ยิ่งทำให้จอแดนและพรรคพวกของเขาฮึกเหิมมากขึ้นทุกวัน เขาทะนงตัวเองว่าเป็นใหญ่เหนือทุกๆ คนและหมายมั่นว่าจะต้องได้ทุกสิ่งที่ต้องการไม่เว้นแม้กระทั่งเธอ!
“เก็บเงินสกปรกๆ ที่ได้มาจากการรีดไถคนไม่มีทางสู้ของคุณไปเถอะฉันไม่ต้องการ และอีกอย่างที่คุณต้องรู้เอาไว้คือฉันไม่ได้ขายตัว!” ขวัญชีวาตอกย้ำถึงสถานะที่ตัวเองกำลังยืนหยัดอยู่ออกไปในทันที รู้สึกถึงความเกลียดชังที่เธอเริ่มมีต่อคนตรงหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ครั้นพอพยายามที่จะผลักเขาออกไปให้ไกลตัวอีกฝ่ายกลับยิ่งโน้มหน้าเข้ามาหากันเรื่อยๆ ราวกับจะแกล้งกัน และแม้ว่าตอนนี้ระหว่างเธอกับเขาจะมีเคาน์เตอร์บาร์คั่นกลางเอาไว้อยู่แต่ท่าทีคุกคามที่เขากำลังทำอยู่นั้นก็อันตรายเกินกว่าที่เธอจะยอมอยู่เฉยๆ ให้เขารังแกกันได้ง่ายๆ เหมือนอย่างที่ชอบทำกับคนอื่นๆ
“นี่ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกให้ปล่อย!” ยิ่งปากของเธอเอ่ยร้องห้ามมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งดูเหมือนจะยิ่งยั่วยุให้อีกฝ่ายได้ใจมากขึ้นเท่านั้นเพราะแทนที่เขาจะยอมปล่อยกลับยิ่งจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ และจุดหมายปลายทางของมันนั้นก็ไม่ใช่ที่ไหนนอกจากริมฝีปากที่กำลังร้องห้ามของเธอ
“พี่นุยังรักลินอยู่ไหม...” คำถามที่ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าเธอจะต้องเป็นคนถามมันกับเขาดังขึ้น มันคือคำถามที่เธอไม่เคยอยากได้คำตอบ เพราะกลัวว่าถ้ามันเกิดไม่ตรงใจขึ้นมาเธอคงเจ็บปวดเจียนตายน่าดู แต่เธอทนไม่ไหวอีกแล้ว ทนอยู่กับความรู้สึกบ้าๆ พวกนี้ไม่ไหวแล้ว “ลิน ใจเย็นๆ แล้วฟังพี่ก่อน…” ปรเมศวร์เองก็เริ่มได้สติหลังจากได้เห็นแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความปวดร้าวของอีกคนเข้า มันทำให้เขาคิดได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้นเหตุมันมาจากตรงไหน และก็เป็นเหมือนทุกครั้ง เขาเองที่ผิด ผิดที่พาช่อลดามาที่นี่
“เทียนไม่หวังสูงขนาดนั้นหรอกค่ะ ที่พูดเพราะเป็นห่วงเท่านั้น” พลอยบุหลันตอบเสียงแผ่วก่อนจะพาตัวเองเดินหนีกลับมาที่ห้อง เพราะไม่อยากอยู่ให้เกะกะสายตา หรือสร้างความรำคาญให้กับเขาอีก หญิงสาวนั่งลงบนเตียงก่อนจะเริ่มต้นสวดมนต์เหมือนทุกคืน ไม่นานก็ทิ้งตัวลงนอน และไม่ลืมที่จะยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆ “ฝันดีนะคะตัวเล็กของแม่…”
“ลูกศัตรูอย่างเธอที่โซฟานี่ก็พอมั้ง! เพราะว่าเตียงนั่นฉันเก็บเอาไว้ให้ เมีย ในอนาคตของฉัน!” เขาเน้นย้ำถึงคำว่า เมีย อย่างชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะโยนคนที่เอาแต่นิ่งเงียบลงโซฟาอย่างไม่ออมมือนัก “โอ้ย! บุญเจ็บค่ะ…”
“กล้าดียังไงเที่ยวไปให้ท่าไอ้สารวัตรนั่น!” ชรัสตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา สิ่งที่หล่อนทำลงไปในวันนี้มันหักหน้าเขาเป็นอย่างมาก เขาไม่ชอบให้เธอทำเรื่องพวกนี้ขณะที่ยังเป็นเมียเขาอยู่! “อินทำอย่างนั้นตอนไหนอย่างนั้นเหรอคะ”
“ทะ…ทำไมคุณไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยล่ะคะ” คนได้ยินไม่ได้นึกตำหนิอะไรคนช่างถาม เขายิ้มก่อนจะเอ่ยตอบไปตามความจริง “จะต้องใส่ให้เสียเวลาทำไมล่ะครับ เพราะอีกเดี๋ยว…ก็ต้องถอดออกอยู่ดี” คำตอบที่มาพร้อมจูบหนักๆ ที่แก้มขวาทำเอาคนที่ยังเตรียมใจรับกับสิ่งเหล่านี้ไม่ไหว ย่นคอหลบหนีความซาบซ่านพัลวัน “คะ…คุณลูซคะ คะ…ว่าภัส…”
“ฉันตั้งใจจะบอกเรื่องลูกในวันที่แกวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกฉันว่าคุณป่านตอบตกลงจะแต่งงานกับแก!” ความจริงที่ได้รู้กลับกลายเป็นธเนศเสียเองที่พูดอะไรไม่ออก เขายังจำภาพของเอื้องทรายที่กอดเขาร้องไห้ปานจะขาดใจในวันนั้นที่ว่าได้ดี แต่เพราะมัวหลงดีใจมากไปเลยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเธอไม่ได้ร้องไห้เพราะดีใจที่เขาสมหวังกับอดีตคนรัก แต่มันคือความเสียใจ...ความเสียใจที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยจนกระทั่งวันนี้ที่ต้องมารับฟังมันจากปากของเธอเอง ความโกรธก่อนหน้าค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นความเสียใจในที่สุด
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เพราะแอบรักกล้าตะวันมากนาน หวันยิหวาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครองรักกับเขา โดยมีมารดาของเขาเป็นผู้ให้การสนับสนุน แต่สำหรับกล้าตะวันแล้ว หวันยิหวาคือนางมารร้ายที่ทำให้เขากับคนรักต้องเลิกรากัน ดังนั้นทุกวินาทีหลังจากงานวิวาห์นี้จบลง หวันยิหวาจะต้องได้รู้จักกับนรกอเวจีปอยเปตอย่างถ่องแท้เลยทีเดียว “อา... อ๊า...อา...” ลำคอระหงถูกซุกไซ้และดูดเม้ม เสื้อผ้าถูกดึงทึ้งออกไปจากร่างกาย จนในที่สุดก็เปลือยเปล่า กล้าตะวันเลียลงมาที่ไหปลาร้า และมาซบหน้าคลุกเคล้ากับร่องอกอวบ เขาดอมดมกลิ่นสาปสาวอย่างหิวกระหาย ขณะที่ฝ่ามือหนาวางทาบลงกับเต้านมอวบอัดข้างซ้ายของหล่อน “อา... อ๊า... ซี๊ดดดด” หล่อนเผยอปากครางลั่น เมื่อปทุมถันถูกฟอนเฟ้นบีบเคล้าหนักหน่วง ปลายนิ้วแข็งแรงถูไถเม็ดเต่งอย่างเมามัน หล่อนดิ้นเร่าๆ หยัดหน้าอกขึ้นหาสัมผัสจากฝ่ามืออบอุ่นด้วยความกระตือรือร้น
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"