“ไอ้พี่ระยำ! แกทำอะไรแววฉันจะฆ่าแก! แล้วนี่แววอยู่ไหนหา! บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าเอาแววไปไว้ไหน?” “นั่นเสียงคุณทศนี่?” นอกจากความงุนงงว่าทศยุทธ์มาได้ยังไง ความสงสัยใคร่รู้ยังมากพอที่จะชะงักเท้าที่เกือบจะวิ่งออกไปหาชายหนุ่มทั้งสอง เมื่อมีเสียงถามฟังใจเย็นขัดขึ้น “ทำไมนายถึงคิดว่าอวภาส์จะมาอยู่ที่นี่?” “ไม่อยู่ที่นี่แล้วจะไปอยู่ไหน เจ้าของร้านขายข้าวที่อยู่ข้างหอพักแววบอกว่าเห็นแววขึ้นรถมากับผู้ชายคนหนึ่ง จากที่ฟังบรรยายรูปร่างหน้าตาไม่น่าเป็นคนอื่นไปได้ พี่ทำอย่างนี้ได้ยังไง...” “ฉันทำอะไรไม่ทราบ?” “ยังจะถามอีกรึก ก็ที่คิดจะแก้แค้นผม อาจจะรวมถึงแม่ของผมด้วยผ่านแววนะสิ อย่านึกว่าผมไม่รู้เท่าทันนะ พี่กับคุณแม่ของพี่ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก เห็นแก่ตัว ใจดำ! ใครจะเป็นจะตายไม่สนขอให้ตัวเองได้สะใจเป็นพอ พี่รู้ว่าผมรักแววใช่ไหมล่ะ? พอผมไม่อยู่ก็เลยฉวยโอกาสหลอกล่อให้แววหลวมตัวหลวมใจ พอได้สมใจแล้วก็คงเขี่ยทิ้ง จะความสาวความบริสุทธิ์อะไรยังไงก็คงไม่มีความหมายสำหรับพี่ ในเมื่อสิ่งที่พี่ต้องการคืออยากให้ผมเจ็บใจ อาจจะหวังเลยไปว่าถ้าผมไม่มีความสุข แม่ผมก็คงพลอยทุกข์ไปด้วยล่ะสิ!” “ก็ดูเหมือนว่านายจะมองอะไรๆ ได้ทะลุปรุโปร่งนี่” เสียงที่เคยมีกังวานทุ้มนุ่มน่าฟัง บัดนี้นอกจากจะฟังกระด้างเย็นชา ยังเต็มไปด้วยแววหยันเยาะ “คุณยอมรับอย่างนั้นหรือคะ ว่าที่ผ่านมาคุณมีวัตถุประสงค์แค่ให้ได้ตัวแวว เพื่อคุณจะได้แก้แค้นคุณทศ ซึ่งแววก็ไม่รู้ว่าคุณสองคนมีเรื่องแค้นเคืองอะไรกัน?” “แวว...” ทศยุทธ์แทบจะผวาเข้าไปหาหญิงสาว “ถ้าอยากเชื่ออย่างนั้นก็ตามใจ” มัชฌันหันมาตอบคนที่เข้ามาหยุดอยู่เบื้องหลังเขาด้วยเสียงห้วน ประกายตาไม่เหลือแววหวานๆ หรือแม้แต่กระแสอ่อนเอื่อยอีกต่อไป อวภาส์เห็นว่าการที่เขาไม่แก้ตัว เท่ากับเป็นการยอมรับ หล่อนมองเขาอย่างไม่เชื่อตา <> หล่อนไม่คิดจะรักใครง่ายๆ แต่จำต้องยอมรับกับตัวเองว่า หัวใจที่เคยอิสระไม่ยอมแม้แต่จะแง้มเปิดรับชายใด บัดนี้ ไม่เพียงแต่แง้มรับ หากเปิดกกว้างให้ผู้ชายคนนี้ก้าวเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย แล้วเขาก็ทำให้หล่อนดำดิ่งสู่นรกานต์ ฝากนิยาย “พันแสงจันทร์” ด้วยนะคะ^^__^^