เพียงแค่เห็นเธอครั้งแรก "โดมินิค" ก็บอกกับตัวเองว่า เขาจะต้องได้สาวสวยแต่งตัวเซ็กซี่ผู้นี้มาเป็นหนึ่งในผู้หญิงของเขาให้ได้ ในระยะเวลาที่เขาทำงานอยู่ที่ไทย เขาพยายามหาวิธีเพื่อจะได้เธอมา แต่เหมือนสวรรค์เข้าข้างเทพบุตรอย่างเขาเสมอ เมื่อแม่เลี้ยงของเธอติดหนี้การพนันที่กาสิโนของเขาในจำนวนไม่น้อย อย่างไรเขาก็ต้องได้ร่างบางของสาวสวยสุดเซ็กซี่ไม่แพ้ดาวยั่วมาแนบอกไว้นอนกอดข้างกายอย่างแน่นอน! “จะไปไหน!” โดมินิคจับร่างบางนั่งลงโซฟาตัวเดิมที่เขาผลักเธอลงไปนั่งตั้งแต่แรก “ฉันจะกลับ! ปล่อย!” “คิดจะกลับไปอ่อยไอ้ดนัยหรือใครล่ะ” “ทำไมฉันจะต้องทำอย่างนั้นด้วย ในเมื่อสมองของฉันมันไม่ได้มีแต่เรื่องพันธ์นั้น” เธอไม่ยอมแพ้เช่นกัน “เหรอ!! ไม่คิดแต่ไปงานกับมันแต่งตัวซะสวยเลยหรือว่าจะไปอ่อยผู้ชายในงาน” -เพี๊ยะ!!!!- มือบางปะทะลงบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างเต็มแรงโมโห “จำไว้เลยนะ! ถึงฉันจะจนแต่ฉันก็ไม่เคยคิดขายศักดิ์ศรีตัวเองกิน” นิต้าตะคอกใส่หน้าชายหนุ่ม แม้ในใจจะกลัวเขาก็ตาม “หึ!! แล้วไอ้ที่ยอมเป็นนางบำเรอผม คุณไม่คิดว่าบ้างเหรอว่าไอ้ศักดิ์ศรีของคุณมันก็ไม่มีอยู่แล้ว” “คุณต่างหากบังคับฉัน เลิกยุ่งกับฉันสักที!!” “แต่ผมยังได้คุณไม่พอใจเลย เพราะฉะนั้นคุณก็ยังไปไหนไม่ได้” ริมฝีปากหนาฉกลงมาจูบปากบางแรงอย่างพร้อมกับผลักร่างบางลงนอนกับโซฟาตัวยาว นิต้าไม่ดิ้นเธอนิ่งให้เขาทำตามที่ต้องการให้พอ ลิ้นร้อนสอดเข้ามาในโพรงปากเล็กซอกไซ้ไปตามซี่ฟัน แรงจูบเอาแต่ใจไม่อ่อนโยน หญิงสาวรู้สึกถึงคาวเลือด ไม่บอกก็รู้ว่าปากเธอแตกจากรสจูบของอสูรร้าย
ร่างบางก้าวลงจากรถสปอร์ตสีแดงเพลิงเมื่อถึงที่หมาย ในขณะที่เดินเข้าไปในรั้วบ้านหลังขนาดกลาง หญิงสาวเหลือบเห็นรถเก๋งคันหรูราคาแพงนับสิบคันมาจอดเรียงรายอยู่หน้าบ้านเธอ ดูจากราคาแล้วรถสปอร์ตของเธอที่ว่าหรูแล้วยังเทียบไม่ติด ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้นกับแม่เลี้ยงของเธอกันแน่ ทำไมถึงได้มีรถคันหรูพวกนี้มาจอดเต็มไปหมด แล้วยังมีชายฝรั่งใส่สูทสีดำแต่งตัวเหมือนบอดี้การ์ดมายืนกันไปทั่วบริเวณบ้าน
“ยัยต้า!!” หญิงวัยกลางคนเรียกชื่อนิต้าซึ่งเป็นลูกเลี้ยงทันทีที่หญิงสาวก้าวเข้ามาภายในตัวบ้าน
“คุณพรพรรณ! นี่มันเกิดอะไรขึ้น” นิต้าร้องถามด้วยความตกใจ เมื่อเห็นแม่เลี้ยงตนนั่งก้มหน้าบนโซฟาในห้องรับแขก โดยมีผู้ชายร่างสูงใหญ่ใส่สูทเป็นบอดี้การ์ดยืนล้อมและบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับแม่เลี้ยงเธอก็มีผู้ชายอีกคนอยู่ในชุดสูทราคาแพง นั่งอยู่ในท่าสบายโดยไม่คิดที่จะเปรยตาขึ้นมามองดูเธอ
“คุณ!...” ใบหน้าเรียวคมกับดวงตาสีน้ำตาลหันมาจ้องมองเธอทันที ท่าทางนิ่งแบบนี้ หน้าตาแบบนี้เธอจำได้ว่าเขาคือท่านประธานใหญ่ของโรงแรม แคโรว์เวล กรุ๊ป ที่เธอเข้าไปเสนอราคาสินค้านำเข้าให้เมื่ออาทิตย์ก่อน เธอจำสายตาที่เขามองมายังเธอได้ดีดวงตาสีน้ำตาลอ่อนดุคู่นั้นนิต้าไม่ชอบเวลาที่เขามองมาด้วยสายตาเจ้าชู้
“สวัสดีครับ เจอกันอีกแล้วนะ” หนุ่มลูกครึ่งอิตาลี-รัสเซียเอ่ยทักทายหญิงสาวที่เขาก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้เจอเธอที่นี่ คนถูกทักมีสีหน้าสับสนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมท่านประธานใหญ่ของแคโรว์เวลถึงได้มาอยู่ที่บ้านเธอได้ มีเรื่องอะไรกันดูสีหน้าคุณพรพรรณแม่เลี้ยงของเธอ กำลังกลัวเขาจนตัวสั่น
“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!”นิต้าเอ่ยถามขึ้นมาอย่างข้องใจอย่างมากส่วนคนถูกถามกลับยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาก่อนจะขยับริมฝีปากตอบคำถามเธอ
“ผมมาทวงหนี้กับลูกหนี้ที่เบี้ยวจ่ายมานาน” เขาตอบเสียงนิ่งดุ “...จริงไหมครับมิสพรพรรณ” ชายหนุ่มพูดพร้อมหันมาจ้องหน้าสีเผือดแม่เลี้ยงของหญิงสาว
“ทวงหนี้!!” หญิงสาวร้องอุทานออกมา โดมินิคพยักหน้าเบาๆให้เธอ “แม่เลี้ยงฉันไปเป็นหนี้คุณตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่รู้เรื่องนี้เลย” น้ำเสียงเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดออกมา ก่อนจะหันหน้าไปทางแม่เลี้ยงของเธอ
“ว่าไงคะ คุณพรพรรณ คุณไปติดหนี้เขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“คะ...คือ” คนเป็นแม่เลี้ยงไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตานิต้าได้แต่อ้ำอึ้งไม่ยอมพูดออกมา
“คุณคงไม่รู้สินะ ว่าแม่ของคุณติดหนี้กาพนันที่คาสิโนผม”หนุ่มลูกครึ่งบอกเสียเองตัดความรำคาญ
“อะไรนะ!..นี่คุณพรพรรณติดหนี้พนันงั้นเหรอ” หญิงสาวหันไปมองแม่เลี้ยงด้วยความผิดหวัง ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าแม่เลี้ยงเธอจะติดการพนัน มิน่าเงินที่เธอโอนให้ทุกเดือนถึงไม่มีเก็บเลยเพราะอย่างนี้นี่เอง
“ละ...แล้วคุณติดเขาเท่าไหร่”
“ว่าไงคุณมิสพรพรรณ ตอบลูกสาวคนสวยของคุณไปสิ ว่าคุณติดผมเท่าไหร่”
“สิ...สิบห้าล้าน”
“สิบห้าล้าน!” พระเจ้า! นิต้าอยากเป็นลมแม่เลี้ยงเธอติดหนี้ผู้ชายคนนี้ตั้งสิบห้าล้าน เธอจะเอาปัญญาที่ไหนไปจ่าย งานที่เธอทำได้เงินมากก็จริง แต่ในแต่ละเดือนเธอก็ต้องกินต้องจ่าย แล้วยังจะโอนให้พรพรรณไหนจะโอนให้น้องสาวที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัยอีก
“ใช่ สิบห้าล้าน ผมมาทวงว่าเมื่อไหร่ผมจะได้เงินสิบห้าล้านของผมคืน” คนพูดเหมือนว่าเขาไม่ได้ทุกข์ร้อนกับเงินที่เขามาทวงเลย เหมือนมันไม่ใช่เงินจำนวนมากมายอะไร ก็ใช่น่ะสิ สำหรับเขาแล้ว โดมินิค แคโรว์เวลมันอาจจะน้อย
“แกมีไหมนังต้า...ถ้ามีก็จ่ายเขาไปสิ” พรพรรณพูดเหมือนไม่รู้สึกอะไร
“คุณพรพรรณ!” นิต้าหันมาเรียกชื่อคนผิดที่ไม่รู้สึกว่านางผิด
“ถ้าแกมี แกก็จ่ายๆ เขาไปแทนฉันสินังต้า เรื่องมันจะได้จบๆ ไปไง” พรพรรณทำเสียงสูงใส่ลูกเลี้ยง
“คุณพรพรรณ!ทำไมคุณพูดเหมือนเงินสิบห้าล้านมันน้อยอย่างนั้นล่ะ” หญิงสาวพูดออกมาอย่างเหลืออด
ฟรานเชสโก้ ต้องการเพียงความสุขจึงใช้คำว่ารักหลอกล่อเพื่อรั้งให้อยู่กับเขานานที่สุดหรือจนกว่า… “ฉันยังไม่เบื่อ! เธอก็ไม่มีสิทธิ์ไปจากอกฉันได้นาตาเชีย” เธอ นาตาเชีย ต้องการความรักและเมื่อเขาให้ไม่ได้ เธอจึงคิดจะไป “นาตาเชีย ผมสั่งให้คุณหยุด” เสียงห้าวของชายหนุ่มดังไล่หลังเธอออกมา เขาพยายามเรียกให้เธอหยุดแต่เธอหยุดไม่ได้เพราะในเวลานี้น้ำตาเจ้ากรรมมันไหลออกมาเต็มสองแก้ม ไม่อยากให้เขาเห็นว่าเธอร้องไห้ "อย่าไปจากผมเลยนะ อยู่กับผมเถอะ คุณเป็นของผมนะ ผมไม่ยอมให้คุณไปไหนทั้งนั้น”
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้