ผืนทรายนองเลือดทั่วปฐพี เมื่อรักนี้ถูกแย่งชิง หัวใจร้่าวรานมลายสิ้น เมื่อนวลนางจากลา เรื่องราวความรักความแค้น ของสองบุรุษหนุ่ม ระหว่างชีคหนุ่มจากราสอัลไคมาห์และบุรุษหนุ่มสายเลือดไทยจะออกมาเป็นเช่นไร เมื่อทั้งสองบุกตะลุยผืนทรายตามล่าเหล่าชายโฉด เพื่อตามหายอดดวงใจ ท่ามกลางความรักบนรอยแค้นและการแย่งชิงบนผืนทราย บทสรุปสุดท้ายจะลงเอยในรูปแบบใด เมื่อทั่วทั้งผืนทราย เต็มไปด้วยเลือด เม็ดทรายทุกเม็ดเต็มไปด้วยความแค้น ทั่วผืนปฐพีเต็มไปด้วยน้ำตา !
บทนำ
เปลวแดดอันแรงกล้าของแสงอาทิตย์ในยามกลางวัน ช่างร้อนระอุไปทั่วผืนแผ่นดินสีทอง เม็ดทรายแม้จะละเอียดแต่ทว่าเมื่อรวมตัวหนาแน่น กลับเป็นภัยร้ายให้แก่สิ่งมีชีวิต และหากสิ่งนั้นคือมนุษย์โดยเฉพาะอิสตรี ร่างกาบที่บอบบางจะเป็นอย่างไร หากผิวกายแทบมอดไหม้ เมื่อถูกแสงแดดอันแรงกล้าแผดเผาไปทั่วทั้งร่าง จนร่างนั้นแทบไหม้เกรียม ซ้ำร้ายขาดน้ำ ขาดอาหารและโดดเดี่ยวอ้างว้างอยู่เพียงลำพัง ท่ามกลางทรายที่เวิ้งว้างไกลสุดสายตา
รถโฟร์วิลจำนวนหลายคันแล่นมาด้วยความเร็วสูง จนฝุ่นทรายตลบอบอวลจนฟุ้งกระจายคล้ายกำลังแข่งขันแรลลี่กลางทะเลทราย ทว่ามันไม่ใช่การแข่งขันชิงจ้าวความเร็วแต่รถโฟร์วิลจำนวนหลายคันเหล่านั้น กำลังแล่นเพื่อติดตามหาอะไรบางอย่างด้วยความรีบเร่ง
“พั่บ! พั่บ! พั่บ!”เสียงใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ ดังก้องอยู่เหนือน่านฟ้า กำลังบินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วโดยมีขบวนรถโฟร์วิลแล่นติตาม
ท่ามกลางน่านฟ้ากลางทะเลทรายที่กว้างใหญ่จนสุดลูกหูลูกตา เฮลิคอปเตอร์ซึ่งใช้ออกปฏิบัติการเพื่อใช้ลาดตระเวนกลางทะเลทราย กำลังมองเห็นอะไรบางอย่างตรงหน้าซึ่งอยู่ท่ามกลางทะเลทราย พร้อมค่อยๆ ร่อนจอดลงด้วยความรวดเร็ว ทันทีที่เฮลิคอปเตอร์ลงจอดกับพื้นทรายยังมิทันจะจอดสงบนิ่ง ร่างของชายฉกรรจ์ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนจนถึงข้อศอกและกางเกงขายาวสีดำสนิท ราคาแลดูแพงลิบแต่กลับถูกเมินเฉยจากเจ้าของร่างราวกับว่าเขาอยู่ในชุดนี้มาหลายวัน
ร่างสูงกระโดดลงจากเฮลิคอปเตอร์ทันที พร้อมวิ่งออกหน้าด้วยความรีบเร่งไปยังร่างๆ หนึ่งซึ่งนอนสงบนิ่งอยู่ท่ามกลางทะเลทรายอันว้างเวิ้งอย่างโดดเดี่ยว
“เกรซ!เกรซ!”เสียงตะโกนดังก้องด้วยความดีใจเมื่อเขาได้เห็นร่างหญิงสาวซึ่งนอนนิ่งอยู่ตรงหน้า
ชายหนุ่มวิ่งโผเข้าหาร่างของหญิงสาว ซึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่ท่ามกลางทะเลทรายอันเวิ้งว้างอยู่เพียงลำพัง เหตุใดผู้หญิงตัวเล็กๆ จึงถูกปล่อยทิ้งอยู่กลางทะเลทรายแบบนี้ได้ จะเป็นไปได้หรือที่เธอจะมานอนเล่นกลางทะเลทรายเช่นนี้หากไม่มีใครพามา
ทันทีที่ร่างสูงถึงตัวร่างบาง สองมือช้อนร่างที่สิ้นสติไว้ในอ้อมกอดของเขาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่บ่งบอกถึงความดีใจเมื่อแรกเริ่มที่ได้เห็นร่างบางนั้น แปรเปลี่ยนไปทันทีเมื่อสภาพของหญิงสาวตรงหน้าไม่แตกต่างไปจากสภาพของคนใกล้ตาย
“เกรซ!เกรซ!ลืมตาสิเกรซ!แกจะต้องไม่เป็นอะไร พี่มาช่วยแกแล้ว เกรซ”เสียงร้องเรียกดังก้องแข่งกับเสียงใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ พร้อมสองมือเขย่าร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอดนั้นไปมาเพื่อให้รู้สึกตัว
ใบหน้าที่มีเค้าว่าเคยสวยงาม บัดนี้ถูกเปลวแดดแผดเผาจนผิวที่เคยขาวนวลเนียน เริ่มไหม้เป็นบางที่เพราะถูกตากแดดเป็นเวลานาน ริมฝีปากแตกระแหงจนเห็นเลือดไหลซึมเพราะร่างกายขาดน้ำ ดวงตาปิดสนิทเหมือนไม่รับรู้สิ่งใดเริ่มกรอกไปมา พยายามจะลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกชื่อของเธอ
“พะ...พี่....พี่...ชาย”เสียงแหบแห้งพยายามเปล่งออกมาเมื่อมองเห็นว่าเสียงที่ร้องเรียกชื่อเป็นใคร
“ทำใจดีๆ ไว้เกรซ แกต้องไม่เป็นอะไร พี่มาช่วยแกแล้ว พี่จะพาแกกลับบ้าน”ชายหนุ่มเอ่ยบอกน้องสาวของเขา พร้อมรีบอุ้มร่างน้อยๆ นั้นนำส่งโรงพยาบาล
“อะ...อัล...อัลมิล..ฮา..ฮาจญ์”เสียงแผ่วเบาเอ่ยเรียกชื่อหนึ่งให้พี่ชายได้ยิน จนร่างของพี่ชายซึ่งกำลังจะอุ้มเธอจากผืนทรายต้องหยุดชะงักไปทันที
“อัลมิลฮาจญ์ทำไมเกรซ!แกเรียกอัลมิลฮาจญ์ทำไม!” ชายหนุ่มเอ่ยถามน้องสาวด้วยความสงสัย พร้อมรีบคว้ามือบางอันสั่นเทา ซึ่งกำลังยกขึ้นมอบอะไรบางอย่างให้กับพี่ชายของเธอ
เศษชายผ้าสีงาช้างเนื้อผ้านุ่มติดมือ บ่งบอกได้ว่าผ้าดังกล่าวมีราคาสูงลิบแค่ไหน ลักษณะของผ้าพบเห็นได้ยาก เนื่องจากจะมีใช้เฉพาะคนชั้นสูงเท่านั้น
“แกกำลังจะบอกอะไรพี่เกรซ มันเกี่ยวอะไรกับเศษผ้าผืนนี้”เสียงของพี่ชายร้องถามอย่างร้อนรน
“อะ...อัล...มิล...ฮาจญ์...ร...ระ....”เสียงแผ่วเบา เอ่ยอย่างขาดห้วง
ร่างบางพยายามจะบอกอะไรบางอย่างให้พี่ชายของเธอได้รู้ แต่ร่างกายของเธอมันไม่สามารถที่จะฝืนได้อีกต่อไป ริมฝีปากที่แตกระแหงซึ่งพยายามที่จะขยับนั้น ค่อยๆ หยุดลงอย่างช้าๆ พร้อมศีรษะหันเข้าหาอกกว้างของพี่ชายก่อนจะตกลง สิ้นใจคาอ้อมกอดของพี่ชายเธอ
“เกรซ!เกรซ!ไม่นะเกรซ ไม่นะ ไม่!!!”เสียงร้องของชายหนุ่มดังก้องขึ้นทันใด เมื่อน้องสาวของเขาหมดสิ้นการตอบสนอง ร่างบางถูกกกกอดพร้อมเสียงร่ำไห้ของพี่ชายต่อการจากไปของน้องสาวเพียงคนเดียว
มือหนายกมือของน้องสาวเพียงคนเดียว ซึ่งกำเศษชายผ้าสีงาช้างเอาไว้แน่น เสียงแผ่วเบาเรียกชื่อให้เขาได้ยินก่อนจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ดวงตาแดงก่ำซึ่งเต็มไปด้วยน้ำตา มองเศษชายผ้าดังกล่าวเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
“อัลมิลฮาจญ์!มึงทำให้น้องกูตาย!ชาตินี้อย่าหวังเลยว่ามึงจะได้อยู่อย่างสงบสุข!”เสียงของชายหนุ่มกล่าวคำอาฆาตจนดังก้องไปทั่วผืนทราย น้ำตาร่ำไห้ออกมาไม่ขาดสาย เมื่อเขาต้องสูญเสียน้องสาวของเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ
" ราชินทร์" บุรุษหนุ่มสายเลือดไทย ถูกเหล่าทวยเทพแห่งดินแดนไอยคุปต์ให้ครอบครองตราสัญญลักษณ์กษัตริย์แห่ง อียิปต์โบราณ เขาถูกกลืนเข้าไปในกระแสธารแห่งประวัติศาสตร์อันไกลโพ้น เพื่อทำหน้าที่รวบรวมแผ่นดินอียิปต์ให้เป็นหนึ่งเดียว จากสามัญชน สู่กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตกาล "ความรัก" ถูกลิขิตขึ้นในดินแดนแห่งมนต์ขลัง "ผิดหวัง" ด้วยรักเจ้าเพียงข้างเดียว "อำนาจ" แฝงเร้นมาพร้อมกับนวลนาง บทสรุปรักนี้จะลงเอยเป็นเช่นไร เมื่อรักหนึ่งพร้อมยอมพลี แต่อีกหนึ่งกลับหมายปองราชบัลลังก์!!
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน