แค่นี้แหละที่เขาต้องการ... ความสุขของเธอ ขอแค่เธออยู่แบ่งปันลมหายใจกับเขา แชร์ทุกเรื่องราวกับเขา ตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของเขา และให้เขากล่อมเธอหลับไปกับอกเขาทุกคืน เขาพร้อมจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เธออยู่ข้างกายเขาตลอดไป "ผมรักแพมนะจ๊ะ"
แค่นี้แหละที่เขาต้องการ... ความสุขของเธอ ขอแค่เธออยู่แบ่งปันลมหายใจกับเขา แชร์ทุกเรื่องราวกับเขา ตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของเขา และให้เขากล่อมเธอหลับไปกับอกเขาทุกคืน เขาพร้อมจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เธออยู่ข้างกายเขาตลอดไป "ผมรักแพมนะจ๊ะ"
เสียงทักทายดังขึ้นทันทีที่เจ้าของร่างเพรียวระหงเดิน เข้ามาในสำนักงาน หลังจากลาหยุดพักร้อนไปหนึ่งอาทิตย์ ก่อนจะมีเสียงขอบคุณตามมาไม่ขาดระยะ เมื่อของฝากถูกแจกจ่ายครบทุกโต๊ะทุกคนอย่างถ้วนทั่วหน้า
"สวรรค์ทรงโปรด พี่แพมกลับมาแล้ว...สวัสดีค่ะพี่แพม"
ผู้ช่วยสาวซึ่งเป็นรุ่นน้องเอ่ยทักทายขณะวางแก้วกาแฟในมือลงบนโต๊ะทำงานของตนซึ่งอยู่ติดกัน
"นี่ต้องใช่ของฝากเก๋แน่ๆ เลย...ขอบคุณนะคะ"
เจ้าตัวออกท่าออกทางตื่นเต้นดีใจกับของฝากและของกินบนโต๊ะ ให้คนเอามาฝากยิ้ม
"จ้ะ...แล้วเมื่อกี้เก๋ว่าอะไรนะ มีอะไรหรือเปล่าระหว่างที่พี่ไม่อยู่"
"ก็เพราะมีน่ะสิคะ เก๋ถึงได้ดีใจที่พี่แพมกลับมาทำงานซะที...คนในห้องหัวเสียมาสองวันแล้วล่ะค่ะ"
ท้ายประโยคสาวรุ่นน้องขยับเข้ามากระซิบกระซาบใกล้ๆ ทั้งที่คนกำลังกล่าวถึงไม่ได้อยู่ในห้อง
"ทำไมจ๊ะ"
"คงรู้ว่าหมดโอกาสในตัวพี่แพมแน่ๆ ไงคะ"
เป็นที่รู้กันว่าท่านอธิบดีประจำกรมกำลังขายขนมจีบเลขาหน้าห้องของตัวเอง หลังจากตกพุ่มหม้ายมาได้ปีกว่า
"เอาแบบเข้าใจง่ายๆ ได้ไหมจ๊ะ เดี๋ยวท่านมาทำงานก็อดรู้เรื่องพอดี"
"ไม่หรอกค่ะ เก๋ทายเอาไว้เลยว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องแรกที่พี่แพมโดนเรียกเข้าไปคุย...มีคำสั่งจากเบื้องบนลงมาให้พี่แพมไปช่วยงานวิชาการเกษตรที่ประเทศเมเยน* ค่ะ"
"ประเทศเมเยน?"
"ค่ะ"
"เมเยนเป็นประเทศที่เพิ่งแยกตัวออกมาจากประเทศมัวมอรอค* เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาค่ะ...ช่วงที่พี่แพมลาพักร้อน เจ้าชายรัชทายาทของเมเยนเสด็จเยือนไทยพร้อมคณะผู้ติดตามพอดี...ถ้าให้เก๋เดา เก๋ว่าที่มาของคำสั่งมาจากตรงนี้แหละค่ะ...แล้วเรื่องนี้ก็เป็นสาเหตุให้ท่านหัวเสียจนใครๆ เข้าหน้าไม่ติดมาสองวันแล้วค่ะ"
เมเยน...มัวมอรอค
แม้ว่าจะพยายามบอกตัวเองให้ลืม สั่งหัวใจให้ลืมมาหลายปี แต่พอได้ยินชื่อประเทศของคนที่เคยฝากความเจ็บช้ำน้ำใจเอาไว้ให้ หัวใจไม่รักดีกลับกระตุก กระหวัดคิดไปถึงเรื่องราวที่ผ่านมาแต่หนหลังได้ง่ายๆ เหมือนว่าที่สั่งให้ลืม ที่สั่งให้ลบเขาออกไปจากหัวใจนั้น มันไม่เคยได้ผลเลย
หรือว่าการขอให้ไปช่วยงานครั้งนี้จะมีเขาเข้ามาเกี่ยวข้อง
...ไม่ใช่หรอกน่า นี่มันเมเยน ไม่ใช่มัวมอรอคเสียหน่อย
"พี่แพมคะ...พี่แพม"
"หือ? เก๋ว่าอะไรนะ"
เสียงของผู้ช่วยดึงพิมพ์อรกลับมาอยู่กับเหตุการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง
"พี่แพมเป็นอะไรหรือเปล่าคะ"
"เปล่าจ้ะ...เอ่อ แล้วเก๋พอจะทราบไหมว่าคำสั่งออกมาว่าให้เดินทางเมื่อไหร่"
"ต้นเดือนหน้าค่ะ"
"ต้นเดือนหน้า...ทำเร็วแบบนี้ล่ะ"
เพราะอีกแค่สองสัปดาห์เท่านั้น แล้วแบบนี้เธอจะจัดการอะไรต่อมิอะไรทันได้ยังไง
"มันเร็วตั้งแต่มีคำสั่งออกมาแล้วล่ะค่ะ เพราะไม่มีใครคาดถึงกันสักคน แล้วปกติเวลาจะไปอะไรแบบนี้ เขาจะต้องถามความสมัครใจของเราด้วยถูกไหมคะ แต่นี่เขาเล่นเจาะจงมาเลยว่าเป็นพี่แพม...พี่แพมว่ามันแปลกไหมล่ะคะ"
คำพูดของสาวรุ่นน้องทำให้พิมพ์อรต้องคิดอีกจนได้ แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันต่อ เจ้านายของทั้งสองคนก็เดินหน้าเครียดเข้ามาซะก่อน แล้วก็เรียกพิมพ์อรเข้าไปคุยด้วยทันทีที่เข้านั่งประจำโต๊ะ
จากคำสั่ง พิมพ์อรจะต้องเดินทางไปเมเยนกับผู้เชี่ยวชาญด้านพืชสวนอีกคน เพราะไม่มีใครกล้าคัดค้านคำสั่งที่ออกมา ยกเว้นว่าพิมพ์อรจะลาออกจากราชการ...
เย็นวันนี้ หญิงสาวจึงขับรถกลับบ้านไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้งไม่น้อย แต่เรื่องที่ได้รับมอบหมายมาดูจะกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย เมื่อขับรถกลับเข้ามาในบ้านแล้วพบว่าลูกสาวกำลังเล่นแบดมินตันอยู่กับใครคนหนึ่งที่สนามหญ้าหน้าบ้าน
นี่มันเกิดอะไรขึ้น...
เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
"คุณแม่"
เสียงเรียกของลูกสาวกับการกระโดดหย็อยๆ โบกมือให้ ไม่สามารถฉุดสองขาเรียวให้ก้าวออกจากที่ได้เลย
เป็นไปไม่ได้...เธอจะต้องตาฝาดไปแน่ๆ
"คุณแม่ขา"
หนูน้อยร้องเรียกมารดาซ้ำ เหมือนจะอยู่ไกลแสนไกลสำหรับคนเป็นแม่ แต่พอรู้สึกตัวอีกที เจ้าตัวเล็กก็เข้ามาเขย่าแขนเรียกอยู่ตรงหน้าแล้ว
"คุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ"
พิมพ์อรละสายตาจากบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มบอกถึงชาติกำเนิด ที่ฝังแน่นอยู่ในหัวใจมานานปี ก้มลงมองแก้วตาดวงใจของตน...
ใบหน้าพราวเหงื่อนั้นไม่ได้บอกอาการเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้าม ดวงตากลมโตใสแป๋วที่มองตอบกลับมา กลับอาบไปด้วยความสุข...
และมันมากเสียจนเธออดตกใจไม่ได้
"น้องพายตีแบดฯ กับคุณลุงตั้งแต่บ่ายแล้วค่ะ แล้วตอนเที่ยงเราก็กินข้าวด้วยกันด้วย...คุณลุงบอกว่าเป็นเพื่อนคุณแม่ค่ะ"
ท้ายประโยคออกมา ก็เพราะเห็นว่ามารดาไม่พูดออกมาอะไรสักคำ แล้วก็กลัวมารดาดุด้วยที่เล่นกับคนแปลกหน้า
"น้องพายไปหาป้าตองในบ้านก่อนนะคะ แม่มีเรื่องจะพูดกับคุณ...เอ่อ คุณลุง"
ดวงตาฉายแววเจ็บปวดเหลือบมองเจ้าของร่างสูงใหญ่อยู่อึดใจ ถึงได้ก้มลงบอกกับลูกน้อย
________________________________________________
*เมเยน, มัวมอรอค และ โดมาเนีย เป็นเพียงชื่อสมมุติที่ผู้แต่งตั้งขึ้นมาตามจิตนาการโดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้ในนิยายเท่านั้น ไม่ได้อ้างอิงความเป็นจริงตามหลักประวัติศาสตร์ ความเชื่อ หรือศาสนาในพื้นที่ประเทศใดๆ ทั้งสิ้น
ชารีดา พิมพร อิสมาอีล อาห์เม็ด อุมัร : เพื่อคุณชายวังกุหลาบขาว เธอยอมทำทุกอย่าง หม่อมราชวงศ์เตชิษฏ์ ปารเมศ : เพื่อให้ได้เธอมา มารยา เล่ห์เหลี่ยมใดในโลกหล้า เขาก็พร้อมขุดมาใช้ ---------------------- “อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ” ชารีดาขอร้องเสียงอ่อน เมื่อเขายอมเงยหน้าขึ้นมาสบตา แล้วก็เป็นฝ่ายรั้งเขาลงมาหาเสียเอง โอบกอดเขาเอาไว้ แนบริมฝีปากกับปากหยักสวยของเขา บดเบียดเงอะงะ ขบเม้มสเปะสปะลงบนริมฝีปากบนและล่างอย่างที่เขาเคยสอนอย่างไม่ประสีประสา หากเพียงเท่านั้นก็ทำให้คนเศร้าเสียใจส่งเสียงครางฮือในลำคอได้ไม่ยากเลย โดยเฉพาะเมื่อริมฝีปากอิ่มเผยอออกต้อนรับปลายลิ้นอุ่นนุ่มที่แทรกผ่านเข้าไปในโพรงปากชุ่มชื้น ดูดซับเอาลมหายใจและความฉ่ำหวานเอาไว้เต็มๆ ปลุกอารมณ์หลากหลายในตัวให้ปั่นป่วนพลุ่งพล่านจนไม่อาจยับยั้ง กลิ่นฮอร์โมนเพศชาย กลิ่นกุหลาบขาวหอมกรุ่นจากร่างนุ่มนิ่มของคนใต้ร่าง กลิ่นความรักและความโหยหา กลิ่นตัณหาและความมึนเมาเย้ายวนอยู่รอบตัวสองหนุ่มสาว จนไม่คิดว่าจะมีอะไรมาหยุดยั้งไว้ได้แล้วในตอนนี้.... ชารีดาโน้มใบหน้าคมสันลงแนบชิดยิ่งขึ้น หลังปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายรุกมากว่าห้านาที.... ประสบการณ์สดๆ ร้อนที่เขาเพิ่งสอนไป ถูกนำมาใช้อย่างกระตือรือร้นเมื่อได้สัมผัสและรู้จักกับรสชาติของการจูบอย่างถึงแก่น...เรียวปากอิ่มประกบติดปากได้รูปสวยของเขาอย่างไม่อาจห้ามใจเอาไว้ได้ ละเลียดชิม เลาะเลม ดูดเม้มริมฝีปากบนและล่างของเขาอย่างกระตือรือร้นปนตื่นเต้น ก่อนจะส่งลิ้นนุ่มออกมาเลียไล้แผ่วหวิวจนคนได้รับการเยียวยาครางกระหึ่มด้วยความถูกใจ พอทนไม่ไหว ก็ส่งลิ้นอุ่นนุ่มออกมาเกี่ยวกระหวัด สำรวจกันและกันอย่างไม่มีใครยอมใคร.... สัมผัสความหวานล้ำ ดื่มด่ำ หลงวนอยู่กับความฉ่ำชื้นแสนหวานปานน้ำผึ้งนานตราบเท่าที่ต้องการ จนกระทั่งร่างเล็กสั่นระริกอ่อนระทวย นอนซบร่างแกร่งหนาอย่างคนหมดแรงเมื่อเขาพลิกตัวลงรองรับ โอบกอดเอาไว้แน่นหนาราวกับกลัวว่าเธอจะหนีจาก
สำหรับทิพย์วารีแล้ว เจ้าชายทาริซ วัฟซาลัม อิสมาอีล อาห์เม็ด อุมัร เปรียบดั่งแผ่นฟ้ากว้างใหญ่ สูงไกลสุดเอื้อมถึง แต่เธอจะทำเช่นไร เมื่อฟ้าที่คิดว่าสูงสุดเอื้อม อยากหลอมรวมดวงใจให้แผ่นฟ้าจรดผืนน้ำ...ตลอดไป ------------------ “คนเราถ้าลองได้รักใครสักคน เวลามันไม่สำคัญไปกว่าเรารู้ว่าใจของเราคิดและรู้สึกอย่างไรหรอก...รักก็คือรัก แค่ได้มองสบตา เราก็รู้แล้วว่าใช่ และเราก็ไม่ควรถามหาเหตุผลกับความรักด้วย เพราะเมื่อไหร่ที่เราถามหานั่นหมายความว่าใจของเราเริ่มไม่มั่นคง และเราก็จะไม่มีทางได้คำตอบจากมัน เพราะเราจะคอยหาเหตุผลนั่นนี่มาเข้าข้างตัวเองจนลืมฟังเสียงของหัวใจ...สำหรับเราสองคน ถึงเราเพิ่งรู้จักกัน แต่ผมก็อยากให้น้ำเชื่อใจผม ว่าผมจะไม่เปลี่ยนใจไปจากน้ำแน่ เพราะผมถูกสอนมาตลอดชีวิตว่าเมื่อไหร่ที่ผมเอ่ยคำพูดใดออกไป นั่นหมายความว่ามันจะต้องเป็นไปตามนั้น เพราะฉะนั้นถ้าผมไม่มั่นใจผมจะไม่พูดเด็ดขาด....ผมบอกว่าจะรอ จะให้โอกาสน้ำก็จริง แต่ผมก็จะไม่อยู่เฉย ถ้าหากว่ามีคนอื่นเข้ามาในชีวิตของน้ำ แล้วเวลาไม่กี่วันที่น้ำว่า ผมก็ได้แสดงตัวตนที่แท้จริง และเปิดเผยทุกอย่างกับน้ำจนหมดเปลือก....ถึงตอนนี้ ก็อยู่ที่น้ำแล้ว ว่าจะกล้าวางชีวิตและหัวใจให้ผมดูแลหรือเปล่า” “...ช่วยกอดหน่อยสิคะ” “หือ?”
ชารีฟ อิสมาอีล อาห์เม็ด อุมัร กิวาซ ถูกภรรยาขอหย่าเพราะไม่สามารถมีลูกได้ แต่เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งกลับทำให้เขารู้สึกสะกิดใจเข้าอย่างจัง เขาก็เลยต้องหาทางพิสูจน์... ไม่ใช่กับใครที่ไหน แม่ของหนูน้อยแชรีที่หน้าตาถอดแบบมาจากเขาราวกับแกะนั่นแหละ! -------------- “คุณว่ามันเป็นเรื่องน่าอายไหม ที่ผู้ชายคนหนึ่งรู้ว่าตัวเองเป็นหมัน” “เป็นหมัน!” เสียงแหบแห้งเพราะโดนพิษไข้เล่นงานอุทานออกมาเสียงดังเท่าที่จะดังได้ หญิงสาวยันตัวลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าเขาหน้าตื่น เขาแข็งแรง แข็งแกร่ง สมบูรณ์ไปหมดทุกสัดส่วน และเขาก็เป็นผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาและรูปร่างสวยงามมาก แต่พระเจ้า! เขาบอกว่าเขาเป็นหมัน หมายความว่าจะไม่ใครสามารถสืบต่อกรรมพันธุ์แสนเพอร์เฟกต์นี้ได้อีกต่อไปแม้กระทั่งลูกของเธอ ที่เธออุตส่าห์หมายหมั้นปั้นมือ และเลือกเฟ้นมาแล้วเป็นอย่างดีว่าจะต้องเป็นเขา “อย่ามองผมแบบนี้ แล้วก็ไม่ต้องสงสารผมด้วย” ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจในยามจ้องมองทำให้ชายหนุ่มต้องเอาตัวหญิงสาวลงนอนพิงอกกว้างอีกครั้ง “ทำไมคะ” “ที่ผมเป็นหมันน่ะเหรอ” “ค่ะ” “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะผมเคยประสบอุบัติเหตุก็เป็นได้” “คุณพูดเหมือนไม่มั่นใจ” หญิงสาวท้วง “แล้วใครเป็นคนบอกคุณคะ” “ผมถูกภรรยาขอหย่าเพราะว่าไม่สามารถมีลูกได้ และหมอก็ยืนยันแบบนั้น” “คุณแต่งงานแล้ว” “เคยแต่ง แต่ตอนนี้เราหย่ากันแล้ว” ชารีฟบอกไม่เดือดร้อน “เพราะว่าคุณไม่สามารถมีลูกได้แค่นั้นเองเหรอคะ” ชาลินีเหมือนจะลืมเรื่องของตัวเองไปชั่วคราว เมื่อรู้เรื่องของเขา เขาถามว่าน่าอายไหม สำหรับเธอมันไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย แต่น่าสงสารมากกว่า ผู้ชายที่เพียบพร้อมเพอร์เฟกต์ขนาดนี้ถูกภรรยาขอหย่าเพียงเพราะว่าไม่สามารถมีลูกได้ แล้วแบบนี้จะเรียกว่าความรักและการร่วมชีวิตได้อย่างไร "เพราะแบบนี้ผมถึงบอกว่าคุณสบายใจได้ คุณไม่มีทางท้องแน่นอน” เขาย้ำถึงความเป็นจริง โดยไม่เห็นว่าหญิงสาวหน้าซีดเพียงใดเมื่อได้ยินคำยืนยันจากปากของเขา ไม่มีอะไรให้สงสัยอีกต่อไป... เธอเสียตัวฟรีแน่แล้ว!!
"หนูดีเกลียดพี่ธิษณ์" "ไม่จริงหรอก พี่รู้ว่าในโลกใบนี้จะหาใครที่รักพี่ได้เท่าหนูดีไม่ดีอีกแล้ว" คนรู้ใจบอกอย่างรู้แจ้งเห็นจริงให้คนได้ครอบครองหัวใจพูดอะไรไม่ออก "นาทีนี้พี่ตามใจหนูดีทุกอย่างนั่นแหละ หนูดีจะว่าพี่รักพี่หลงไม่ลืมหูลืมตา หรือจะมองว่าพี่ไม่มีเหตุผล เป็นคนเห็นแก่ตัว หรือว่าเอาแต่ใจยังไงก็ได้ แต่พี่ไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้ว พอกันทีกับความทรมานที่ผ่านมา" พิมดาวพูดอะไรไม่ออกอีกครั้งเมื่อคู่หมั้นจัดเต็มและจริงจังกับการเปิดเปลือยความรู้สึกมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จากที่โกรธที่ไม่พอใจก็กลายเป็นว่าต้องเก็บคำพูดของเขามาคิด แล้วเธอล่ะ ต้องการอะไร
สัญญาในวัยเด็กนำเขาและเธอกลับมาเจอกันอีกครั้ง "นี่ยายฟันกระต่าย หัดเป็นคนคิดมากตั้งแต่เมื่อไหร่หือ...ทีแต่ก่อนขี่คอผมชมสวนทุกวัน ไม่เห็นจะคิดมากเลย" เขาจงใจเท้าความหลังให้อีกฝ่ายเกิดปฏิกิริยา "...ก็ตอนนั้นยังเด็กไง" "อ้อ! ตอนนี้โตแล้ว มีตัวเลือกเยอะ ก็เลยจะถีบหัวส่งเพื่อนวัยเด็กอย่างผม" คีรินทร์จงใจใช้คำพูดยั่วยุเต็มที่ ขณะที่หัวใจก็รู้สึกสดชื่นกระชุ่มกระชวยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ชีวิตของเขาจากนี้คงจะหายเหงาไปเยอะเลยล่ะ หากได้ปะทะคารมกับยายฟันกระต่ายทุกวัน ซุปเปอร์สตาร์คนดังคิดอย่างครึ้มใจ
"ลิลลี่เป็นผู้หญิงนะคะ แล้วก็เป็นสาวแล้ว จะให้เที่ยวมานอนบ้านผู้ชายได้ยังไง" โรมต้องยิ้มบ้าง ไม่ได้เอะใจเลยว่าฝ่ายนั้นกำลังกระตุ้นเตือนตนกลายๆ ว่าให้เขามองเธอเป็นผู้ใหญ่เสียที "พี่ก็ไม่ได้ว่ายังไม่เป็นสาว" ก็เพราะว่าเธอโตเป็นสาวสวยแล้วนี่แหละ จากความเอ็นดูในหัวใจมันถึงได้กลับกลายเปลี่ยนแปลงเป็นความทรมานแทน ที่ได้แต่แอบรัก และเฝ้ามองดอกลิลลี่แสนสวยเติบโตขึ้นทุกวันๆ หลังจากเลี้ยงต้อยเธอด้วยสายตามานานปี
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
หยุนซูแอบหลงรักซู่ โจวหยวนมานานเจ็ดปี แล้ววันหนึ่งก็เกิดเหตุไม่คาดฝันทำให้เธอกลายเป็นคุณนายซู่ขึ้นมา ทุกคนต่างพากันเยาะเย้ยว่าเธอเป็นไก่ป่าที่ได้โผขึ้นไปเกาะบนกิ่งไม้ กลายเป็นนกฟีนิกซ์ในพริบตาเดียว แต่เธอไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นเลย สิ่งที่เธอใส่ใจมีเพียงอย่างเดียว — ก็คือในที่สุด “ซู่ โจวหยวน” ก็กลายเป็นของเธอแล้ว ตอนที่หยุนซูเพิ่งแต่งงานกับซู่ โจวหยวนเธอคิดว่า เขาไม่รักเธอตอนนี้ก็ไม่เป็นไร แค่ในวันข้างหน้าเขาจะรักเธอก็พอแล้ว แต่ซู่ โจวหยวนไม่มีหัวใจ แบบนั้นก็คงไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว เธอทั้งสวย ทั้งรวย ทั้งมีหน้าอกมีเรียวขา แล้วทำไมต้องมาทรมานตัวเองอยู่กับซู่ โจวหยวน ที่เป็นเหมือนหุ่นยนต์ไร้ความรู้สึกด้วยล่ะ? เมื่อหยุนซูได้สติขึ้นมา ก็เอาใบหย่าฟาดใส่หน้าซู่ โจวหยวนตรง ๆ จากนั้นต่างคนก็ต่างไป เขาเดินบนเส้นทางอันสว่างของตัวเอง ส่วนเธอก็เริ่มชีวิตใหม่กับหนุ่มน้อยสุดฮอตของเธอ หลังจากหย่ากันแล้ว ซู่ โจวหยวนก็มักจะเห็นข่าวลือของอดีตภรรยาตัวเองติดอันดับค้นหายอดฮิตอยู่บ่อย ๆ เมื่อวานยังมีข่าวว่าเธอไปดินเนอร์กับมหาเศรษฐีหนุ่มจากวงการเทคโนโลยี วันนี้กลับมีข่าวว่าเธอไปสร้างรังรักกับหนุ่มน้อยสุดฮอตอีกแล้ว??? ซู่ โจวหยวนเหวี่ยงโทรศัพท์ในมืออย่างแรงแล้วตะโกนว่า “ไปให้พ้นกับรังรักบ้า ๆ นั่น! ผู้หญิงคนนั้นเป็นของฉัน!” หยุนซูผู้ใช้ชีวิตอย่างมีสีสันเอ่ยขึ้นว่า “คุณคะ ไม่ทราบว่านามสกุลอะไรเหรอ?”
[นักธุรกิจหนุ่มระดับต้นแสนร้ายกาจ VS นักปรุงน้ำหอมสาวพิการเลอโฉม บริสุทธิ์ทั้งคู่] บุคคลลึกลับส่งคลิปวิดีโอสามีนอกใจมาให้ ทำลายชีวิตที่ดูสงบของยูหยุนหนิง ทำให้เธอเข้าใจเรื่องหนึ่ง คนรักที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กจะหลอกเรา เพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันจะหลอกเรา แต่นายแบบไหล่กว้างเอวคอดขายาวไม่มีทางหลอกเรา เพียงแต่ชายหนุ่มรูปหล่อขายตัวเพื่อเลี้ยงสุนัขคนนี้ กลิ่นน้ำหอมบนตัวของคุณ ทำไมถึงเหมือนกับนักธุรกิจหนุ่มระดับต้นของตระกูลเสี่ยวเลย? * ตอนที่เธอเปล่งประกายเจิดจรัส เขาเป็นลูกที่ถูกทอดทิ้งของตระกูล กล้าแค่ขโมยจูบแรกของเธอในความมืด เมื่อเธอตกจากที่สูง เขาทิ้งทุกอย่างกลับประเทศ แต่กลับเห็นเธอตอบตกลงคำขอแต่งงานของคนอื่นทั้งน้ำตา ตอนเธอถูกหักหลังอย่างเจ็บปวด เขามีอำนาจอยู่ในมือ เขาคือคนที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เป็นคนที่ช่วยชีวิตตอนที่เธอเสี่ยงอันตราย เป็นกำลังใจที่มั่นคงที่สุดของเธอ เมื่อเธอลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เขาคุกเข่าข้างหนึ่ง จริงใจเป็นอย่างมาก “ได้โปรดแต่งงานกับผม” * “อยากรู้ไหมว่า ตอนที่เธอตอบตกลงคำขอแต่งงานของผู้ชายสารเลวคนนั้น ผมกำลังคิดอะไรอยู่? ” “คิดอะไรอยู่เหรอคะ? ” “อย่าให้ผมมีโอกาสนะ” “แล้วถ้าไม่มีโอกาสละคะ? ” “ถ้าอย่างนั้นก็สร้างโอกาสขึ้นมา” เพราะในโลกนี้ ไม่มีใครรักยูหยุนหนิงได้มากกว่าเสี่ยวฉืออีกแล้ว
หลินหลั่งเยี่ยน เป็นลูกสาวที่ได้รับการฝึกฝนอย่างลับๆ จากรัฐ เป็นสาวอัจฉริยะที่ทุกคนในองค์กรอิจฉา มีความสามารถทางการต่อสู้สูงและไม่ยอมใคร แต่มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าพ่อแม่ของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเด็ก ทำให้เธอต้องใช้ชีวิตอยู่กับน้องสาวฝาแฝดของเธอเพียงลำพัง หลังจากผ่านไปเจ็ดปี ในที่สุดรัฐก็อนุมัติอิสรภาพให้เธอ หัวใจของหลินเหลิงเหยียนเต้นระรัวด้วยความคาดหวัง ขณะที่เธอกำลังเดินทางกลับบ้าน แต่เธอกลับต้องพบว่าป้าของเธอใช้ชีวิตอย่างหรูหราในบ้านพักของพ่อแม่ผู้ล่วงลับ ขณะที่น้องสาวของเธอเองกลับถูกบังคับให้นอนในคอกสุนัขและกินของเหลือ ทันใดนั้น เธอพลิกโต๊ะอาหารด้วยความโกรธ ป้าข่มขู่? เธอใช้วิธีการที่เด็ดขาดถอนตัวจากการร่วมมือ จนบริษัทของป้าพังทลายลงอย่างรวดเร็ว! การกลั่นแกล้งในโรงเรียน? เธอปลอมตัวเป็นน้องสาว เข้าไปในโรงเรียนและตัดสินใจสู้ไฟด้วยไฟ จากนั้นเธอก็ถ่ายทอดสดตอนพวกอันธพาลคุกเข่าร้องขอความเมตตา ถูกเยาะเย้ยเรื่องตัวตน? หลินหลั่งเยี่ยนพูดอย่างเย็นชา“ใช่ ฉันก็แค่คนธรรมดา” ในวินาทีถัดมา ครอบครัวที่มีชื่อเสียงมายืนยันว่า“เธอคือลูกสาวคนโตของเรา!” สถาบันวิจัยแห่งชาติ “พวกเราคือเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ!” …… ซือฮานเฟิง ผู้เป็นผู้นำของตระกูลลึกลับ ไม่เคยปรากฏตัวในสายตาสาธารณชน ข่าวลือว่าเขาเป็นคนเยือกเย็นและไร้ความปรานี บางคนเคยเห็นเขายืนสูบบุหรี่ในสถานการณ์ที่น่ากลัว และบางคนก็เห็นเขาฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา แต่ต่อมากลับมีคนเห็นว่าเขาไล่ตามหลินหลั่งเยี่ยนจนถึงมุมกำแพง ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าและความไม่พอใจ “หลั่งเยี่ยน ฉันช่วยเธอจัดการพวกนั้นแล้ว เธอควรจะอยู่เป็นเพื่อนกับฉันบ้างไหม?” “เราไม่ใช่แค่พันธมิตรหรือ?” หลินหลั่งเยี่ยนพูดอย่างงงงวย ซือฮานเฟิงถอนหายใจลึกๆ แล้วจูบเบาๆ บนริมฝีปากของเธอ “ตอนนี้ล่ะ”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY