เขากลับมาเพื่อขอโทษ เธอไม่โกรธ แต่ไม่ให้อภัย โรมัน หรือ โรม ซาโรนอฟ มาเฟียหนุ่มลูกครึ่งไทย-รัสเซียเข้าใจผิดคิดว่า สันทิญา นักศึกษาสาวที่มาเที่ยวผับกับเพื่อนในคืนนั้นเป็นนางนกต่อของคู่อริ เขาขืนใจและปล่อยเธอไป หากแต่เจ้าพ่อเหมืองเพชรอันดับต้นของยุโรปกลับไม่อาจสลัดความบริสุทธิ์ของแม่นกต่อสาวทิ้งไปได้ เขาสืบหากระทั่งได้พบเธออีกครั้ง และได้พบว่าสันทิญาอยู่กับ มณี หรือ มินนี่น้อย ลูกของเธอซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุสี่ขวบ โรมันแน่ใจว่ามินนี่คือสายเลือดของเขาที่เธอเก็บเอาไว้ เขากลับมาคราวนี้เพื่อขอโทษ สันทิญาบอกว่าไม่โกรธ แต่...เธอไม่มีวันให้อภัย แล้วมาเฟียตัวพ่อจะทำยังไงเพื่อให้ได้ใจเธอกับลูกกลับคืน
“คูมแม่...อีกนานม๊ายคะ...ได้เวลาแล้วคะ...คูมแม่”
เสียงแจ้ว ๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยที่นั่งอยู่ข้างกองผ้าและคอยดูหญิงสาวที่กำลังเลือกชุดซานตาคลอสหลายแบบบนราวแขวนดังขึ้น สันทิญาหันกลับมาแล้วยิ้มเผล่
“แป๊บเดียวค่ะลูก...แป๊บเดียวน๊า...แม่กำลังหาชุดที่มันเหมาะกับลูก” พูดพลางปาดเหงื่อที่ไหลลงมาจากขมับทั้งที่ในห้องนั้นเปิดแอร์เย็นฉ่ำ เธอยิ้มกับ มณี ลูกสาววัยสี่ขวบที่นั่งดูแม่เลือกชุดให้ภายในร้านเสื้อผ้าเด็กที่สันทิญาเปิดขายมากว่าปีในย่านการค้าที่มีคนพลุกพล่าน แม้เป็นร้านเล็ก ๆ แต่ก็เป็นสถานที่อบอุ่นของสองแม่ลูกในเมืองใหญ่ หนูน้อยบุ้ยปากสีชมพูจิ้มลิ้ม ตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกายสุกใส เด็กหญิงดึงวิกผมออกเผยให้เห็นเรือนผมยาวประบ่าเป็นลอนสีน้ำตาลเหลือบแดงมะฮอกกะนีแตกต่างจากเด็กไทยทั่วไป ผิวขาวเหมือนหยวกบ่งบอกว่าหนูน้อยไม่ได้มีเชื้อชาติไทยแท้
“คูมแม่...ก็หนูอยากใส่ชุดนั้น”
มณีชี้นิ้วเล็กไปยังชุดซานตาคลอสที่พาดบนราว มันเป็นชุดกางเกงสีแดงประดับเฟอร์เทียม สันทิญาหันไปมองแล้วส่ายหน้า
“มินนี่เป็นเด็กหญิง จะใส่แบบกางเกงได้ยังไงคะ นี่แม่กำลังเลือกแบบกระโปรงให้”
“ทำไมจะไม่ได้คะ ในเมื่อซานตาเป็นผู้ชาย”
“แต่มินนี่เป็นเด็กหญิง ก็ต้องแต่งเป็นผู้หญิงซีคะ”
มณีน้อยกอดอกแล้วบุ้ยปากอีก “แต่คูมแม่เลือกชุดตั้งนานแล้ว จะถึงเวลาแล้วนิคะ”
“โอเค...ได้แล้วจ้า” ในที่สุดสันทิญาก็เลือกชุดซานตาแบบกระโปรงออกมาจนได้ เธอยื่นให้ลูกสาวที่ลุกขึ้นยืนแล้วเกาหัว
“มินนี่อยากใส่กุงเกง”
“ไม่ปฏิเสธนะลูก เพราะเราเหลือเวลาแค่ไม่ถึงสิบห้านาที ทุกอย่างโอเค...แม่โอเค”
“และมินนี่...ก็โอเค” เด็กหญิงรับชุดนั้นไปทั้งที่หน้าไม่ตาไม่สบายนัก หนูน้อยจัดแจงสวมชุดด้วยตัวเองถึงแม้จะทุลักทุเล เพราะมันเป็นสิ่งที่สันทิญาพยายามสอนลูกให้รู้จักช่วยตัวเองแม้มณีอายุแค่สี่ขวบ เธอมองลูกสาวที่พยายามสวมชุดซานตาสีแดงกระทั่งเมื่อเห็นว่ายังไม่เรียบร้อยก็เข้าไปช่วยจัดแต่งให้ นั่นเองทำให้มณียิ้มกว้าง เด็กหญิงช้อนแก้มแม่ด้วยอุ้งมือทั้งสองแล้วจูบบนหน้าผากของสันทิญาที่กำลังโน้มตัวลงไปหาแผ่วเบา หญิงสาวชะงักไปชั่วครู่ก่อนนั่งคุกเข่าและกอดลูกไว้แนบอก เธอกระซิบเสียงแผ่ว
“มินนี่ต้องเป็นเด็กดี ตั้งใจแสดงนะลูก”
“คูมแม่จะไปดูมินนี่แสดงมั้ยคะ?”
“ลูกไปก่อน เดี๋ยวแม่จะตามไป”
“สองแม่ลูกเรียบร้อยหรือยังจ๊ะ...อะไรเนี่ย...ยังกอดกันกลมเลยอ่ะ”
เสียงดังแทรกเข้ามาทำให้สองแม่ลูกหันไปมองหญิงสาวในเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ท่าทางทะมัดทะแมง
“เสร็จแล้วล่ะจ้ะลี ฉันต้องรบกวนเธอไปส่งมินนี่ที่โรงเรียนก่อน”
สันทิญากล่าวกับปราณลี สาวหน้าใสแต่ลักษณะท่าทางออกจะเป็นทอมบอยและเป็นเพื่อนสนิทของเธอที่เดินเข้ามา
“วันนี้น้าลีมารถอะไรคะ?” มณีถามทำให้คนถูกถามยิ้มแฉ่ง
“มอเตอร์ไซค์ค่ะ ก็น้าลีไม่มีรถเก๋งนี่คะ”
“เย้ๆๆๆ...มินนี่ชอบรถมอเตอร์ไซค์” เด็กหญิงปรบมือและเปลี่ยนอารมณ์เป็นหัวเราะร่าก่อนผละจากมารดาวิ่งไปหาปราณลีที่อ้าแขนรับ เธอเป็นเพื่อนสนิทของสันทิญาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม กระทั่งถึงวันนี้ก็ยังคงเป็นเพื่อนที่สนิทสนมให้การช่วยเหลือกันทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่ช่วยเลี้ยงดูลูกสาวของเพื่อนตั้งแต่แรกเกิด อยู่ใกล้ชิดมณีจนคนภายนอกคิดว่าหนูน้อยเป็นลูกสาวของเธอ ปราณลีเป็นครูสอนเด็กเล็กในโรงเรียนเอกชน มีนิสัยห้าวและที่สำคัญเธอไม่ชอบผู้ชายทั้งที่หน้าตาสะสวยเข้าขั้นนางแบบ
“ถ้างั้นเราไปกันเถอะจ้ะ เดี๋ยวน้าลีจะพามินนี่แว๊นไปโรงเรียนเองจ้า”
“มินนี่ไปคอยน้าลีที่รถนะคะ” มณีพูดจบก็รีบวิ่งผลาวออกไป ปราณลีหันมายิ้มกับสันทิญาที่ยืนมองลูกสาวด้วยความเอ็นดู
“มินนี่โตขึ้นมากเลยนะปัน มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองแก่ลงไปมากยังไงก็ไม่รู้”
“ลียังไม่แก่หรอก ปันต่างหากที่แก่มากเกินอายุ ลียังดูทะมัดทะแมง มีชีวิตชีวามากกว่าทิหลายเท่าเลยล่ะ”
ไม่มีใครรู้ว่า นันทินี เลขาของ เจตต์ มีงานอีกอย่างคือการเป็นนางบำเรอลับๆ ของเขา กระทั่งวันหนึ่งเธอไม่สามารถทำหน้าที่นั้นต่อไปได้เพราะนันทินีหลงรักท่านประธานสุดหล่อ เธอตัดสินใจลาออกแต่เขากลับไม่ยินยอม ก็ในเมื่อเธอจากไปพร้อมหอบลูกในท้องของเขาไปด้วย
เธอยอมทนให้เขาดูถูก เป็นแม่ของลูกให้สามีของพี่สาว จเด็จ - นภัทสรีย์ นภัทสรีย์ ยอมรับข้อเสนอมีลูกกับ จเด็จ สามีของ เพียงกมล พี่สาวต่างแม่ที่มีปัญหาสุขภาพไม่สามารถมีลูกได้และชีวิตอาจไม่ยืนยาว เพื่อตอบแทนบุญคุณที่เพียงกมลส่งเสียให้เธอเรียนจนจบ ทั้งที่ จเด็จไม่เห็นด้วยแต่แรกและแสดงท่าทีรังเกียจเพราะคิดว่า นภัทสรีย์อยากได้สามีของพี่สาว และยิ่งกว่านั้นคืออยากได้มรดก แต่แล้วเขาเองเผลอมีความสัมพันธ์กับนภัทสรีย์จนเธอตั้งท้อง แต่เพียงกมลกลับเสียชีวิตเสียก่อนน้องสาวคลอด เมื่อไม่มีพี่สาวแล้ว นภัทสรีย์ก็ตัดสินใจยอมจากไปทั้งที่อุ้มท้องแก่เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าเธอไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้น ทั้งทรัพย์สมบัติและที่ดินแม้จะรักสามีของพี่สาวที่รังเกียจเดียจฉันท์เธอ ไม่ต้องการเป็นแค่ เมียแทนรัก ถึงเวลานั้นจเด็จจึงรู้ใจตัวเองว่าเขารักเธอมากแค่ไหน และไม่สามารถปล่อยเมียกับลูกไปจากชีวิตของเขาได้
“มาเรียสจะไม่เป็นอะไร เขาจะไม่บาดเจ็บอาการสาหัสและต้องตายถ้าคนที่ขับรถพาเขาไปคืนนั้น ไม่ใช่คุณ!” เบน คริสเตียนเซน จะไม่ยอมสูญเสียน้องชายฝาแฝดของเขาไปโดยไม่ได้ลากตัวคนผิดมาลงโทษ เขาล่อหลอก พลอยพิชญา มายังสกรูวา แห่งหมู่เกาะโลโฟเตนเพื่อจองจำเธอไว้กับอเวจีชั่วนิรันดร์ในสวรรค์ของชาวไวกิ้ง เขาคือมัจจุราชที่จะลากเธอลงสู่ห้วงลึกที่สุดของมหาสมุทรแห่งความสิ้นหวัง ทว่าเธอกลับยินดีชดใช้ความผิดแม้แลกด้วยวิญญาณที่ถูกร้อยรัดจากความชิงชัง หากแต่พิศวาสเถื่อนนั้นคือการลงทัณฑ์หรือเสน่หาที่พันธนาการตัวเขาไว้จนดิ้นไม่หลุด
ภารกิจสำคัญของ อลินทิรา คาฮานา สายลับสาวลูกครึ่งไทย เวเนซูเอลา หรือที่รู้จักในองค์กรว่า ออลโซย่า คือการโจรกรรมข้อมูลสำคัญของธาตุชนิดใหม่ที่สามารถพัฒนาเป็นอาวุธ ซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงกว่านิวเคลียร์ สายลับแสนสวยมือหนึ่งได้ข้อมูลนั้นไป แต่เธอกลับต้องพบกับความจริงอันน่าพรั่นพรึงยิ่งกว่า เพราะเธอกำลังถูกตามล่า ไม่ใช่แค่องค์กรลับที่สั่งเธอมา แต่ยังมีเขา แดเนียล ไพรซ์ เทพบุตรผู้หล่อเหลาเกินใครในตระกูลขุนนางเก่าอันมั่งคั่ง มาเฟียผู้หยิ่งทะนงและเลือดเย็นเจ้าของข้อมูลลับที่ถูกโจรกรรม เขาควานหาตัว ออลโซย่า แทบพลิกแผ่นดิน แต่เมื่อได้ตัวเธอมา เขากลับ ฆ่า เธอด้วยเสน่หาและพิศวาสร้อนแรง
เมมนอน ราชองครักษ์หลวงแห่งฟาโรห์รามเสสมหาราช ผู้มีหัวใจรักมั่นคงต่อเจ้าฟ้าหญิงเนเฟอร์ติตี หากเมื่อถูกหักหลัง รักจึงกลายกลับ เป็นความเคียดแค้นชิงชังอย่างมิอาจเลี่ยง เนเฟอร์ติตี เจ้าฟ้าหญิงแห่งนครธีปส์ พระราชธิดาในฟาโรห์รามเสสและพระมเหสีเอกเนเฟอร์ตารี พระชนมายุ ๑๗ ชันษา หัวใจของนางมอบไว้แด่ราชองรักษ์หลวงเมมนอนผู้เดียวเท่านั้น “เมมนอน…เกิดอะไรขึ้น…ท่านบาดเจ็บ” “อย่ามาแสร้งว่าท่านเป็นห่วงเป็นใยข้าเจ้าหญิงเนเฟอร์ติตี !” เมมนอนคำรามลั่นพร้อมทั้งดึงข้อพระบาททั้งสองจนร่างทั้งร่างของเจ้าหญิงเซเข้าหาร่างสูงใหญ่ เนเฟอร์ติตีสั่นไปหมดด้วยไม่เคยเห็นชายหนุ่มโกรธมากขนาดนี้ หากดูเหมือนทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว เขาไม่สนใจแม้แต่น้ำพระเนตรของเจ้าหญิงซึ่งเคยเป็นที่รัก มีแต่จะเดือดดาลและบีบข้อพระหัตถ์แรงขึ้น “เมมนอน…. ท่านเป็นอะไรไป ข้าเจ็บ!” “เนเฟอร์ติตี…ท่านคงรู้เห็นกับรามเสสส่งคนไปกำจัดข้าในการเดินทางครั้งนี้ แสร้งทำดีให้ข้าไปอาบูซิมเบลแล้วตลบหลังด้วยการส่งนักฆ่าขึ้นไปบนเรือหลวง เท่านั้นไม่พอ พวกท่านอำมหิตนักแม้แต่ทหารที่ไปกับข้าก็ไม้ละเว้นชีวิตเพื่อให้ใครๆเข้าใจว่านี่เป็นการปล้นสะดมต์ บอกข้าสิเนเฟอร์ติตี…บอกข้าว่าหัวใจของท่านทำด้วยอะไรถึงได้โหดร้ายยิ่งกว่าอนูบิส!” “หยุดปรักปรำข้าเดี่ยวนี้! ข้าไม่รู้ไม่เห็นสิ่งใดที่ท่านกล่าวมา ท่านน่าจะรู้ว่าข้ามิเคยคิดจะทำอะไรเช่นนั้น” เสียงนางอ่อนลงในตอนท้ายราวจะบอกให้รู้ว่าความอาลัยนั้นยังติดลึกในใจมากเหลือเกิน หากสำหรับราชองครักษ์หนุ่มกลับคิดตรงกันข้าม เนเฟอร์ติตีก็เหมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษ นางแสร้งทำให้เขาสงสารเพื่อคิดจะพล่าผลาญวิญญานของเขาในภายหลัง “ข้าเคยหลงเชื่อพวกท่าน ยอมมอบชีวิตและความภักดีแก่องค์สมมติเทพแห่งอมุน-รา เป็นนายทหารที่ยอมตายแทนองค์เหนือหัวได้ทุกเวลา... และสำหรับท่าน ข้าก็ได้มอบความรักอย่างชายคนหนึ่งที่พึงรักหญิงเดียวอย่างสุดหัวใจ หากแต่สิ่งที่ข้าได้กลับคืนก็แค่คำลวงและความทรยศหักหลัง ท่านจงรู้ไว้ว่าข้าหมดสิ้นแล้วซึ่งความไว้วางใจ ระหว่างท่านกับข้าให้มันเหมือนสายน้ำไนล์ที่ไหลไปไม่มีวันหวนคืน!”
แม่ทัพเฉิงจิ้นเหอ หนึ่งในแม่ทัพผู้เยี่ยมยุทธถูกส่งตัวมายังดินแดนลับเร้นเพื่อกวาดล้างอำนาจของเหล่ามาร และหนึ่งในเหตุผลที่เขาต้องมาที่นี่ก็เพื่อตามล่า นางมารหมื่นบุปผา ผู้ซึ่งปลิดชีวิตคู่หมายของเขาโดยไร้ความปราณี หากแต่เมื่อเฉินจิ้นเหอได้พบนาง โลกอันเปล่าร้างนั้นเสมือนกลับมาเบ่งบานในหัวใจ ของจอมยุทธผู้ไร้รัก
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย