หน้ากากสีเงินปกปิดใบหน้า ด้วยเพราะแม่ทัพลือนามถูกสวรรค์สาปหากแม้นผู้ใดเพียงแค่ได้พานพบหน้าจะต้องพบกับจุดจบทุกรายทว่ามีเพียงหนึ่งเดียวที่ชีพไม่วอดวายและนางคือสตรีของแม่ทัพปีศาจที่เฝ้าโหยหามานานแสนนาน ตัวหายนะ ใบหน้าเต็มไปด้วยอาถรรพ์ เพียงแค่ประสบพบพักตร์ ร่างต้องกลายเป็นหินโดยพลันผู้คนสิ้นชีพวิบัติโรยรา มิอาจหวนคืน องค์ชายอิ๋งหยางแห่งต้าฉิน จึงต้องถูกเนรเทศให้ไปอยู่ชายแดนเพื่อใช้ชีวิตนี้ปกป้องและแทนคุณแผ่นดิน จนกลายเป็นแม่ทัพปีศาจ ที่หามีผู้ใดเสมอเหมือน และจางเพ่ยอัน อดีตชาติคือสูกสาวฝาแฝดของอัครเสนาบดี กลับต้องจบชีวิตลงในวัยเพียงแค่ 6 ปี เพราะเกิดดวงพิฆาต เธอกลับชาติไปเกิดในยุคปัจจุบัน และต้องกลับมาในชาติอดีตอีกครั้ง เมื่อดวงวิญญาณฝาแฝดจางเจี๋ยอี้ นำพากลับมา ดวงพิฆาตในยุคปัจจุบันหวนคืนสู่อดีต ทำให้แม่ทัพปีศาจหลุดพ้นจากคำว่าตัวหายนะ ทำลายล้างจนแคว้นล่มสลายและเธอกลับมาเพื่อเคียงคู่กับแม่ทัพชื่อก้องไปตลอดกาล
ดวงพิฆาตในรอบสามพันปีจะปรากฏเพียงหนึ่งและจะเกิดขึ้นเฉพาะบุรุษ
พิฆาตทุกชีวิตทันทีที่พานพบหน้า
พิฆาตดวงเมืองล่มแคว้นจนถึงกาลล่มสลาย
อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อสามพันปีต่อมาดวงพิฆาตกำหนดให้เป็นอิสตรี
คราใดเมื่อดวงพิฆาตทั้งสองได้โคจรมาพานพบกัน
จากดวงพิฆาตจบทุกชีวิตรอบข้างให้สูญสิ้น
กลับแปรเปลี่ยนกลายเป็นดวงจักรพรรดิ
และรักนี้ไม่มีวันตายเกิดขึ้นกับคนทั้งคู่
คริสต์ศักราช 2018
มณฑลส่านซี ณ นครซีอาน
เมืองซีอาน ตั้งอยู่ในมณฑลส่านซีเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เรียกได้ว่าเป็นเมืองประวัติศาสตร์โลกอีกแห่งหนึ่งซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีชื่อเสียงระดับโลก ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศที่ต้องการอยากจะสัมผัสอารยธรรมในอดีตของจีน ต่างเดินทางมาท่องเที่ยวที่เมืองซีอานด้วยกันทั้งสิ้น อีกทั้งยังเป็นเมืองซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมใหญ่ที่สุดในตะวันตกเฉียงเหนือของจีนอีกด้วย และด้วยเหตุนี้จึงทำให้เมืองซีอานเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
ท่ามกลางตึกสูงระฟ้าในเขตนครซีอาน ยังปรากฏกำแพงเมืองโบราณซึ่งถือได้ว่าสมบูรณ์ที่สุดของจีน มีความยาวโดยรวมถึง 13.7 กิโลเมตร และมีทางเดินกว้างสิบสองถึงสิบแปดเมตร มีป้อมปราการเก้าสิบแปดป้อม มีการขุดคูน้ำล้อมรอบ สร้างขึ้นในยุคสมัยของราชวงศ์หมิง เพื่อใช้ป้องกันการโจมตีของข้าศึก
ปัจจุบันกำแพงเมืองแห่งนี้ยังคงยืนหยัดสูงตระหง่านให้คนรุ่นหลังซึ่งอยู่ในยุคแห่งเทคโนโลยีล้ำหน้า ใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงเป็นสถานที่ออกกำลังกายของประชาชนเมืองซีอานและยังมีการจัดเทศกาลหรือกิจกรรมต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ
และในบริเวณดังกล่าวกำลังจัดเทศกาลชมดอกโบตั๋น ซึ่งจะกำหนดขึ้นในเดือนเมษายนของทุกปี เทศกาลดอกโบตั๋น ในหนึ่งปีมีจัดงานเทศกาลดอกโบตั๋นแค่ครั้งเดียว ในช่วงนี้เท่านั้น นักท่องเที่ยวมากมายทั้งภายในประเทศและชาวต่างชาติต่างพากันเดินทางเข้ามาเยี่ยมชม และสัมผัสกับบรรยากาศงานเทศกาลดอกโบตั๋นที่สวยสดงดงามหลากหลายสี ซึ่งเป็นสีที่ยากจะพบเห็น ตระการตากับดอกโบตั๋นที่สวยงาม
ดอกโบตั๋นหรือ หมู่ตาน เป็นดอกไม้ที่มีความหมายพิเศษสำหรับชาวจีน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โบตั๋นเป็นหนึ่งในดอกไม้อีกชนิดหนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศจีน ดอกโบตั๋น เป็นดอกไม้ที่มีความหมายดีๆ เป็นมงคล และดอกโบตั๋นที่พิเศษแตกต่างจากดอกไม้ชนิดอื่น ๆ คือ ที่ก้านจะมีใบสามใบ และในใบใหญ่แต่ละใบจะแตกออกเป็นใบเล็กอีกสามใบ รวมทั้งหมดเก้าใบ
ภายในงานนอกจากจะมีแต่ดอกโบตั๋นหลากสีแล้ว ยังมีร้านค้ามากมายมาเปิดขายของนานาชนิดให้นักท่องเที่ยวได้พากันเลือกชื้อติดไม้ติดมือ นับตั้งแต่ของกินดาษดื่นจนไปถึงของใช้ต่างๆ มากมายและรวมไปถึงสิ่งที่เป็นความเชื่อของคนจีนในสมัยโบราณ เกี่ยวกับโชคลางรวมไปถึงลิขิตแห่งโชคชะตา
ดูดวง ทำนายโชคชะตา จัดวางฮวงจุ้ย เปลี่ยนร้ายกลายเป็นดี เชิญด้านใน
ป้ายโฆษณาสำหรับตั้งพื้นวางไว้อยู่ตรงทางเข้าร้านซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ให้เช่าสำหรับร้านค้าประจำมากมายมาเปิดให้บริการถัดจากกำแพงเมืองโบราณเพื่อให้บริการกับนักท่องเที่ยว ซึ่งในแต่ละวันเดินทางมาเที่ยวชมสถานที่ดังกล่าวกันอย่างคับคั่ง ด้านนอกร้านมีผู้คนกำลังนั่งรอคิวตามบัตรที่วางไว้อยู่บนโต๊ะด้านนอก เพื่อเข้าไปตรวจดวงชะตากับซินแสชื่อดังซึ่งเป็นเจ้าของร้านดังกล่าว
“อัยย่ะ! วันนี้ฉันได้คิวยาวคนที่ร้อยสี่สิบเลยเหรอ” เสียงของหญิงชราวัยประมาณหกสิบปี ยืนบ่นพึมพำอยู่หน้าร้านก่อนจะหันกลับไปมองเก้าอี้นั่งซึ่งจัดเตรียมเอาไว้ให้ลูกค้ามาใช้บริการนั่งรอตามคิว
“อ้าว! มีรอแค่ห้าคน ก็หมายความว่าฉันเป็นคนที่หกสิใช่ไหม แล้วทำไมบัตรคิวถึงอยู่ลำดับที่ร้อยสี่สิบล่ะ” คุณยายวัยเก๋าบ่นมิรู้วาย
“โธ่ คุณยายจ๋า คนมาดูดวงทั้งวันตั้งแต่เปิดร้านจนถึงตอนนี้ ยายก็ต้องเป็นคนที่ร้อยสี่สิบสิจะเป็นคนที่หนึ่งได้ยังไงกันจริงไหม” พนักงานหน้าร้านซึ่งเป็นหญิงสาววัยสามสิบต้นๆ ค่อยๆ อธิบายให้ผู้สูงวัยได้เข้าใจ
“อ่อ... อ่อ... เข้าใจแล้ว... แล้ววันนี้เป็นเวรของซินแสอันอันมาดูดวงใช่ไหม ถ้าเป็นซินแสคนอื่นยายไม่ดูนะ เชื่อไม่ได้เลยไม่เหมือนซินแสอันอัน ดูดวงแม่นอย่างกับตาเห็น”คุณยายยังบ่นไม่หยุด
“วันนี้เป็นคิวของซินแสอันอันละจ้ะ คุณยายขา คิวถึงได้ยาวขนาดนี้ยังไงล่ะเจ้าคะ ถ้าเป็นซินแสคนอื่นนะเหรอ... เหอ... เหอ... ไม่อยากจะพูด” พนักงานหน้าร้านกล่าวได้เพียงแค่นั้นก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ ไม่อยากจะเอื้อนเอ่ย
ด้วยเป็นที่ล่วงรู้กันดีว่าช่วงสามปีที่ผ่านมา บริเวณพื้นที่ของกำแพงเมืองโบราณของซีอาน มีร้านมาเปิดทำนายดวงและโชคชะตา และจัดวางฮวงจุ้ยให้เกิดสิริมงคล ซึ่งเพียงระยะเวลาไม่นานลูกค้าเอ่ยปากต่อปากต่างขยายออกเป็นวงกว้าง ว่ามีซินแสวัยละอ่อนทำนายโชคชะตาและแม่นยำราวกับตาเห็น สามารถทำนายทายทักและแก้ไขผู้ที่ต้องการล่วงรู้ว่าตนจะมีลิขิตดีร้ายชั่วดีอย่างไรบ้าง
และด้วยราคามิตรภาพที่ไม่เอาเปรียบลูกค้าที่มาใช้บริการ ทำให้ร้านหมอดูซึ่งมีขนาดเล็กพื้นที่เท่าแมวดิ้นตายคับคั่งไปด้วยผู้คนต่างเข้ามาใช้บริการในวันที่ซินแสคนดังกล่าวมานั่งประจำร้าน วันใดที่มาวันนั้นร้านแทบแตกและทำรายได้นับหมื่นๆ หยวนและมากกว่านั้นขึ้นไปอีก หากมอบสินน้ำใจพิเศษ
เมื่อเข้าไปภายในร้านจะพบว่าตนเองหลุดเข้าไปโลกอดีต ด้วยพื้นที่เท่าแมวดิ้นตายขนาด สามคูณสามเมตรตกแต่งคล้ายห้องรับรองย้อนไปในสมัยโบราณ โต๊ะหนังสือทำจากไม้มีขนาดเตี้ยวางอยู่บนพื้นพรมซึ่งยกระดับสูงขึ้นจากพื้นพร้อมตั่งสำหรับนั่งกับพื้นมีพนักพิงหลังสำหรับลูกค้าสองตัวและ สำหรับซินแสหนึ่งตัวเท่านั้น
อุปกรณ์ในการดูดวงหามีอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นลูกแก้วขนาดใหญ่ สำรับไพ่หรือจะเป็นเหรียญโบราณ มิได้นำมาใช้ในการทำนายโชคชะตา มีเพียงซินแสสาวหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ในวัยสาวแรกแย้ม ใช้เพียงปลายนิ้วเรียวสัมผัสกับอีกฝ่ายเท่านั้น
จางเพ่ยอันหรืออันอัน ซึ่งเป็นชื่อเล่นของเธอ หญิงสาววัยแรกดรุณีอายุเพียงยี่สิบเอ็ดปีเท่านั้น เธอคือแม่หมอหรือซินแสคนดังที่กำลังเป็นที่กล่าวขานอยู่ในขณะนี้ ด้วยการทำนายทายทักที่แม่นยำราวกับตาเห็น และสามารถแก้ไขให้คนที่มาหาเธอจากร้ายให้บรรเทาเบาบางลง
ทว่าไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าแท้จริงแล้วแม่หมอคนดังทำอาชีพนี้ควบคู่ไปกับการเป็นนักประวัติศาสตร์ในพิพิธภัณฑ์ส่านซีในตำแหน่งผู้ช่วยวิจัยชั่วคราว ซึ่งอาชีพดูดวงของเธอทำรายได้เป็นกอบเป็นกำมากกว่ารายได้จากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหลายเท่าตัวนัก
เปลือกตาปิดสนิทพร้อมปลายนิ้วเรียวสัมผัสกับนิ้วส่วนปลายของลูกค้ากำลังใช้ญาณสัมผัสพิเศษของเธอค้นหาที่มาที่ไปของต้นตอชะตาร้ายให้แก่ลูกค้าวัยกลางคนที่กำลังนั่งรอฟังคำตอบด้วยใจจดใจจ่อ ในขณะที่ญาณจิตของเธอกำลังสัมผัสเปิดผนึกภาพเหตุการณ์ของลูกค้า
ฉับพลันภาพเหตุการณ์บางอย่างแทรกเข้ามาทันที เมื่อผู้คนที่กำลังเดินชมเทศกาลงานดอกโบตั๋น ต่างพากันแตกฮือวิ่งหนีกันอย่างอลหม่านเมื่อปรากฏกลุ่มอันธพาลซึ่งเป็นมาเฟียท้องถิ่นเกิดเปิดศึกนองเลือด ท่ามกลางผู้คนมากมาย
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เสียงปืนดังสนั่นเกิดขึ้นติดต่อกันพร้อมร่างของนักท่องเที่ยวซึ่งมาเที่ยวชมงาน ถูกลูกหลงล้มลงกับพื้นเลือดไหลนองออกจากร่าง
กรี๊ดดดด!!! เสียงกรีดร้องของผู้คนพากันแตกตื่นวิ่งหนีตายกันอย่างอลหม่านพร้อมเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่องเมื่อมาเฟียสองกลุ่มลงมือปะทะกันอย่างดุเดือด
เปรี้ยง! เปรี้ยง! ลูกกระสุนสาดไปทุกทิศทางพร้อมร่างของพนักงานหน้าร้านของหญิงสาวล้มลงไปนอนจมกองเลือดทันที ดวงตาเบิกค้างอยู่เช่นนั้น
พรึบ!!! เปลือกตาที่ปิดสนิทเปิดขึ้นทันใด
ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนกเมื่อเธอเห็นภาพอนาคตที่กำลังจะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นในอีกไม่กี่นาทีนับต่อจากนี้
“รีบออกไปจากร้านเร็วเข้า! บริเวณนี้กำลังมีอันตราย... จะมีเหตุยิงกัน! รีบออกไปจากบริเวณนี้! ออกไป!!!” หญิงสาวตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง
มือเรียวรีบฉุดลูกค้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามให้ลุกขึ้นยืนทันทีพร้อมดึงออกจากร้านอย่างรวดเร็ว ปากก็รีบตะโกนบอกไปพร้อมๆ กัน
“ออกไปจากบริเวณนี้เร็วๆ เข้า จะมีเหตุยิงกันขึ้น ไปเร็ว กลับบ้านใครบ้านมัน” หญิงสาวตะโกนบอกลูกค้าทางด้านนอกท่ามกลางอาการตื่นตระหนกของทุกคน ที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
“อาจารย์หมายความว่ายังไง จะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ” ลูกค้าของเธอถามกลับไปมา
“อย่ามัวเสียเวลาถาม! รีบวิ่งไป! เจ๊หวีรีบออกไปจากที่นี่ ขืนอยู่ต่อไปพี่สาวจะถูกยิงตาย!!!” หญิงสาวตะโกนบอกพนักงานหน้าร้านคนดังกล่าวที่เธอเห็นในญาณจิตของเธอ
“หา!!!” เสียงร้องอุทานของทุกคนที่อยู่ภายในบริเวณนั้นดังออกมาทันใดครั้นได้ยินเช่นนั้น
ทันใดนั้นเอง
กรี๊ดดดด!!! เสียงกรีดร้องของผู้คนในงานดังกระหึ่มขึ้นมาทันที
เปรี้ยง !เปรี้ยง! เสียงปืนดังขึ้นติดต่อกัน
และนั่นทำให้ผู้คนที่กำลังยืนตื่นตระหนกอยู่หน้าร้านซินแสคนดัง แตกฮือวิ่งหนีไปคนละทิศละทางในขณะที่แม่หมอสาวยืนนิ่งอยู่กับที่เมื่อเหตุการณ์ที่เห็นในญาณกำลังเกิดขึ้นจริง
“มันเกิดขึ้นแล้ว!” หญิงสาวยืนพึมพำ
ทว่ายังมิทันจะวิ่งหนีเอาชีวิตรอดสัมผัสพิเศษของเธอพลันปรากฏขึ้นมาให้เธอเห็นอีกครา เมื่อจางเพ่ยอันเห็นตึกสูงระฟ้าในเมืองซีอานและกำแพงเมืองโบราณที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงค่อยๆ เลือนหายไปอย่างช้าๆ ก่อนจะกลับกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่าเข้ามาแทนที่
ทว่าทั่วบริเวณมีแต่ร่างอันไร้วิญญาณของชายฉกรรจ์มากมายนับเรือนแสนนอนตายเกลื่อนกลาดอยู่ตรงหน้าเธอ ในสภาพสยดสยองราวกับว่าพื้นที่ในขณะนี้เพิ่งผ่านพ้นการทำสงครามกันอย่างดุเดือดไปได้ไม่นาน
ลูกธนูไฟมากมายปักอยู่ทั่วพื้นเต็มไปหมด กำลังลุกโชนเผาไหม้กองทัพอีกฝ่ายให้วอดวาย ธงรบสีแดงตระหง่านโบกสะบัดไปมาแสดงถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอในขณะนี้
“ธงรบแคว้นฉิน!” หญิงสาวเอ่ยออกมาทันทีครั้นเห็นเช่นนั้น
ทันใดนั้นเองจู่ๆ พลันปรากฏกลุ่มหมอกควันขาวลอยปกคลุมไปทั่วบริเวณอย่างมิรู้สาเหตุ จนมองไม่เห็นอะไรเลยท่ามกลางความตกตะลึงของจางเพ่ยอัน
เปรี้ยง! เสียงปืนดังกระหึ่มอยู่ทางด้านหลังของหญิงสาว
สองขาที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงรีบก้าวยาวๆ ก่อนจะวิ่งหนีออกไปจากบริเวณดังกล่าวอย่างรวดเร็วเมื่อเสียงสาดกระสุนปืนของกลุ่มมาเฟียดังไล่หลังตามเธอมาติดๆ
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เสียงปืนดังกระหึ่มจนทำให้จางเพ่ยอันวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยฉันที!” หญิงสาวร้องตะโกนขอความช่วยเหลือออกไปจนสุดเสียงพร้อมพยายามเพ่งมองฝ่าม่านหมอกควันขาวที่แผ่ปกคลุมไปโดยรอบ
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยเบิกกว้างขึ้นมาทันใดพร้อมรอยยิ้มด้วยความดีใจ เมื่อเห็นร่างใหญ่ของบุรุษสวมชุดเกราะโบราณระดับแม่ทัพชั้นสูง ยืนสูงตระหง่านถืออาวุธสมัยโบราณเป็นดาบง้าวขนาดใหญ่ ท่ามกลางหมอกควันขาวที่แผ่ปกคลุมไปโดยรอบ
ทว่าในเวลานี้จางเพ่ยอันไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นว่าสิ่งที่เธอเห็นคืออะไรกันแน่ สองขารีบวิ่งเข้าไปหาเพื่อขอความช่วยเหลือจากเขาทันที
“คุณคะช่วยฉันด้วย! ช่วยด้วย!!!”
ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังยืนมองสตรีสาวที่กำลังวิ่งหนีตายมาอย่างไม่คิดชีวิตด้วยความแปลกใจอย่างยิ่งยวด ดวงตาสีนิลกาฬคมกล้ามองผ่านหน้ากากสีเงินฝ่าม่านหมอกออกไปครั้นเห็นผู้ที่วิ่งมาหาพร้อมส่งเสียงขอความช่วยเหลือหาใช่บุรุษแต่อย่างใด
“สตรีหรือนี่!” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาภายใต้หน้ากากสีเงิน
ในขณะเดียวกัน
ยุคอดีต
ยุคชุนชิวหรือยุควสันตสารท เป็นยุคสมัยหนึ่งในประวัติศาสตร์ของจีน โดยอยู่ในช่วง 770 จนถึงราว 400 ปีก่อนคริสตกาล ยุคชุนชิว คือช่วงเวลาที่แผ่นดินจีนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ แต่ละแคว้นและหัวเมืองต่าง ๆ ต่างเปิดศึกและแย่งชิงอำนาจกันเพื่อหมายที่จะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
โดยสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสงครามในยุคชุนชิวนั้น เกิดขึ้นจากการปกครองแผ่นดินภายใต้กษัตริย์ของราชวงศ์โจว ซึ่งปกครองในระหว่าง 1,046 จนถึง 256 ปีก่อนคริสตกาล ที่มีความอ่อนแอและไร้อำนาจ ทำให้ไม่สามารถควบคุมบรรดาหัวเมืองและแคว้นต่าง ๆ ให้อยู่ภายใต้การนำของราชวงศ์โจวได้
ท้ายที่สุด บรรดาหัวเมืองและแว่นแคว้นต่าง ๆ ก็ประกาศแยกตัวจากราชวงศ์โจว และเปิดศึกต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจกัน โดยที่ไม่เกรงกลัวต่อราชวงศ์โจวอีกต่อไป แผ่นดินจีนในขณะนั้น จึงแตกแยกออกเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อย 200กว่าแคว้น ถึงขั้นที่ว่าผู้นำของบางแคว้น ประกาศตั้งตัวเองเป็น "อ๋อง" หรือกษัตริย์ซึ่งมีสถานะเทียบเท่ากับกษัตริย์ของราชวงศ์โจวกันเลยทีเดียว
บริเวณเขตชายแดนแคว้นต้าเหลียง
ภายในเทือกเขาสูงเสียดฟ้า เต็มไปด้วยซากศพของชายฉกรรจ์นอนตายกลาดเกลื่อนไปทั่วพื้นที่ราบสูง แคว้นต้าเหลียงถูกแคว้นฉินทำลายจนสิ้นชาติเพื่อยึดครองดินแดน ชีวิตทหารมากมายนับเรือนแสน ล้มตายดั่งใบไม้ปลิดปลิว ทั่วทั้งหุบเขาเต็มไปด้วยร่างอันไร้วิญญาณของทหารชาวต้าเหลียง
พร้อมพระศพของเจ้าผู้ครองแคว้นซึ่งพลีชีพในสนามรบครั้งนี้ ทว่าชีพสลายก็มิอาจทำให้ต้าเหลียงหวนกลับคืนมาได้ จุดจบคือพบกับความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับและถูกทำลายแคว้นจนสูญสิ้นราชวงศ์ และก่อนที่แคว้นจะล่มสลาย แคว้นเพื่อนบ้านน้อยใหญ่ที่มีเขตพรมแดนใกล้เคียงถูกตีแตก ทำลายจนสิ้นชาติไปกว่า 70 แคว้นเลยทีเดียว จนทำให้แคว้นฉินมีดินแดนในครอบครองกว้างใหญ่ด้วยฝีมือของแม่ทัพอิ๋งหยาง ซึ่งเป็นผู้นำทัพใหญ่ในครั้งนี้
กลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายตลบอบอวล ท่ามกลางสายตาคมกล้าของแม่ทัพใหญ่ นามกระฉ่อนของแคว้นฉิน ร่างสูงตระหง่านกำลังยืนถือดาบง้าวขนาดใหญ่ ใบมีดคมกริบแวววาวส่องประกายระยิบระยับ เต็มไปด้วยหยาดโลหิตเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด ชุดเกราะสีดำทะมึนเต็มไปด้วยเลือดแดงฉาน ด้วยเพราะกรำศึกติดต่อกันข้ามวันข้ามคืน จนสามารถยึดแคว้นต้าเหลียงได้เป็นผลสำเร็จ
ดวงตาสีนิลกาฬกวาดสายตาไปทั่วบริเวณภายใต้หน้ากากสีเงินปกปิดใบหน้าเอาไว้อย่างมิดชิด ทั่วหล้าไม่เคยมีผู้ใดได้พานพบเห็นโฉมหน้าอันแท้จริงของแม่ทัพอิ๋งหยาง แม้กระทั่งทหารที่ร่วมรบในกองทัพก็มิเคยล่วงรู้ว่าแม่ทัพผู้กล้าของตนแท้จริงรูปโฉมเป็นเช่นไร จนมีเสียงเล่าลือไปทั่วแคว้นว่าแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นฉินคือบุรุษอัปลักษณ์!
แม่ทัพผู้กล้ามีร่างสูงใหญ่ กำยำบึกบึน องอาจผึ่งผายเป็นที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งยวด ทว่ามิมีผู้ใดล่วงรู้เลยว่าเพราะเหตุใดหนอแม่ทัพหนุ่มผู้นี้จึงสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าเอาไว้ตลอดเวลา บุรุษผู้ลือนามแท้จริงแล้วเป็นเช่นไรกันเล่า รูปโฉมอันแท้จริงเป็นที่น่าสงสัยหากแต่ต้องจบสิ้นคำถามเพราะฝีมือในการทำสงครามหามีผู้ใดเทียมทาน
รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏอยู่บนใบหน้าภายใต้หน้ากากสีเงิน เมื่อธงรบของแคว้นฉินถูกปักลงในเขตแดนของต้าเหลียง แม่ทัพใหญ่ผู้นี้มีลักษณะเคร่งขรึมอยู่ตลอดเวลาและช่างยิ้มยากเป็นยิ่งนัก
ฉับพลันปรากฏกลุ่มควันขาว ค่อยๆ ลอยคละคลุ้งลงปกคลุมไปทั่วทิวเขา ก่อนจะกระจายไปทั่วบริเวณซึ่งเบื้องหน้าในขณะนี้ เต็มไปด้วยร่างอันไร้วิญญาณมากมายกลับเต็มไปด้วยเมฆหมอก
“อะไรกันนี่! จู่ๆ เหตุใดจึงบังเกิดหมอกหนาปกคลุมเช่นนี้ขึ้นมาได้” แม่ทัพหนุ่มบ่นพึมพำพยายามเพ่งมองเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยกลุ่มควันขาวแผ่ไปโดยรอบ
“ทหาร! จุดคบไฟ!” เสียงตะโกนสั่งกึกก้อง
ทันใดนั้นเอง
เปรี้ยง!!!! เสียงดั่งสายฟ้าฟาดดังกระหึ่มขึ้นมาทันที
ดวงตาสีนิลกาฬหยุดนิ่งพลางจ้องเขม็งอยู่แต่เบื้องหน้า เมื่อจู่ๆ เกิดเสียงดังประหลาดผิดปกติท่ามกลางร่างไร้วิญญาณของทหารต้าเหลียงนับเรือนแสน ก่อนจะได้ยินเสียงแผ่วเบาราวกับว่ามาจากที่ไกลแสนไกล
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยฉันที!!!” เสียงร้องเรียกขอความช่วยเหลือดังอยู่เบื้องหน้าท่ามกลางหมอกควัน
“เสียงผู้หญิง!” แม่ทัพหนุ่มกล่าวออกมาทันใดครั้นจับต้นเสียงได้ยินจนชัดเจน
“กลางสนามรบเช่นนี้มีสตรีอยู่ภายในบริเวณนี้ด้วยหรือนี่ หรือกองทัพต้าเหลียงมีอิสตรีแฝงเร้นอยู่ในคราบบุรุษ มีกลศึกซ่อนเร้นและยังมีทัพเสริมอยู่อีกอย่างนั้นรึ! เป็นไปไม่ได้!” แม่ทัพหนุ่มกล่าวพร้อมกระชับดาบง้าวขนาดใหญ่ที่อยู่ในมือเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา
“ช่วยด้วย!!!” เสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือได้ยินอย่างชัดเจน พร้อมร่างระหงของสตรีวิ่งฝ่าม่านหมอกควันเห็นเพียงเงาเลือนรางตรงมาที่แม่ทัพหนุ่ม
ครั้นสายตาของสตรีผู้นั้นเห็นบุรุษยืนอยู่ตรงหน้าเธอไม่ไกลเท่าใดนัก เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังออกมาทันที
“คุณคะได้โปรดช่วยฉันด้วย!!” หญิงสาวนางนั้นตะโกนก้องขอความช่วยเหลือ พร้อมร่างระหงรีบวิ่งตรงดิ่งมาทางบุรุษในชุดเกราะแม่ทัพที่กำลังยืนมองด้วยความรู้สึกแปลกใจอย่างยิ่งยวด
เปรี้ยง!!!! เสียงแปลกประหลาดดังขึ้นมาอีกคำรบคล้ายเสียงปืนในยุคอนาคตฉันใดก็ฉันนั้น
เฮือก! ร่างระหงของหญิงสาวสะดุ้งจนสุดตัว เมื่อคมกระสุนเจาะทะลุตรงเข้าแผ่นหลังของเธอ ก่อนจะล้มลงตรงหน้าบุรุษในชุดเกราะ
ร่างใหญ่ถลาเข้ารับร่างของหญิงสาวปริศนาเอาไว้ทันที
“แม่นาง! เจ้าเป็นเช่นไร” เสียงทุ้มถามโฉมงามในอ้อมกอดออกมาทันที
เปรี้ยง! เสียงดังสนั่นเกิดขึ้นอีกครา
เฮือก! คมกระสุนเจาะทะลวงชุดเกราะฝังเข้าไปข้างในอยู่บริเวณช่วงบนของหน้าอก จนร่างใหญ่สะท้านสะเทือน
ตุบ! บุรุษในชุดเกราะทรุดฮวบลงกับพื้นทันที อาการเจ็บปวดแปลบอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเกิดขึ้นมาโดยพลัน ก่อนจะก้มลงมองสตรีสาวซึ่งหมดสติอยู่ในอ้อมกอดขณะนี้ พร้อมโลหิตแดงฉานไหลนองออกมาจากเรือนกายงาม
ทันใดนั้นเองหมอกขาวเริ่มแผ่เข้ามาปกคลุมโดยรอบอีกครา พร้อมร่างสตรีสาวที่อยู่ในอ้อมกอดแข็งแกร่งค่อยๆ เลือนหายไปต่อหน้าต่อตาแม่ทัพหนุ่มท่ามกลางความตกตะลึงที่เห็นเหตุการณ์ประหลาดดังกล่าว
“หายไปแล้ว... นี่นางเป็นคนหรือปีศาจกันแน่!” เสียงพึมพำดังออกมาเบาๆ สายตาพยายามมองค้นหาโฉมงามไปทั่วบริเวณโดยรอบ ก่อนจะยกมือขึ้นจับบริเวณหน้าอกช่วงบนเมื่อความเจ็บปวดทวีรุนแรงขึ้นอย่างยิ่งยวด
มือหนาค่อยๆ แบออกพร้อมโลหิตแดงฉานเต็มฝ่ามือ ก่อนจะเริ่มสั่นขึ้นมาทีละน้อย ทีละน้อย เพราะพิษจากบาดแผลที่ถูกกระสุนปืนจากยุคอนาคตฝังในอยู่บริเวณช่วงอก
“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ!!!” เสียงของทหารดังก้องอยู่ทางด้านหลัง
ร่างสูงยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่พื้นเช่นเดิม มิได้หันกลับไปมองทางด้านหลังแต่อย่างใด ใบหน้าที่ปกปิดด้วยหน้ากากสีเงินซึ่งเต็มไปด้วยคราบเลือด ยังคงเย็นชาไร้สิ้นความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น
ทว่าหามีผู้ใดล่วงรู้ว่าภายใต้ความเย็นชาที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้หน้ากากขณะนี้ ความเจ็บปวดจากคมกระสุนทำให้แม่ทัพใหญ่ผู้ลือนามเริ่มนั่งโงนเงนไปมา
ตุบ! ร่างใหญ่ล้มลงหมดสติไปทันที ท่ามกลางเสียงร้องเรียกของบรรดารองแม่ทัพและนายกองซึ่งวิ่งมาถึงพอดี
“องค์ชาย!!!!” เสียงเรียกของเหล่าทหารในกองทัพดังเอ็ดอึงขึ้นมาทันใด ความโกลาหลบังเกิดขึ้นมาโดยพลัน
ตำหนักไร้รัก สถานที่พำนักของอุปราชหนุ่มแห่งเทียนจิน เจ้าของตำหนักนี้ หัวใจเต็มไปด้วยความด้านชามาแทบทุกพระองค์ แต่แล้ววันหนึ่ง คุณหมอสาวแสนสวย นามว่าจ้าวย่าเจินได้รับของขวัญ ย้ายเข้าบ้านใหม่เป็นภาพวาดตำหนักโบราณ มีชื่อว่าตำหนักเย่วเชียง ในภาพนั้นมีผู้ชายยืนเอามือไพล่หลังไม่เห็นหน้า เฝ้ามองตำหนักฝั่งตรงกันข้าม และที่น่าประหลาดผู้ชายในภาพวาดจะโตขึ้นทุกวัน จวบจนกระทั่ง คุณหมอคนสวยถูกดึงเข้าไปในภาพวาดตำหนักโบราณดังกล่าวและได้พบกับ เจ้าของตำหนักไร้รัก ซึ่งเขาก็คืออุปราชแห่งเทียนจินและเป็นผู้ชายคนเดียวกัน ที่อยู่ในภาพวาดที่หญิงสาวเห็นเขาอยู่ทุกค่ำคืน ตำหนักไร้รักเมื่อไร้หัวใจ ตำหนักไร้กังวลเมื่อหัวใจกลับมามีรักอีกครั้ง
คำโปรย การกลับมาแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตครั้งนี้ ทำให้นางมารใจโฉดกลับกลายเป็นคนดี แต่กลับมีเหตุการณ์ที่ทำให้ ถานหยี่เหยียนซึ่งผสานจิตใจกับร่างในปัจจุุบัน จนสงบกลับปะทุขึ้นมาอีกครั้ง และกลับมาทำลายล้างทุกอย่างจนวอดวาย เอลิซาเบธ ลีหรือหยางลี่จู บินกลับประเทศจีนเป็นครั้งแรกในชีวิตและถูกดวงตาสวรรค์ที่มีวาสนาผูกพันกันนำนางหวนคืนกลับตระกูลถาน ซึ่งเป็นชาติอดีตของตัวเองเพื่อกลับมาแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตตามที่เคยอ้อนวอนต่อสวรรค์เบื้องบน ดวงตาสวรรค์นำนางกลับมาในชาติที่เกิดเป็นสตรีที่แสนจะร้ายกาจที่สุดในตระกูลถาน และนางก็คือนางมารชื่อกระฉ่อน ถานหยี่เหยียน คุณหนูใจโฉดที่เต็มไปด้วยความอำมหิต สนใจแต่ตัวเองไม่เคยใส่ใจผู้ใดและต้องได้ทุกอย่างที่นางต้องการ จนเป็นต้นเหตุทำให้ตระกูลถานถูกประหารล้างตระกูล และการคัดเลือกพระชายาของอดีตฉู่อ๋องเพื่อเลือกเฟ้นให้กับพระอนุชา เป็นที่มาของการประหารล้างตระกูลถานในอดีต แต่การกลับมาอีกครั้งของถานหยี่เหยียน ซึ่งเป็นร่างในยุคปัจจุบันทำให้ร่างในอดีตและปัจจุบันหลอมรวมเป็นร่างเดียวกันและนางก็คือนางในฝันของบุรุษหน้าหยกผู้เลื่องลือ สตรีใจโฉดผู้เคยเป็นอนุชายาของชินอ๋องรูปงามก่อนที่จะกลับมาแก้ไขเปลี่ยนแปลง
อุปราชปีศาจ สมญานามนี้เลื่องลือไปทั่วหล้า อุปราชเฟิงหลง ผู้ก่อตั้งแผ่นดินเป่ยถังจนเป็นปึกแผ่นเป็นหนึ่งเดียว วิชาอมตะทำให้มีชีวิตเป็นนิรันดร์ และมีญาณหยั่งรู้ล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าและหูทิพย์ หากแม้นผู้ใดเข้ามาใกล้พระวรกายน้อยกว่ารัศมีสิบฉื่อ ร่างจะต้องสลายกลายเป็นเถ้าธุลีขาวไปทันที อุปราชในตำนานประทับอยู่ในพระตำหนักลืมเลือนมานานกว่า 329 ปีนับตั้งแต่สถาปนาแคว้น จวบจนกระทั่งองค์หญิงเย่วเพ่ยเพ่ย จากแคว้นเย่วปรากฎกาย นางเป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถเข้าใกล้และสัมผัสพระองค์ได้ และนางคือสตรีที่ผูกพันกับพระองค์นับตั้งแต่พานพบกันตั้งแต่ครั้งแรก แรงรักแรงพิศวาสเริ่มก่อตัวขึ้นภายในตำหนักลืมเลือน ก่อนจะถึกปิดตายหายไปอย่างไร้ร่องรอยเพื่อรอคอยนางหวนคืนกลับมาอีกครั้ง กลับมาเพื่อครองรักกับอุปราชปีศาจอีกครั้งตามสัญญาที่มีไว้ให้ต่อกัน ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานนับพันปีก็ตาม
เพราะการพบกันครั้งแรกระหว่าง จอมอำมหิตแห่งกู้กงและหวางเย่หลิง ทำให้รองผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร ต้องการนางเก็บไว่้ใกล้ตัวเพื่อ เหตุผลบางอย่าง และเพื่อสืบเสาะหามารดาผู้ให้กำเนิดจากนาง ครั้นเกิดเหตุการณ์เงินห้าหมื่นตำลึงทองสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย ภายในสำนักคุ่้มกันหวางซื่อของตระกูลหวาง จึงทำให้จอมอำมหิตสบโอกาส หวางเย่หลิง บุตรีเพียงคนเดียวของหวางเจี้ยนเฉิง จะต้องถูกนำส่งเข้าจวน ในฐานะสตรีของอิ๋งชวนโหว เพื่อช่วยทุกชีวิตของตระกูลหวางให้รอดพ้นจาก การถูกประหารชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ตงฟางลี่หยาง แม่ทัพหนุ่มแห่งแคว้นเทียนหยวน หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความด้านชาและเต็มไปด้วยความแค้น ที่ฝังแน่นอยู่ภายในใจที่รอวันชำระแค้นกับอดีตสหายเก่า หากแต่หัวใจที่เต็มไปด้วยความด้านชา กลับปรากฏหมอหญิงจากสกุลหลิง ผู้มาจากยุคปัจจุบัน ผุดขึ้นอยู่ภายในหัวใจ หยกบุบผานำเธอให้มาพบกับแม่ทัพจอมโหด และหลิงลี่ย่านางคือสตรีที่แม่ทัพหนุ่มต้องตามจับเธอ !!!
หวังฉิงชวน สาวสวยจากศตวรรษที่ 21 นักศึกษาคณะศิลปะการแสดงและการละคร ซึ่งจะต้องเขียนบทละครแนวพีเรียดย้อนยุคเพื่อผลิตซีรีย์เรื่องยาว 40 ตอนจบ และยังเป็นผลงานภาคบังคับที่นักศึกษาทุกคนจะต้องทำบทละครเพื่อขออนุมัติจบการศึกษา หญิงสาวจึงนำเกร็ดประวัติของท่านหญิงธิดาลูกเจ้าเมือง จากยุคจ้านกว๋อ มาเขียนบทละคร ทว่าประวัติของท่านหญิงผู้นั้นเป็นของปลอมที่ถูกทำขึ้นในยุคนั้น เป็นเหตุให้หวังฉิงชวนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับชีวิต เมื่อเธอเกิดหัวใจวายกะทันหัน ครั้นฟื้นขึ้นมาอีกครั้งดวงวิญญาณของเธอกลับอยู่ในร่างของท่านหญิงหยางเฉียนเฉียน ธิดาเจ้าเมืองอูเจี๋ยนผู้วายชนม์ เธอถูกกลับมาในเหตุการณ์ของท่านหญิงที่นำประวัติของนางมาทำเป็นบทละคร เพื่อล่วงรู้เหตุการณ์จริงในอดีตที่เกิดขึ้น และเธอกลับมาเพื่อผูกวาสนากับจอมโจรเยี่ยคัง ซึ่งมีอดีตเป็นถึงองค์ชายเฉินคัง องค์ชายห้าแคว้นหมิ่นเย่ว วาสนาผูกพันลึกซึ้งเกิดขึ้นกับคนทั้งสอง และสัญญารักมั่นจากหัวใจที่พี่คังมีต่อเฉียนเฉียน นำหวังฉิงชวนให้หวนกลับคืนสู่อ้อมกอด องค์ชายเฉินคังแห่งแคว้นหมิ่นเย่วอีกครั้งเพื่อครองคู่ไปชั่วนิจนิรันดร์
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว