ชารีดา พิมพร อิสมาอีล อาห์เม็ด อุมัร : เพื่อคุณชายวังกุหลาบขาว เธอยอมทำทุกอย่าง หม่อมราชวงศ์เตชิษฏ์ ปารเมศ : เพื่อให้ได้เธอมา มารยา เล่ห์เหลี่ยมใดในโลกหล้า เขาก็พร้อมขุดมาใช้ ---------------------- “อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ” ชารีดาขอร้องเสียงอ่อน เมื่อเขายอมเงยหน้าขึ้นมาสบตา แล้วก็เป็นฝ่ายรั้งเขาลงมาหาเสียเอง โอบกอดเขาเอาไว้ แนบริมฝีปากกับปากหยักสวยของเขา บดเบียดเงอะงะ ขบเม้มสเปะสปะลงบนริมฝีปากบนและล่างอย่างที่เขาเคยสอนอย่างไม่ประสีประสา หากเพียงเท่านั้นก็ทำให้คนเศร้าเสียใจส่งเสียงครางฮือในลำคอได้ไม่ยากเลย โดยเฉพาะเมื่อริมฝีปากอิ่มเผยอออกต้อนรับปลายลิ้นอุ่นนุ่มที่แทรกผ่านเข้าไปในโพรงปากชุ่มชื้น ดูดซับเอาลมหายใจและความฉ่ำหวานเอาไว้เต็มๆ ปลุกอารมณ์หลากหลายในตัวให้ปั่นป่วนพลุ่งพล่านจนไม่อาจยับยั้ง กลิ่นฮอร์โมนเพศชาย กลิ่นกุหลาบขาวหอมกรุ่นจากร่างนุ่มนิ่มของคนใต้ร่าง กลิ่นความรักและความโหยหา กลิ่นตัณหาและความมึนเมาเย้ายวนอยู่รอบตัวสองหนุ่มสาว จนไม่คิดว่าจะมีอะไรมาหยุดยั้งไว้ได้แล้วในตอนนี้.... ชารีดาโน้มใบหน้าคมสันลงแนบชิดยิ่งขึ้น หลังปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายรุกมากว่าห้านาที.... ประสบการณ์สดๆ ร้อนที่เขาเพิ่งสอนไป ถูกนำมาใช้อย่างกระตือรือร้นเมื่อได้สัมผัสและรู้จักกับรสชาติของการจูบอย่างถึงแก่น...เรียวปากอิ่มประกบติดปากได้รูปสวยของเขาอย่างไม่อาจห้ามใจเอาไว้ได้ ละเลียดชิม เลาะเลม ดูดเม้มริมฝีปากบนและล่างของเขาอย่างกระตือรือร้นปนตื่นเต้น ก่อนจะส่งลิ้นนุ่มออกมาเลียไล้แผ่วหวิวจนคนได้รับการเยียวยาครางกระหึ่มด้วยความถูกใจ พอทนไม่ไหว ก็ส่งลิ้นอุ่นนุ่มออกมาเกี่ยวกระหวัด สำรวจกันและกันอย่างไม่มีใครยอมใคร.... สัมผัสความหวานล้ำ ดื่มด่ำ หลงวนอยู่กับความฉ่ำชื้นแสนหวานปานน้ำผึ้งนานตราบเท่าที่ต้องการ จนกระทั่งร่างเล็กสั่นระริกอ่อนระทวย นอนซบร่างแกร่งหนาอย่างคนหมดแรงเมื่อเขาพลิกตัวลงรองรับ โอบกอดเอาไว้แน่นหนาราวกับกลัวว่าเธอจะหนีจาก
“กลับมาแล้วค่ะ”
เสียงใสๆ ที่เคยได้ยินมาตั้งแต่เล็กจนโต ทำให้คนเป็นแม่หันไปยิ้มกับคนข้างตัวที่ดีดตัวลุกขึ้นทันทีเมื่อเห็นลูกสาวคนสวยเดินแกมวิ่งเข้ามาในห้อง แล้วโผเข้าหาอ้อมแขนของคนเป็นพ่อ
“คิดถึงแด็ดดี๊ที่สุดเลยค่ะ”
แก้มสากของแด็ดดี๊ถูกลูกสาวสุดที่รักหอมฟอดใหญ่ทั้งซ้ายและขวา ก่อนเจ้าตัวจะแกล้งทำหน้าย่นให้เห็นเมื่อสัมผัสกับความสากระคายของไรเครา แต่ถึงกระนั้นก็ยอมเอียงแก้มนุ่มทั้งสองข้างให้คนเป็นพ่อหอมกลับด้วยความเคยชิน แล้วก็ส่งคำพูดสัพยอกไม่ต่างจากทุกครั้ง
“ไม่รู้มามี้ทนได้ยังไง”
“ก็เพราะว่ามามี้รักแด็ดดี๊”
คนเป็นพ่อชิงตอบก่อนที่แม่ของลูกจะได้เปิดปาก
“รักหรือเปล่าคะมามี้”
คำถามของลูกสาวดูคนเป็นพ่อจะลุ้นมากกว่าคนถามซะอีก
“รักจ้ะ”
ชาลินีเดินเข้ามาหาพ่อลูก เมื่อคนเป็นพ่อไม่ยอมปล่อยลูกสาวจากอ้อมแขนง่ายๆ ใบหน้าหวานละมุนเต็มไปด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข
“กลับมาคราวนี้จะอยู่กี่วันดีจ๊ะ”
หลังเรียนจบปริญญาโทและคุณย่าเสียเมื่อสองปีก่อน ลูกสาวคนเดียวของเธอก็จะอยู่ที่ปารีสเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะธุรกิจทั้งหมดของตระกูลรูเพิร์ตคนเป็นย่ายกให้อยู่ในความดูแลของหลานสาวสุดที่รักทั้งหมด โดยมีคนเป็นพ่อนั่งเป็นที่ปรึกษาให้อยู่ที่ซีเรียนอน
“อยู่จนกว่าแด็ดดี๊กับมามี้จะไล่กลับเลยค่ะ”
“แล้วแบบนี้ผมจะถูกไล่ด้วยไหมครับนี่”
เสียงห้าวทุ้มปนขี้เล่นดังขึ้นพร้อมกับไฟในห้องถูกดับลง...
เจ้าชายคนเดียวของบ้านวัยสิบแปดปี แต่ความสูงเกือบหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรเข้ามาในห้องพร้อมกับเค้กวันเกิดและเสียงเพลงอวยพรวันเกิดดังสอดประสานทำให้คนเป็นพ่อที่ยืนกอดลูกสาวกับภรรยาเอาไว้คนละข้างเผยยิ้มออกมาด้วยความสุขไม่ต่างจากทุกครั้งที่ครอบครัวได้มาอยู่กันพร้อมหน้า
“มีความสุขมากๆ นะคะ”
ชาลินีจรดจมูกลงบนแก้มสากของสามีพร้อมคำอวยพร หลังสามีก้มลงเป่าเทียนบนเค้กที่ลูกชายถือมาเรียบร้อย
“ผมมีความสุขทุกวันที่มีคุณอยู่ด้วยจ้ะ...ผมรักคุณ”
แก้มนุ่มถูกจมูกโด่งของสามีจุมพิตอวดสายตาของลูกๆ ที่พากันมองยิ้มๆ
“หนูก็ขอให้แด็ดดี๊มีความสุขมากๆ นะคะ เป็นแด็ดดี๊ที่น่ารักของพวกเราแบบนี้ตลอดไป...หนูรักแด็ดดี๊ค่ะ”
อวยพรเสร็จแก้มสากก็ถูกลูกสาวคนสวยหอมอีกฟอดใหญ่
“แด็ดดี๊ก็รักแชรีลูก”
“สาวๆ อวยพรกันแล้ว ขอผมอวยพรบ้างนะครับ...ขอให้ท่านพ่อมีความสุข สุขภาพแข็งแรง แล้วก็อยู่กับพวกเราไปอีกนานแสนนานเลยนะครับ”
ลูกชายตรงเข้าสวมกอดร่างสูงใหญ่ของบิดาด้วยความคุ้นเคย
“ขอบใจลูก”
เซอร์ไพรส์เล็กๆ น้อยๆ แต่สร้างความสุขในใจให้กับเจ้าของแคว้นไซตาร์มากมาย หลังจากเมื่อเช้าโทร.ไปหาลูกสาวคนสวยที่ปารีส แล้วเจ้าตัวบอกว่ายุ่งมากมายกับงานในความรับผิดชอบ และเดือนนี้คงไม่ได้กลับซีเรียนอน ขณะที่ลูกชายคนเดียวซึ่งเรียนอยู่ที่อังกฤษ ก็บอกว่ามีเทสย่อยและกำลังมุ่งมั่นกับการท่องหนังสือสอบ
ที่แท้แม่ลูกก็ร่วมมือกันทำเซอร์ไพรส์
“คราวนี้ใครเป็นคนต้นคิด จะได้ให้รางวัลถูกคน”
สองพี่น้องยกมือขึ้นราวกับนัดกันเอาไว้ แต่เป็นอันรู้กันว่า ศูนย์รวมความรักของทุกคนในบ้าน เป็นคนจัดการทั้งหมดอีกเช่นเคย
“ขอบคุณครับ”
เรียวปากอุ่นจุมพิตเรียวปากนุ่มของภรรยาแผ่วเบา บอกตัวเองไม่ต่างจากทุกวันว่าเขาโชคดีมากมายที่ได้เธอมาอยู่เคียงข้าง แล้วก็ได้ลูกสาวกับลูกชายที่น่ารักทั้งสองคนมา
“แล้วของขวัญแด็ดดี๊”
คนเป็นพ่อหันไปทวงของขวัญกับลูกสาวสุดรักสุดหวง
“อยู่ในกระเป๋าค่ะ หอบมาเต็มเลย”
“อืม ท่าทางปีนี้จะได้ของชิ้นใหญ่”
คนเป็นพ่อรับมุก
“ใหญ่มากค่ะ ประมาณค่าไม่ได้เลย ของขวัญของแชรีคือ ‘ความคิดถึง’ ค่ะ ให้แด็ดดี๊หมดใจเลย”
ใบหน้าขาวใสแหงนเงยขึ้นออดอ้อน ยิ้มประจบบิดาด้วยท่าที่ทุกคนคุ้นเคย
“อืม..ประมาณค่าไม่ได้จริงๆ ด้วย แถมยังไม่ต้องลงทุนอีกต่างหาก”
คุณพ่อวัยหกสิบเอ่ยยิ้มๆ เพราะเป็นคนบอกลูกทั้งสองคนเองว่าไม่ให้ซื้อของขวัญวันเกิดให้ เพราะมีทุกอย่างครบหมดแล้วจนไม่นึกอยากได้อะไร...
พอไม่มีของขวัญเป็นวัตถุ วันเกิดทุกๆ ปีเขาก็จะได้ของขวัญเป็นความรัก ความคิดถึง ความห่วงใย ความสดใส ความสุข ความสมหวัง แล้วแต่ว่าลูกคนไหนจะหอบเอาความรู้สึกใดมาให้ในแต่ละปี
“ปีนี้ผมให้ความรักครับ”
ลูกชายบอกกับบิดาด้วยท่าทีเขินๆ
“ว้าว! ท่าทางเจ้าชายน้องจะมีความรักซะแล้วมั้งคะมามี้”
พี่สาวแซวเสียงใสพร้อมกับหันไปหาแนวร่วม
แม้สองพี่น้องจะอายุห่างกันถึงเจ็ดปี และไม่ค่อยจะได้อยู่ด้วยกันเท่าไหร่ เพราะชารีดาไปอยู่กับคนเป็นย่าที่ปารีสเสียเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่คนเป็นน้องชายก็ถูกเลี้ยงดูมาอย่างเข้มงวด และถูกเตรียมความพร้อมในทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการศึกษาหรือว่าการฝึกวิชาการทหารและการสู้รบต่างๆ ในทุกรูปแบบ ในฐานะพระโอรสบุญธรรมขององค์เหนือหัวของซีเรียนอนผู้เป็นพระปิตุลา แต่ถึงแม้จะทรงพระยศเจ้าชาย แต่ก็ไม่เคยแสดงพระองค์กับบุคคลภายนอก
ดังนั้น นอกจากคนในครอบครัวแล้วก็แทบจะไม่มีใครรู้เลยว่าทรงเป็นเจ้าชายอีกพระองค์ของซีเรียนอน หรือบางทีแม้แต่พระองค์เองก็ทรงลืมไปแล้วเหมือนกันว่าทรงดำรงพระยศใด เพราะโปรดการใช้ชีวิตเยี่ยงคนทั่วไปในฐานะ ‘ผู้ชาย’ ธรรมดาคนหนึ่ง มากกว่า ‘เจ้าชาย’
สำหรับทิพย์วารีแล้ว เจ้าชายทาริซ วัฟซาลัม อิสมาอีล อาห์เม็ด อุมัร เปรียบดั่งแผ่นฟ้ากว้างใหญ่ สูงไกลสุดเอื้อมถึง แต่เธอจะทำเช่นไร เมื่อฟ้าที่คิดว่าสูงสุดเอื้อม อยากหลอมรวมดวงใจให้แผ่นฟ้าจรดผืนน้ำ...ตลอดไป ------------------ “คนเราถ้าลองได้รักใครสักคน เวลามันไม่สำคัญไปกว่าเรารู้ว่าใจของเราคิดและรู้สึกอย่างไรหรอก...รักก็คือรัก แค่ได้มองสบตา เราก็รู้แล้วว่าใช่ และเราก็ไม่ควรถามหาเหตุผลกับความรักด้วย เพราะเมื่อไหร่ที่เราถามหานั่นหมายความว่าใจของเราเริ่มไม่มั่นคง และเราก็จะไม่มีทางได้คำตอบจากมัน เพราะเราจะคอยหาเหตุผลนั่นนี่มาเข้าข้างตัวเองจนลืมฟังเสียงของหัวใจ...สำหรับเราสองคน ถึงเราเพิ่งรู้จักกัน แต่ผมก็อยากให้น้ำเชื่อใจผม ว่าผมจะไม่เปลี่ยนใจไปจากน้ำแน่ เพราะผมถูกสอนมาตลอดชีวิตว่าเมื่อไหร่ที่ผมเอ่ยคำพูดใดออกไป นั่นหมายความว่ามันจะต้องเป็นไปตามนั้น เพราะฉะนั้นถ้าผมไม่มั่นใจผมจะไม่พูดเด็ดขาด....ผมบอกว่าจะรอ จะให้โอกาสน้ำก็จริง แต่ผมก็จะไม่อยู่เฉย ถ้าหากว่ามีคนอื่นเข้ามาในชีวิตของน้ำ แล้วเวลาไม่กี่วันที่น้ำว่า ผมก็ได้แสดงตัวตนที่แท้จริง และเปิดเผยทุกอย่างกับน้ำจนหมดเปลือก....ถึงตอนนี้ ก็อยู่ที่น้ำแล้ว ว่าจะกล้าวางชีวิตและหัวใจให้ผมดูแลหรือเปล่า” “...ช่วยกอดหน่อยสิคะ” “หือ?”
ชารีฟ อิสมาอีล อาห์เม็ด อุมัร กิวาซ ถูกภรรยาขอหย่าเพราะไม่สามารถมีลูกได้ แต่เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งกลับทำให้เขารู้สึกสะกิดใจเข้าอย่างจัง เขาก็เลยต้องหาทางพิสูจน์... ไม่ใช่กับใครที่ไหน แม่ของหนูน้อยแชรีที่หน้าตาถอดแบบมาจากเขาราวกับแกะนั่นแหละ! -------------- “คุณว่ามันเป็นเรื่องน่าอายไหม ที่ผู้ชายคนหนึ่งรู้ว่าตัวเองเป็นหมัน” “เป็นหมัน!” เสียงแหบแห้งเพราะโดนพิษไข้เล่นงานอุทานออกมาเสียงดังเท่าที่จะดังได้ หญิงสาวยันตัวลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าเขาหน้าตื่น เขาแข็งแรง แข็งแกร่ง สมบูรณ์ไปหมดทุกสัดส่วน และเขาก็เป็นผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาและรูปร่างสวยงามมาก แต่พระเจ้า! เขาบอกว่าเขาเป็นหมัน หมายความว่าจะไม่ใครสามารถสืบต่อกรรมพันธุ์แสนเพอร์เฟกต์นี้ได้อีกต่อไปแม้กระทั่งลูกของเธอ ที่เธออุตส่าห์หมายหมั้นปั้นมือ และเลือกเฟ้นมาแล้วเป็นอย่างดีว่าจะต้องเป็นเขา “อย่ามองผมแบบนี้ แล้วก็ไม่ต้องสงสารผมด้วย” ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจในยามจ้องมองทำให้ชายหนุ่มต้องเอาตัวหญิงสาวลงนอนพิงอกกว้างอีกครั้ง “ทำไมคะ” “ที่ผมเป็นหมันน่ะเหรอ” “ค่ะ” “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะผมเคยประสบอุบัติเหตุก็เป็นได้” “คุณพูดเหมือนไม่มั่นใจ” หญิงสาวท้วง “แล้วใครเป็นคนบอกคุณคะ” “ผมถูกภรรยาขอหย่าเพราะว่าไม่สามารถมีลูกได้ และหมอก็ยืนยันแบบนั้น” “คุณแต่งงานแล้ว” “เคยแต่ง แต่ตอนนี้เราหย่ากันแล้ว” ชารีฟบอกไม่เดือดร้อน “เพราะว่าคุณไม่สามารถมีลูกได้แค่นั้นเองเหรอคะ” ชาลินีเหมือนจะลืมเรื่องของตัวเองไปชั่วคราว เมื่อรู้เรื่องของเขา เขาถามว่าน่าอายไหม สำหรับเธอมันไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย แต่น่าสงสารมากกว่า ผู้ชายที่เพียบพร้อมเพอร์เฟกต์ขนาดนี้ถูกภรรยาขอหย่าเพียงเพราะว่าไม่สามารถมีลูกได้ แล้วแบบนี้จะเรียกว่าความรักและการร่วมชีวิตได้อย่างไร "เพราะแบบนี้ผมถึงบอกว่าคุณสบายใจได้ คุณไม่มีทางท้องแน่นอน” เขาย้ำถึงความเป็นจริง โดยไม่เห็นว่าหญิงสาวหน้าซีดเพียงใดเมื่อได้ยินคำยืนยันจากปากของเขา ไม่มีอะไรให้สงสัยอีกต่อไป... เธอเสียตัวฟรีแน่แล้ว!!
"หนูดีเกลียดพี่ธิษณ์" "ไม่จริงหรอก พี่รู้ว่าในโลกใบนี้จะหาใครที่รักพี่ได้เท่าหนูดีไม่ดีอีกแล้ว" คนรู้ใจบอกอย่างรู้แจ้งเห็นจริงให้คนได้ครอบครองหัวใจพูดอะไรไม่ออก "นาทีนี้พี่ตามใจหนูดีทุกอย่างนั่นแหละ หนูดีจะว่าพี่รักพี่หลงไม่ลืมหูลืมตา หรือจะมองว่าพี่ไม่มีเหตุผล เป็นคนเห็นแก่ตัว หรือว่าเอาแต่ใจยังไงก็ได้ แต่พี่ไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้ว พอกันทีกับความทรมานที่ผ่านมา" พิมดาวพูดอะไรไม่ออกอีกครั้งเมื่อคู่หมั้นจัดเต็มและจริงจังกับการเปิดเปลือยความรู้สึกมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จากที่โกรธที่ไม่พอใจก็กลายเป็นว่าต้องเก็บคำพูดของเขามาคิด แล้วเธอล่ะ ต้องการอะไร
สัญญาในวัยเด็กนำเขาและเธอกลับมาเจอกันอีกครั้ง "นี่ยายฟันกระต่าย หัดเป็นคนคิดมากตั้งแต่เมื่อไหร่หือ...ทีแต่ก่อนขี่คอผมชมสวนทุกวัน ไม่เห็นจะคิดมากเลย" เขาจงใจเท้าความหลังให้อีกฝ่ายเกิดปฏิกิริยา "...ก็ตอนนั้นยังเด็กไง" "อ้อ! ตอนนี้โตแล้ว มีตัวเลือกเยอะ ก็เลยจะถีบหัวส่งเพื่อนวัยเด็กอย่างผม" คีรินทร์จงใจใช้คำพูดยั่วยุเต็มที่ ขณะที่หัวใจก็รู้สึกสดชื่นกระชุ่มกระชวยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ชีวิตของเขาจากนี้คงจะหายเหงาไปเยอะเลยล่ะ หากได้ปะทะคารมกับยายฟันกระต่ายทุกวัน ซุปเปอร์สตาร์คนดังคิดอย่างครึ้มใจ
"ลิลลี่เป็นผู้หญิงนะคะ แล้วก็เป็นสาวแล้ว จะให้เที่ยวมานอนบ้านผู้ชายได้ยังไง" โรมต้องยิ้มบ้าง ไม่ได้เอะใจเลยว่าฝ่ายนั้นกำลังกระตุ้นเตือนตนกลายๆ ว่าให้เขามองเธอเป็นผู้ใหญ่เสียที "พี่ก็ไม่ได้ว่ายังไม่เป็นสาว" ก็เพราะว่าเธอโตเป็นสาวสวยแล้วนี่แหละ จากความเอ็นดูในหัวใจมันถึงได้กลับกลายเปลี่ยนแปลงเป็นความทรมานแทน ที่ได้แต่แอบรัก และเฝ้ามองดอกลิลลี่แสนสวยเติบโตขึ้นทุกวันๆ หลังจากเลี้ยงต้อยเธอด้วยสายตามานานปี
เธอคือคนที่เขาเลือกแล้วที่จะหายใจร่วมกันไปจนวันตาย "นะจ๊ะ...อย่ารออีกเลยนะ ผมบอกเรื่องของเรากับคุณพ่อคุณแม่แล้ว แล้วท่านก็อนุญาตแล้วด้วย" คำบอกเล่าของเขา ทำให้มาธวีมองใบหน้าคมด้วยความแปลกใจปนค้นคว้ากลายๆ เพราะไม่คิดว่าแม่ของเขาจะยอมรับเธอได้ง่ายๆ "ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่ที่เมย์แล้วว่าจะเห็นผมเป็นทางผ่าน ของเล่นชั่วคราว หรือว่า...เพื่อนคลายเหงา" ถ้าตอนที่เขาพูดไม่มีรอยยิ้มติดอยู่ที่ริมฝีปาก คงไม่แค่เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อเท่านั้น ที่จะตามมาหลังคำพูดของคนกวนประสาท "แล้วถ้าเห็นเป็นทางผ่าน" สายตาของเขาทำให้มาธวีนึกอยากเอาคืนเขาบ้าง ทั้งที่ตอนนี้เวลาล่วงเลยเที่ยงคืนมาแล้ว "ก็รักแบบผ่านๆ" พอได้คำตอบกับจุมพิตเฉียดฉิวบนริมฝีปาก คนถามก็แทบจะกลั้นยิ้มไม่อยู่ "แล้วถ้าเห็นเป็นของเล่นชั่วคราว" "ก็รักกันชั่วคราว...จากนี้ไปถึงเช้า" ริมฝีปากสีหวานแยกยิ้ม เมื่อได้คำตอบ... ชั่วคราวของเขา หลายชั่วโมงน่าดูเลย "แล้วเพื่อนคลายเหงา" "ก็รักกันทุกครั้งที่ผมรู้สึกเหงา...แล้วผมก็สะสมความเหงาเอาไว้ตั้งแต่เราจากกัน เมย์ลองคิดดูสิว่าจะรักผมกี่ครั้ง ความเหงาถึงจะหมดไปจากใจผม...แต่ถ้ารับผมเป็นสามี เมย์ไม่ต้องรักผมเลย" "...?" "เดี๋ยวผมรักเมย์เอง"
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"